ส กู๊ ต . . ไ ป . . แ ก่ น ม ะ ก รู ด . . . กั บ ย า ง ปี ศ า จ

ส กู๊ ต . . ไ ป . . แ ก่ น ม ะ ก รู ด . . . กั บ ย า ง ปี ศ า จ

สวัสดีครับ

ฤดูฝน…

ฤดูที่ผมบอกเสมอ ว่าเป็นฤดูที่ผมชอบขี่รถเที่ยว

เพราะความ “เขียว” ของต้นไม้ใบหญ้า

ที่มันดูสบายตา และ มีชีวิตชีวาแบบบอกไม่ถูก

แต่ก็นั่นแหล่ะ

การออกทริปฤดูฝน  มีหลายๆอย่างที่ต้องจัดเตรียมกันมากหน่อย

หนึ่งในนั้นคือ  “ยาง”

คราวที่แล้ว ผมได้พาเจ้าคู่ใจคันเก่ง Suzuki Burgman 125 ของกระผมเองขึ้นเชียงใหม่

ยางที่กับเจ้าคันนี้   คือ IRC MB99    ซึ่งสมรรถนะในทางแห้ง ผมเองก็ค่อนข้างพอใจ

แต่ในทางเปียก ต้องบอกว่า  จับฟีลลิ่งความหนึบที่ส่งผ่านยางไม่ค่อยได้

มันโหวงๆ ไม่มั่นใจอย่างไรก็ไม่รู้

โชคดีว่าทริปที่ขึ้นเชียงใหม่นั้น ไม่โดนฝน ในช่วงที่เป็นภูเขาเลย  เลยรอดตัวไป

ฟ้าประทาน หรือ โชคดีก็ไม่ทราบ

อยู่ดีๆ ก็มีผู้สนับสนุนยางมาให้เจ้าบักหมานของผมซะงั้น ยิ้มยิ้ม

ผู้ใจดีท่านนั้นคือ ร้าน “SHOWPOW”  จุ๊บๆจุ๊บๆ

และก็เลยมาเขียนกระทู้นี้เล่าสู่กันฟังเป็นการตอบแทนทางร้านเขาด้วย ( เว่ากันซื่อๆ ก็คือ SR )

แต่ก็ด้วยเกียรติของลูกเสือสำรอง  ขอปฏิญาณว่าจะเขียนให้ตรงไปตรงมาที่สุดฮะ อมยิ้ม17อมยิ้ม17

และพระเอกในครั้งนี้

รับหน้าที่โดย  เต๋อ ฉันทวิชช์

เอ้ย

PIRELLI  DIABLO SCOOTER ฮะ

ส่วนผมใช้ยาง X-PLY ขนาดตามที่ขีดเส้นใต้เลยฮะ

สเป็ค เทคนิค อะไรพวกนี้ขอไม่กล่าวถึงละกันครับ

พาออกท่องเที่ยว สัมผัสของจริงสไตล์เราดีกว่า

รถพร้อม…

ยางพร้อม..

กล้องพร้อม…

GPS พร้อม…

ไปกันเลย หัวเราะหัวเราะ

พูดถึงเส้นทางของเราหน่อย

เราวิ่งเข้าสู่จังหวัด “อุทัยธานี” ทางจังหวัดชัยนาท

และเข้าสู่อำเภอ “บ้านไร่”

จากนั้นใช้เส้นทาง 3282  เรียบชายเขาที่ค่อนข้างสวยงาม ไปยัง “หุบป่าตาด” ( วงกลมสีแดงด้านบน )

และก็วิ่งย้อนลงมายัง “แก่นมะกรูด” ซึ่งตั้งอยู่บนเขาอากาศค่อนข้างเย็นตลอดปี ( วงกลมสีแดงด้านล่าง )

คราวนี้เจ้า บักหมาน 125 ของกระผม นอกจากจะซีซีน้อยกว่าชาวบ้านเขามากๆแล้ว

ยังต้องรับภาระซ้อน 2 และสัมภาระ

น้ำหนักรวมๆ ก็ หนักพอๆ กับ Versys + คนขี่หนึ่งคนแหล่ะฮะ

ก็ดีจะได้ทดสอบว่าในโค้งลงเขาความเร็วสูงและภาระน้ำหนักที่มากระดับหนึ่ง

เจ้ายางปีศาจคู่นี้จะรับภาระน้ำหนักได้ดีแค่ไหน

สัมผัสแรก

หลังจากขี่ในเมืองได้สักพัก และ ออกมานอกเมืองบ้าง  ยังจับฟีลลิ่งเทียบกับยางเดิมได้ไม่ชัดเจนมากนัก

สิ่งที่รู้สึกได้เล็กน้อยคือ  ความรู้สึกว่า “นุ่ม” ขึ้นเล็กน้อย  อาจจะเป็นเพราะเนื้อยางที่อ่อนนุ่มกว่ายางเดิม

เดินทางกันต่อ

วิ่งมาสักพัก…

เริ่มเข้าเขตดินแดนที่มีกลิ่นไอยุคดึกดำบรรพ์นิดๆ

สถานที่นั้นคือ  “หุบป่าตาด”

ลักษณะของหุบป่าตาดเป็นภูเขาหินและถ้ำ

ลักษณะต้นไม้ ให้อารมณ์เหมือนเดินในป่าดึกดำบรรพ์ฮะ

เนิ่นนานแล้ว ที่กลุ่มนี้ไม่ค่อยได้รวมตัวกัน

ใครสิงห้อง รัชดา มานาน คงจะพอรู้จักมักจี่กันบ้าง

นานๆ เจอกันที  ภาพเก่าๆ ที่เคยเที่ยวกันมาแม้จะเริ่มเลือนหายไปตามกาลเวลา

แต่มิตรภาพที่มีให้กันก็ยังคงอยู่

เค้นหาสมรรถนะของยาง

แน่นอน ด้วย CC เพียง 125cc ซึ่งสวนทางกับน้ำหนักตัวที่มีมากกว่ารถ 300CC เสียอีก  ก็ต้องอาศัยทางลงเขาในการทดสอบสมรรถนะ การเข้าโค้งและการเบรกเป็นตัวช่วย

ตัวยางนั้น ให้ความรู้สึกว่ามี “กริ๊ป” มากกว่ายางเดิมเล็กน้อย ที่ช่วงความเร็วต่ำ  แต่จะรู้สึกได้มากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากความเร็วเกิน 100 ขึ้นไปในโค้งยาวๆ ลงเขาแบบ high speed กริ๊ปของยางนั้นดีขึ้นแบบสัมผัสได้ว่าแตกต่างจากยางเดิม  เสถียรภาพกลางโค้งดีขึ้นค่อนข้างชัดเจน  เบรกหนักๆ ระยะเบรกสั้นลงกว่าเดิมเล็กน้อยในทางแห้ง

ในแง่การควบคุมและเปลี่ยนทิศทางถือว่า ไม่แตกต่างจากยางเดิมนักซึ่งทั้งคู่ให้ความรู้สึกในการพับรถที่คล้ายๆ กัน

โดยสรุป สำหรับถนนแห้งๆ ทั่วไปในประเทศไทย ยางรุ่นนี้น่าจะเหมาะมากๆ สำหรับรถสกู๊ตเตอร์ที่มีการขับขี่ด้วยความเร็วสูง

ออกจากอำเภอบ้านไร่

มุ่งหน้าสู่ “แก่นมะกรูด”

เราเริ่มไต่เขาสูงขึ้นไปเรื่อยๆ

สัมผัสได้ถึงอากาศเย็นเล็กๆ

มาถึงสมรรถนะในเรื่องทางเปียก

เมื่อฝนเทลงมา  ผมลองลดความเร็วและค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และพยายามจับความรู้สึกว่ายางไหวได้แค่ไหน

ถ้าเป็นยางเดิม แค่ความเร็ว 40-50 ก็รู้สึกว่า “เหวอ”  แล้วในโค้ง และแทบจับความรู้สึกจากยางไม่ได้แล้ว

ส่วนเจ้า Pirelli Diablo Scooter หรอ…

ในโค้งยาวๆ

50… ยังได้

60… ยังไหว

70… ยัดเข้าไป

75… อีกนิดน่า

76.. พอและ ใจไม่ถึง 55

เฮ้ยยย  ยางมันให้ความรู้สึกว่าไปได้จริงๆ

ดีขึ้นกว่ายางเดิมมากๆเลย

ขี่ได้เร็วระดับนึงโดยที่ไม่ส่งอาการเป๋ออกมาให้เห็น จุ๊บๆจุ๊บๆจุ๊บๆ

จากสมรรถนะที่ดีในทางเปียก

ทำให้การขับขี่มั่นใจและสนุกขึ้นมากเลยทีเดียว

และจากที่ Suzuki Burgman 125 มี CC เพียงน้อยนิดและต้องลากตัวถังขนาดยักษ์ ( เมื่อเทียบกับ CC )

การเปิดคันเร่งหนึ่งครั้ง รอบจะพุ่งไปที่ 5-6 พันรอบ เพื่อเอาแรงมาลากตัวถัง

ทำให้จังหวะการเปิดคันเร่งล้อหลังจะดึงตัวอย่างรวดเร็ว

สำหรับในทางเปียก หากเป็นยางเดิม อาจจะให้ความรู้สึกเหวอเล็กๆ แต่สำหรับเจ้าปีศาจคู่นี้

บอกได้เลยว่าค่อนข้างนิ่ง เยี่ยมเยี่ยม

30 กว่ากิโลเมตร จาก อ. บ้านไร่

และแล้วเราก็มาถึง “แก่นมะกรูด”

ดินแดนแห่งสายหมอก และดอกไม้ แห่งจังหวัดอุทัยธานี

เราขออาศัยกางเต้นท์กันที่ “ที่ทำการสภาตำบลแก่นมะกรูด” ครับ

บรรยากาศโดยรอบก็ประมาณนี้

ยามเย็น สายหมอก ( หรือสายฝน ) ก็ตามมาหยอกเย้า

วิถีชีวิตและบ้านเรือนของคนที่นี่ยังดูเรียบง่ายอยู่

เด็กๆที่นี่ ดูไม่ค่อยมีคนติดมือถือกัน

ยังใช้ชีวิตคล้ายๆ ในยุคที่เรายังเป็นเด็ก คือ ขี่จักรยาน เตะฟุตบอล

คนที่นั่งดู หรือ รอเล่นฟุตบอลอยู่ก็ไม่มีใครเล่นมือถือเลย

รู้สึกทึ่งและชื่นชม ว่ายังมีดินแดนที่เด็กๆยังใช้ชีวิตแบบนี้อยู่อีกหรือ

ตื่นมายามเช้า นั่งทำใจสักพักก่อนเอาร่างออกจากเต้นท์ได้

บรรยากาศยามเช้าสดชื่นยิ่งนัก

และแล้วก็ได้เวลาบอกลา แก่นมะกรูด

ก่อนออกเดินทางสักรูป

กับกลุ่มที่เที่ยวกันมา  เข้าปีที่ 7 แล้ว  นามว่า “ทะโมน”

เดินทางกันต่อ วันนี้วิ่งจาก  แก่นมะกรูด  จุดหมายคือไปกินข้าวเที่ยงกันที่แพปู่ยาตายาย

ผ่าน อุทยานแห่งชาติพุเตย  และ เขาโจด

หลังจากเลี้ยวขวา ออกจากถนนเส้น แก่นมะกรูด – บ้านไร่

ถนนเรียกได้ว่า  เรียบกริบ  โค้งยาวๆ ไม่ค่อยมีรถสวน

เป็นสวรรค์ของนักบิดจริงๆ

ทางขึ้นก็อืดอย่างที่เห็น

มีโอกาสแค่ทางลง  ได้ใส่เต็มๆ เพื่อทดสอบว่ายางตอบสนองอย่างไรกับลาดยางเรียบๆ จัดๆ แบบนี้

โดยสรุป ตัวยางก็ให้ฟีลลิ่งและการตอบสนองที่ดีตามที่หวังไว้

มาถึงเส้นทางเขาโจด

ก็เป็นเส้นทางยอดนิยมสำหรับชาว Biker

มีโค้งสั้นๆ แคบๆ ให้ได้เสพจนเบื่อกันไปข้างหนึ่ง

ท่านเจ้าสำนักให้เกียรติทำการ

ฟิวชั่นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน  เพื่อเรียกนักขี่ในตำนานที่จะเค้นประสิทธิภาพยางก่อน หัวเราะหัวเราะ

หลุดจากเขาโจดมาได้

เส้นทางเรียบอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ก็นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่สวยงาม

และยังมีจำนวนรถที่น้อยอยู่

มาถึง แพปู่ย่าตายายจนได้

แต่มาถึงก็เจอเรื่องโชคร้ายทันที

ถอดรองเท้าปุ๊บ แมงป่องมาจากไหนไม่รู้

ต่อยปั๊บทันทีเลย

อูย ปวดดร้องไห้ร้องไห้

เอาหล่ะ สุดท้ายแล้ว เราก็กลับ กทม ด้วยความสะบักสะบอม

แถมฝนยังเทกระหน่ำตั้งแต่พนมทวน ยัน ลาดพร้าว

แต่สุดท้ายก็รอดกลับมาได้อีกหนึ่งทริป

สำหรับบทสรุปของยางปีศาจ  Pirelli Diablo Scooter คู่นี้

เมื่อเทียบกับราคาค่าตัวแล้ว

ถือว่า  “คุ้มค่า”  เอามากๆ กับสมรรถนะที่ต้องบอกว่า “ครบ”

ไม่ว่าจะสมรรถนะในทางแห้ง

และทางเปียก

รวมไปถึงความนิ่มนวลที่ตัวยางมีให้

ส่วนในเรื่องความทนทานนั้น คงต้องดูกันยาวๆ แล้วจะมาบอกกล่าวกันอีกที

ข้อเสียนั้น ผมเองยังหาไม่เจอ คงจะเป็นเพราะสมรรถนะของรถผม

ยังมีไม่มากพอที่จะเค้นยางให้ถึงลิมิตของมันได้ ดังนั้นขอแปะไว้ก่อน

แต่สำหรับ นาทีนี้ ถือว่า เอาไป สามผ่านเลยครับ  พีเรลลี่

สุดท้ายขอขอบคุณร้าน SHOWPOW ที่สนับสนุนยางคู่นี้ด้วยครับ

ผมจะยังคงใช้เจ้า Diablo Scooter คู่นี้

เดินทางค้นหาโลกต่อไป

อีกแน่นอน….

บทความโดย เตี้ย ล่ำ ดำ แก่

Link ต้นฉบับ http://pantip.com/topic/35585901