-=:+:[RIDE NOW] Riding Ducati Monster1200 with Ducati Vibhavadi :+:=-
มาจะกล่าวบทไป….
กระทู้นี้ เป็นกระทู้ที่ได้รับการสนับสนุนให้ใช้ Ducati Monster1200 ขี่ร่วมไปกับทริปของ Ducati Vibhavadi ที่พาลูกค้าไปชมการแข่ง WSBK ที่สนามช้าง ดังนั้นจึงเป็นกระทู้ที่ได้รับการสนับสนุนสินค้าและบริการจากผู้ประกอบการ แต่ก็ตามนโยบายเดิมในการทำงานของทีมเรา คือดีเสียเราจะเล่าหมด และยืนยันอีกครั้งหลังจากจบทริป ผมก็แจ้ง Ducati Vibhavadi ว่าผมยินดีจะให้เกียรติด้วยการเล่าไปตามจริง…Ducati Vibhavadi ก็ใจเหมือนกัน ก็บอกว่าเล่าไปได้เลยครับ มีอะไรเราจะได้ปรับปรุงด้วย
อ่อ นอกจากได้รถให้ยืมขี่ ได้ร่วมทริปไปกิน ไปนอน ไปเที่ยวโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ผมและทีมก็ไม่ได้รับอามิสสินจ้างหรือผลประโยชน์ใดๆเพิ่มเติมนะจ๊ะ
เนื่องจากทริปนี้ ผมต้องการไปโดยที่ไม่ให้ลูกค้าท่านอื่นที่ร่วมทริปทราบว่าผมเป็นใครไปยังไงมายังไง ผมจึงทำตัวทุกอย่างประหนึ่งลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าท่านอื่นไม่รู้สึกว่าผมแปลกแยกและให้มีปฏิสัมพันธ์กันประหนึ่งลูกค้าเหมือนกัน ร่วมเดินทางตามกำหนดการณ์ทั้งหมด ไม่มีแยก ไม่แตกแถว ดังนั้น จึงมีข้อจำกัดที่ไม่สามารถไปถ่ายภาพเองได้เต็มๆเหมือนหลายกระทู้ที่นำเสนอก่อนหน้านี้ ผมจึงได้ขออนุญาตและได้รับอนุญาตให้ใช้ภาพในกระทู้บางส่วนที่เป็นภาพถ่ายของDucati Vibhavadi ในการนำเสนอ ภาพอีกส่วนก็จะใช้มือถือถ่ายเองไปตามมีตามเกิด
กระทู้นี้ ส่วนใหญ่จะเป็นบันทึกบรรยายกาศเรื่องราวของการเดินทางร่วมทริปกับลูกค้าของ Ducati Vibhavadi ส่วนเรื่องสมถนะของ Ducati Monster1200 นั้น จะขอกล่าวถึงเพียงเล็กน้อยในท้ายกระทู้เท่านั้น เนื่องจากไปเป็นขบวนและรักษาความเร็วตามรูปขบวน จึงยังไม่ได้ลองดึงอะไรหลายๆอย่างของรถออกมา
ยาวจริงๆยังไม่เข้าเนื้อหาสักที เอายังอะ๕๕๕
เช้าวันเสาร์ที่ 21 มีนา…ผมไปถึงที่ศูนย์ประมาณหกโมงหน่อยๆ (นัดลงทะเบียนหกโมงครึ่ง) ไปถึงก็ลงทะเบียนเลยจ้า
หนึ่งในไอเทมจำเป็นที่ได้รับแจก บัตรสำหรับแขวนเพื่อเข้าไปใน Ducati Fan Zone และ Ducati Grand Stand
จากนั้น เข้าไปด้านในโชว์รูม ก็จะมีพนักงานคอยต้อนรับ และมีมื้อเช้าให้ประทังชีพด้วย
ระหว่างรอ ผมก็ส่งมิตรภาพไปรอบๆ ก็ได้มาสามท่านที่ผมเลือกมาเพื่อเป็นตัวแทนลูกค้าที่ผมได้แนะนำตัวหลังจากเกือบๆจบทริปว่าผมเป็นใครมาทำอะไร และขออนุญาตเล่าถึงสามคนนี้และนำรูปภาพมาลงในกระทู้นี้ ซึ่งทั้งสามท่านก็ยินดี ส่วนลูกค้าท่านอื่นๆผมก็ได้คุยบ้างนิดหน่อย แต่เอาเป็นว่าคุยกับสามคนนี้เยอะหน่อย เอาง่ายๆ มาทักกันเรื่องหมวกก่อนไง ใช่ Shark เหมือนกัน ว๊ะฮ่าฮ่า
พี่ทูน พี่ชายใจดีขี่Hyper ขี่คนเดียว แต่มีครอบครัวขับรถตามมาร่วมกิจกรรมด้วยนะเออ น่ารักมากกกกกกกกกกก
คุณชายกับคุณมุก ร่วมทริปนี้ด้วย 796 คู่นี้มุ้งมิ้งกันตลอด
หลังจากลูกค้ามากันครบ ทีมมาร์แชลของ Ducati Vibhavadi ก็มาแนะนำตัว และแนะนำการเดินทาง แนะนำทัศนสัญญาณ ซักซ้อมความเข้าใจต่างๆในการเดินทางเป็นขบวนด้วยมอเตอร์ไซค์ อะห๊าาาา มีมาร์แชลสาวด้วยนะพวกเธอว์ แนะนำจากซ้ายไปขวา (เอาที่เห็นเต็มๆตัวนะ) มาร์แชล์เล็ก —> มาร์แชล์หนึ่ง —> มาร์แชล์ตูน —> มาร์แชล์ต้อม —> มาร์แชล์เป้(น่ารักมากกกกกกก) —-> มาร์แชล์เนม
นั่งฟังเพื่อเก็บข้อมูลอย่างตั้งใจ!!
มาร์แชลตูน สรุปกำหนดการณ์
มาร์แชลเล็ก ชี้แจงเส้นทาง (หน้าเหมือนใครยังไม่ก็ไม่รู้วววว ขี่ดูคาติเหมือนกันด้วย แต่มาร์แชลเล็กหล่อกว่า ๕๕)
มาร์แชล์พี่ต้อม แนะนำทัศนสัญญาณ โดยมีมาร์แชลหนึ่งเป็นผู้ช่วยสาธิต
ในระหว่างการสรุป มาร์แชลเป้ กับ มาร์แชลเนมก็แจกยิ้มช่วยด้วยนะเออ
หลังจากได้รับข้อมูล โอเค คนพร้อมละฮะ!
รถก็พร้อมและจอดรออยู่ข้างหน้า Ducati Vibhavadi แล้วจ้า
แหม่ คันเหลืองก็น่าขี่อยู่นะ
ถ่ายรวมผู้ร่วมทริปก่อนออกเดินทาง
ทริปนี้ มาร์แชลเล็กและมาร์แชลตูน รับหน้าที่นำขบวนคู่กัน ด้วย Ducati Multistrada
มาร์แชลหนึ่งและมาร์แชลต้อม ดูแลในขบวนด้วย Ducati Hypermotard
มาร์แชลเนมและมาร์แชลเป้ ดูแลในขบวนด้วย Ducati Scrambler และ Ducati 796
แอร๊ยยยยยย น่ารัก (แหม่ ย้ำจัง)
รอบนี้ยืม Action Camera อีกตัวจาก @เตี้ย ล่ำ ดำ แก่ เอาไปสำรองด้วย (แต่ไม่ค่อยได้ใช้ซะงั้น๕๕)
พี่ทูนพร้อม!!
น้องชายและน้องมุกก็พร้อม!!
Ready…
LET’s Move!!
ปิดท้ายด้วยรถเซอร์วิสท้ายขบวน เพื่อรับประกันว่าไม่กินข้าวลิงแน่นอน (แถมรถพยาบาลฉุกเฉินด้วยนะเออ)
จากนั้น ขบวนทั้งหมดก็เดินทางด้วยถนนวิภาวดี >>พหลโยธิน>>มิตรภาพ และไปเติมน้ำมันครั้งแรกที่ ปตท.ปากช่อง
ภาพนิ่งมาเยอะและ มาดูภาพเคลื่อนไหวส่วนหนึ่งของช่วงแรกนี้ดีกว่า (ปรับดูได้ถึงHD1080นะจ๊ะ)
ถึงปั้มละจ้า ให้ลูกค้าเติมน้ำมันก่อน มาร์แชลเติมทีหลัง และที่เห็นคือพอจอดปั้บ มาร์แชล์จะแยกย้ายกันเข้ามาช่วยพยุงหรือเข็นรถให้ลูกค้า ซึ่งเป็นบริการที่ดีมาก เพราะมาร์แชลจะได้ตรวจสอบสภาพของรถ และสังเกตสภาพ สติ ของลูกค้าด้วยว่าเป็นอย่างไร บางคนอาจไม่เคยออกทริปยาวๆ อาจมีการเมื่อยล้าได้ เจอมาเยอะละ บางคนจอดปั้ม ขาอ่อนล้มแปะเลยก็มี(แอดมินบางคนของทีมเรานี่แหละ๕๕๕)
หลังจากเต็มถังและพักผ่อนกันพอประมาณ เราก็เดินทางต่อไป จุดหมายต่อไปคือไปทานมื้อเที่ยงแถวๆโชคชัย ร้านนี้เลยจ้า
เบื้องหลังภาพการจอดเรียงที่สวยงามและเป็นระเบียบ คือการทำงานของเหล่ามาร์แชลนี่เอง อย่างที่บอกเลย เข็นกันตั้งแต่ลูกค้าจอดเลยจ้า ขนาดมาร์แชลเป้เห็นตัวแค่นั้นนี่เข็นมัลติปลิวเลยนะเออ (แรงเยอะมาก) ซึ่งนอกจากความสวยงามแล้ว ก็ทำให้การจอดรถไม่แยกกระจาย ไม่ไปเกะกะขวางทางลูกค้าหรือประชาชนอื่นๆที่มาใช้บริการในสถานที่นั้นๆ ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัวมากๆ
การเดินทางกับ Ducati Vibhavadi อุ่นใจได้เลยว่าหากเกิดอุบัติเหตุ จะได้รับการดูแลปฐมพยาบาลและกู้ชีพเบื้องต้นจากมืออาชีพแน่นอน รถฉุกเฉินร่วมขบวนด้วยตลาดทางจ้า
ทุกมื้อกับ Ducati Vibhavadi นี่ต้องระวังให้ดี อาหารเยอะมาก กับข้าวไม่น้อยกว่าเจ็ดอย่างต่อโต๊ะ กินมากไปก็ตาลอยอีก เอิ๊กซ์!!
อิ่มหนำกันในห้องปรับอากาศเลยล่ะ
มาๆ เสื่อพร้อม ไอติม โอเลี้ยง ข้าวโพดคั่ว น้ำปั่น ชาไข่มุก โรตีสายไหม ฯลฯ พร้อม ก็มาเหลากันต่อ (คืนนี้จะจบไหม)
ช่วงทานมื้อเที่ยงที่โชคชัย เราได้รับข้อมูลว่า…บุรีรัมย์ฝนตกนะจ๊ะ
โอเคเลยจ้า ออกจากโชคชัยไปได้ 20กว่าโล เจอฝนเลยจ้า ถึงจะตกไม่หนักมาก แต่ก็เล่นเอาชุดเลอะหมดหล่อไปอีกหลายวันเลย
อ่อ ระหว่างการเดินทาง เราเจอขบวนมอเตอร์ไซค์มากมาย เป็นบรรยากาศการเดินทางที่คึกคักมาก และที่ดีคือ ไม่เจอะมอเตอร์ไซค์เกิดอุบัติเหตุเลยตลอดทาง Nice Trip จริงๆนะเออ
มาเหลากันต่อ
มาเจอะจุดที่ขอแนะนำเสริมให้ทีม Ducati Vibhavadi ข้อแรก….
หลังจากออกจากโชคชัย ก่อนจะเจอฝน ทีมมาร์แชลส่งสัญญาณให้ขบวนหยุดข้างทาง เนื่องจากมีลูกค้าหนึ่งท่าน ไม่ได้เติมน้ำมันเมื่อตอนแวะเติมน้ำมันครั้งแรก(เอ้า!!) ซึ่งลูกค้าท่านนี้เป็นลูกค้าที่ตามมาแจมที่จุดเติมน้ำมันครั้งแรกอีกที(ไม่ได้ออกจากDucati Vibhavadiมาด้วยกัน) ซึ่งก็เข้าใจว่าคงลืม และน้ำมันก็เหลือไม่เยอะ น่าจะแจ้งเตือนแล้ว มาร์แชลจึงตัดสินใจให้ขบวนจอดเข้าไหล่ทางด้านซ้าย โดยมีรถเซอร์วิสจอดปิดหัว รถพยาบาลฉุกเฉินจอดปิดท้าย ก็….ปกติเวลาทำขบวนด้วยตัวเอง ผมจะพยายามไม่นำขบวนจอดข้างทางบนนถนนใหญ่แบบนี้(ใครเคยวิ่งขบวนที่ผมทำน่าจะจำได้) เพราะกลัวสิบล้อหลับในมาทำสไตร์ค แต่ผมจะพายามเลือกหาที่ว่างข้างทางที่กว้างมากพอจะให้ทั้งขบวนเข้าไปจอดหลบได้… แต่โอเค ทริปนี้มีรถพยายาลฉุกเฉินจอดปิดท้ายก็กันไปได้ในระดับหนึ่ง แต่เป็นไปได้ผมขอเลือกหาที่ว่างเพื่อจอดเข้าไปข้างทางอย่างที่ว่ามากกว่า ไม่แน่ใจว่าเพราะลูกค้าท่านนั้นน้ำมันจะหมดด่วนหรืออย่างไร
เรื่องนี้อาจคิดเห็นไม่ตรงกันได้ ควรไม่ควรอย่างไร ฝากให้ทีม Ducati Vibhavadi รับคำเสนอแนะนี้ไปพิจารณาด้วย
เอ้า ว่ากันต่อครับท่านผู้ชม…
จากนั้นเมื่อเติมน้ำมันคันนั้นแล้ว เราก็มุ่งหน้ากันต่อ ผ่านหนองกี่และไปแวะเติมน้ำมันทั้งขบวนอีกครั้งที่นางรอง ตรงนี้แวะหลายนาทีหน่อย เพราะทั้งร้อนทั้งเลอะกันมา
จากนางรองมา…เราพบสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากก็คือ…รถยนต์ทุกคันเมื่อเห็นขบวนมอเตอร์ไซค์วิ่งตามหลังมา จะตบไฟเลี้ยวซ้ายแล้วขยับเข้าซ้ายให้ขบวนมอเตอร์ไซค์ไปก่อน ซึ่งจากการสอบถามคนพื้นที่ ได้ทราบว่า เกิดจากการขอความร่วมมือของเฮียเน เราจึงได้เห็นภาพน่ารักๆเช่นนี้ และเป็นไปได้ อยากขอความร่วมมือทุกจังหวัดเลยจะดีมาก โปรดเข้าใจว่าเราก็รักชีวิต ท่านให้ทางเราแปบเดียว เราใช้เวลานิดเดียวในการพาทั้งขบวนแซงท่านขึ้นไป และที่น่ารักคือมาร์แชล์ทุกท่านในขบวนส่งสัญญาณมือขอบคุณรถยนต์ที่ให้ทาง…เป็นภาพที่ยอดเยี่ยมมาก….เล่าไป..เล่าไป…ไม่เห็นภาพ…ทำไมล่ะ…อ่อ แบตกล้อง Actioncam หมดอ่ะ…
ตัดฉับมาถึงที่พักเลยจ้า จอดเรียงสวยงามเช่นเคย
มาดูกัน ที่พักที่ Ducati Vibhavadi เตรียมไว้ให้ลูกค้าที่ร่วมทริปเป็นอย่างไรบ้าง
ลูกค้าบางท่านมาคนเดียว..
ลูกค้าบางท่านมีผู้โดยสารมา…
จะยังไงก็เอาไปเลยจ้า บ้านหนึ่งหลังต่อรถหนึ่งคัน โอ้ววววววเย!!
หลังจากให้ลูกค้าพักผ่อน ทำธุระส่วนตัว และนำสัมภาระเข้าบ้านเอเอฟกันแล้ว
ก็พาลูกค้าไปชมการซ้อมที่สนามช้างกันต่อเลยจ้า
เข้าไปใน Ducati Fan zone มีอะไรบ้างล่ะ
สำหรับพวกเรา รู้กันดีเวลาจอดรถว่า ไปไหนมาไหนก็บ้าหอบกันไหมทั้งหมวก ทั้งเสื้อการ์ด ถุงมือ…อย่ากระนั้นเลย Ducati Fan Zone เขามีบริการRiding Gear Deposit จ้า (แต่ไม่มีดอกเบี้ยให้นะ)
เป็ด…คือ…อื่นๆ ๕๕๕
อ่ะ ลงชื่อกับ Back Drop ซะหน่อย
บรรยากาศช่วงซ้อม ขอข้ามไปก่อน รูปอยู่ในกล้องอีกตัว ถ้าเอามาลงคืนนี้จะไม่จบ ๕๕
ดูซ้อมเสร็จแล้วก็กลับมาที่พัก อาบน้ำแต่งตัวไปทานมื้อเย็นกันที่ร้านบ้านไม้ชายน้ำ แน่นอน ไม่ต้องขี่ไปไหนไกลๆอีก มื้อนี้จัดให้ตาลอยไปเล้ยยยย (กลัวหิวกลางดึก) แน่นอนอีก อาหารเพียบ กับข้าวเต็มโต๊ะ กินยังไงก็เหลือ
อ่ะห๊าาาา คุ้นๆหน้าใครไหมเอ่ย
ก่อนเข้าที่พักก็แวะไปปาร์ตี้เปิดตัว Ducati Burierum กันหน่อย
หลังจากมื้อเย็นที่อิ่มหนำผ่านไป ทุกท่านก็กลับมาพักผ่อนกันที่ๆพัก ผมก็สลบไปอย่างอ่อนเพลีย…
ตื่นเช้ามาอีกวัน โอเค กินกันต่อเลย (เรื่องกินเริ่มเยอะ) บุฟเฟ่ต์เบาๆมื้อเช้าจ้า ใครอยากอิ่มแค่ไหน จัดเลยไม่ต้องยั้ง
พักสายตาจากเรื่องกิน มาชมรอบๆที่พักกันบ้าง โอเคเลยล่ะ ผมชอบแบบนี้มากกว่าโรงแรมเป็นตึกแล้วซอยห้องนะ มันดูโล่งสบายกว่ากันเยอะเลย ที่สำคัญคือใกล้สนามแข่งดีด้วย ได้ยินเสียงซ้อมเลยล่ะ
วันนี้ได้มีการนัดหมายให้ลูกค้าทุกท่านใส่เสื้อที่แจกให้ เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกันของดูคาติสต้า แน่นอนไอ่คนที่เนียนมาเป็นดูคาติสต้าอย่างผมก็ต้องใส่ด้วย
คลิประหว่างออกจากที่พักเข้าไปสนามช้างจ้า
จอดแล้วก็แชะรูปกัน
พี่ทูนและครอบครัวที่น่ารัก คุณแม่ขับรถพาลูกชายอีกสองคนตามขบวนมาดูการแข่งด้วย
เดี่ยวๆบ้าง
นี่ใครเอ่ยยย
เข้ามาก็มาถ่ายกับ Back Drop ได้น๊าาาา ไอ่ตอนเขาถ่ายรวมกันนี่ผมไม่รู้ไปไหน๕๕
มาชมบรรยากาศการเชียร์ในวันแข่งจริงของ Ducati Grand Stand กัน
และนี่คือสิ่งที่ดูคาติสต้าร่วมใจกันทำเพื่อส่งแรงเชียร์ให้นักแข่งที่ใช้ดูคาติในการแข่งขัน
หลังจากการแข่งขันจบและเข้าเส้นชัย นักแข่งจะขี่วนรอบสนามอีกหนึ่งรอบเพื่อขอบคุณแฟนๆและผู้ชม และนักแข่งที่ใช่ดูคาติก็จะมาทักทายดูคาติสต้าที่ Ducati Grand Stand สิ่งที่งดงามอีกอย่างก็คือ ในรอบขอบคุณแฟนๆ ผู้ชมทั้งสนามก็ยืนขึ้นปรบมือและส่งเสียงให้กำลังใจนักแข่งทุกท่าน…ไม่ว่าคุณจะได้ขึ้นโพเดี้ยมหรือไม่ แค่เพียงคุณลงแข่งและจบการแข่งขันได้ หรือแม้แต่นักแข่งที่พลาดไม่จบการแข่งขัน ผมว่าการยืนปรบมือให้เป็นเกียรติเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก แม่แต่ปู่ทรอยเองก็ยังกล่าวชื่นชมและขอบคุณดูคาติสต้าทุกท่านที่ยืนปรบมือให้กับนักแข่งทุกคน
อีกหนึ่งสิ่งอำนวยความสะดวก…เผลอไปใช้ แทบยืนหลับคาโถ…
ติดแอร์เย็นฉ่ำ….มีเผาน้ำมันหอมดับกลิ่น….เปิดเพลงคลอไปเบา…..โอวววว นี่แหละสุขาของจริง
สุขาณัง ปรมัง สุขขัง ….สุขอื่นใดนอกจากสุขา..ไม่มี
มีแอบขี่ออกไปชมรอบๆสนาม บริเวณถนนคันดินรอบสนามนิดๆ
แถวๆโค้งสองนี่ก็สนุกดีนะ หมดปลอกกันมาแล้วเบรคตัวโก่งเล็งไลน์เสียบยูเทริน์ขวากัน
หลังจบการแข่งขัน ก็ได้เวลาลงไปพาเหรดกัน
มาร์แชลเนมโดดเข้ามาขอแจมด้วยหนึ่งภาพ ๕๕
พาเหรดจบแล้วก็กลับที่พักอาบน้ำแต่งตัว แล้วไปดินเนอร์ชิคๆคูลๆที่โรงแรมกันต่อ พร้อมงานFan meeting เลี้ยงต้อนรับปู่ทรอยและทีมด้วย
จุดนี้ขอชมทีมผู้จัดว่าทำงานได้รวดเร็ว ภาพถ่ายเด็ดๆของกิจกรรมทั้งสองวันเอามาอัดใส่กรอบขึ้นผนังในห้องจัดเลี้ยง และมีสไลด์ภาพให้ดูประกอบเรื่อยๆ
มีดนตรีสดคอยขับกล่อม
เข้าแถวจั่วกันตามอัธยาศัย และแน่นอน กับข้าวไม่รู้จะเยอะไปไหน มามากกว่านี้อีกเท่าตัวก็ยังกินไม่หมด
ปู่ทรอยและทีมขึ้นมาทักทายและพูดคุยบนเวที
ปู่ทรอยแจกลายเซ็น ปู่แกเจ๋งจริงๆ 47 แล้วยังขี่ได้ขนาดนั้น ฟาดกับหนุ่มๆรุ่นใหม่ได้สบาย
ถ่ายภาพร่วมกันจ้า
อิ่ม จบ กลับที่พัก พักผ่อนให้เต็มที่เพื่อเดินทางกลับในอีกวัน
เช้าของวันเดินทางกลับ ทีมมาร์แชลมาสรุปเส้นทาง และชี้แจงการขับขี่เป็นขบวนเพิ่มเติมในบางจุดที่เห็นข้อบกพร่องในช่วงขามา จุดนี้แหละที่เป็นจุดบกพร่องที่สองที่ผมเจอ แต่จุดนี้ผมมองว่าทีมมาร์แชลทำเต็มที่แล้ว และบางอย่างเมื่อเป็นงานบริการ ก็ควบคุมลำบากจริงๆ เดี๋ยวจะเล่าให้พิจารณากัน
เซทอุปกรณ์ คราวนี้ย้ายรีโมท Action Camera มาไว้ที่ประกับขวา รัดแล้วพอดีเด๊ะ
ณ จุดเติมน้ำมันครั้งที่สองแถวโชคชัย ในที่สุดรถพยาบาลฉุกเฉินก็ได้ทำงาน…
น้องชัยโดนผึ้งต่อย(โถๆๆๆๆ)
เดินทางฝ่าอากาศช่วงเที่ยงปลายเดือนมีนาคมที่ร้อนเกือบถึงจุดเดือด มาแวะพักทานมื้อเที่ยงกันที่ร้านอาหารลือชื่อในตัวอำเภอปากช่อง
ณ จุดนี้ มาร์แชลทุกท่านก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันและยิ้มแย้มแจ่มใส จอดปั้บ โดดมาช่วยประคองรถลูกค้าก่อนเลยจ้า ดูแลเอาใจใส่กันดีเยี่ยมจริงๆ อย่างที่บอก อากาศร้อนๆแบบนี้ บางคนวิ่งๆมาพอจอดแล้วขาอ่อนก็มีนะตัว(อย่างแอดมินบางคนที่มีฉายา”อาแปะ”ในทีมแอดมินเพจฯเป็นต้น) ในภาพก็จะมีคุณแป๊กมาช่วยเข็นเข้าจอดด้วยอีกคน
จอดรถได้ เจอที่วางของได้ที่แทบจะแก้ผ้าแล้วโยนกองไว้อย่างไว ขนาดว่าเสื้อการ์ดผมเป็นแบบแอร์โฟลว์แล้วนะเนี่ย ร้อนมากกก
ชมของสะสมที่แสดงโชว์ในร้านกันเพลินๆเพื่อ Warm Down
เจอที่กดเงินแล้ว!!
แปะๆ ถ้าอั้วเอามอน1200มาตึ๊งนี่ลื้อให้อั้วเท่าหร่ายยยย
คลายร้อนกันแล้วก็ไปจัดการมื้อเที่ยงกัน ได้โต๊ะริมน้ำ อากาศดี ลมโชยอ่อนๆ มันดีงาม โอเค เราชอบมากกกกก
ทุกมื้อนี่อาหารจะเหลือเพียบ แต่มื้อนี้ไม่พอจ้า ไม่ใช่ไม่เยอะนะ เยอะมาก แต่มันร้อนและเหนื่อยมากกก มีเบิ้ลกันอีกหลายจานเลย สั่งเพิ่มได้เต็มที่ ไม่อิ่มตาเหลือกไม่ใช่มากับ Ducati Vibhavadi (เหมาะกับสายแข็งมาก)
มาถึงจุดนี้ ผมก็เฉลยกับพี่ทูนและน้องชัยกับน้องมุกว่าจริงๆผมมาเนียนเป็นดูคาติสต้านะ ๕๕๕ ขออนุญาตเล่าเรื่องโดยใช้ทั้งสามคนประกอบกระทู้นะจ๊ะ ทั้งสามท่านยินดีและอนุญาตจ้า ขอบคุณมากครับ
อิ่มกันดีแล้ว ขบวนก็มุ่งหน้ากลับ Ducati Vibhavadi ทุกคันถึงปลายทางโดยสวัสดิภาพ ปิดทริปได้อย่างสนุกและปลอดภัย
ได้ทีมนี้วิ่งตามหลัง อุ่นใจจริงๆ
แต่ถ้าได้มาร์แชลท่านนี้ซ้อนท้ายในท่านี้…ไม่รู้จะว่าไงดี ปลอดภัยป่ะว๊าาาาาา
ล้างตาจากภาพข้างบนมาปิดท้ายกันด้วยมาร์แชลเป้จ้า (หลายๆท่านคงอยากรู้แระว่าโสดป่าวเนี่ย ไปถามกันเองที่ Ducati Vibhavadi ก็แล้วกันนะ ระวังถามไปถามมาได้ใบจองกลับบ้านเด้อ๕๕๕)
และแล้วก็มาถึงบทสรุปปิดท้ายกระทู้เสียที
เพื่อให้กระทู้นี้สมบูรณ์ คงต้องเท้าความสักนิดนึงก่อน…
เท่าที่ผมสิงสู่อยู่ในพันทิปมาสักพักหนึ่ง พบว่าชื่อเสียงในด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์ของ Ducati พบว่าค่อนข้างไปในทางแง่ลบ
เคยแม้กระทั่งออกตัวแรงในกระทู้ๆหนึ่ง ซึ่งเกิดจากการรับข้อมูลที่ยังไม่รอบด้าน
ข้อมูลที่ผมได้รับ ถึงขนาดที่ผมคิดแล้วก็กล่าวออกอากาศทำนองว่า “ถ้าผมมีเงิน Ducati เป็นยี่ห้อท้ายๆที่ผมมอง….”
แต่เมื่อชีวิตคนมันผ่านพ้น ไม่หยุดนิ่งและเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสของเวลา โอกาสที่ผมได้รับในครั้งนี้ ทำให้ผมได้รับข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งผมแม้จะเป็นคนที่EGOค่อนข้างสูง แต่หากได้รับข้อมูลโดยเฉพาะเป็นข้อมูลที่ได้คิดวิเคราะห์ด้วยประสบการณ์ตรงแล้ว ก็ไม่ถึงขนาดละวางตัวตนและสิ่งที่เคยกล่าวไว้ไม่ได้
ผมขอแยกเป็นสามประเด็นหลักๆ ดังนี้
1.คุณภาพของตัวผลิตภัณฑ์
2.คุณภาพการบริการซ่อมบำรุง
3.คุณภาพการบริการหลังการขาย
ผมเชื่อว่าสามประเด็นนี้ย่อมเป็นที่พิจารณาของคนส่วนมากเมื่อจะเลือกซื้อมอเตอร์ไซค์สักคัน…จริงไหม
มาๆ มาเหลากันทีละข้อ…
1.คุณภาพของผลิตภัณฑ์
ในที่นี้จะขอกล่าวแค่ Ducati Monster 12000 เพียงคันเดียว เนื่องจากเป็นคันที่ใช้งานหลักในการเดินทางครั้งนี้
จากที่ฝากชีวิตไว้กับ Ducati Monster 12000 เป็นเวลาสามวัน ในระยะทางร่วมๆพันกิโลเมตร ไม่พบปัญหาใดๆในเรื่องเครื่องยนต์ ช่วงล่าง และอื่นๆทั้งคัน ตลอดทริปทุกอย่างทำงานเป็นปกติ รถทดสอบที่นำมใช้งานอายุการใช้งานนับเป็นตัวเลขไมล์รวมใช้งานมาแล้วประมาณเกือบสี่พันกิโลเมตร เรียกได้ว่าไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป (เผลอๆบางคนซื้อไปเป็นปีขี่น้อยกว่านี้ก็เยอะไป)
อัตราเร่งของเครื่องยนต์ความจุ1,200 CC เอกพจน์ …หากกล่าวถึงการใช้งานในการออกทริปในลักษณะเป็นขบวน เรียกได้ว่าเหลือล้น เหลือเฟือ บางช่วงที่ปัจจัยทุกอย่างเหมาะแก่การทำความเร็ว ขบวนทำความเร็วไปที่180กิโลเมตรต่อชั่วโมง การทำงานของเครื่องยนต์ก็ยังไม่ออกอาการหนักหรือรีดเค้นอะไรเลย ลองกระชากคันเร่งดูรอบที่เหลือก็พบว่าในมือยังเหลืออีกเยอะ240น่าจะเห็นได้แบบสบายๆ เรียกมาๆ เรียกเมื่อไรก็มาไม่มีอิดออด ถ้าไม่คุ้นกับระดับซุปเปอร์ไบค์ เรียกได้ว่ามาเยอะมาโหดเลยล่ะกับพละกำลัง135แรงม้าในเจ้าตัวนี้ จะshootแซงเมื่อไร สนุกเมื่อนั้น
การแสดงผลต่างๆผ่านเรือนไมล์ ในรถราคาระดับนี้ ไม่มีขาดแน่นอน ให้ทุกอย่างมาครบ และปรับเครื่องได้สามโหมด ไม่ว่าจะเป็นสปอร์ต ทัวร์ริ่ง หรือโหมดในเมือง เลือกใช้งานตามความเหมาะสมเลยจ้า
การขับขี่รถในสไตล์Naked บางท่านจะพบว่ามีปัญหาเรื่องลมที่มาปะทะลำตัวเมื่อใช้ความเร็วสูงๆ ทำให้ล้าได้ไวกว่ารถฟูลแฟริ่ง ทริปนี้ผมแก้ปัญหาด้วยการที่เมื่อเริ่มใช้ความเร็วสูง ลำตัวเริ่มต้านลมมากเกินไป ผมจะก้มตัวลง แต่ไม่ถึงกับติดถัง คร่าวๆว่าทำมุมประมาณ40องศากับถัง จะรู้สึกได้ว่า ลมผ่านออกไปด้านข้างไวขึ้น ลู่ลมมากขึ้นตลอดตัว แต่ลมส่วนหนึ่งที่จะคงต้านกับลำตัวอยู่ ก็จะอยู่ในมุมที่ลมช่วยพยุงทำตัวให้เบาขึ้นเล็กน้อย ทำให้น้ำหนักที่กระดูกสันหลังต้องแบกลดลงก็จะเมื่อยหลังน้อยลง ทริกนี้ใครขี่ Naked บ่อยๆก็น่าจะพอจับได้ ใครยังไม่เคยลองก็ลองดูครับว่าได้ผลแบบเดียวกันไหม สำหรับผมทริกนี้วิ่ง180 ยังรู้สึกว่าสบายๆอยู่ นิ่งๆไม่มีอาการโคลงให้เสียวไส้
กลับมาที่เรื่องของคันนี้ต่อ ระบบห้ามล้อ….สำหรับชื่อชั้นของเบรมโบย่อมการันตีตัวเองได้ระดับหนึ่ง จากการทดสอบเบรคกลางๆก็พบว่าไม่มีข้อบกพร่อง เบรกหนักๆยังไม่ได้ลอง ไม่อยากลองด้วย แต่สำหรับมาตรฐานที่ให้มาเป็นที่ยอมรับว่ามีคุณภาพสูง ถ้าไม่หวดหนักๆเยอะๆแบบในสนามหรือสายหมอบเต็มตัว ผมว่าเหลือๆ ยิ่งในเฉพาะการเดินทางแบบเป็นขบวนท่องเที่ยว เหลือเฟือเลยจ้า
หลายคนถามกันมาว่าสุกหรือไม่สุก(คิดเองนะ) เอาเป็นว่าร้อนน้อยกว่าที่คิดว่า พอได้อุ่นๆเกือบร้อน แต่ไม่ถึงกับพองไหม้จ้า
ยางหน้าหลังที่ให้มา คุณภาพดีถึงดีมาก อยู่ด้วยกันสามวันไม่มีพาไปลื่นไปสไลด์ที่ไหน ไว้ใจได้เลยในการใช้งานทั่วไป
แล้วอัตราสิ้นเปลืองล่ะ…ทริปนี้ทำได้ดีที่สุดที่ประมาณ 19 กิโลเมตรต่อลิตร ถ้าแลกกับความหล่อความแรง กินเท่านี้ผมว่าคุ้ม แต่สำหรับคนที่ตังเหลือๆ บางคนเขาไม่ได้คิดเรื่องพวกนี้เลยด้วยซ้ำ เอาความมัน เอาอารมณ์สถานเดียว ความคุ้มของแต่ละคนก็ต่างกันไปตามฐานานุรูปนั่นแหละ
ทั้งหมดที่สัมผัสได้ในราคาที่ต้องจ่าย ได้ความหล่อ ได้ความเป็นดูคาติ ได้พูดกับใครได้เต็มปากว่า “ผมไม่ได้ขี่มอเตอร์ไซค์ ผมขี่ดูคาติ” และเป็นระดับเกือบท๊อปในซีรีสย์ Monster ผมกล้าพูดว่าคุ้มค่าในราคาที่จ่าย (แต่สำหรับคนที่กำลังไม่พออาจไม่ค่อยคุ้ม)
จบทริปนี้ จากที่เฉยๆกับดูคาติ…ผมเริ่มเข้าใจเหล่าดูคาติสต้าแล้วล่ะ ว่าอะไรคือ…”ความหลงใหล” (passion)
2. คุณภาพของบริการซ่อมบำรุง
จากการที่ได้แค่ยืมขี่ ไม่ได้เป็นเจ้าของเอง ไม่ได้นำรถเข้าซ่อมเมื่อเกิดปัญหา ข้อนี้จึงไม่อาจเหลาได้จ้า
แต่ถ้านิดนึง เกี่ยวกับตัวรถที่ได้ยืมมาขี่ในทริปนี้ ทุกอย่างอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน พร้อมเดินทางไกล บ่งบอกถึงความเอาใจใส่ของฝ่ายซ่อมบำรุงของ Ducati Vibhavadi ได้ในระดับหนึ่ง
ข้อนี้ขอผ่านนะจ๊ะ ไม่รู้ก็ไม่เล่าจ้า ไม่อยากนั่งเทียน
3. คุณภาพของบริการหลังการขาย
ตลอดทริปนี้ เรียกได้ว่า “อีกนิดนึงก็เรียกว่าอุ้มแล้ว”
มาร์แชล์และทีมเซอร์วิสทุกท่าน บริการดีมาก ผมให้คะแนนในระดับสูงเลย กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกเลยมั้งที่ผมกดให้ 5 ดาว ให้ก็เพราะการบริการนี่แหละ
อย่างที่บอกว่ามาร์แชลทุกท่าน ดูแลลูกค้าเป็นอย่างดี จอดรถเมื่อไรก็มาช่วยประคองช่วยเข็น เพราะคุณไม่มีทางรู้หรอกว่าขี่ๆกันมา พอจะจอดพัก ลูกค้าอาจอยู่ในสภาพไม่พร้อมก็ได้ การเสนอตัวเข้าไปช่วยเหลือก็ถือเป็นปฏิสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยม ได้ตรวจสอบปฏิกิริยาของลูกค้าไปในตัวด้วยว่าสภาพต่างๆพร้อมเดินทางไหม ตอนเข็นรถก็จะได้มีโอกาสตรวจสอบภายนอกด้วย ได้หลายต่อเลยแหละ แม้แต่มาร์แชลเป้ที่เป็นสุภาพสตรีตัวเล็กยังเข็นมัลติกันปลิว ชัดเจนว่าฝึกกันมาในมาตรฐานการบริการที่ดีเยี่ยมเลย
สายตาและกิริยาเวลาให้บริการ ผมอ่านแล้วให้สอบผ่าน ผมเชื่อว่าทีมมาร์แชลบริการลูกค้าด้วยใจรักการบริการจริงๆ
ในรูปแบบการเดินทางเป็นขบวน การนำทาง การให้ทัศนสัญญาณ การดูแลต่างๆในขบวนระหว่างขับขี่ สอบผ่านในมาตรฐานระดับสูงเกือบทั้งหมด มีข้อติจากความเห็นส่วนตัวอยู่นิดเดียวในความเห็นบนๆ ฝากให้พิจารณาด้วยจ้า
มาร์แชลตูนและมาร์แชลเล็กที่นำขบวน ทำหน้าที่ได้หมดจรด เมื่อรถเยอะ คนใดคนหนึ่งจะยืนขี่เพื่อมองข้ามรถข้างหน้าที่กีดขวางทัศนวิสัย เพื่อประเมิณสถานการณ์ และสลับกันทำหน้าที่นี้ได้ดีมาก แข็งแรง เข้มข้น ปรบมือดังๆเลย ชอบจริงๆ
การให้ทัศนสัญญาณเพื่อแจ้งให้เลี้ยว ให้ลดความเร็ว ให้หยุด ให้ระวังมาร์แชลทุกท่าน ทำได้ดีไม่มีบกพร่อง
เอาล่ะ มีอีกข้อนึงที่ผมเกริ่นไว้แล้วว่าจะบอก แต่อย่างที่บอกเลยว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของทีมมาร์แชล เพราะเท่าที่ประเมิน ทีมมาร์แชลพยายามแก้ไขตรงนี้เต็มที่แล้วจริงๆ แต่ประสบการณ์ในการขับขี่และทักษะของลูกค้าแต่ละท่านย่อมไม่เท่ากัน และเรียนรู้เข้าใจได้ต่างกันไปจากทัศนคติส่วนตัว คร่าวๆว่า ก่อนออกจากกรุงเทพ มาร์แชลต้อมกับมาร์แชลหนึ่งก็ซักซ้อมทัศนสัญญานและรูปขบวนแล้ว แต่ก็ยังมีลูกค้าบางท่านซึ่งอาจไม่เคยเดินทางเป็นขบวน ยังไม่เข้าใจถึง
1.ตำแหน่งในการขับขี่ และเหตุผลว่าทำไมต้องอยู่ในตำแหน่งนั้นๆ
2.ทัศนวิสัยและจุดอับในการมองเห็นของพาหนะแต่ละรูปแบบ
ซึ่งความไม่เข้าใจให้สองหัวข้อนี้ ลูกค้าจะได้รับความเสี่ยงเอง เมื่อมาร์แชลเห็นก็พยายามเข้าไปแก้ไข ส่งสัญญาณให้ลูกค้าปฏิบัติตาม ก็ได้รับการตอบรับบ้าง ไม่ตอบรับบ้าง สุดท้ายก็เป็นอีก และก็เป็นอยู่อย่างนั้นจนจบทริป ทั้งๆที่เมื่อขามาเกิดเหตุการณ์แบบนั้นแล้ว ขากลับก่อนออกจากบุรีรัมย์ มาร์แชลต้อมก็ชี้แจงโดยละเอียดละยกตัวอย่างสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นให้เข้าใจชัดๆอีกรอบ แต่ก็นั่นแหละ เมื่อบางท่านไม่เข้าใจ สิ่งที่เป็นห่วงและประเมินว่าจะเกิดก็เกิดขึ้นอีก ดีที่ไม่มีอุบัติเหตุใดๆเกิดขึ้น
จริงๆข้อนี้ไม่ประหลาดใจนะ เป็นเรื่องที่ใครเคยทำขบวน ดูแลขบวน ก็จะรู้เลยว่าเจอเคสนี้บ่อยไป แต่ที่ต่างคือเมื่อเป็น “การบริการลูกค้า” อาจไม่สามารถใช้คำในเชิงบังคับได้เหมือนออกทริปกับเพื่อนฝูงได้ไง กับเพื่อนถ้าไม่ฟังบางทีก็เตะตูดกันแล้วก็พูดกันตรงๆเลย เพือนก็จะเข้าใจว่าเพือนเป็นห่วง แต่กับลูกค้านี่….อืมมมมม มันยากนะ
เรื่องพวกนี้บางท่านถ้าไม่ได้ผ่านการอบรมการขับขี่ปลอดภัยอย่างเข้มข้น หรือมีประสบการณ์ตรงเป็นประจำ พูดยังไงเขาก็ไม่เข้าใจ (ต้องเจ็บเองแล้วจะรู้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้ในการบริการ)
นอกจากที่เหลามาทั้งหมด รวมๆแล้วบอกเลยว่า “ห้าดาว”ล้วนๆ ค่าใช้จ่ายที่ลูกค้าจ่ายในเรทนี้สำหรับบริการทริปนี้ พูดบ้านๆเลยว่า “ทอนกระจาย”
อีกเรื่องหนึ่ง…การออกทริปในรูปแบบที่บริการยอดเยี่ยมโดยทีมงานมืออาชีพแบบนี้ ใครจะว่าเป็นกะลาหรืออะไรก็แล้วแต่เถอะ แต่โปรดทำความเข้าใจเสียว่านี่คือ… “ทางเลือก” ในการให้บริการ คุณสามารถเลือกได้ว่าอยากได้แบบไหน อยากไปคนเดียวสบายๆ ไปคนเดียวโหดๆ ไปกับเพื่อนเยอะๆสนุกๆ สบายบ้างโหดบ้าง อยากจ่ายเงินให้ใครมาบริการหรือไม่
แต่กับบางคนทำไมเขาถึงเลือกใช้บริการแบบนี้ นั่นสิ ถ้าไม่ใช่ผมว่าบริษัททัวร์ก็คงปิดกิจการมันไปหมดแล้วล่ะ เพราะบางคนเขาชอบแบบนี้ไง บางทีก็ไม่อยากวางแผนเอง ไม่อยากจัดการจองอะไรต่างๆเอง ก็เลยเลือกจ่ายค่าบริการให้มืออาชีพจัดการให้ ดังนั้น กะลงกะลาอะไรเนี่ย มันอยู่ที่ทัศนคติและประสบการณ์มากกว่า เพราะเท่าที่สังเกตหน้ายางของลูกค้าบางท่าน …ใช้หมดกว่าผมอีก หึหึหึ ทะลุกะลาไปแล้วแน่นอน แต่เขาชอบแบบนี้ก็เท่านั้นเอง ดังนั้น ไม่แสดงความเห็นที่มากดหัวผู้อื่น ผมว่าสวยงามกว่า โลกนี้สวยงามเพราะมันแตกต่างนี่แหละ
บางทีไอ่ลักษณะนอกกะลาที่ว่า ไปแล้วกลับมาประเมินความคุ้มค่า พบว่า”หล่นตีนแตก” ก็ไม่ใช่ไม่มีหรอก ใช่ไหม
พบกันใหม่โอกาสหน้าจ้า
บทความโดย สมัญตาชีวบุตร_omega_13