
สวัสดีจ้าพ่อแม่พี่น้อง หลังจากที่อัดอั้นตันใจกับหน้าฝนที่พากันโปรยปรายลงมาให้ชุ่มชื้น ฉ่ำเย็นกันไปทั่วแล้วนั้น
มาบัดนี้ก็เข้าสู่ฤดูหนาวเต็มตัวกันแล้วนะจ๊ะ
TopsaVage ก็เลยถือว่านี่คือวาระดิถีฤกษ์ดีแล้วล่ะ ที่จะออกร่อนเก็บระยะทางสะสมเพื่อเป็นรางวัลแห่งประสบการณ์ให้กับชีวิต
หากแต่ว่าเว้นว่างจากการซัดยาวไปเป็นเดือน เพราะหลบฤทธิ์ฝน ก็เลยขอเริ่มเบาๆก่อนเป็นการ วอร์มอัพ
บอกแบบไม่อายเลยว่า ปิดตาจิ้มเอาสักที่นึงในพิกัดรอบกรุงเทพฯเรานี่แหละ
การเดินทางครั้งนี้ ก็จะเป็นไปในแบบสบายๆ หาของกิน หาที่ถ่ายรูป หาที่ช็อปปิ้งของฝาก เจออะไรก็แวะ แชะภาพมาฝากกันนะจ๊ะ
เก็บกระเป๋าเรียบร้อย รถพร้อม คนพร้อม น้ำมันในถังก็พร้อม รออะไร ไปเปิดเทศกาลขี่รถท่องเที่ยวฤดูหนาวกัน ณ บัดนาวเลยจ้าาา
โคราช ประตูสู่ภูมิภาคที่ราบสูงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลายครั้งที่ได้มีโอกาสออกเดินทาง โคราชมักเป็นเพียงแค่ทางผ่านของ TopsaVage เท่านั้น
ทำไมเราไม่ไปเที่ยวเมืองโคราชดูสักทีล่ะ?
เอ้า เกิดคำถามแล้วก็ต้องหาคำตอบ จากโจทย์การเดินทางครั้งนี้ตั้งขึ้นมาว่า ไม่อยากไปไกลเกิน 500กิโลเมตร (รวมไปกลับ) ไปเพื่อพักผ่อนแบบสั้นๆ หาของอร่อยกิน นั่งจิบกาแฟเก๋ๆ หาของกินแบบราคานักศึกษา หาที่ชมวิวเมืองแจ่มๆ หาที่แอ๊วสาวไปตามเรื่องตามราว แล้วควรจะมีของติดมือฝากคนทางบ้านด้วย (ออกแว๊นคนเดียวบ่อยๆ เดี๋ยวหัวแตก)
ออกเดินทางจากนิวาสถานบ้านทรายทองย่านนนทบุรี ก็ใช้เส้นทาง วงแหวนอุตสาหกรรม กาญจนาภิเษก หมายเลข 9
ความเร็วที่เรียกใช้งานเจ้า New DEMON150GN ในช่วงนี้ก็ยังสบายๆ ยังไม่เปิดทำการอย่างเต็มที่นัก เพราะพี่ๆสิบล้อพ่วงค่อนข้างเยอะ รักษาระยะห่างระหว่างกันและกันเอาไว้พอประมาณนะพี่นะ เราไม่ต้องสนิทสนมกันมากก็ได้
เผลอแป๊บเดียวก็มาถึงทางหลวงหมายเลข 1 ก็มุ่งหน้าต่อไป ถึงสระบุรีค่อยเลี้ยวขวา (เพราะทางบายพาสเลี่ยงเมือง ช่วงนี้กำลังมีการก่อสร้าง)
พอเลี้ยวขวาจากสระบุรีมาขึ้นถนนหมายเลข 2 (มิตรภาพ) คราวนี้ละ ได้เรียกใช้งานกำลังของเจ้า New DEMON150GN
ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง กับรถพิกัดไซส์ 150 ล้อ 14 นิ้ว ความเร็วที่ใช้ประมาณ 90-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จังหวะเร่งแซงก็กดไปสัก 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็แซงรถราที่สัญจรร่วมทางไปได้เกือบทั้งหมดแล้วล่ะ
แล้วเป้าหมายแรกเลยที่ตั้งใจไว้นานแล้วว่าอยากแวะถ่ายภาพซักนิดก็มาถึง วัดโนนกุ่ม หรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่า วัดสรพงษ์ ผ่านทางนี้ทีไร จะเห็นโบสถ์หลังนี้ เด่นอยู่ข้างทางทุกทีไป
ลานจอดโล่งกว้าง ฟ้าเป็นฟ้าขนาดนี้ ขอซักแชะ
ยะๆย่องๆ มาถึงโคราช เป้าหมายแรกที่อยากจะมาสักครั้งมานานแล้วก็ อนุสาวรีย์ ท้าวสุรนารี หรือ ย่าโม ของชาวโคราชนี่เอง
บอกไปก็น่าอายอีก อันตัวเราก็มั่นใจประมาณนึงละว่าเดินทางมาเจนจบแทบครบทุกย่านน้ำ แต่ไม่เคยมาสักการะย่าโมเลยสักครั้ง
ครั้งนี้มาคนเดียว ใครก็ห้ามข้าพเจ้ามิได้แล้วล่ะ ข้าพเจ้าจักต้องไปกราบลงตรงบาทย่าโมให้จงได้
ก็ใคร่ขอยกเกร็ดสั้นๆเกี่ยวกับ อนุสาวรีย์ย่าโมมาให้ท่านได้อ่านกันสักเล็กน้อย
เมื่อท้าวสุรนารี ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อปีพุทธศักราช 2395 อายุ 81 ปี เจ้าพระยามหิศราธิบดีผู้เป็นสวามี ได้ฌาปนกิจศพ และสร้างเจดีย์บรรจุอัฐิไว้ ณ วัดศาลาลอย ซึ่งท้าวสุรนารีได้สร้างไว้ เมื่อเวลาผ่านไปเจดีย์ชำรุดลง
พลตรีเจ้าพระยาสิงหเสนี (สอาด สิงหเสนี) ครั้นเมื่อยังเป็น พระยาประสิทธิศัลการ ข้าหลวงเทศาภิบาล ผู้สำเร็จราชการเมืองนครราชสีมา องคมนตรี และรัฐมนตรี ได้บริจาคทรัพย์สร้างกู่ขนาดเล็ก บรรจุพระอัฐิท้าวสุรนารีขี้นใหม่ที่วัดกลาง (วัดพระนารายณ์มหาราช)
สร้างเสร็จเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ร.ศ.118 (พ.ศ. 2442) ต่อมากู่นั้นได้ทรุดโทรมลงมาอีก อีกทั้งยังอยู่ในที่แคบ ไม่สมเกียรติ พระยากำธรพายัพทิศ (ดิส อินทรโสฬส) ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นายพันเอกพระเริงรุกปัจจามิตร (ทอง รักสงบ) ผู้บังคับการมณฑลทหารบกที่ 5 พร้อมด้วยข้าราชการ และประชาชนชาวนครราชสีมาได้พร้อมใจกันสร้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีด้วยสัมฤทธิ์
ซึ่งทางกรมศิลปากรได้มอบให้ ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี เป็นผู้ออกแบบร่วมกับ พระเทวาภินิมมิตร (ฉาย เทียมศิลปไชย) ประติมากรเลื่องชื่อในสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม
จนเมื่อปี พ.ศ. 2510 จึงทำการก่อสร้างแล้วเสร็จได้อัญเชิญอัฐิของท่านนำมาบรรจุไว้ที่ฐานรองรับ และประดิษฐานไว้ ณ ที่หน้าประตูชุมพล
อนุสาวรีย์หล่อด้วยทองแดงรมดำ สูง 1.85 เมตร หนัก 325 กิโลกรัม ตั้งอยู่บนฐานไพที สี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสองซึ่งบรรจุอัฐิของท่าน แต่งกายด้วยเครื่องยศพระราชทาน ในท่ายืน มือขวากุมดาบ ปลายดาบจรดพื้น มือซ้ายท้าวสะเอว หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นทิศที่ตั้งของกรุงเทพมหานคร
นับเป็นอนุสาวรีย์ของสามัญชนสตรี คนแรกของประเทศ เริ่มก่อสร้างในปี 2476 แล้วเสร็จ และ มีพิธีเปิดอนุสาวรีย์เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2477
ก็มึนๆงงๆขี่หลงๆเข้าไป อ้อ นี่ห้าง Terminal 21 นี่นา เข้าไปชมหน่อย
จอดรถเสร็จเดินเข้าห้างมาจับต้นชนปลายยังไม่ถูก คิดแค่ว่าอยากขึ้นไปดูวิวข้างบน ก็เจอสาวน้อยคนหนึ่ง ก็เอ่ยถามน้องไป
น้องจ๋า พี่ว่าจะขึ้นไปส่องวิวข้างบนหอคอย มันต้องไปยังไงจ๊ะ
สาวน้อยก็เอื้อนวจีกลับมาว่า พี่จ๋า เดี๋ยวพี่ขึ้นไปชั้นสาม แล้วมันจะมีป้ายบอกทางไปต่อเอง เดี๋ยวหนูว่าจะไปบริจาคเลือดก่อน เสร็จแล้วหนูกะว่าจะขึ้นไปยลเช่นกันจ้ะ
เอ้า เข้าที และเข้าทาง อันตัวพี่ก็เว้นว่างจากการหลั่งโลหิตเพื่อผู้อื่นมาเนิ่นนานแล้ว เลือดชั่วดูจะเต็มตัวเสียแล้วกระมัง น้องนางโปรดช่วยนำทาง เป็นแสงสว่างให้พี่ทีเถิด
จากนั้นก็ได้ขึ้นไปส่องวิวแชะภาพเมืองโคราชจากมุมสูงสมใจ (ขึ้นชมฟรี ไม่เสียตัง ตามรอบเวลานะจ๊ะ)
ฟ้าไกลๆ ดูจะไม่เป็นใจในยามนี้ แสงฟ้าแล่บ แปลบปลาบบนท้องนภา เพียงไม่ช้าคงเข้ามาส่งท้ายโปรยปรายสายฝนใส่คนโคราชเป็นแน่แท้
เอ้า เดินไปเดินมา เจอสาวน้อยผู้บอกทางเข้าอีกแล้ว ไฉนเราจะไม่แชะภาพน้องมาฝากสักนิดเล่า
(ชื่อก็ไม่ได้ถามมา เฟสบ้ง เฟสบุ้ค ไลน์เลยก็ไม่ได้แลกไว้ วู้วววว)
กว่าฝนจะขาดเม็ด เล่นเอาสามสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว กะจะไปเดินแอ๊วสาวตลาดกลางคืนของโคราชมาฝากเพิ่ม แต่ฝนเทหนักขนาดนี้ ชาวบ้านร้านตลาดเค้าคงเก็บของกลับบ้านกันหมดแล้วล่ะ
แวะอนุสาวรีย์ย่าโมอีกที ฝนยังไม่ขาดเม็ดดี เลยมีโอกาสถ่ายภาพมาเพียงเท่านี้ หมายใจไว้ว่า คงต้องมีการล้างตา ตลาดกลางคืนของชาวโคราชอีกสักที
ไม่ได้เดินตลาดกลางคืน แอ๊วสาววัยรุ่น เรามาเดินแอ๊วสาวรุ่นใหญ่ ตลาดเช้าแทนก็แล้วกัน
พิกัดตลาดก็รอบๆ อนุสาวรีย์ย่าโมนั่นแหละ ขี่รถวนๆเล่นเห็นตรงไหนคนเยอะๆก็พุ่งเข้าไปได้เลย
ไม่ตื่นเช้า ก็ไม่เห็นภาพนี้แน่
นอกจากจะมาเป็นคู่แล้วชื่อขนมนี้ยังเอามาประดิษฐ์คำต่อได้อีกว่า คน รัก กัน
แผงหนังสือที่นับวันจะหายากขึ้นทุกที
กราฟิตี้เฟี๊ยวจังเลยแม่จ๋า
สินค้าอย่างเยอะ!!!
อันนี้ รสชาติโอเค หอมกลิ่นต้มยำชัด
หม่ำหมู กับ ไส้อั่วหมู รสชาติไม่ถึงกับฟินมากนัก แต่ก็ไม่ต้องวัดดวงเรื่องความสะอาดหรือรสชาติแบบหม่ำที่แขวนขายข้างทาง
ผัดหมี่แบบกล่องใหญ่ แหะๆ อันนี้ไม่สามารถจะหยิบมายัดกระเป๋าเป้ได้จริงๆ
แต่แหนมนี่ ยังไงก็ต้องยัดกลับ 5555+
สินค้าเพียบจริงๆ ดูหลังเคาเตอร์คิดเงินนั่นสิ
หรือจะเอาไปฝากญาติผู้ใหญ่ก็พอไหว ด้วยแพคเกจอีกระดับ
ป้ายเด่นเห็นชัดแต่ไกล ของฝากมีให้เลือกเพียบ จบเรื่องช็อปก่อนละ ขืนช็อปเยอะ ได้ส่งกลับทางไปรษณีย์แหงๆ
นี่เลยที่แรก
ร้าน Take off CAFFE @ Airplane Park Korat
เวลาเปิดบริการทุกวัน จ.-พฤ. : 09.00 – 20.00 น. / ศ.-อา. : 08.00 – 22.00 น.
มีดนตรีสดช่วงเวลา 18.00เป็นต้นไปสำหรับวัน ศุกร์-อาทิตย์
พิกัด : https://goo.gl/J1GhWS ใกล้ๆ มหาวิทยาลัย เทคโนโลยี สุรนารี
Facebook : Airplane Park Koratt
บรรยากาศก่อนถึงร้านที่หมาย
อ้ะโน่นไง ถึงแล้ว หาง่ายๆ สบายเลย
บรรยากาศจ้า
เฮ้อออ วิวเครื่องบินสบายตาแท้ๆ
นี่เลย ที่หมายต่อไป
ร้าน บ้านเกี๊ยวเตี๋ยวลาวา (มทส. ประตู4)
เวลาเปิดบริการทุกวัน : 10.00-20.00 น.
พิกัด :https://goo.gl/9W15Yc
Facebook : บ้านเกี้ยว เตี๋ยวลาวา -มทส. ประตู4
ถ้าเอารถมอเตอร์ไซค์มาก็หายห่วง จอดหน้าร้านได้เลย แต่ถ้าเป็นรถยนต์ก็อาจต้องหาที่จอดสักหน่อยนะ
บรรยากาศนักศึกษาวัยรุ่น วู้ววว สดใสจังเล้ยยยยย
เมนูและราคา สบายกระเป๋า
สั่งเกี๊ยวหมู ต้มยำ ไข่ลาวา ไป รสชาตินี่คือ ชิมก่อนปรุงนะ ชามนี้ TopsaVage ไม่ปรุงเพิ่มแล้วล่ะ
ดูความลาวาของไข่แดงนั่นสิพวกนายยยยยย
กังหันลมยักษ์ บนเขายายเที่ยงนั่นเอง เคยแต่ผ่านตลอดเลย คราวนี้ขอขึ้นมาดูของจริงใกล้ๆสักทีเถอะ
มีจักรยานให้เช่าปั่นเล่นชมวิวแบบใกล้ชิดสนิทแนบกว่ามองไกลๆด้วยนะ
แต่ควรเป็นช่วงเช้า หรือ ช่วงเย็น คงจะดีสุด เพราะตอนที่ไปถ่ายรูปนั้นมีลมเย็นๆพัดโชยก็จริง แต่แสงแดดพี่ก็รุนแรง ปานจะแทงตาให้แตกได้เลยง่า
จากถนนมิตรภาพเลี้ยวเข้ามาไม่ถึงสิบนาที แต่บรรยากาศแตกต่างกันเยอะมาก บางช่วงของถนนเส้นนี้ร่ม เย็น สบายสุดๆเลย
สถานที่กำลังก่อสร้าง ถ้าเสร็จแล้ว ก็เป็นจุดที่น่าสนใจอีกที่นึงเลย ไว้ค่อยมาหาใหม่นะ โคราช
ก็ขอเล่าประสบการณ์แบบเม้ามอยให้เพื่อนฟัง ตามบรรยากาศการเดินทางที่ผ่านมาก็แล้วกันเนาะ
เริ่มต้นกันที่เครื่องยนต์ 149cc. กับเกียร์ลูกใหม่
ในยามเดินทางแบบยาวๆ เกียร์ 6 ที่เพิ่มมาให้ มันแจ่มมากเลย รอบเครื่องยนต์ไม่สูงมาก ลดความเครียดของผู้ขี่และของรถลงได้มากเลย
เมื่อต้องการเรียกใช้แรงเพิ่มขึ้น ก็ลดลงไปเกียร์ 5 แล้วกระแทกคันเร่งเพิ่ม มันก็พร้อมรับใช้ทันที
แต่อาการเกียร์แข็งนิดๆ ตอนหาเกียร์ว่างเวลาเครื่องร้อนยังเจออยู่นะ (แต่อาการดีขึ้นกว่า ตัวเก่าที่ใช้ 5 เกียร์ เยอะเลยแหละ)
การขับขี่ทางไกล ด้วยส่วนสูง 174cm. น้ำหนัก 76 กิโลกรัม บวกกับเป้อีกใบ มันก็โอเคนะ แต่บางจังหวะ อยากให้เบาะมันมีที่ข้างหลังอีกนิด ให้เราขยับถอยหลังไปอีกสักนิ้วนึงอ่ะ ถ้าส่วนสูงประมาณ TopsaVage หรือสูงกว่านี้ ควรไปลองคร่อมตัวจริงดูก่อนตัดสินใจนะ
ช่วงล่างหน้าหลัง
เป็นรถอีกรุ่นที่มีพัฒนาการช่วงล่างในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ รุ่นก่อนๆของ DEMON จะให้ความรู้สึก วูบวาบ และหน้าไวเกินความจำเป็นไปสักนิด
แต่พอเป็น NEW DEMON150GN ตัวนี้ ให้ความรู้สึกเฟิร์มกว่าเดิมอีกนิด ความคล่องตัวยังสูงอยู่ แต่อาการวูบวาบหน้าไวแบบเดิมหายไปแล้ว
ตอนเจอหลุมหรือเนินเล็กๆ ลองยืนแล้วอัดใส่ ให้รถกระโดดเบาๆ มันซับแรงสะเทือนตรงนั้นได้ดีเลยแหละ
เบรกหน้าหลัง
แน่น หนึบ ดีเหมาะสมกับกำลังของรถแล้ว แต่เบรกหลังนี่ต้องทำความคุ้นชินกับระยะกดแป้นเบรกสักนิด ช่วงแรก TopsaVage ยังไม่ชินกดเบรกหลังแล้วล้อล็อค แต่พอชินกับน้ำหนักเบรกแล้วก็หายห่วงละ
มาตรวัดแสดงผลแบบดิจิตอล อ่านค่าง่ายชัดเจน มีไฟบอกเกียร์มาด้วย เลิฟเลย แต่ขีดบอกน้ำมันเชื้อเพลิงเจออาการสวิงบ้างนิดๆ เอาชัวร์ให้สุดก็เปิดฝาถังดูเลย (หลักสูตรการตรวจสอบรถก่อนใช้งานแทบทุกที่ สอนให้เปิดฝาถังดูนะจ๊ะ อย่าวางใจเชื่ออุปกรณ์มากนัก)
กระจกมองข้าง ใช้งานได้ดีทุกย่านความเร็ว แต่จะมีมุมบังแขนคนขี่บ้างเล็กน้อย
ท่อไอเสียทรงสั้น ออกใต้ท้อง สุ้มเสียงออกทุ้มๆ เสียงดังพอประมาณ และเวลายกคันเร่งเร็วๆ แล้วลดเกียร์ลงด้วย จะมีเสียงแบ็คไฟร์ออกมาได้ยินชัดเลยแหละ แต่หากแค่ยกคันเร่งเฉยๆไม่เป็นนะ
ไฟส่องสว่าง Full LED จ้า สว่างโร่ยามค่ำคืนแน่นอน
สรุป
เครื่องยนต์คาร์บู เพิ่มเกียร์ โอเคขึ้น
ช่วงล่าง ยาง เบรก พลิกพริ้วได้คล่องตัว ยาง เบรก พิสูจน์ตัวมาพักใหญ่แล้วว่า วางใจได้
ท่านั่ง ถ้าปรับเบาะให้มีพื้นที่ได้มากกว่านี้อีกนิดก็แจ่มเลย
ราคาค่าตัว 60,900 บาท
รถขับสนุก รูปทรงสวย ราคาน่ารัก คงตัดสินใจได้ไม่ยากที่จะเลือกเจ้า NEW DEMON 150 GN มาใช้งาน
เรื่องการบริการหลังจากขาย ถึงตอนนี้ GPX เองก็ได้สร้างผลงาน ให้ได้เห็นเป็นที่ประจักษ์กันแล้วละจ้ะ
ติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆของ GPX facebook http://www.facebook.com/gpxracingthailand/
สำหรับวันนี้ TopsaVage ณ just-ride-it http://www.facebook.com/justrideitteam/ ขอจรลีไปก่อน
สวัสดีครับ
ประตูชุมพล ตั้งอยู่ด้านหลังอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี สมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมืองนครราชสีมา
เป็นเมือง หน้าด่านเมื่อ พ.ศ. 2199 อันเป็นปีที่พระองค์เสด็จขึ้นครองกรุงศรีอยุธยา และสร้างกำแพงประตูเมืองอย่างแข็งแรง
โดยมี ช่างชาวฝรั่งเศส ซึ่งเป็นมิตรประเทศกับกรุงศรีอยุธยาในขณะนั้น เป็นผู้ออกแบบผังเมือง เมืองนครราชสีมาในขณะนั้นมี ลักษณะ เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 1,000 x 1,700 เมตร เดิมมีประตูเมืองทั้งหมด 4 ประตู
ได้แก่ ประตูพลแสน ด้านทิศเหนือ ประตูพลล้านด้านทิศตะวันออก ประตูไชยณรงค์ด้านทิศใต้ และประตูชุมพลด้านทิศตะวันตก
ปัจจุบันเหลือเพียงประตูชุมพล เท่านั้นที่เป็น ประตูเมืองเก่า ส่วนอีกสามประตูได้สร้างขึ้นใหม่ ลักษณะประตูชุมพลเป็นประตูเชิงเทิน ก่อด้วยหินก้อนใหญ่และอิฐ ฉาบด้วยปูน ส่วนบนเป็นหอรบสร้างด้วยไม้แก่นหลังคามุงกระเบื้อง ประดับด้วยช่อฟ้า กระจังและนาคสะดุ้ง กำแพงต่อจากประตูทั้งสองข้าง ก่อด้วยอิฐ ส่วนบนสุดทำเป็นรูปใบเสมา
เชื่อกันว่าหากลอดประตูนี้ 1 ครั้ง จะได้กลับมาโคราชอีกในไม่ช้า ถ้าลอด 2 ครั้งจะได้ทำงานหรือมาอยู่ที่โคราช แต่ถ้าลอดถึง 3 ครั้งก็จะได้คู่ครองเป็นคนโคราช (แหะๆ TopsaVage ขอลอดครั้งเดียวก่อนละกันนะ)
ประตูชุมพล ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมืองนครราชสีมามีผังเมืองเป็น รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ล้อมรอบด้วยคูน้ำและกำแพง มีการสร้าง ประตูเมือง 4 ประตู โดยปัจจุบันคงเหลือแต่ประตูชุมพลทางทิศตะวันตก ของเมือง เท่านั้นที่เป็นประตูเดิม
ส่วนอีกสามประตูได้มีการสร้างขึ้น ใหม่แทนประตูเดิมความ พิเศษของประตูชุมพล คือ ตรงเหนือช่องประตู จะมีเรือนไม้หลังเล็ก ๆ เป็นเรือนแบบไทยมีหลังคามุง กระเบื้อง ประดับด้วยช่อฟ้าใบระกา เรียกว่า “หอรบ” เอาไว้สำหรับ บัญชาการรบ
ส่วนของกำแพงที่ต่อไปทั้งสองข้างส่วนบน ทำเป็น รูปใบเสมา ใต้ใบเสมาเจาะช่องเป็นรูปกากบาท เพื่อใช้ลอบดูข้าศึก ด้านนอก และมีบันไดขึ้นหอรบ กำแพงเมืองนี้แต่เดิมได้สร้าง ล้อมรอบเมืองโคราชโดย มีคูน้ำคู่ขนานกันไปเป็นรูปสี่เหลี่ยม ผืนผ้าเป็นปราการอันแข็งแกร่ง เพื่อปกป้องเมืองโคราชจากข้าศึก ศัตรูมาหลายยุคหลายสมัย