[RIDE NOW] พาเพี้ยนไปติดเกาะ Noting is paradise by CT400
มาวันนี้ไม่ได้รีวิวรถคันนี้(เพราะเล่าไปแล้ว) แต่เป็นการพาเที่ยวด้วยเจ้า CT400 ในระหว่างที่รับฝากเจ้าคันนี้มาวิ่งเพื่อทดสอบหาจุดบกพร่องบางประการเพื่อนำไปแก้ไขให้ตัวรถมีความสมบูรณ์มากขึ้น (เจ้าของรถบอกเอาไปวิ่งไกลๆเยอะๆเลยนะ ไมล์ตอนรับรถออกมาประมาณสี่ร้อยกว่าเอง)
จะวิ่งวนไปวนมาในบางกอกก็น่าเบื่อตายชัก ไหนๆต้องวิ่งให้ได้ระยะทางประมาณหนึ่ง ก็พาวิ่งยาวสักนิด ไปหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวมาแชร์กันเสียเลย (พูดง่ายๆคือหาเรื่องเที่ยวนั่นเอง)
อ่อ คันนี้เป็นคนละคันกับกระทู้ก่อนเน้อ
สืบเนื่องมาจากการFeed จึงพบสถานที่แห่งหนึ่ง…บนเกาะๆหนึ่งในทะเลระนอง
และจากความตั้งใจที่จะหารถสไตล์คลาสสิคไปหาโลเคชั่นเหมาะๆในเมืองเก่าๆที่ตรงกับยุคสมัยของตัวรถ อ๊ะ…วิ่งเลยระนองไปอีกหน่อยก็มีตลาดเก่าที่ตะกั่วป่า
เส้นทางของทริปนี้…จึงลงตัวพอดี
เกริ่นที่ไปที่มาแล้วก็…ตามมาครับ
กว่าจะออกจากบ้านที่มีนบุรี ก็ปาไปเกือบๆเก้าโมงเช้า หวดออกทะลุบางกอกไปออกพระรามสอง ลากต่อไปอีกหน่อยถึงแถวๆปรานบุรี ก็ครบระยะพันกิโลเมตรแรกพอดี เพื่อความปลอดภัยและความสบายใจ…แวะถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะเสียหน่อย ตาเหลือบเห็นปั้มตราหอย เลยแวะลองน้ำมันเครื่องตัวท๊อปสักหน่อย
คันนี้เวลาถ่ายน้ำมันเครื่องเนี่ย ต้องถ่ายสองจุดนะจ๊ะ เริ่มจากจุดแรกที่ดรายซัมพ์ก่อนละกัน
จากนั้นก็มุดไปแคร้งค์ล่างซ้ายของเครื่องอีกจุด
ถอดกรองอากาศมาดูสักหน่อย สภาพโอเค (ลูกใหญ่ดีวุ้ย)
พบอาการซึมของน้ำมันเครื่องออกมานิดหน่อยแต่ซึมแบบแห้งๆไม่ถึงกับเยิ้มทะลักออกมา ลองไล่ดูว่าซึมจากตรงไหน ก็ไปเจอะที่น๊อตแถวๆด้านบนของวาวล์ไอดี(ตอนแรกก็นึกว่าฝาบน ไม่ใช่แห๊ะ) จัดการย้ำน๊อตซะนิดนึง…แล้วตลอดทริปก็ไม่พบอาการซึมอีกเลย
อ่อ ยัดเจ้านี่ให้นะ ลองวิ่งแล้วใช้ได้เลย สมราคาอยู่
ข้อดีคือโปรโมชั่นช่วงนี้แถมประกันอุบัติเหตุให้10วันด้วยนะเออ
ขี่มาสักพัก เลยปรานบุรีไปสักสิบโล …ฉ่ำสิครับ
ระยะทางยังอีกไกล…ไม่อยากไปถึงระนองตอนมืด ว่าแล้วก็ใส่ชุดกันฝนลุยไปสักพัก ฝนก็มาแห้งแถวบางสะพาน จอดถอดชุดกันฝนออกสิฮะ ไม่งั้นเป็นลมตายแน่ๆ
ทีแรก…กะไว้ว่าจะไปหวดมื้อเที่ยงแถวๆอ่าวประจวบ แต่เลี้ยวเข้าไปนิดนึงเห็นป้ายเมืองสามอ่าวบนเขากระจกแล้วอารมณ์หดยังไงไม่รู้ เลยลากสังขารมาแถวๆห้วยยาง มองหาร้านข้างทางมาได้ฝากพุงเอาร้านนี้ จัดเมนูสิ้นคิดมาแจมกับต้มเลือดหมู รสชาติโอเค ซุปคล่องคอ ผ่านทางนี้แวะได้นะ
คุณพี่ที่เป็นทั้งเจ้าของร้านและแม่ครัวไปในตัวก็ดีดรีนางงามเก่าเลยนะ…แหม่ ถ้าพระอาจารย์จาริกมาทริปนี้ด้วยล่ะก็นะ…อิอิ
ร้านอยู่ตีนสะพานลอยนี้นะจ๊ะ
จากนั้นก็ลากยาวมาเรื่อยๆครับ ถึงจุดนี้ก็ต้องเลือกละว่าจะไปไข่เค็มหรือซาลาเป่า
อ่อ สะพานนี้ขึ้นได้นะจ๊ะ ไม่มีลูกเสืออยู่ตีนสะพานขาลงจ้า
ขึ้นสะพานแล้วก็เบี่ยงขวา ก็จะเป็นถนนที่มีโค้งหลากหลาย แต่น่าเสียดายตั้งแต่ช่วงต้นๆไปถึงละอุ่น มีการทำถนนเป็นช่วงๆเลยต้องโขยกกันเล็กน้อย แต่คาดว่าเมื่อทำเสร็จแล้ว…เวลาวิ่งลงภูเก็ตเนี่ย อ้อมมาทางนี้ก็สวยดีนะ
ช่วงนี้อันดามันไม่ค่อยมีปลา พวกก็แบบนี้เลยไม่ต้องแล่นเรืออ้อมช่องแคบมะละกาให้เปลืองเวลา
โค้งสวยๆเพลินๆเพียบ
ริมน้ำที่ละอุ่น…ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่น่าค้นหา ถ้ามีโอกาสจะมาเก็บรายละเอียดแถวนี้อีกสักรอบ
ขี่ๆมา…นึกขึ้นได้ว่าลืมโทรจองที่พักกับจองเรือที่จะข้ามไปที่เกาะ เลยแวะจอดโทรศัพท์แถวๆน้ำตกปุญยบาล น้ำแรงอย่างกับเยี่ยวเด็ก
แวะกระดกน้ำตาลอัดลมสักขวด พี่เจ้าของร้านก็ใจดีถามว่าคืนนี้นอนไหน ไปนอนบ้านพี่ไหม [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มาถึงระนอง….ก็มาจอดรอตรงนี้เพราะนัดเพื่อนมารับ
คืนนี้สบายล่ะ นอนบ้านเพื่อนซะเลย อิอิ
คืนนี้นอนคนเดียว ก็นอนมันห้องรับแขกข้างล่างนี่แหละ สบายใจ (เพื่อนไปนอนอีกบ้าน)
วาสนายาจก มีเสี่ยมาคบเป็นเพื่อน ไอ่เพื่อนเสี่ยคนนี้รู้จักกันแบบแปลกๆ หลายปีก่อนหลงไปเล่นทราเวียน เกิดตรงไหนไม่เกิด มาเกิดข้างๆเมืองอีตานี่ เลยกลายเป็นเพื่อนกันเสียเลย เล่นกันไปเล่นกันมากลายเป็นกิลด์ที่ชนะเซิร์ฟนั้นรอบนั้นไปซะงั้น (เป็นเกมที่ไม่มีกราฟฟิก..แต่ทรมาณสังขารมาก ดาบแดงมาเป็นแสนงี้ แมวหลอกงี้) ว่าแล้วเพื่อนก็พาไปเลี้ยงข้าวต้ม ร้านนี้ก็โอเค ให้ผ่านนนนนน น้ำมันฟรี แล้วยังมีเพื่อนให้นอนฟรีแถมยังเลี้ยงข้าวอีก เอ็งมันหัวหน้าพรรคยาจกแท้ๆอิโอมเอ้ยยยยยย
ยำกระพรุนน้ำมันงา อันนี้แซ่บมาก
แขนงหมูกรอบ หัวใหญ่ไปหน่อย แต่รสชาติจัดจ้าน ให้ผ่าน
ต้มยำนี่ก็แซ่บอีหลี
ผัดหนำเลี๊ยบนี่แนะนำเลย นัวมาก
เดี๋ยวๆอิโอม ไหนเอ็งบอกจะพาไปเที่ยวเกาะ ทำไมยังวนเวียนอยู่กับของกินวะเฮ้ย!!!
อิ่มหนำแล้ว ก็ปรึกษากันว่าจะไปไหนต่อ คุณเพื่อนบอกว่าจะพาไปดูประภาคารสวยๆ…
ขับรถมาตั้งสิบกว่าโลมาที่ท่าเรือที่จะข้ามไปคาสิโนฝั่งเมียนมาร์…จ๊ะ มืดสนิท เขาปิดไฟแล้ว ๕๕๕ หัวคิวนี่ลั่นดังแป่ก!!เลยฮะ ๕๕
เอามาเอาไป…แฟนของคุณเพื่อนจะเอากระโปรงไปเปลี่ยนที่งานกาชาด เลยไถลไปเดินย่อยมื้อเย็นเสียหน่อย (ยัง!!!เมิงยังไม่ถึงเกาะอีกนะ)
ทั้งงานนี่เพื่อนบ้านเราประมาณร้อยละแปดสิบฮะ
คุณเพื่อนก็ใจบุญตั้งใจมาลุยบ่อนี้โดยเฉพาะ
ไอ่ผมก็ไม่ค่อยมีอัฐ ไอ่คุณเพื่อนก็ยัดคูปองใส่มือมาร้อยนึง…ผลน่ะเหรอ….
ป่ะๆ ไปเกาะกันสักที เช้ามาคุณเพื่อนก็มารับไปส่งท่าเรือไปเกาะพยาม (ลำบากเพื่อนจริงๆนะโอมมี่)
เช้านี้ใช้บริการสปีดโบ๊ทของเจ้านี้จ้า
แวะซื้อเสบียงนิดหน่อย
อะ จะไปเที่ยวเกาะพยาม เกาะช้าง ดูตารางเวลาเรือไป-กลับตามนี้เลยจ้า
รอขึ้นเรือกันแบบบ้านๆนี่แหละ (แต่ใกล้ๆก็มีร้านอาหารให้ไปนั่งรอได้นะ)
ลูกค้ารีสอร์ทดังก็มีที่รอต่างหากไป
ป่ะ ขึ้นเรือ เอ้ยยย ลงเรือสิ ค่าเรือเที่ยวละ 350บาท/คน นะ แพงไปหน่อยแต่ก็ไวดี (ถ้าเป็นเรือเมลล์นี่ก็นะ หวานเย็นเกิ๊นนนน)
ช่วงเช้าน้ำลด ก็จะเห็นเป็นเลนเพียบแบบนี้แหละจ้า
มุ่งหน้าสู่แกรนด์ไลน์!!
เรือแล่นมาได้เพียงครึ่งชั่วโมง เราก็มีถึงอ่าวเล็กของเกาะช้างกันแล้ว (ถ้าเป็นเรือเมลล์นี่มีสามชั่วโมงอะ)
นั่นไง เรือของ Green Banana Pirate House มารอแล้ว
ย้ายพุงไปลงเรือเล็กแล้วค่อยลากเข้าฝั่งอีกที
อะ พามาถึงเกาะแล้วนะ ติดเกาะไปสักแปบเดี๋ยวสายๆมาต่อนะจ๊ะวัยรุ่น
มาต่อกันๆ พื้นที่พักผ่อนส่วนกลาง หลังใหญ่จะมีสองชั้น
ข้างๆมีร้านน้ำปั่นด้วย
ปั่นด้วยพลังแสงอาทิตย์
มีลูกสมุนตัวด่างมากมาย
หน้าหาดของที่พัก ด้านซ้ายสุดมีเพิงเล็กๆให้กางเตนท์ได้…ค่ากางเตนท์ถามว่าเท่าไร ที่นี่บอกแล้วแต่จะให้!!!โว๊ะ!!
แบบสองชั้นติดหาด…ได้อารมณ์โจรสลัดดีแท้
เด็กตัวด่างที่นี่ก็ร่าเริงดี
หาดทรายของที่นี่ ทรายไม่ได้ขาวจั้วอะไรมาก ออกจะเป็นทรายแร่ด้วยซ้ำ แต่ก็สะอาดนะ เดินเล่นสุดหาดไม่เจอขยะเลย
นอนไกวเปลเล่นก็เพลินดี อากาศที่นี่ตอนกลางวันไม่ร้อนนะ ลมทะเลที่นี่ก็ไม่เหนียวตัวด้วย
พอเห็นเปลตาก็เริ่มจะปรือ ขึ้นไปที่บ้านพักดีกว่า…จริงๆเรียกกระต๊อบเหมาะกว่านะ ๕๕
หลังนี้จ้าาาาา คืนละสามร้อยเน้อ
เปิดเข้ามา โช๊ะ!! ง่ายๆ ที่นอน หมอน ผ้าห่ม มุ้ง แค่นั้นแหละ แค่นั้นจริงๆ ผนังระบายอากาศด้วยนะ ๕๕๕
มาดูห้องน้ำ มีฝักบัวให้
ส้วมทรงชักโครกแต่ไม่มีแทงค์ให้กดฟลัช ก็ตักราดเอาจ้า
แน่นอนว่าโอเพ่นแอร์
เจ้าถิ่นมาเรียกค่าคุ้มครอง
เห็นฟูกเห็นหมอนแล้วตาลาย ล้มตัวลงกลิ้งไปกลิ้งมา อากาศเย็นสบายดีจริงๆ ไม่ต้องพึ่งพัดลมเลยนะ นอนเปิดประตูหน้าต่างไว้แบบนั้นแหละ มันส่วนตัวมากๆไม่มีใครมายุ่งหรอก (กลัวแต่พี่ที่ตัวยาวๆแต่ไม่มีตีนแค่นั้นแหละ)
เพี้ยนนั่งรับลมทะเลสบายๆเลย เลยต้นไม้ข้างหน้านั่นไปนิดเดียวก็ทะเลแล้วล่ะ
จากนั้นก็ควักนิยายที่หนีบมาด้วยมานอนอ่าน….แล้วก็เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ๕๕๕ มาตื่นเอาอีกทีก็บ่ายสามละ
เดินลงมาชิลๆกับบรรยากาศยามเย็นของที่นี่กันดีกว่า
ก็ว่าเป็ดมายังไง อ่อ เล้าเขาอยู่นี่เอง
ใต้ร่มหูกวาง
มีแขกกลับเรือเมลล์เที่ยวสุดท้าย ที่นี่ก็พาขึ้นเรือเล็กเพื่อออกไปจอดลอยลำรอเรือเมลล์ที่ออกมาจากเกาะพยาม (แต่ถ้าสปีดโบ๊ทจะให้เข้ามารับส่งที่หน้าหาดอ่าวเล็กได้เลย)
ขึ้นเรือเล็กไปทีละสองคน เพื่อไปขึ้นเรือมอแกนที่จะออกไปรอเรือเมลล์อีกที
มานั่งหลบร่มรอตะวันตกดิน
จัดกระเพราปลาหมึกมาหนึ่งจาน รสชาติเยี่ยม!!
ด่างน้อยมาเป็นแขก(ดอย)
มีชิงช้าให้เล่นด้วยนะ
ทรายที่นี่ก็อย่างที่บอก ไม่ใช่ทรายขาวๆแต่สะอาดใช้ได้
พอพระอาทิตย์ใกล้ตกก็ไปคลุกทรายเล่นที่หาด ลูกสมุนตัวด่างตามมาเล่นด้วย
ดมๆ
จะลากไปแหลกแล้วววว
มานั่งรอคาบเล่น ถ้าปล่อยไว้นี่อิเพี้ยนกระจุยแน่นอน ๕๕
โดยสรุป ประเด็นคือหน้าหาดของที่นี่ชมพระอาทิตย์ตกได้เลยจ้า
ถ้าข้าวใหม่ปลามันมานี่นะ …คืนนี้เหนื่อยแน่ๆ อิอิ
หลังจากนั้นก็ไปนอนลอยตัวแช่น้ำทะเลจนฟ้ามืดก็ขึ้นมา แล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมานอนไกวเปลนอนฟังเพลงเร้กเก้ชิลๆต่อ โคตรเพลินเลยล่ะคุณ
อ่อ ที่นี่กลางวันไม่มีไฟฟ้านะฮะ เตรียมเพาเวอร์แบงค์มาให้พอล่ะ ส่วนกลางคืนเปิดไฟตั้งแต่18:00-23:00 จ้า
ไวไฟไม่มี แต่มี 4G ของทุยแบบเต็มเกจน์!!
สักพักใหญ่ๆกองไฟก็ลุกโชนนนนนน
เพลินดีนะ
อู้ยยยย ไฟลุก!!
เชื่อสิว่านั่งเฝ้ากองไฟเนี่ยมันเพลินๆจริมๆนะพวกนาย
คืนนั้นผ่านไปอย่างเชื่องช้า ขึ้นบ้านเปิดหน้าต่างเปิดประตูนอนแบบไม่ต้องกางมุ้ง อากาศกำลังดีเลย ยุงไม่มีสักกะตัว
นอนๆหลับไปประมาณตีสี่ สะดุ้งตื่น…อะไรนุ่มๆมาแถวๆติงว๊าาาา เรือหายแล้วไง โดนดีแล้วป่ะว๊าาาาา โดนเจ้าที่เล่นแล้วไหมล่ะตรู…
แข็งใจเปิดไฟส่องไปที่ปลายติง…อ่อ ท่านเจ้าถิ่นมาอารักขาให้ วุ้ยยยยย อิแมวบ๊อง หัวใจจะวาย
รอบค่ำมาแล้วจ้า กินถั่วไหม ^^
ตื่น…สาย ครับ ไม่ทันเรือเมลล์เที่ยว 9:00 น. (ว่าจะเปลี่ยนบรรยากาศสักหน่อย) เลยนดสปีดโบ๊ทมารับตอนห้าโมงเช้าแทน
รอเรือต้องรอด้วยท้องครับ จัดไปอีกจาน
วิวของมื้อสายวันนั้น
เดินเล่นถ่ายรูปอีกหน่อย
ขึ้นมานอนเล่นข้างบนอีกงีบ
ได้เวลาต้องกลับแล้วครับ สปีดโบ๊ทกำลังจะมา เราต้องขึ้นเรือเล็กออกจากฝั่งไปรอกลางทะเล
บ๊ายบายยยยยย
มาถึงตรงนี้ ผมก็คงต้องเล่าความหมายของหัวกระทู้ว่า ทำไมถึงเป็น Noting is paradise….
เรื่องนี้ก็เป็นปัจเจกอย่างหนึ่ง คือคิดต่างกันได้ สำหรับผม ที่พักติดทะเลที่สงบ ไม่มีถนนเข้าถึง ไม่มีความจอแจ ไม่ต้องมีกิจกรรมอะไรเยอะแยะ ไม่ต้องไปดำน้ำ ไปต้องไปตกหมึก ไม่ต้องไปดูควงไฟ กลางวันก็มีแต่เสียงลมกับคลื่นไฟฟ้าก็ไม่มี กลางคืนก็มีเร้กเก้เบาๆกับวงสนทนาตามอัธยาศัย หรืออยากจะนอนไกวเปลตามลำพังก็ไม่มีใครมาวุ่นวายอะไร อากาศสบายสดชื่นโดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศ สิ่งปลูกสร้างก็เน้นความกลมกลืนกับธรรมชาติ การตบแต่งต่างๆก็เรียบง่ายและเกลื่อนกลืนไปกับสิ่งแวดล้อม…พูดง่ายๆคือถ้าเทียบกับแหล่งท่องเที่ยวริมทะเลยอดนิยมหลายๆแห่งแล้วล่ะก็ ที่นี่ถือว่าไม่มีอะไรเลยก็ว่าได้ แขกที่มาเที่ยวที่นี่เท่าที่ดูก็มองเห็นอะไรคล้ายกัน มีความสุขกับสิ่งที่เรียบง่าย เช่นกัน…สำหรับผม ในบางจังหวะชีวิต ความเรียบง่ายนี่แหละสวยงามที่สุด Noting is paradise
อ่อ ค่าที่พักผมว่าสมเหตุสมผลนะ ถึงจะเป็นแบบที่เห็นในภาพก็เถอะ ผมพอใจที่มันเป็นของมันแบบนั้น (สะดวกกว่านี้อาจจะไม่ประทับใจก็ได้)
ค่าอาหารตีไปมื้อละร้อยต่อคน จัดว่าสมราคาบนเกาะที่ไม่มีอะไรเลยแบบนี้ แต่จะแบกอะไรมากินเองก็แล้วแต่ ที่พักเขาไม่ได้ว่าอะไร (ผมยังหิ้วเบียร์มาฝากแช่ในลังน้ำแข็งตั้งหลายกระป๋อง) เอาจริงๆผมว่ารายได้ที่ทำให้ที่นี่อยู่ได้ก็คือค่าอาหารนี่แหละ อะไรพอจะจ่ายได้ก็จ่ายไปเห๊อะ
ถามว่าอยากมาอีกไหม…แน่นอน ครั้งต่อไปอยากมานอนสักสามคืนด้วยซ้ำไป
สปีดโบ๊ทมารับแว้วววว
เอ้า โดดสิจ๊ะ ไม่ต้องกลัวหล่นนะ พี่ๆคนเรือเขาใจดีรอรับลงเรืออยู่แล้ว
ใครที่เจอหน้าผมมาหลายๆปี จะเห็นว่าหน้าดำตัวดำเป็นหมีหนักขึ้นทุกปี ไม่แปลกหรอก ผมชอบชีวิตกลางแจ้ง เวลาไปเที่ยวนี่ยิ่งชอบบบ
เอ๊ะ นั่นอะไร
อ่อ เรือเมลล์ไปเกาะพยามนี่เอง…หน้าตาแบบนี้แหละจ้า ปกติก็แล่นกันสามชั่วโมงได้มั้ง
กลับมาขึ้นฝั่งระนอง คุณเพื่อนสปอร์ต ใจดี หน้าตี๋ มีแพปลา ก็มารับไปเอารถที่จอดไว้ออฟฟิศเพื่อน แถมยังเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวอิโอมอีกมื้อหนึ่ง โอววว นี่ถ้าแกเป็นผู้หญิงนี่ตรูตบจูบๆไปแล้วววว
ร่ำลาจากเกลอแก้ว ขี่ออกมาจากตัวเมืองมุ่งลงใต้ตามถนนหมายเลข ๔ แค่สิบกิโลเมตรก็ถึงแลนด์มาร์คสำคัญอีกแห่งของจังหวัดระนอง..เสียดายมาตอนแดดเปรี้ยงๆ อยากได้แดดตอนเย็นมาย้อมให้ภูเขาเป็นสีทอง…จะฟินไม่น้อย
ขี่กินลมมาเรื่อยๆ ไม่เน้นทำความเร็ว เน้นเสพวิวข้างทาง เจอเบอร์ตองเลยแวะสักหน่อย
และแล้วก็มาถึงปลายทางที่ตั้งใจไว้ของทริปนี้ ตลาดเก่า ตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ถ้าจะหาถนนที่วินเทจแบบเงียบๆ ที่นี่เป็นอีกที่ๆเหมาะมาก
อาคารเก่าๆตั้งแต่สมัยแร่ดีบุกรุ่งเรือง…ชาวตลาดเก่ายังคงเก็บรักษาไว้อย่างดี
ความสะอาดของเมืองนี้ ยกนิ้วให้เลยล่ะ
ภาพฝาผนังภาพอดีตในวันวาน
ช่างน่าขบคิด ว่าถ้าย่านนี้อยู่ในเมืองใหญ่สักหน่อย จะมีชีวิตชีวาอย่างไหน หรือจะเปลี่ยนไปเพียงไร
วันนั้นเป็นวันธรรมดา ก็มีอาเฮียอาแปะมานั่งหน้าบ้าน…ดูแล้ว หากหมดคนรุ่นนี้ไปแล้ว แถบนี้จะเป็นอย่างไร
อยากกลับมาทีนี่อีกสักครั้งในวันอาทิตย์ เพราะจะมีถนนวัฒธรรม อยากเห็นความเคลื่อนไหวของผู้คนบนถนนแห่งนี้อีกสักครั้ง
แลนมาร์คอีกแห่งของที่นี่ สะพานที่ทำจากเหล็กของเรือขุดแร่ที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ปัจจุบันยังคงใช้งานเป็นสะพานให้ผู้คนข้ามไปมาได้อยู่
ตอนแรกก็ตั้งใจไว้ว่าจะลองหาโรงแรมเก่าๆในตัวเมืองตลาดเก่านอนสักคืน…สอบถามได้ความว่าปิดกิจการกันไปหมดแล้ว น่าเสียดาย
ถามชาวบ้านหลายคน แนะนำโรงแรมExtra ที่ย่านยาว (ขี่รถไปอีกประมาณสิบกิโลเมตร) พอขี่ไปดู…แหม่ มีราคาห้องตึกใหม่ ราคาห้องตึกเก่า มองไปฝั่งตรงข้ามก็นะ…วัดย่านยาว
หาที่นอนใหม่ ได้ที่นี่ฮะ อยู่หน้าตลาดเลย (ไม่อดแน่) คืนละ 450 บาท โอเค ใช้ได้อยู่
เอาของแล้วก็รื้อซะกระจุย ๕๕๕ รกเนอะ
มาเดินตลาดเล่น อืมมมมมม อยากกินมะม่วงขึ้นมาเลย ๕๕
สรุปสุดท้ายได้สามเมนู เมนูแรก ข้าวขาหมูพิเศษไข่ไส้ เห็นเป็นรถพ่วงข้างแบบนี้ ความอร่อยให้ 8/10 เลยนะ
จัดหมึกย่างไปอีกหลายตัว
น้ำอ้อยอีกขวด
นั่งกินในห้องนี่แหละ ออกไปแรดมันเปลืองงงงง
ตื่นเช้ามาอีกวัน ก่อนกลับขอแวะไปที่ตลาดเก่าอีกที หาของท้องถิ่นชิมสักหน่อย
ออกจากตลาดเก่า ก็เลี้ยวขวาไปตามถนนหมายเลข401
มาได้สักยี่สิบกิโลเมตร ก็เจอะแลนมาร์คอีกแล้ว ถนนอุโมงค์ต้นไม้จ้า
เลยมาอีกหน่อย จะมีปางช้างหลายแห่งไว้บริการนักท่องเที่ยว เช้าๆแบบนี้ควาญเพิ่งพาช้างกลับจากหากินในป่าเพื่อเตรียมตัวทำงาน
บอกเลยว่าถนนเส้นนี้เป็นอีกเส้นที่มีวิวสวยๆเยอะเลย เลยไปแบบไม่ต้องรีบ ค่อยๆเสพวิวไปเรื่อยๆ
ไปเรื่อยๆจนถึงปากทางเข้าเขื่อนเชี่ยวหลาน ว่าแล้วก็แวะสักหน่อยละกัน
จากนั้นก็ขี่มาเรื่อยๆไม่ได้หมดปลอกออกแรงอะไรมาก เหนื่อยก็แวะดื่มน้ำ (อย่าปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำเด็ดขาด) หิวก็แวะกินข้างทางแบบง่ายๆ บ่ายๆเย็นๆก็มาถึงที่นี่
บ้านพักของที่นี่ก็น่าสนใจ
ที่กางเตนท์ก็เข้าท่า
แยกส่วนจอดรถกับส่วนกางเตนท์ไม่ให้รถลงไปถึงที่กางเตนท์ได้ ปัญหานักฟังเพลง(จากเครื่องเสียงรถ)ก็จะทุเลาไป
ร้านอาหารสวัสดิการก็บริการ
ที่เริ่ดมีมีที่สำหรับรถบ้านด้วยนะ
มีตู้ไฟให้เสียบปลั้กได้เลย ดีจริงๆ
ก่อนกลับบ้าน ก็แวะชิลๆที่อ่าวประจวบจนกระทั่งมืดนั่นแหละถึงเผ่น(ยุงรุม)
ระยะทางของทริปนี้ เอา 800ไปลบเลยจ้า
จบแล้วคร้าบ ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบนะครับ
บทความโดย สมัญตาชีวบุตร_omega_13