[RIDE NOW]Ride With the Legend สองชาย สองวัย สองคัน สองพัน(กว่า)ลี้ สุดประจิมที่ริมเมย by GPX Legend150

[RIDE NOW]Ride With the Legend สองชาย สองวัย สองคัน สองพัน(กว่า)ลี้ สุดประจิมที่ริมเมย by GPX Legend150

 

เค้าล้อเล่นคำเตือน!!!  ก่อนรับชมกระทู้นี้ โปรดตรวจสอบว่าอุปกรณ์ของท่านได้เชื่อมต่อ WiFi แล้ว เค้าล้อเล่น

 

ความเดิมจากกระทู้ : ครูน้าหยอยเข้ามาลาป่วย >>> https://pantip.com/topic/34939826

หลังจากพระอาจารย์ได้ทิ้งท้ายไว้เช่นนี้

เวลาผ่านไปหลายเดือน….จนเมื่อสักต้นๆเดือนธันวาคมที่ผ่านมานี่แหละ

อมยิ้ม01 พระอาจารย์ : โอม เราคิดว่าเราอยากจะลองวอร์มร่างกายดูแล้วล่ะ

เม่าอ่านหนังสือพิมพ์ อิหมีโอม ศิษย์รองกระโถน หมายเลข 13 ประจำอาศรมวิชิตบางซ่อน : วอร์มยังไงครับอาจารย์

อมยิ้ม05พระอาจารย์ : ก็ไปขี่รถเล่นกัน หารถเบาๆไปขี่เล่นกันใกล้ๆ

เม่าเหม่อ อิหมีโอม ศิษย์รองกระโถน หมายเลข 13 ประจำอาศรมวิชิตบางซ่อน : ชัวร์ไหมครับอาจารย์ ไหวแน่นา

อมยิ้ม36 พระอาจารย์ : เราคิดว่าเราไหวแล้วล่ะ

เม่าอ่านหนังสือพิมพ์ อิหมีโอม ศิษย์รองกระโถน หมายเลข 13 ประจำอาศรมวิชิตบางซ่อน : ใกล้ๆของอาจารย์นี่….ประมาณไหนครับ

อมยิ้ม07 พระอาจารย์ : เราอยากไปแม่ฮ่องสอน…

เม่าตกใจ อิหมีโอม ศิษย์รองกระโถน หมายเลข 13 ประจำอาศรมวิชิตบางซ่อน : /$@^*^$))@(&%(^(&ร้องไห้$@

เม่าตาสว่าง อิหมีโอม ศิษย์รองกระโถน หมายเลข 13 ประจำอาศรมวิชิตบางซ่อน : เดี๋ยวๆๆๆๆ อาจารย์ แม่ฮ่องสอนนี่มันใกล้ตรงไหน

อมยิ้ม06 พระอาจารย์ : เราว่าใกล้ก็ใกล้สิ

เม่าแพนด้า อิหมีโอม ศิษย์รองกระโถน หมายเลข 13 ประจำอาศรมวิชิตบางซ่อน : (นั่งคิดประมาณสิบวินาที ตรูไม่เถียงดีกว่า) โอเคอาจารย์ เดี๋ยวผมไปหารถมาก็แล้วกัน
Day 1…

เราเริ่มออกเดินทางกันเมื่อ เย็นวันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม ที่ผ่านมา ออกสตาร์ทกันที่หน้าอาศรมบางซ่อน

ทริปนี้เราเดินทางด้วย GPX Racing Legend 150 หนึ่งคัน และ GPX Racing Legend 200 อีกหนึ่งคัน

ปกติเวลาจะเดินทาง ต้องเติมน้ำมันให้เต็มถัง….แต่คราวนี้เราเอาน้ำมันในถังออกให้เหลือติดถังสักสองลิตรก็พอ….เอ๊ะ ทำไม???ทำไมหน้ออออ

ตามที่ทราบกัน….เจ้าตัวเพิ่งจะกำลังจะหาย(มั้ง) ผมเลยหาเรื่องเซฟแรงพระอาจารย์สักหน่อย เอาคนขึ้นรถทัวร์ ส่วนรถก็ยกใส่ขนส่งของสมบัติทัวร์ตามไป (รอบนี้ไม่ใส่ใต้ท้องรถเพราะคันมันใหญ่เกินไปจ้า)

ยิ้มเนื่องจากเป็นช่วงHigh Season ของเชียงใหม่ โทรไปจองช้าไปนิดเลยจองเบาะสามแถวให้ไม่ทัน
ผลคือต้องเบียดกันนิดนึง…แต่ไม่เป็นไร พระอาจารย์บอกสู้ตาย!! เท่

ดูหนังไปเพลินๆ….แน่นอน หลับคาหนัง ๕๕๕
ไปถึงแถวๆสลกบาตร สมบัติทัวร์ก็จอดให้ลงไปจั่วไม่อั้นกันเช่นเคย อมยิ้ม01อมยิ้ม05อมยิ้ม06

ปกติไปกับพระอาจารย์ไม่ค่อยเห็นแกลุกขึ้นมากินอะไรตอนดึกๆนะ…แต่รอบนี้ แกบอกกับข้าวอร่อยดี หวดข้าวต้มไปสามถ้วยเลยจ้า หัวเราะ
สมบัติทัวร์สายเหนือทั้งขาขึ้นขาล่อง จอดพักกลางทางที่นี่หมดนะจ๊ะ

น้องบัสโฮสเตสคันที่นั่งมา ออกมายืนรถอยู่หน้ารถให้ผู้โดยสารเห็นชัดๆ เพราะบางคนจำไม่ได้หรอกว่ามาคันไหน(หน้าตามันเหมือนๆกันนี่)
Day 2…

ออกจากกรุงเทพ 18:00 น. มาถึงสถานนีขนส่งอาเขต ประมาณ 04 :30 น. ของอีกวัน ตัวคนน่ะถึงแล้ว แต่รถจะตามหลังมา ตามกำหนดคือไม่เกินเก้าโมงเข้า ทำไงดีล่ะ หาที่เงียบๆรอก็แล้วกัน เผื่อจะได้งีบสักหน่อย

ว่าแล้วก็เดินต๊อกๆขึ้นไปชั้นสองของอาคารรับ-ส่งผู้โดยสาร

ห้องรอพักของผู้โดยสารยังไม่เปิดจ้า….(ถ่ายตอนสว่างแล้ว)
ทำอย่างไรได้ล่ะ ไม่เป็นไร เราสองคนกินง่ายอยู่ง่าย (แต่กินจุคนนึง)
ประมาณสักเจ็ดโมงครึ่ง ลองเดินไปดูที่สำนักงานรับส่งพัสดุของสมบัติทัวร์ อยู่ข้างๆอาคารเก่านั่นแหละ

อ๊ะ รถมาถึงเร็วกว่ากำหนดนะ เย่!!!

สำรวจกระเป๋าที่มัดติดมากับรถ โอเค ยังอยู่ดีไม่มีรอยขีดข่วน ผ่านนนนน
ตั้งแต่ออกจากบางซ่อนมา…พระอาจารย์แจ้งว่ารู้สึกฟิลลิ่งของคอมันไม่ค่อยถูกใจ ถ้าถึงเชียงใหม่หาที่ทำรถกันหน่อย…

ขี่มานี่กันเลยจ้า ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัย Safety Riding Park เชียงใหม่ จะเอาเครื่องมืออะไรมีหมดแน่นอน (ที่สำคัญฟรี!!)


แหม่ ต้องให้รัวค้อนกระแทกไขควงปากแบนกันแต่เช้า
แผนที่การเดินทางของเราวันนี้
หลังจากอัดน้ำมันกันเต็มถังแถวๆสันทราย เราก็ยิงผ่านวงแหวนชั้นสองมาที่อำเภอแม่ริม และแน่นอน แดดเปรี้ยงขนาดนี้ หาอะไรกินดีกว่า

ข้าวซอยของโอมมี่

ส่วนของอาจารย์ เช้าๆจะไม่กินอะไรหนักๆ จัดเกี๊ยวน้ำมาซด 1 ea

ข้าวซอยรสชาติดี พระอาจารย์บอกว่าเกี๊ยวน้ำก็เด็ด…รออะไร สั่งเกี๊ยวแห้งต้มยำมาเบิ้ลสิ!! อ่าวเฮ้ย ๕๕๕
จากตัวอำเภอแม่ริม เราเลี้ยวซ้ายที่สามแยกเข้าไปทางน้ำตกแม่สา ผ่านโป่งแย่ง แล้วมาจอดแวะพักที่จุดชมวิวทิวทัศน์ป่าสะเมิง



เด็กน้อยชาวเขานมานั่งจี่ข้าวปุกขายนักท่องเที่ยว พระอาจารย์เลยแวะเข้าไปทักทายตามประสา
ลงจากเขามานิดนึงก็จะเจอะสามแยกนี้ที่ตัวอำเภอสะเมิง ตรงนี้เลี้ยวขวานะจ๊ะ

รูดมาเพลินๆ เส้นนี้จะผ่านอุทยานแห่งชาติขุนขาน ความพิเศษคือถนนที่เป็นตัวหนอนยาวหลายกิโลเมตร อายุการใช้งานไม่ต่ำกว่าสามสิบปี ที่สำคัญคือทุกวันนี้ยังใช้งานได้ดี ทั้งๆที่มีรถบรรทุกหนักสำหรับการก่อสร้างถนนวิ่งผ่านไปมาประจำ



โค้งลาดยางพริ้วๆมีให้เล่นเพลินๆตลอดทาง มาทางนี้บอกเลยว่าสายเล่นโค้งไม่มีเบื่อ ที่สำคัญรถสวนมาน้อยมากกก


ถนนเส้นนี้จะไต่เลาะไปตามแนวสันเขา กว่าครึ่งผ่านดงต้นสนที่ขึ้นตามธรรมชาติ…ต้องสูงจากระดับน้ำทะเลเท่าไร อากาศเย็นสบายแน่นอน

ที่สำคัญ อาจารย์ทำท่านี้ให้ถ่ายรูปเองซะด้วย อารมณ์ดีอะไรเบอร์นั้น!!


บางช่วงก็เจาะปาดเนินเขากันเป็นลูกๆ

โค้งกริบๆแบบนี้มีให้เล่นเยอะมาก

อากาศเยี่ยมสุดๆเย็นสบายกำลังดีแม้แดดจะแรงจนฟ้าเปิดอย่างที่เห็น
หลายคนอาจไม่ทราบ อำเภอสะเมิงเป็นแหล่งปลูกสตอเบอรี่ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย สองข้างทางตั้งแต่บ่อแก้วมาถึงแถวๆนี้ยาวหลายสิบกิโลจะปลูกสตอเบอรี่ในพื้นที่หุบเขากันเป็นพืชเศรษฐกิจ บางทีสวนสตอเบอรี่ที่อยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆที่สร้างให้นักท่องเที่ยวมาเก็บ มาถ่ายรูป ก็เป็นเพียงแปลงที่ปลูกให้มาเที่ยวถ่ายรูปและเก็บขายตรงนั้นได้บ้าง แต่ผลผลิตที่ขายจริงๆน่ะสั่งจากที่นี่ซะมากนะจ๊ะ

จุดชมวิวที่พีคที่สุดของถนนเส้นนี้ ได้วิวแบบนี้เล้ยยยย



หัวเราะรูปนี้พระอาจารย์ดีไซน์ท่าเองอีกแล้ว ยืนๆถ่ายอยู่ ตะโกนขึ้นมาว่า “โอมๆถ่ายท่านี้ให้เราหน่อย” หัวเราะ

เค้าล้อเล่นอะจ้าาาาาา แหม๊ วัยรุ่น!!!เค้าล้อเล่น

ยิ้มจุดที่ยืนถ่ายเนี่ย ได้วิว 360 องศาเลยนะ อยากให้ลองมาเที่ยวทางนี้กันจริงๆอมยิ้ม01

รูดมาอีกหน่อย มาแวะเติมน้ำตาลด่วนกันที่แม่แดดน้อย สามปีที่แล้วผ่านมาแถวนี้ยังดินแดงๆฝุ่นตลบอยู่เล้ยยยย


ร้านค้าใหญ่ๆในชุมชนข้างทางมักมีปั้มหลอดให้บริการนะจ๊ะ
เอาล่ะวา…ได้ของแกล้มน้ำชาคืนนี้กันล่ะเหวย


อุดหนุนน้ำกิน ซื้อจิ้งกุ่งกับตัวหม่อน…ลองถามแม่ค้า

เม่ารดน้ำอิหมีโอม ศิษย์รองกระโถน หมายเลข 13 ประจำอาศรมวิชิตบางซ่อน : ปี๊ๆ อัน ตางหน้านี่เป๋นถนนลาดยางหม๊ดเลยก่อ

womanแม่ค้า : ถนนลาดยางหม๊ดเลยเจ้า

ออกจากร้านมาได้โลเดียว…แบบนี้เลยเจ้า…หมดเลยนี่คือ ที่ลาดยางน่ะหมดแค่ตรงนั้นนั่นแหละ ที่เหลือถึงวัดจันทร์เนี่ย ขี้ดินล้วนๆอิเฮ้ย!! เต่าเอือม

ลุยขี้ฝุ่นมาได้สิบโล เจอกรวดบดอัด โอเค ก็ดีขึ้น…

ตั้งใจมาที่นี่….วัดจันทร์ อำเภอกัลยาณิวัฒนา


จะมีกี่คนที่ทราบ…พ่อหลวงและแม่หลวงของพวกเราเคยเสด็จ ณ โบสถ์ใส่แว่นแห่งนี้




อีกที่ๆไม่ควรพลาด ป่าสนวัดจันทร์ ที่ สำนักงานโครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ อ.อ.ป.




จากอำเภอกัลยานิวัฒนา เรามุ่งหน้าสู่อำเภอปาย ระหว่างทางกับวิวภูเขาที่ป่ากำลังเปลี่ยนที่เป็นป่าเบญจพรรณ มันเพลินใจเสียจนอดจอดรถเพื่อยืนชมให้ดื่มด่ำเสียไม่ได้ บอกเลยว่าภาพถ่ายนี่ไม่ได้ครึ่งของบรรยากาศจริง




ถนนจากวัดจันทร์ไปปาย จะมีน้ำพุร้อนธรรมชาติอยู่ข้างทางด้วยนะ พุ่งปุดๆแบบนี้เลย

ถึงที่พักที่ปาย ได้วิวนี้ พระอาจารย์บอกดีลลลลลล



ห้องนี้คืนละแปดร้อย ถ้ามาสามคนนี่คุ้มมาก


อากาศแบบนี้…จิบชาสักนิดแล้วค่อยไปเดินเล่นเนอะ ยิ้ม
จริงแล้วทริปนี้วางแผนคืนแรกไว้ว่าจะนอนแถวๆวัดจันทร์ แต่คิดไปคิดมาพระอาจารย์เพิ่งหาย ชวนมานอนที่ๆมันคึกคักหน่อยน่าจะดีกว่า










คาใจกับข้าวปุก…หัวเราะ



อากาศหนาวๆ จิบน้ำชาตราดาวแดงให้เลือดลมมันเดินก่อนนอน

Day…3

ตื่นมาจะดูวิวตอนเช้า….อ๊ากก ไม่เห็นอะไรเลย


ใครเอาน้ำมาสาดรถช้านนนน เค้าล้อเล่น
อมยิ้ม01ริมน้ำปายมีนักท่องเที่ยวมากางเตนท์อยู่บ้าง ดูแล้วบรรยากาศน่าจะฟิน ยิ้ม

พาพระอาจารย์มาซดโจ๊กเห็ดหอมสักหน่อย ปีนึงจะมีสักกี่วันเชียวที่นั่งตากแดดซดโจ๊กได้แบบนี้

พอได้มีอะไรลงท้องบ้างแล้ว ขี่ขึ้นมาจุดชมวิวดอยกิ่วลมกัน



แล้วก็ลงไปเติมน้ำมันที่ปางมะผ้า สายๆแบบนี้ปั้มคึกคักมากๆ
เลยปางมะผ้ามาอีกหน่อย เขาว่ากันว่า…ก๋วยเตี๋ยวที่นี่ วิวดีที่สุดในประเทศไทย



เรื่องวิว ติ๊ก เจษฎา คอนเฟิร์ม!!! เอ้ยยยย วิชิต บางซ่อน คอนเฟิร์ม!!!


ว่ากันเรื่องรสชาติ บะหมี่ต้มยำชามนี้จัดว่ากลมกล่อม

แต่…หมี่ขาวแห้งยำชามนี้ ลงตัวมากกกกก
หรืออยากจะนั่งห้อยขา ก็เพลินดีนะ



ตรงข้ามกับก๋วยเตี๋ยวจ่าโบ่ ตอนนี้มีลานกางเตนท์แล้วนะ เดี๋ยวหาโอกาสมาลองกางเตนท์ตรงนี้สักที
ขามาเห็นเนินนี้ชันดี ขากลับเลยจอดแล้วโบกมือให้อาจารย์ไปก่อน ดูลีลาแล้ว….หายดีแล้ววุ้ย

ขี่เลยมาอีกนิด พาพระอาจารย์มาเที่ยวฟาร์มแกะที่ปางตอง



ดูท่าทาง…จะคิดถึงไอ่แสบสองตัวที่บ้าน ๕๕๕



ด้นมาถึงปางตองได้ ก็ต้องดั้นมาให้ถึงปางอุ๋ง….พระอาจารย์บอกว่า สมัยแกขี่รถเที่ยว ยังไม่มีที่แบบนี้



ถ้าถามว่าพระอาจารย์ชอบที่นี่ไหม…ภาพที่เห็นคือคนจริงๆ และเป็นการหลับจริงๆ ไม่ใช่ตัวแสดงแทน
แนะนำให้มาวันธรรมดา จะลงตัวที่สุด

มาถึงบ่ายยังสวยขนาดนี้


พระอาจารย์บอกอยากไปหมู่บ้านกระเหรี่ยงคอยาวที่เคยไปสมัยหนุ่มๆ…เอ๊ะ แถวๆนี้มีหมู่บ้านกระเหรี่ยงคอยาวตั้งสามหมู่บ้าน สอบปากคำพระอาจารย์แล้ว ทางไปต้องข้ามหลายๆห้วย (แต่สมัยนั้นเป็นทางดิน) อ่อออออ หมู่บ้านกระเหรี่ยงคอยาวห้วยเสือเฒ่าสินะ หูย ต้องขี่เลยตัวเมืองแม่ฮ่องสอนไปร่วมๆยี่สิบกิโลเมตรนะเนี่ย








ออกจากหมู่บ้านกระเหรี่ยงคอยาวห้วยเสือเฒ่ามาก็เย็นย่ำ…ได้เวลาหาที่พักแล้ว เวลาผมไปธุดงค์กับพระอาจารย์ เราชอบจะเลือกที่พักที่อยู่นอกเมือง ไกลจากความวุ่นวายสักหน่อย ตามคอนเซปท์นั้นเลยมาได้ที่นี่ อยู่ถนนเลี่ยงเมืองแม่ฮ่องสอน



และเป็นไปได้พยายามจะหาห้องที่นอนแยกเตียงกัน เพราะดึกๆจะต้องลุกไปทำธุระจะได้สะดวก เลยได้บ้านหลังนี้

ข้างๆบ้านได้วิวแบบนี้ ก็ถือว่าดีงาม

วิวหน้าบ้านข้างๆ

ที่กางเตนท์ก็มีนะ คิดเตนท์ละร้อยบาทถ้วน
ลืมให้ดูในบ้าน อะไรที่จำเป็นก็ให้มาครบๆ ถ้าไม่ต้องการความหรูหรามากมาย ราคาที่จ่ายก็ไม่แพงแต่อย่างใด(หกร้อยบาทถ้วน)


มีที่นอนสำรองให้ด้วย ถ้ามาเกินสองคนก็ลากมาเสริมได้เลย
เปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาขี่รถเล่นในเมือง พาอาจารย์มาสร้างแลนด์มาร์คเสียหน่อย


อุดหนุนเจ้าของสถานที่เขาเสียหน่อย
ช่วง High Season ถนนคนเดินหนองจองคำ เปิดวันธรรมดาด้วยนะจ๊ะ


ดินเนอร์ริมหนองจองคำ หาโต๊ะยากหน่อย แต่ถ้าหาได้คือดีงาม

ลาบคั่วของเค้าาาาาา

อิ่มแล้วก็เดินย่อย มุมนี้ถ่ายชอตเดียวได้สองพระธาตุเลยนะ (น่าจะแบกกล้องมาด้วยวุ้ย)

พระอาจารย์กับถั่วเนี่ย เจอกันไม่ได้ ยิ่งถ้าเด็กน้อยนั่งขายนะไม่พลาด
Day…4

ตื่นสายไปนิดนึง วนมาหนองจองคำอีกหน่อย

จัดมุมนี้ให้ ไม่ต้องพรีออเดอร์


มุมนี้พี่ขอ…



จุดชมวิวยอดนิยม หมอกจางๆ ความทรงจำสีจางๆ


มุมหน้าบันได มุมยอดนิยมที่จะมองเห็นสนามบินจังหวัดแม่ฮ่องสอนด้วย


มองย้อนกลับไปบ้าง



อีกมุมที่มักจะไม่พลาดเมื่อขึ้นมาบนดอยกองมู

ลงมาจากดอยกองมู ออกขวาตรงไปทางที่จะไปแม่สะเรียงได้สักสองร้อยเมตร ขวามีจะมีร้านโจ๊กอยู่ รสชาติดีครับ

อิ่มแล้ว เราจึงมุ่งหน้าไปแม่สะเรียง เพื่อจะไปนอนที่แม่สอดในคืนนี้

จุดชมวิวแม่ลาหลวง

แวะเติมน้ำมันที่ ปตท.ขุนยวม

เป็นอีกปั้มที่มีวิวชิลๆในพักผ่อน

ถึงแม่สะเรียงประมาณบ่ายโมง ได้เวลามื้อเที่ยง อัดให้อิ่มก่อนจะยิงยาวไปแม่สอด เวลามีไม่มาก ต้องหาอะไรกินที่ทำง่ายได้ไว

ระยะทางประมาณ 234 กิโลเมตร ของทางหลวงหมายเลข 105 ซึ่งเป็นถนนยุทธศาสตร์สำคัญอีกเส้นหนึ่งของไทยที่วิ่งเลียบชายแดนตะวันตกที่แบ่งกันพรมแดนระหว่างไทยและเมียนมาร์ ควรเติมน้ำมันให้เต็มถังมาจากแม่สะเรียง และเลือกเดินทางในเวลากลางวัน เพราะกลางคืนจะเปลี่ยวมากกกกกก

ก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าถนนเส้นนี้กำลังทำถนน แต่ที่เราไปเหลือเพียงการทำถนนเพียงระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตรเท่านั้น นอกช่วงที่ทำเสร็จแล้วก็จะเป็นลาดยางกว้างๆเป๊ะๆแบบนี้เลย เข้าโค้งสนุกไม่แพ้ทางหลวงหมายเลข 12 เลยนะจะบอกให้ จะสนุกกันก็อย่าประมาทเน้อ


ถึงแม่สลิดหลวง จะมีจุดแวะพักริมทางของหมวดการทาง เลี้ยวเข้าไปจะพบจุดชมวิวแม่น้ำเมย ในทิวทัศน์ที่ฝั่งตะวันตกเป็นแผ่นดินสหภาพเมียนมาร์ และเป็นช่วงโค้งน้ำที่เป็นรูปตัว S พอดี ถ้ามาตอนแดดอ่อนๆช่วงเย็นก่อนพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขา เชื่อว่าสวยจับใจ



จุดนี้จะเห็นหลายท่านแวะถ่ายรูปกันบ่อยๆ เพราะเป็นทิวทัศน์ที่ดูแปลกตา จริงๆแล้วบริเวณนี้คือพื้นที่ศูนย์อพยพผู้ลี้ภัยจากการสู้รบ แม่สละ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ที่มีประชากรผู้อพยพอยู่ไม่ต่ำกว่าสามหมื่นคน อยู่ในการดูแลของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ สหประชาชาติ ส่วนใหญ่จะเป็นชาวกระเหรี่ยงที่อพยพมาหลายปีนับแต่ที่ทางการเมียนมาร์ได้ตีค่ายมาเนอปลอร์แตกและได้กวาดล้างชาติพันธ์กระเหรี่ยงจนทำให้ผู้ผลัดถิ่นเหล่านี้ต้องหนีความตายอพยพมาอาศัยอยู่ในแผ่นดินของชาติอื่น ในไทยมีศูนย์ฯแบบนี้อยู่หลายศูนย์ฯ ซึ่งแต่ละแห่งก็มีประชากรไม่ต่ำกว่าหมื่นคน

เลยแม่ระมาดมา พระอาทิตย์ใกล้จะลาขอบฟ้าเต็มที ช่วงนี้สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นข้าวโพด ลองแวะจอดหาวิวดีๆสักหน่อย
กว่าจะหาที่พักได้ก็เล่นเอาเสียมืดค่ำ คืนนั้นเราพักก็ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใกล้ตลาดชายแดนแม่สอด หลังทุ่มนึงไปแล้วหาของกินแถวนั้นยากมาก จำเป็นต้องจัดเมนูตามสั่งแก้เซ็งไปกันก่อน ยังดีมีชาบูดมากลั้วคอให้มันบาดอารมณ์ได้บ้าง

Day…5

เช้ามาเราก็ไม่พลาดที่จะดิ่งไปที่เป้าหมายหลักอีกเป้าของทริปนี้….สุดประจิมที่ริมเมย เย่!!

ก๋วยเตี๋ยวร้านนี้อยู่หน้าป้าย รสชาติโอเค คุ้มเกินราคา

มาเดินเล่นชมสินค้าในตลาดริมเมยกัน






เดินให้สุดตลาดในร่มจะออกมาเจอลานจอดรถ ของดีอยู่แถวนี้แหละ


ดีไม่ดี พระอาจารย์จัดไปหนึ่งกิโลกรัม

ยาแก้ไอตรานักเลงก็มีนะ ขวดไม่ถึงร้อย!!

พ่อค้าผึ่งแดดอยู่
ตาดีได้ ตาร้ายเสียนะจ๊ะ




กว่าจะเดินตลาดเสร็จก็ปาไปเกือบสิบโมง วันนี้เราต้องยิงยาวจากแม่สอดกลับให้ถึงบางกอกก่อนมืด

เติมน้ำมันให้เต็มถัง แวะตั้งโซ่กับหยอดน้ำมันหล่อลื่นที่ศูนย์บริการของอาชีวะอาสา

น้องๆบริการเยี่ยม ยกนิ้วโป้งให้เลย!!! อมยิ้ม36
ด้วยเวลากับระยะทาง ช่วงสุดท้ายจึงไม่ได้แวะถ่ายรูปที่ไหนเลย แวะเติมน้ำมันแล้วก็เผ่น เจอนักบิดจากมาเลกำลังจะไปเมืองกาญจนบุรีต่อ กลุ่มนี้เมื่อวานก็เจอแถวๆท่าสลิดหลวง แวะคุยกันแปบนึงก็บอกลากัน กลุ่มนี้เดินทางด้วยรถสองจังหวะด้วยนะ แจ่มจริงๆ

ในส่วนของโอมมี่ ศิษย์บางซ่อน ก็ขอจบกระทู้ไว้แต่เพียงเท่านี้ พรุ่งนี้พระอาจารย์จะมาปิดท้ายเรื่องของเจ้า GPX RACING LEGEND 150  Tracker ให้เป็นของแถม

ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมกันมาทั้งวันจบจบ

ไว้พบกันใหม่ในโอกาสต่อไป

ขอบคุณครับ

อมยิ้ม17

คราวนี้ก็มาถึงเก่งเล็ก Legend 150  แฝดผู้น้องของรถในตระกูล GPX ที่เราทั้ง2 เลือกเป็นพาหนะในการเดินทางย้อนอดีตไปเยือนเมืองเหนือในครั้งนี้ เพื่อให้เห็นถึงขีดความสามารถในการเดินทางของมันทั้งคู่ สำหรับเป็นทางเลือกของใครก็ได้ที่ยังมีความสุขในการแสวงหาความเร็ว และหาความเป็นอิสสระในบรรยากาศส่วนตัวบนเบาะขนาดกระทัดรัดกึ่งย้อนยุคของอาชาเหล็กในนาม Legend ที่เรากำลังรายงานให้คุณทราบในบรรทัดต่อไป

ว่ากันตามความจริงแล้ว หากเราไม่ได้พิจารณาอย่างเน้นละเอียดเชิงเจาะลึกลงไปในรูปทรงของรถทั้ง2คันแล้ว เราเชื่อว่าหลายคนคงแยกไม่ออกว่าคันไหนมีความจุกระบอกสูบมากกว่ากัน(หากมองกันแบบต่างครั้งต่างวาระ) และแม้ตัวของเราเองที่ได้สัมผัสรถทั้ง2คันมาตลอดระยะเวลา4 วันเต็มก็เกือบจะแยกไม่ออกเหมือนกัว่าใครไหนเป็นคันไหนและรุ่นไหนคือ150และคันไหนคือ200 อันนี้เรื่องจริง

เพราะโดยภาพรวมของรถทั้ง2นั้น ผู้ผลิตบรรจงออกแบบมาให้เป็นรถแบบเรโทรย้อนยุค ในขณะที่สมรรถนะรวมของมันกลับล้ำหน้ามาอยู่กึ่งกลางของรถในยุคมิลเลเนี่ยมที่ใช้ดิสค์เบรคทั้งหน้าและหลังเป็นตัวชลอความเร็ว แถมด้วยเรือนไมล์ที่ผนวกเอามาตรวัดความเร็วเป็นแบบดิจิตัลผสานกับเข็มวัดรอบแถมเอาไว้ในชุดเดียวกันอีกต่างหากด้วย (เกือบจะหลุดออกมาแล้วว่ามันเป็นรถไฮบริด หากรถรุ่นนี้ผลิตลงสู่ตลาดในช่วงปี80)

รายละเอียดต่างๆในตัวรถคงไม่ต้องอธิบายมากให้เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะนี่เป็นรายงานจริงของเลเจนด์ 150 ที่เราเองก็เพิ่งได้สัมผัสกับมันเป็นครั้งแรก เรียกง่ายๆว่า “แกะกล่อง ลองขี่” กันอย่างสดๆร้อนๆโดยไม่ได้มีการรันอินแต่อย่างใดทั้สิ้น สมรรถนะของเลเจนด์200ถูกตีแผ่ออกไปแล้วอย่างละเอียดด้วยประสบการณ์ของพ่อยอดชายนายโอมที่คุณๆรู้จักกันดีแล้ว ส่วนผม (วิชิต บางซ่อน) เป็นกองกำลังเสริม ที่อาจถือได้ว่าเป็นกองหนุนให้การรีวิวครั้งนี้สมบูรณ์ขึ้นนอีกส่วนหนึ่งก็คงไม่ผิดไปจากความจริงนัก

ว่ากันตั้งแต่นาทีแรกที่รถเริ่มเคลื่อนตัวลงสู่เส้นทางที่นำเราทั้ง2ไปสู่จังหวัดแม่ฮ่องสอนในครั้งนี้อย่างง่ายๆ ด้วยเกียร์1ที่รอบเครื่องไม่เกิน3000 รอบ/นาที เสียงเครื่องยนต์ของมันคงไม่แสบสันต์และโหยหวลเหมือนรถระดับไฮเอนด์ยี่ห้ออื่นๆ เพราะนี่คือการปรับตัวของเราให้กลมกลืนไปกับการครอบครองรถในรุปทรงย้อนยุค(อย่างที่ทราบกันอยู่) ดังนั้นไม่มีเหตุอะไรที่จะลากเกียร์ของรถให้เป็นการทรมารทรกรรมแต่อย่างใด เกียร์2และ3 ถูกไล่เข้ารับหน้าที่อย่างต่อเนื่องด้วยรอบเครื่องยนต์ไม่เกิน4,000 รอบ/นาที

เราขับล้อเล่นกับอากาศเย็นๆของเดือนธันวาคมไปอย่างสบายอารมณ์ จากตัวเมืองเชียงใหม่เข้าแม่ริม เกียร์4และ5 ถูกเขี่ยกระเดื่องเข้ารับย่านแรงบิดอย่างพอเหมาะพอควร บางช่วงที่เส้นทางเทลาดลงสู่ที่ต่ำ เกียร์6 ของแฝดผู้น้องคันนี้จะถูกดึงเข้ามารับหน้าที่เป็นบางช่วง (เป็นจุดเด่นของรถรุ่นนี้จริงๆที่มีเกียร์6 ประหยัดสะใจดี-ขอบอก)

บางครั้งที่ผ่านเส้นทางฉุกเฉินเกือบหักมุมของเส้นทางตัด เบรคหน้าและหลังของมันทำหน้าที่ได้อย่างเฉียบฉมังไม่แพ้รถแบบสปอร์ตพันธ์ดุ (แต่เบรคหลังของมันจะต้องใช้แรงกดเกือบเหมือนรถใช้เบรคดุมนะครับ -แต่เราจะมีความมั่นใจมากกว่าว่ายังไงมันก็เอาอยู่ เพราะนี่คือดิสค์เบรค…..)

เราใช้ความเร็วเดินทางกันเท่าที่ภูมิประเทศจะอำนวย บางครั้งความเร็วก็ตีกินขึ้นไปถึง120 เมื่อเป็นเส้นทางโล่งกว้าง บางครั้งความเร็วก็ลดลงเหลือเพียง 30-40กม/ชม.เมื่อเป็นทางลูกรัง ยางหน้า-หลังที่ติดรถไปเป็นยางกึ่งวิบากที่รับมือกับสภาพเส้นทางได้ดีอย่างไม่มีที่ติ(เราขอเลือกใช้เอง เนื่องจากรู้ว่าเส้นทางจากแม่ริมไปทางวัดจันทร์นั้น ยังเป็นทางลูกรังในบางช่วง และเส้นทางกลับจากแม่สะเรียงมายังแม่สอด ยังเป็นทางฝุ่นอยู่มากพอสมควร

ตรงนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่เราฝากบอกไปยังนักขับขี่รถที่ชอบการเดินทางด้วยนะครับว่า การเลือกใช้ยางให้ลงตัวกับสภาพของภูมิประเทศที่เราจะดั้นด้นไปปลีกวิเวกกันนั้น ควรจะต้องมีการวางแผนและศึกษาเส้นทางให้ดีก่อนเดินทางทุกครั้งไป

เราขับตามกันไปตามเส้นทางที่กำหนดผ่านสะเมิง เข้าวัดจันทร์และแวะถ่ายรูปกันไม่นานนักก็ออกเดินทางต่อไปอ.ปาย..ฯลฯ…..วนรอบไปแม่ฮ่องสอน แวะแม่สอดและวกกลับเข้ากรุงเทพตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ซึ่งเมื่อรวมเวลาที่ได้สัมผัสกับLegend สะเทินน้ำสะเทือนดินทั้ง2คันนี้อย่างใกล้ชิด-คิดเป็นระยะทางเฉียดสองพันกิโลนี่แล้ว ภาพรวมของมันถือว่าใช้ได้ จากประสบการที่เราขี่รถมานานวันและมากมายหลายรุ่น เราพบว่าจุดเด่นของ Gpx ทั้ง2รุ่นให้อัตราการประหยัดที่น่าพอใจ ส่วนเรื่องฝีเท้านั้นไม่ใช่จุดประสงค์ของมันทั้งคู่…..แถมอีกนิดนะครับ สำหรับช่วงล่างของมันออกจะกระด้างไปหน่อยสำหรับคนมีน้ำหนักน้อยอย่างผม(วิชิต บางซ่อน)…แต่หากใครมีน้ำหนักเฉลี่ยสัก80กก.ปัญหาคงหมดไป…

บทความโดย สมัญตาชีวบุตร_omega_13 และอาจารย์ วิชิต บางซ่อน
Linkต้นฉบับ https://pantip.com/topic/35988673/