RIDE NOW Full Review : HONDA CRF 250 RALLY . . กับชีวีที่อยู่ยัง . . แห่งบ้านป่าหมาก

RIDE NOW Full Review : HONDA CRF 250 RALLY . . กับชีวีที่อยู่ยัง . . แห่งบ้านป่าหมาก

แว่วเสียงปลายสายดังขึ้นพร้อมคำถามที่ไม่คาดคิด

“มี CRF 250 RALLY อยากให้ช่วยขี่ ถ่ายรูป และเขียนให้หน่อยได้ไหม”

“ได้พี่”

ผมรีบตอบตกลงอย่างไม่รีรอ

“ช่วยคิดด้วยนะ ว่าจะไปไหน” อมยิ้ม11อมยิ้ม11

ถ้าให้ผมคิด

สำหรับผม เราไม่ใช่นักทดสอบหรือนักขี่ระดับเทพ

จะเอารถไปขี่ในสนามโมโตครอส โดดตูมๆ เข้าโค้งดินกระจุย

ยกล้อแล้วถ่ายรูปสวยๆ มาแล้วมาบอกว่ามันขี่เป็นแบบนั้นแบบนี้มันไม่ใช่ตัวเรา

ภาพการทดสอบในมโนความคิดของผมมันมีแต่การเดินทาง

แน่นอน เพราะเราคือ “นักเดินทาง”

สัมผัสการใช้งานแบบที่คนทั่วๆไปหรือผมใช้กันผ่านการท่องเที่ยว เดินทางในรูปแบบการใช้งานจริงๆ

ซึ่งนั่นก็เป็นอะไรที่ต้องใช้เวลาและระยะทาง ( อย่างน้อยก็ในมุมนักขี่บ้านๆแบบเรา )

และในท้ายที่สุด ก็เพื่อส่งถ่ายออกมาให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ได้รับรู้กันในมุมที่มันเป็นอย่างตรงไปตรงมา

และมันจะดีไม่น้อยหากการเดินทางนั้น เป็นการยังประโยชน์ให้สังคม

เพราะชีวิตคนเรามันมีเวลาที่สั้นนัก

การทำหนึ่งสิ่งแล้วได้ยังประโยชน์ในหลายสถาน

นั่นคือ “ปณิธานของผม”

และนั่นจึงเป็นที่มาแห่งการเดินทางสู่

“บ้านป่าหมาก”

หมู่บ้านป่า ณ หุบเขาตะนาวศรีแห่งเมืองสามอ่าว  ประจวบคีรีขันธ์

เอาหล่ะ  ออกเดินทางกันเลย ยิ้มยิ้ม

เสียงเครื่องยนต์ครางกระหึ่มของเจ้า CRF250 RALLY บนความเร็วเดินทาง 130 กม/ชม บนถนนพระรามสอง

กับฟีลลิ่งที่ยังรู้สึกว่าสบายๆอยู่ พาเรามาถึง “อ่าวบางตะบูน”  บนเส้นทางสายที่ผมชอบใช้  “คลองโคน-ชะอำ” อย่างรวดเร็ว

เวลาที่จะลงใต้ ผมชอบใช้เส้นทางสายนี้  เพราะมันได้ “กลิ่นทะเล” และไม่น่าเบื่อหน่ายกับทางตรงจนเกินไปนักเหมือนถนนเพชรเกษม

เส้นทางสายนี้เป็นถนนลาดยางชั้นดี ที่พาเราลัดเลาะลงใต้ผ่านหาดน่าท่องเที่ยวหลายๆหาด

แถมรถราก็ยังไม่คราคร่ำเหมือนถนนใหญ่สายหลักอย่างเพชรเกษม

ยังผลให้ความรู้สึกในการขับขี่นั้นผ่อนคลายแบบบอกไม่ถูก

วิถีชีวิตแห่งผู้คนบนสองข้างถนนยังคงมีให้พบเห็นบ้างไม่ต่างไปมากนักจากอดีต

แม้ความศิวิไลซ์จะย่างกลายเข้ามา

แต่ก็ไม่ได้ผันแปรวิถีชีวิตผู้คนบนถนนสายนี้ไปมากมายนัก

นอกจากจะเป็นถนนที่ใช้สัญจรตามปกติแล้วยังเป็นถนนแห่งจักรยานและการชมวิว

ที่ทางการท่านทำจุดชมวิวไว้ให้เป็นระยะๆ

สามารถแวะชมวิถีชีวิต.. นาเกลือ.. ทะเล .. ป่าโกงกาง ได้ตามรายสองข้างทาง

หากแต่ทว่า การเดินทางด้วยเส้นทางสายนี้มิอาจทำเวลาได้มากมายนัก

เพราะแต่ละจุด ช่างเชื้อเชิญให้เราเอนกายพักผ่อน

และอยากจะหยุดนอนเสียที่นี่ให้รู้แล้วรู้รอดไปเสียร้องไห้ร้องไห้

รีบเอาตัวออกจากทะเล(เพราะเกรงว่าจะเปลี่ยนใจนอนที่นั่น) รีบลัดเลาะผ่านบายพาสหัวหิน

แล้วเดินทางบนถนนสายเล็กๆ หมายเลข 1001 มุ่งหน้าสู่ภูเขาที่อยู่เบื้องหน้า

บนทางดำ เจ้า CRF 250 RALLY รังสรรค์การเดินทางบนช่วงล่างที่มีระยะยุบมากกว่าแม้แต่พี่น้องร่วมรุ่นอย่าง CRF250L และ M

ทำให้ฟีลลิ่งที่ส่งถ่ายมายังผู้ขับขี่นั้นนุ่มนวลดั่งพรม

ชิลด์หน้าทำหน้าที่ของมันได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แม้จะใส่หมวกที่มีปีก กระแสลมก็ยังไม่ตีให้หน้าหงายแต่อย่างใด

ความเร็วสูงสุดที่ทำได้กันมีแตะ 140 กม/ชม

ตัวเบาะให้ความแปลกใจในระดับหนึ่งว่า รูปทรงที่ขัดเกลามาสำหรับการขับขี่ในทางเถื่อน กับใช้ได้ดีกับการเดินทางบนทางดำแบบทัวร์ริ่ง

ให้ความสบายแบบพอได้ในระยะทาง 150 กิโลเมตรแบบรวดเดียวจบ

แต่ก็ต้องมีบ่นกันบ้าง เมื่อยามลงจากอาน!!! อมยิ้ม11อมยิ้ม11

ด้วยช่วงล่างที่คิดว่านุ่มจนน่าจะย้วยมันกลับดูดติดโค้งอย่างประหลาด เมื่อระยะยุบ ยุบแบบย้วยๆ มาถึงจุดแห่งความแน่นจุดหนึ่ง

ในส่วนของการเปิดคันเร่ง หากคาดหวังกำลังที่รุนแรงในระดับหนึ่ง

จำต้องเลี้ยงรอบไว้ให้ถึงย่านกำลัง  ซึ่งย้ายไปอยู่ในช่วง 6-8 พันรอบ/นาที  ซึ่งต่างไปจาก CRF เดิมที่เคยรู้จักมา

นี่มันเครื่อง CBR หรือ CRF ???

นั่นเป็นคำถามที่มันผุดขึ้นในสมองของผมเวลานั้น อมยิ้ม19อมยิ้ม19

บนเส้นทางมุ่งหน้าสู่น้ำตกป่าละอู ก่อนจะถึงน้ำตก

จากถนนที่เรียบกริบผ่านหมู่บ้านห้วยผึ้ง

เราตีไฟเลี้ยวซ้ายสู่ถนนลาดยางผุพังที่มากหลุมบ่อ

รวมไปถึงเส้นทางลูกรังที่บางครั้งก็มีร่องน้ำพาดยาวขนานแนวล้อให้ได้เสียวเล่น

สัญญาณโทรศัพท์ที่เริ่มใช้ไม่ได้  ทางหนึ่งที่พอจะทำให้รู้เส้นทางได้ก็

คือสอบถามชาวปกากะญอที่อาศัยอยู่ตามเส้นทางนั้น

บนเส้นทางแบบ Cross Country แบบนี้ข้อกังขาหลายๆอย่างของเจ้า CRF RALLY ก็มลายหายไปในทันใด

อ๋อ  มันเป็นแบบนี้นี่เอง…

แบบไหนอย่างไร ค่อยว่ากันตอนท้ายจ้า หัวเราะหัวเราะ

ลัดเลาะเรียบเขาไปตามเส้นทางดินลูกแล้วลูกเล่า

สองข้างทางห้อมล้อมไปด้วยไร่สับปะรด  ยางพาราคละเคล้าปะปนเรียงรายไปตามชายขอบอุทยาน

จากการพูดคุยกับชาวบ้าน

ได้ความว่า “เราโชคดีมาก”

หากมาก่อนหน้านี้ 2 อาทิตย์  เขาเดินข้ามลำน้ำไป น้ำ “แค่” คอ เท่านั้นเอง

เป็นไปไม่ได้เลยที่ยานพาหนะที่มีล้อใดๆ จะผ่านไปได้  ไม่เอาไม่พูดไม่เอาไม่พูด

ดวงตะวันเริ่มคล้อยต่ำ ใกล้ลาลับไปในหุบเขาตะนาวศรี

เริ่มมองเห็นบ้านป่าหมากจากยอดถนนที่ไต่ขึ้นไปบนยอดเขาเตี้ยๆ

สวัสดี หมู่บ้านแห่งสายน้ำและขุนเขา จุ๊บๆจุ๊บๆ

ณ หมู่บ้านป่าหมาก

วิถึชุมชนนั้นใกล้ชิดกับวัดและโบสถ์กัน อย่างแยกไม่ออก ทุกคนต่างพึ่งพาอาศัย ซึ่งกันและกัน

พวกเราไม่ใช่นักขี่ทางวิบากมือโปร

ดูจากการแต่งตัวก็คงพอรู้ได้

เพียงแต่หากมีอุปสรรคให้ข้ามผ่าน ก็ต้องพยายามตะเกียกตะกายผ่านไปให้ได้

จะล้มลุกคลุกคลานกันบ้างก็ว่ากันไป…

สำหรับการข้ามลำน้ำที่เต็มไปด้วยหินเล็กหินน้อยภายใต้สายน้ำที่ไหลเย็น

หากเป็นนักขี่ที่มีประสบการณ์การใช้คันเร่งและทักษะดีสักนิด   สามารถเดินคันเร่งแต่พอดีๆ

ด้วยช่วงล่างที่มีระยะยุบเยอะกว่าปกติ

การบุกตะลุยไปข้างหน้าแบบรวดเร็วหน่อยทำให้ผู้ขี่และตัวรถไม่เสียอาการมากนัก

แน่นอน รถ RALLY นั้นไม่เหมือนรถ Enduro เสียทีเดียว

ในเชิงความเบา ความคล่องตัว ความสูง  นั้นตกเป็นรองรถ Enduro แท้ๆ

แต่แน่นอน สิ่งที่ชดเชยมาให้คือ ความสะดวกสบายในการเดินทาง

มีดี มีเสีย เหรียญย่อมมีสองด้าน  ตามธรรมดาของโลกนี้…

ในที่สุด 2 ล้อของเราก็เหยียบเยือน หมู่บ้านสุดท้ายปลายถนน ( ที่อาจจะไม่ค่อยใช่ถนนสักเท่าไร )บนที่ราบอันโอบล้อมด้วยทิวเขาตะนาวศรี  บ้านเรือนส่วนใหญ่ประกอบด้วยอิฐบล๊อคและไม้ไผ่ที่ดูแสนเรียบง่าย

สอดส่องสายตาไปมองเห็นการดำเนินชีวิตภายใต้ดวงตะวันที่ใกล้ลาลับฟ้าที่เป็นไปอย่างสงบ โดยไร้ความเร่งรีบใดๆ

แนวถนนหลักเพียงหนึ่งเดียวมุ่งตรง สู่  “โรงเรียนตำรวจตะเวนชายแดนบ้านป่าหมาก”

อันเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้ายของการเดินทางในวันนี้

ในที่สุด เราก็เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย

สายตาทุกคู่ที่อยู่ในโรงเรียนต่างจดจ้องมาที่เรา…

โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านป่าหมาก

สถานที่ เรียน เล่น หนึ่งเดียวของหมู่บ้าน

ความสนุกสนานทั้งปวง รวมตัวอยู่ที่นี่  เด็กๆ แทบทุกคนในหมู่บ้านใช้ชีวิตยามเย็นที่นี่

แน่นอน ไม่มีอินเตอร์เน็ต ไม่มีเกมส์ให้กดเล่น ไม่มีมือถือให้ก้มมอง  ไม่มีเฟซบุ๊กให้กดไลค์  ไม่มีอินสตราแกรมให้ฟอลโลว์

หากมีแต่ฟุตบอล หมากเก็บ ตำรวจจับโจร เหย่งจับ ที่คอยค้ำจุนความสนุกในยามพลบค่ำของเด็กๆเหล่านี้

เราย้อนเวลามาสู่ประเทศไทยเมื่อ 20 ปีที่แล้ว….

เมื่อดวงตะวันสิ้นแสงลง

และแสงดาวที่เริ่มสกาวเต็มท้องฟ้า

สำหรับหมู่บ้านที่ไร้เสาไฟ

แสงเทียนเป็นเพียงหนึ่งสิ่งที่สำคัญในการให้แสงสว่างในบริเวณที่เรากางเต้นท์กัน

อาหารที่หล่อเลี้ยงท้องเราใต้แสงเทียนและแสงดาวในวันนี้เป็นอาหารของเหล่าอาสาสมัคร

กลุ่มบุคคลผู้ซึ่งมีจิตอาสา ยอมสละความสุขของตัวเองอุทิศเพื่อผู้อื่น

หรืออีกด้านหนึ่งการอุทิศเพื่อผู้อื่นนั่น แหล่ะ คือความสุขของตัวเองก็ไม่ทราบได้

ณ ดินแดนที่ยังไร้ 7-11

ร้านค้าเพียงหนึ่งเดียวของชุมชน

และก็ยังเป็นแหล่งชุมนุมเพื่อดูทีวีเพียงหนึ่งเดียวของชาวบ้าน

ยังคงเปิดให้บริการซื้อขนมเล็กๆน้อยๆ มาขบเคี้ยวกันได้จนถึงสามทุ่ม

ตราบเท่าที่เครื่องปั่นไฟยังคงทำงาน

วงล้อมทีวีก็ยังคงมีต่อไป….

ค่ำคืนที่ไม่ค่อยหนาว

แถมยังฝนตกผ่านไปอย่างช้าๆ ( เพราะนอนไม่ค่อยจะหลับ ) เกรงว่าน้ำจะเจิ่งนองเต็มเต้นท์

ยามเช้าตี 5 ได้เวลาตื่นจากเสียงพระสวด แว่วดังตามสายลมและสายหมอกมาแต่ไกล

พยายามเอาตัวออกจากเต้นท์มาเพื่อดูวิวภายนอก

พบสายหมอกมาหยอกพอให้คลายความเพลียได้บ้าง อมยิ้ม08อมยิ้ม08

ในเมื่อเป็นหมู่บ้านแห่งสายน้ำและขุนเขา

การชำระกายยามเช้าคงหนีไม่พ้นลำธารที่ไหลพาดผ่านหมู่บ้าน

ซึ่งเราก็เป็นหนึ่งในนั้น…

เฉกเช่นชาวบ้านหลายๆคน…

มิเพียงแต่เป็นสายน้ำกินน้ำใช้

หากแต่ในบางครา ยังเป็นเส้นทางสัญจรยาม จำเป็นของใครบางคน

ภาพยามเช้าที่น่าจะเห็นจนคุ้นตาของชาว บ้านป่าหมาก

คือภาพที่พระสงฆ์ออกบิณฑบาตผ่านสะพาน แขวนซึ่งทอดยาวข้ามลำธาร

วิถีแห่งพุทธยังคงแนบแน่นและไม่เสื่อมคลาย

ในยามเช้าบนเส้นทางบิณฑบาตของพระสงฆ์

ชาวบ้านแทบจะทุกบ้านออกมาใส่บาตรจนน่าจะเห็นเป็นภาพชินตาไปแล้วของหมู่บ้านนี้

สภาพบ้านเรือนไม้ไผ่มุงตับหญ้าภายในดูมืดทึม

บริเวณหน้าบ้านแต่ละหลังมักจะเป็นพื้นที่โล่งกว้างที่น่าจะไว้ใช้เป็นลานตากพืชผลทางการเกษตรอะไรสักอย่าง

ยามที่ไม่ได้ใช้งาน  เด็กๆวิ่งเล่นกันเจื้อยแจ้ว

สอบถาม ตชด ว่า “เหตุใดจำนวนเด็กต่อบ้านหนึ่งหลังถึงได้เยอะถึงเพียงนี้”

คำตอบที่ได้ยินคือ การคุมกำเนิดของที่นี่ ยังไม่ประสบผลเท่าที่ควร

จากการสังเกตด้วยสายตา การปะหน้าทาแป้งต่อหัวประชากรเหมือนจะดูประปราย

แต่ก็ยังพอจะพบเห็นได้

อย่างที่บอก เวลาในชีวิตเรา บางทีมันก็สั้นนัก

ถ้าหนึ่งแรงกาย สองมือ สองเท้าสามารถทำในสิ่งที่ชอบ ทำเป็นอาชีพได้และยังสามารถยังประโยชน์แก่คนอื่นได้

สิ่งนั้นถือว่า ควรทำอย่างยิ่ง…

เพราะเราอาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินรัชกาลหนึ่ง

ที่แม้แต่ตัวพระองค์เอง

ก็ยังอุทิศพระวรกายเพื่อไพร่ฟ้าประชาชนของท่านอย่างมิรู้เหน็ดเหนื่อย

แล้วคนตัวเล็กๆอย่างเราหล่ะ

ทำอะไรได้บ้าง…

ยามเมื่อแสงแดดยามเช้าเริ่มทอแสงแรงขึ้น

เด็กๆแห่งหมู่บ้านป่าหมากแต่งกายชุดพละ เดินทางกันมายังโรงเรียนเพื่อร่วมกิจกรรมบางอย่าง

นับตั้งแต่สมเด็จพระเทพฯ ทรงเสด็จมายังหมู่บ้านป่าหมาก

ซึ่งยามนั้นตามคำบอกเล่า ยังคงเป็นหมู่บ้านเล็กแสนเล็กอันโดดเดี่ยวเดียวดายในป่ารกทึบ

และจากดำริให้สร้างโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านป่าหมากขึ้น

สายน้ำใจแห่งชาวอาสาก็เริ่มหลั่งไหลมา ช่วยเหลือหมู่บ้านที่แสนห่างไกลแห่งนี้อย่างมิขาดสาย

รวมถึงครั้งนี้ก็เช่นกัน…. อมยิ้ม17อมยิ้ม17

สมเด็จพระเทพฯ ยังทรงเสด็จมายังดินแดนที่ห่างไกลแห่งนี้ถึงสามครั้งสามครา

หากนับเป็นตัวเลข ถือว่าไม่มากมาย

แต่หากนับเทียบกับจำนวนพระกรณียกิจของพระองค์

มันเป็นตัวเลขที่ไม่น้อยเลย

สำหรับกิจกรรมในการนำอาหารและสิ่งของมาแจกให้เด็กๆที่ยากไร้ได้มีโอกาสได้กินอาหารแปลกๆ ใหม่ๆ

จากโลกเบื้องล่างกันบ้าง…

คงต้องขอบคุณกลุ่ม We are family ที่เป็นโต้โผในครั้งนี้

( อันที่จริงเราเองก็ไม่ได้ร่วมเดินทางมากับกลุ่มนี้หรอกครับ แต่ก็เป็นการจุดประกายที่จะให้เกิดกิจกรรมที่จะตามมาในอนาคต )

สายตาและรอยยิ้มของเด็กๆนี่แหล่ะ ที่เป็นแสงเทียนที่ส่องสว่างในจิตใจของผู้คนเหล่านี้

มีพบก็ต้องมีจาก

ได้เวลาอันสมควรที่จะต้องเดินทางกลับกันแล้ว…

ลาก่อน หมู่บ้านแห่งสายน้ำและขุนเขา

เราเดินทางกลับด้วยเส้นทางเดิม

กับรถคันเดิม  CRF 250 RALLY

ขากลับ

เราแวะเที่ยว “ห้วยไม้ตาย”  ในอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี

อันเป็นโครงการที่สืบเนื่องมาจากโครงการในพระราชดำริพัฒนาด้านแหล่งน้ำ

จากนี้ไป 1 ปี ความตั้งใจของผมคือ ผมอยากจะไปเยือนตามโครงการหลวงต่างๆ

เพื่อจะได้จำใส่ใจไว้ ว่าพ่อหลวงของเรานั้นเหนื่อยแค่ไหน กว่าจะมีวันนี้

และเป็นกำลังใจในการดำเนินชีวิตว่า ไอ้ความเหนื่อยในการทำงานของเรา…

มันเป็นเพียงเศษเสี้ยวของพระองค์เท่านั้น…

ดังนั้น ท้อได้ แต่อย่าถอย

ลักษณะ ทางกายภาพด้านหน้าอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กที่มีภูมิทัศน์สวยงามทีเดียว

บรรยากาศดูสงบอย่างบอกไม่ถูก จุ๊บๆจุ๊บๆ

แถมยังเป็นแหล่งพำนักพักพิงของนกหลากหลายชนิด

ให้ได้ส่องดูกัน

ขากลับ เราลองเปลี่ยนโหมดการขี่มาเป็นใช้ความเร็ว เดินทางแบบไม่เค้นกำลังเครื่องยนต์มากนัก

ที่ความเร็ว 100-110 กม/ชม พบความน้ำมันหนึ่งถัง ( 10 ลิตร ) น่าจะทำระยะได้เกือบๆ 300 กิโลเมตรได้ตามคำกล่าวอ้างของ Honda อยู่นะ

อย่างไรก็ตาม เป็นอันว่าเราถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ยิ้มยิ้ม

เอาหล่ะ เที่ยวกันจบแล้ว ทีนี้มาบอกกล่าว เล่าขานกันถึงตัวรถกันแบบเนื้อๆ เน้นๆ กันบ้าง หัวเราะหัวเราะ

รูปทรง / ความหล่อ ( 4.5/5 )

คงไม่ต้องบอกกล่าวเล่าขานกันถึงความ หล่อเหลากันนักสำหรับเจ้า CRF 250 RALLY

คงต้องร้องเพลง  “พอมองรวมๆแล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน”อมยิ้ม15อมยิ้ม15

“ไอ้แว่น”

วลีหนึ่งที่ใช้เรียกเด็กผู้ชายที่หงิมๆ ติ๋มๆ ดาดๆ เพลนๆ ดูไม่มีอะไรแตกต่าง

พอมาวันหนึ่งได้มาเจอกันอีกที

มันกลับกลายเป็นบุคคลที่โคตรเจ๋งไปเสียแล้ว

สรีระศาสตร์/ความสะดวกในการใช้งาน ( 3 / 5 )

ในด้านท่านั่งและสรีระศาสตร์นั้น ถือว่านั่งได้สบายและรูปทรงถังน้ำมันก็กระชับ เหมาะทั้งการขี่แบบ Touring และ Enduro  ตัวเบาะนั้นนั่งนานๆแล้วไม่ปวดตูดมากนักสามารถพอจะทำระยะ 150 กม ต่อการพัก 1 ครั้งได้

แฮนด์เดิ้ลบาร์นั้นมีความสูงและ ให้การควบคุมที่กำลังดี  เรือนไมล์เองก็อยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานได้ง่ายมากๆ  โดยรวมอุปกรณ์ต่างๆนั้นใช้การได้ ดีเกือบทั้งหมด ยกเว้น!!!!!

ความสูงของรถที่สูงกว่าเดิมค่อนข้างมาก ทำให้ชายไทยสูง 177 ซม อย่างผมขึ้นและลงรถลำบากมาก ขึ้นรถลงรถแต่ละทีอยากจะร้องไห้  แถมพักเท้าหลังเองก็อยู่ในตำแหน่งที่ปวดตับทำให้การวางเท้าของผู้ซ้อนท้ายค่อนข้างลำบาก FacepalmFacepalm

ขอหักคะแนนตรงนี้ออกไปสองคะแนนเต็มเลยละกันครับ

อุปกรณ์และแผงหน้าปัด ( 4 / 5 )

สำหรับแผงหน้าปัดใหม่ที่รูปทรง เหมือนตระกูล CB300 / 500 มีวัดรอบในระยะทริปในตัว รวมถึงเกจน้ำมันและนาฬิกาซึ่งถือว่าครบครันกว่าตัว CRF250L และ M  ที่ไม่มีวัดรอบ เยี่ยมเยี่ยม แถมยังติดตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ใช้ งานได้ง่ายดายเอามากๆ อุปกรณ์ต่างๆ เองก็ใช้งานได้ง่ายทั้งหมดเช่นกัน ตามมาตรฐานของ Honda

สิ่งหนึ่งที่ต้องยกความดีความชอบให้อย่างแรงคือ ชิลด์หน้า ที่ทำหน้าที่ป้องกันลมขณะเดินทางได้ดีมาก  อาการเหนื่อยล้าเนื่องจากกระแสลม นั้นแทบจะไม่มีเลย  กระจกมองหลังเองก็ใช้งานได้ดีอีกเช่นกัน

และนี่ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่พบได้เฉพาะในตัว RALLY เท่านั้นเยี่ยมเยี่ยม

เครื่องยนต์ ( 4 / 5 )

อีกหนึ่งจุดที่ทำให้เจ้า RALLY ให้ความรู้สึก “แตกต่าง”  จาก CRF ตัวเดิมเอามากๆ ก็คือ รูปแบบและฟีลลิ่ง การส่งกำลังของเครื่องยนต์

ด้วยเครื่องยนต์ที่ปรับใหม่ในจุดต่างๆ หลายๆจุด หลายๆ อย่างทำให้เครื่องยนต์ให้ความรู้สึกที่ “ลื่น” ขึ้นกว่าเดิม และการตอบสนองของย่านกำลังให้ความรู้สึก เหมือนว่า  ย้ายย่านกำลังจากช่วงรอบต้นไปเป็นรอบกลางมากขึ้น เพื่อตอบสนองการเดินทางบนเส้นทางความเร็วสูงทำได้ดีขึ้น  แต่อารมณ์ความจัดจ้านในรอบต้นก็เหมือนจะขาดหายไปหน่อยจากรุ่น M ( แต่รุ่น L นั้นไม่เคยลอง แต่น่าจะคล้ายๆ กัน  )

ในด้าน Top speed นั้นทำได้ประมาณ 140 กม / ชม แต่การจะไปถึงจุดนั้นได้ต้องไล่รอบกันดีๆ หน่อย  ความเร็วการเดินทางที่ 120 ทำได้ไม่ขัดเขินแถมเป็นย่านที่ถือว่า กำลังสบายๆ สำหรับเครื่องยนต์ตัวนี้

มองในมุมความประหยัดนั้น 25-30 กม/ลิตร ทำได้กับการใช้งานแบบทั่วๆไป ตามน้ำหนักข้อมือ

โดยสรุปแล้ว เท่าที่ลองขี่เทียบกับ CRF250M ผมว่า ผมค่อนข้างชอบเครื่องยนต์ของเจ้า RALLY มากกว่านิดหน่ยอย  เพราะมันให้อารมณ์ที่ลื่นกว่า นุ่มกว่าเล็กๆ  เพียงแต่ว่าถ้าใครชอบความจี๊ดอาจจะขัดใจเล็กน้อย

ระบบส่งกำลัง/คลัทช์  ( 4 / 5 )

คลัทช์เบาเข้าเกียร์ง่าย มีเกียร์หลุดเล็กๆ บ้างแต่เป็นเพราะผมไม่คุ้นกับรองเท้าวิบากเองทำให้การเข้าเกียร์อาจจะไม่สุด โดยรวมคือเป็นระบบส่งกำลังที่ใช้งานได้ง่าย และใช้งานได้มันส์ ชุดหนึ่งเลยทีเดียว

ช่วงล่างและแฮนด์ลิ่ง   ( 4 / 5 )

อีกหนึ่งจุดที่เป็นตัวกำหนดตัวตนของเจ้า RALLY และสร้างความแตกต่างกับตัว M/L ที่เคยขี่อย่างมโหฬาร

ด้วยระยะยุบที่เพิ่มเติมขึ้นมาจากตัว L 20 มม ได้มั๊งถ้าจำไม่ผิดส่งผลให้ตัวรถนั้นสูงมากยามจอด

เพียงทว่า ยามเมื่อหย่อนก้นลงบนเบาะ รถสูงๆนั้นกลับยุบลงฉับพลันกลายเป็นรถเตี้ยๆ ในทันใด

เอาจริงๆไม่ต้องถึงขนาดต้องนั่ง แค่เอามือจับเบาๆ รถก็ยุบแล้ว นั่นคือเรื่องจริง !!! อมยิ้ม11อมยิ้ม11อมยิ้ม11

“นุ่มขนาดนี้ ไม่ย้วยตายหรือนี่”

นั่นคือคำถามในมโนความคิดแว๊บแรกที่ได้สัมผัสเจ้า RALLY

แต่ด้วยความ “นุ่ม” ที่ว่านี่แหล่ะ ทำให้การเดินทางบนทางดำหรือเส้นทางแบบ Cross country นั้นเป็นไปด้วยความรู้สึกสบายๆ  แรงสั่นสะเทือนนั้นส่งถ่ายผ่านผู้ขับขี่และผู้ซ้อนถูกลดทอนไปพอสมควรแบบมีนัยยะ แตกต่างจากตัว L และ M ที่ช่วงล่างจะแน่นกว่า สะเทือนกว่า

ในส่วนของความย้วยนั้นก็คงต้องบอกมีบ้าง ยามขึ้นคอสะพานสูงๆ และแรงๆ  แต่มันน้อยในระดับที่น่าประหลาดใจ  ว่าชุดช่วงล่างแบบนี้มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร

ให้อธิบายเป็นคำพูดคือ  ถ้าให้แบ่งระยะยุบของโช๊คออกเป็น 3 ส่วน

2 ใน 3 ส่วนมันให้อารมณ์เหมือนเป็นระยะยุบหลอกๆ ที่นั่งปุ๊บยุบปั๊บและมันเหมือนจะมีไว้เพื่อความสบาย ( หรือเพื่อความสวยงามของตัวรถด้วยหว่า )

ส่วนอีก 1 ส่วนสุดท้ายมันเป็นระยะยุบแบบที่มันมีสมรรถนะแบบที่ควรจะเป็น ค่าความหนืด การคืนตัวหรือต่างๆนานา ของระยะสุดท้ายนี้แหล่ะ คือสมรรถนะที่แท้จริงๆของช่วงล่างของเจ้า RALLY    มันส่งผ่านความแน่น หนึบ กับพื้นผิวไม่ว่าจะเป็นทางดำหรือทางเถื่อนในแบบที่เราคิดไม่ออกว่า มันทำได้อย่างไร

ประกอบกับการปรับมุมองศาระยะเทรลและฐานล้อให้มากและยาวขึ้น ส่งผ่านความเสถียรภาพแห่งการควบคุมทำให้การขับขี่นั้นให้ความรู้สึกมั่นใจ อุ่นใจและสบายมากขึ้น   และเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมาประกอบกัน  คำถามและความสงสัยในคำว่า RALLY มันมลายหายไปหมดสิ้น    ทุกสิ่งอย่างที่ประกอบขึ้นมาเพื่อคำว่า RALLY นั้นพยายามส่งถ่ายความสบายให้ผู้ขับขี่ การยืนระยะในการเดินทางไกลๆ นั้นสามารถทำได้โดยที่ตัวผู้ขับขี่เองไม่เหนื่อยมากนัก

ในขณะเดียวกันความสามารถในการ “ลุย” นั้นยังคงติดตัวมาตามสันดานของรถสายพันธุ์นี้  แม้ว่ามันจะถูกลดทอนไปบ้างเมื่อเทียบกับรถสไตล์ Enduro

และนั่นคือความแตกต่างอันมากมายเมื่อเทียบกับเจ้า CRF250L

มันจึงมิใช่ “เหล้าเก่าในขวดใหม่”  อย่างที่หลายคนคิดว่ามันเป็น

จุดนี้ผมให้คะแนนไปเลย 4 เต็ม 5 ฮะ   โดนใจจริงๆ จุ๊บๆจุ๊บๆ

ระบบเบรก ( 4 / 5 )

มาพร้อมระบบดิสก์เบรกแบบโฟลทติ้งดิสก์แบบหยักหน้าหลัง ซึ่งไม่มีระบบ ABS มาช่วยเหลือแต่อย่างใดตามที่เข้าใจกันฟิลลิ่งในการเบรกก็ถือว่าทำได้ค่อนข้าง ดีตามที่มันควรจะเป็นในรถประเภทนี้ แต่ถ้าเป็นไปได้ อยากให้เบรกหน้านั้นมีฟิลลิ่งการตอบสนองที่ละเอียดต่อการควบคุมกว่านี้อีกสักหน่อย จักเป็นประโยชน์มากครับ  แต่โดยรวมๆ ถือว่าน่าพอใจแล้ว

บทสรุปโดยรวม     (   4  / 5 )

เหล้าใหม่ในขวดเกือบใหม่ที่มีสไตล์และรสชาติแตกต่างจากของเก่าแบบชัดเจน ซึ่งความต่างนี้หากไม่ได้สัมผัสอาจจะไม่สามารถรับรู้ได้ แต่ถ้าได้ลองสัมผัสบนเส้นทางที่ถูกโฉลกกับมันสักระยะหนึ่งรับประกันว่าจะรับรู้ถึงความแตกต่าง

หากเพียงแต่ผู้ใช้งานต้องตีโจทย์ของตนให้แตกว่าการใช้รถของตัวเองนั้นเป็นไปในทางใด ENDURO , RALLY ,  ADVENTURE TOURING คำที่แตกต่างเหล่านี้มันคือค่า % ดีกรีของสัดส่วนค่าผสมระหว่างความสามารถของทางเถื่อนและทางดำ

หากรถคันหนึ่งที่คุณจะซื้อเป็นคันที่ 2 หรือมากกว่านั้นและเป็นไปเพื่อความสนุกสนานและเพื่อการเพิ่มพูนทักษะในถ่ายเถื่อนเป็นส่วนใหญ่  แนะนำให้ซื้อรถ ENDURO แท้ๆไปเลย

แต่ถ้าหากทว่า โจทย์ของคุณคือ รถคันหนึ่งที่สามารถตอบโจทย์ได้หลายหลากและค่อนข้างเน้นในทางเถื่อนหรือเส้นทางแบบ Cross country เป็นหลักแต่ยังต้องการความสบายและความสามารถในการฟรีรันบนระยะทางที่ยาวไกลระดับหนึ่งไปให้ถึงจุดนั้น
แนะนำว่า RALLY คือคำตอบ

แต่ถ้าหากการใช้งานของคุณ เน้นทางดำเป็นหลัก ลุยได้บ้าง  แนะนำว่าไปรถ Adventure touring เสียเถิด หัวเราะหัวเราะ

ถ้าจะให้สรุปข้อดี ข้อเสียของเจ้า RALLY ในฐานะรถ RALLY ก็ต้องบอกว่า มันเป็นรถที่คุ้มตังค์เป็นอย่างยิ่ง

ถ้าเป็นอาหารมันก็คืออาหารที่พร้อมเสิร์ฟในขนาดที่พอดีคำ กินง่าย ย่อยง่าย สไตล์ Honda

เอาหล่ะ มาดูข้อดีข้อเสียกัน

ข้อดี

– หล่อ( ในสายตาผมนะ )

– เครื่องยนต์ที่ลื่นและนุ่มนวลขึ้น ย่านกำลังเหมาะสมกับการเดินทางด้วยความเร็ว 120 กม / ชม

– อุปกรณ์ใช้งานง่าย

– สรีระศาสตร์ยามนั่งยอดเยี่ยม

– ประหยัดน้ำมัน

– ช่วงล่างนุ่มนวลชวนฝันแถมยังหนึบแบบประหลาดๆ

– สายพันธุ์แห่งการลุยยังไม่จางหาย

– เข้าโค้งง่าย

– ถังน้ำมัน 10 ลิตร พิสัยทำการเกิน 250 กิโลเมตร

ข้อเสีย

– รถสูงมาก

– ขาตั้งไม่น่าไว้ใจ

– ขึ้นลงรถยากลำบากชีวิต

– ช่วงล่างยวบยาบบางจังหวะ

– พักเท้าคนซ้อนที่ใช้งานลำบาก

========================================================

  และสุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณเหล่า Sponsor ทั้งหลายที่หยิบยื่นโอกาสดีๆ มาให้ได้ทำงานในครั้งนี้ครับ

โดยเฉพาะ Just-Ride-it  แฟนเพจเพื่อการขับขี่รถท่องเที่ยวโดยเฉพาะ อมยิ้ม01อมยิ้ม01

https://web.facebook.com/justrideitteam/?fref=ts

ขอบคุณ AP Honda สำหรับโอกาสที่ยื่นให้ในการทดสอบรถ CRF 250 RALLY ก่อนใคร

https://www.aphonda.co.th

ร้าน PADDOCK ที่สนับสนุนรองเท้า O’Neal Rider สีขาวคู่งาม และ Forma TX Terain สีขาวคู่งามอีกเช่นกัน
http://www.paddock.co.th/

ร้าน Ninja Shop และพี่เต๋าสำหรับหมวก LS2 MX436 และรูปสวยๆครับ

http://www.ninja-shop.net/

และสุดท้าย ขอบคุณโลกนี้ที่ยังมีที่อีกมากมาย

ให้เราออกไปค้นหา

และท้ายที่สุดจริงๆ ขอบคุณทุกๆท่านครับ ที่อ่านจนถึงบรรทัดนี้ ขอบคุณจริงๆ อมยิ้ม17อมยิ้ม17

บทความโดย เตี้ย ล่ำ ดำ แก่
Linkต้นฉบับ http://pantip.com/topic/35839554
แถมมมมมม by lotteidol
ทัศนะจากชายผู้มีความสูง 158cm.

ในส่วนความสูงของรถนั้น
ถึงขาจะสั้นก็ยันถึงนะครัชชชชช
และเช่นเคย สุดทรีนนนนนน ข้างเดียว อีกข้างลอยเคว้งคว้างกลางอากาศ
ถามว่าคนตัวเล็กๆ หรืออีกนัยหนึ่ง เตี้ย จะขับได้มั้ย
ขอบอกว่าไม่ยากอย่างที่กลัว เพราะช่วงยุบของรถมากพอ
เวลานั่งแล้วยุบลง ให้ขาพอยันพื้นได้
ข้อมูลlotteidol ผู้ขึ้นคร่อม
สูง 158Cm ยาว 9″ กว้าง 3″1/2
ใครชอบแต่กลัวว่าสูงไป บอกได้เลยครับว่า มันไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
อีกข้างลอยสูงขนาดไหน ชมรูปในเม้นต์ต่อได้เลยฮะ
** เพิ่มเติม Review ให้จากผู้ขับขี่อีกท่านหนึ่ง ( พี่เต๋า ร้าน Ninja Shop ) ***

Capture ข้อความมาจาก FB นะครับ

ไปขี่ CRF 250 Rally มา จะมาเล่าให้ฟัง ในมุมมองคนที่ไม่ชอบขี่มอเตอร์ไซค์แนวนี้
ก่อนอื่น ต้องขอขอบคุณทีม Just Ride it ที่แบ่งมาให้ผมได้ทดลองขี่
ทีแรกวางแผนไว้จะไปค้าง แต่มีธุระด่วน เลยต้องกลับมาคันเดียวในคืนนั้น
ก็เลยไม่ได้ขี่ทางเอนดูโร่เลย
มาเล่าให้ฟัง กับการขี่บนทางดำ หรือ ถนนปูนแล้วกันครับ
ถ้าต้องการอ่านรีวิวแบบละเอียด ดูจากนี่นะครับ
http://pantip.com/topic/35839554/desktop
ไม่อยากร่ายยาว ผมสรุปเป็นข้อๆในมุมมองการใช้งานจริงนะครับ พวกปัญหา ข้อบกพร่องหยุมหยิมๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการขี่ ขอตัดทิ้งไปนะครับ
ผมสูง 180 ซ.ม. น้ำหนัก 80 ก.ก.
= ตำแหน่งท่านั่ง=
– คร่อมแล้วเท้าวางเต็มพื้น
– ขาตั้งยาว ช็อคหลังนิ่ม ขึ้น-ลง แรก อาจจะยาก แต่ถ้าเข้าใจกับการยุบ ยืด ของช็อคหลังแล้วไม่มีปัญหา
– ชิลหน้าเตี้ยๆ แต่ใช้งานได้ดี ลมจะมาเริ่มปะทะหน้าผมที่บริเวณกลางจมูกขึ้นไป ใส่หมวกโมตาด มีแก๊ปหน้า วิ่งทุกช่วงความเร็ว ไม่มีอาการลมดึงหมวกเลย
– ช่วงเบาะท้ายที่เล็ก ถ้าไม่มีตระแกรงหลัง มัดของลำบาก สามารถใช้ตระแกรงหลังของตัวเก่าได้
– ขี่ลากยาวๆ 180 ก.ม. ก็มีอาการเมื่อยก้นบ้าง เพราะเบาะเล็กไปนิด แต่แก้ไขได้โดยการยืนขี่ เลื่อนก้น หรือ ขยับร่างกายบ้าง
= การขี่ =
– ช็อคหลังนิ่มาก แต่เค้าโค้งไฮสปีดกว้างๆ 120-130 ก.ม./ช.ม. ไม่มีอาการดิ้นหรือย้วย (ยางมัด)
– วิ่งเส้นคลองโคน เส้นประจำที่คุ้นเลย เข้าโค้งแล้วเจอคอสะพาน หรือ อัดขึ้นคอสะพาน ต้องยืน หรือ ยกก้นช่วย เพื่อให้ช็อคได้ทำงานได้เต็มที่ แต่ก็ไม่มีอาการย้วย
– โค้งลึกๆกับยางมัด ไม่มีอาการดิ้น ลื่นเลย (แต่ถ้าถนนเปียก น่าจะมีแท่ดๆบ้าง)
– วิ่งความเร็วสูงสุดได้ที่ 140 ก.ม./ช.ม. (เริ่มอืดดที่ 130 ก.ม./ช.ม.) ไม่มีอาการหน้าชกเลย
แต่ถ้าขี่ตามรถคันใหญ่ๆข้างหน้า เช่นรถกะบะ รถตู้ จะมีลมหวน ทำให้มีอาการหน้าชกนิดๆ แต่น้อยว่า KTM 1190 Adv R ของผมที่ติดปี๊ป 3 ใบมาก
– อัตราทดเกียร์จัดสู้ ตัวเก่าไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ขี้เหล่ ผมขี่ยาวๆเส้นหัวหิน – กทม แช่ประมาณ 130 เหลือไว้เร่งแซงบ้าง ก็ยังสามารถแซงรถร่วมทาง (ที่ใช้ความเร็วปกติได้แทบทุกคัน)
– การสะท้าน เริ่มสะท้านตั้งแต่ความเร็ว 120 ขึ้น แน่ล่ะ เพราะใช้รอบเกียร์ 6 อยู่เกือบๆหมื่น แล้วมีสูบเดียว 250 cc เอง เป็นเรื่องปกติ
ถ้าคนขี่ใหม่ ต้องรอให้ชินสักนิด แต่คนที่ขี่มานานแล้ว ไม่น่ามีปัญหาเรื่องการสะท้านนี้ครับ
= อัตราการกินน้ำมัน =
– เติมโซฮอล 95 ใช้งานแบบแช่คันเร่ง รอบหมื่นตลอด กินน้ำมันกิโลละ 1 บาท
– ไฟเตือนน้ำมันเชื้อเพลิงหมด วิ่งไป 180 ก.ม. ถังนึง วิ่งได้ไม่ต่ำกว่า 200 ก.ม. แน่ๆ
สรุป ในมุมมองของผมนะครับ
ถ้าเอาเจ้านี่ไปออกทริปกับ รถสปอร์ตความจุเท่ากัน ไม่ต้องกังวลเรื่องทางตรงตามไม่ทันเลย เพราะเจ้านี่ วิ่งแช่ 130-140 ได้อยู่
แต่คันอื่นจะต้องกังวลเรามากกว่า ที่จะตามเราไม่ทัน ถ้าเป็นทางโค้งแถบๆ คอสะพาน หลุม เพราะเจ้า CRF 250 Rally ทำได้ดีกว่าแน่นอน
แต่ถ้าไปทางตรงยาวๆ ขึ้นเหนือ ลงใต้ กับ รุ่นพี่แอดแวนเจอร์ตัวพัน อาจจะเหนื่อยหน่อย แต่จากที่ได้ลองขี่มา ผมว่าไปกันได้แน่นอนครับ
ถ้าใครมองหามอเตอร์ไซค์ราคาแสนปลาย บำรุงรักษาง่าย ขี่ได้ทุกสภาพถนน ประหยัดน้ำมัน ประเภท ขี่ออกจากบ้านแล้วไปไหนก็ได้ ทางทำ ทางปูน ลูกรัง ลงน้ำ แล้วไปกางเต้นท์นอน
ผมว่า CRF 250 Rally ตอบโจทย์มากครับ
ผมจับใจความเจ้า CRF 250 Rally ได้ตามประสามือใหม่ได้แบบนี้
หากมีผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ด้วยนะครับ
ขอบคุณ Just Ride It และ AP Honda มากครับ