[RIDE NOW]Ride With the Legend สองชาย สองวัย สองคัน สองพัน(กว่า)ลี้ สุดประจิมที่ริมเมย by GPX Legend150
หลังจากพระอาจารย์ได้ทิ้งท้ายไว้เช่นนี้
เวลาผ่านไปหลายเดือน….จนเมื่อสักต้นๆเดือนธันวาคมที่ผ่านมานี่แหละ
พระอาจารย์ : โอม เราคิดว่าเราอยากจะลองวอร์มร่างกายดูแล้วล่ะ
พระอาจารย์ : ก็ไปขี่รถเล่นกัน หารถเบาๆไปขี่เล่นกันใกล้ๆ
พระอาจารย์ : เราคิดว่าเราไหวแล้วล่ะ
พระอาจารย์ : เราอยากไปแม่ฮ่องสอน…
อิหมีโอม ศิษย์รองกระโถน หมายเลข 13 ประจำอาศรมวิชิตบางซ่อน : เดี๋ยวๆๆๆๆ อาจารย์ แม่ฮ่องสอนนี่มันใกล้ตรงไหน
พระอาจารย์ : เราว่าใกล้ก็ใกล้สิ
ทริปนี้เราเดินทางด้วย GPX Racing Legend 150 หนึ่งคัน และ GPX Racing Legend 200 อีกหนึ่งคัน
ปกติเวลาจะเดินทาง ต้องเติมน้ำมันให้เต็มถัง….แต่คราวนี้เราเอาน้ำมันในถังออกให้เหลือติดถังสักสองลิตรก็พอ….เอ๊ะ ทำไม???ทำไมหน้ออออ
ผลคือต้องเบียดกันนิดนึง…แต่ไม่เป็นไร พระอาจารย์บอกสู้ตาย!!
ดูหนังไปเพลินๆ….แน่นอน หลับคาหนัง ๕๕๕
ปกติไปกับพระอาจารย์ไม่ค่อยเห็นแกลุกขึ้นมากินอะไรตอนดึกๆนะ…แต่รอบนี้ แกบอกกับข้าวอร่อยดี หวดข้าวต้มไปสามถ้วยเลยจ้า
น้องบัสโฮสเตสคันที่นั่งมา ออกมายืนรถอยู่หน้ารถให้ผู้โดยสารเห็นชัดๆ เพราะบางคนจำไม่ได้หรอกว่ามาคันไหน(หน้าตามันเหมือนๆกันนี่)
ออกจากกรุงเทพ 18:00 น. มาถึงสถานนีขนส่งอาเขต ประมาณ 04 :30 น. ของอีกวัน ตัวคนน่ะถึงแล้ว แต่รถจะตามหลังมา ตามกำหนดคือไม่เกินเก้าโมงเข้า ทำไงดีล่ะ หาที่เงียบๆรอก็แล้วกัน เผื่อจะได้งีบสักหน่อย
ห้องรอพักของผู้โดยสารยังไม่เปิดจ้า….(ถ่ายตอนสว่างแล้ว)
อ๊ะ รถมาถึงเร็วกว่ากำหนดนะ เย่!!!
สำรวจกระเป๋าที่มัดติดมากับรถ โอเค ยังอยู่ดีไม่มีรอยขีดข่วน ผ่านนนนน
ขี่มานี่กันเลยจ้า ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัย Safety Riding Park เชียงใหม่ จะเอาเครื่องมืออะไรมีหมดแน่นอน (ที่สำคัญฟรี!!)
แหม่ ต้องให้รัวค้อนกระแทกไขควงปากแบนกันแต่เช้า
ข้าวซอยของโอมมี่
ส่วนของอาจารย์ เช้าๆจะไม่กินอะไรหนักๆ จัดเกี๊ยวน้ำมาซด 1 ea
ข้าวซอยรสชาติดี พระอาจารย์บอกว่าเกี๊ยวน้ำก็เด็ด…รออะไร สั่งเกี๊ยวแห้งต้มยำมาเบิ้ลสิ!! อ่าวเฮ้ย ๕๕๕
เด็กน้อยชาวเขานมานั่งจี่ข้าวปุกขายนักท่องเที่ยว พระอาจารย์เลยแวะเข้าไปทักทายตามประสา
รูดมาเพลินๆ เส้นนี้จะผ่านอุทยานแห่งชาติขุนขาน ความพิเศษคือถนนที่เป็นตัวหนอนยาวหลายกิโลเมตร อายุการใช้งานไม่ต่ำกว่าสามสิบปี ที่สำคัญคือทุกวันนี้ยังใช้งานได้ดี ทั้งๆที่มีรถบรรทุกหนักสำหรับการก่อสร้างถนนวิ่งผ่านไปมาประจำ
ที่สำคัญ อาจารย์ทำท่านี้ให้ถ่ายรูปเองซะด้วย อารมณ์ดีอะไรเบอร์นั้น!!
บางช่วงก็เจาะปาดเนินเขากันเป็นลูกๆ
โค้งกริบๆแบบนี้มีให้เล่นเยอะมาก
อากาศเยี่ยมสุดๆเย็นสบายกำลังดีแม้แดดจะแรงจนฟ้าเปิดอย่างที่เห็น
รูปนี้พระอาจารย์ดีไซน์ท่าเองอีกแล้ว ยืนๆถ่ายอยู่ ตะโกนขึ้นมาว่า “โอมๆถ่ายท่านี้ให้เราหน่อย”
อะจ้าาาาาา แหม๊ วัยรุ่น!!!
ร้านค้าใหญ่ๆในชุมชนข้างทางมักมีปั้มหลอดให้บริการนะจ๊ะ
อิหมีโอม ศิษย์รองกระโถน หมายเลข 13 ประจำอาศรมวิชิตบางซ่อน : ปี๊ๆ อัน ตางหน้านี่เป๋นถนนลาดยางหม๊ดเลยก่อ
ออกจากร้านมาได้โลเดียว…แบบนี้เลยเจ้า…หมดเลยนี่คือ ที่ลาดยางน่ะหมดแค่ตรงนั้นนั่นแหละ ที่เหลือถึงวัดจันทร์เนี่ย ขี้ดินล้วนๆอิเฮ้ย!!
จะมีกี่คนที่ทราบ…พ่อหลวงและแม่หลวงของพวกเราเคยเสด็จ ณ โบสถ์ใส่แว่นแห่งนี้
คาใจกับข้าวปุก…
ใครเอาน้ำมาสาดรถช้านนนน
พาพระอาจารย์มาซดโจ๊กเห็ดหอมสักหน่อย ปีนึงจะมีสักกี่วันเชียวที่นั่งตากแดดซดโจ๊กได้แบบนี้
แล้วก็ลงไปเติมน้ำมันที่ปางมะผ้า สายๆแบบนี้ปั้มคึกคักมากๆ
เรื่องวิว ติ๊ก เจษฎา คอนเฟิร์ม!!! เอ้ยยยย วิชิต บางซ่อน คอนเฟิร์ม!!!
ว่ากันเรื่องรสชาติ บะหมี่ต้มยำชามนี้จัดว่ากลมกล่อม
แต่…หมี่ขาวแห้งยำชามนี้ ลงตัวมากกกกก
ตรงข้ามกับก๋วยเตี๋ยวจ่าโบ่ ตอนนี้มีลานกางเตนท์แล้วนะ เดี๋ยวหาโอกาสมาลองกางเตนท์ตรงนี้สักที
ดูท่าทาง…จะคิดถึงไอ่แสบสองตัวที่บ้าน ๕๕๕
ถ้าถามว่าพระอาจารย์ชอบที่นี่ไหม…ภาพที่เห็นคือคนจริงๆ และเป็นการหลับจริงๆ ไม่ใช่ตัวแสดงแทน
มาถึงบ่ายยังสวยขนาดนี้
และเป็นไปได้พยายามจะหาห้องที่นอนแยกเตียงกัน เพราะดึกๆจะต้องลุกไปทำธุระจะได้สะดวก เลยได้บ้านหลังนี้
ข้างๆบ้านได้วิวแบบนี้ ก็ถือว่าดีงาม
วิวหน้าบ้านข้างๆ
ที่กางเตนท์ก็มีนะ คิดเตนท์ละร้อยบาทถ้วน
มีที่นอนสำรองให้ด้วย ถ้ามาเกินสองคนก็ลากมาเสริมได้เลย
อุดหนุนเจ้าของสถานที่เขาเสียหน่อย
ดินเนอร์ริมหนองจองคำ หาโต๊ะยากหน่อย แต่ถ้าหาได้คือดีงาม
ลาบคั่วของเค้าาาาาา
อิ่มแล้วก็เดินย่อย มุมนี้ถ่ายชอตเดียวได้สองพระธาตุเลยนะ (น่าจะแบกกล้องมาด้วยวุ้ย)
พระอาจารย์กับถั่วเนี่ย เจอกันไม่ได้ ยิ่งถ้าเด็กน้อยนั่งขายนะไม่พลาด
จัดมุมนี้ให้ ไม่ต้องพรีออเดอร์
จุดชมวิวยอดนิยม หมอกจางๆ ความทรงจำสีจางๆ
อีกมุมที่มักจะไม่พลาดเมื่อขึ้นมาบนดอยกองมู
จุดชมวิวแม่ลาหลวง
แวะเติมน้ำมันที่ ปตท.ขุนยวม
เป็นอีกปั้มที่มีวิวชิลๆในพักผ่อน
ก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าถนนเส้นนี้กำลังทำถนน แต่ที่เราไปเหลือเพียงการทำถนนเพียงระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตรเท่านั้น นอกช่วงที่ทำเสร็จแล้วก็จะเป็นลาดยางกว้างๆเป๊ะๆแบบนี้เลย เข้าโค้งสนุกไม่แพ้ทางหลวงหมายเลข 12 เลยนะจะบอกให้ จะสนุกกันก็อย่าประมาทเน้อ
ก๋วยเตี๋ยวร้านนี้อยู่หน้าป้าย รสชาติโอเค คุ้มเกินราคา
มาเดินเล่นชมสินค้าในตลาดริมเมยกัน
ดีไม่ดี พระอาจารย์จัดไปหนึ่งกิโลกรัม
ยาแก้ไอตรานักเลงก็มีนะ ขวดไม่ถึงร้อย!!
พ่อค้าผึ่งแดดอยู่
เติมน้ำมันให้เต็มถัง แวะตั้งโซ่กับหยอดน้ำมันหล่อลื่นที่ศูนย์บริการของอาชีวะอาสา
น้องๆบริการเยี่ยม ยกนิ้วโป้งให้เลย!!!
ในส่วนของโอมมี่ ศิษย์บางซ่อน ก็ขอจบกระทู้ไว้แต่เพียงเท่านี้ พรุ่งนี้พระอาจารย์จะมาปิดท้ายเรื่องของเจ้า GPX RACING LEGEND 150 Tracker ให้เป็นของแถม
ไว้พบกันใหม่ในโอกาสต่อไป
ขอบคุณครับ
คราวนี้ก็มาถึงเก่งเล็ก Legend 150 แฝดผู้น้องของรถในตระกูล GPX ที่เราทั้ง2 เลือกเป็นพาหนะในการเดินทางย้อนอดีตไปเยือนเมืองเหนือในครั้งนี้ เพื่อให้เห็นถึงขีดความสามารถในการเดินทางของมันทั้งคู่ สำหรับเป็นทางเลือกของใครก็ได้ที่ยังมีความสุขในการแสวงหาความเร็ว และหาความเป็นอิสสระในบรรยากาศส่วนตัวบนเบาะขนาดกระทัดรัดกึ่งย้อนยุคของอาชาเหล็กในนาม Legend ที่เรากำลังรายงานให้คุณทราบในบรรทัดต่อไป
ว่ากันตามความจริงแล้ว หากเราไม่ได้พิจารณาอย่างเน้นละเอียดเชิงเจาะลึกลงไปในรูปทรงของรถทั้ง2คันแล้ว เราเชื่อว่าหลายคนคงแยกไม่ออกว่าคันไหนมีความจุกระบอกสูบมากกว่ากัน(หากมองกันแบบต่างครั้งต่างวาระ) และแม้ตัวของเราเองที่ได้สัมผัสรถทั้ง2คันมาตลอดระยะเวลา4 วันเต็มก็เกือบจะแยกไม่ออกเหมือนกัว่าใครไหนเป็นคันไหนและรุ่นไหนคือ150และคันไหนคือ200 อันนี้เรื่องจริง
เพราะโดยภาพรวมของรถทั้ง2นั้น ผู้ผลิตบรรจงออกแบบมาให้เป็นรถแบบเรโทรย้อนยุค ในขณะที่สมรรถนะรวมของมันกลับล้ำหน้ามาอยู่กึ่งกลางของรถในยุคมิลเลเนี่ยมที่ใช้ดิสค์เบรคทั้งหน้าและหลังเป็นตัวชลอความเร็ว แถมด้วยเรือนไมล์ที่ผนวกเอามาตรวัดความเร็วเป็นแบบดิจิตัลผสานกับเข็มวัดรอบแถมเอาไว้ในชุดเดียวกันอีกต่างหากด้วย (เกือบจะหลุดออกมาแล้วว่ามันเป็นรถไฮบริด หากรถรุ่นนี้ผลิตลงสู่ตลาดในช่วงปี80)
รายละเอียดต่างๆในตัวรถคงไม่ต้องอธิบายมากให้เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะนี่เป็นรายงานจริงของเลเจนด์ 150 ที่เราเองก็เพิ่งได้สัมผัสกับมันเป็นครั้งแรก เรียกง่ายๆว่า “แกะกล่อง ลองขี่” กันอย่างสดๆร้อนๆโดยไม่ได้มีการรันอินแต่อย่างใดทั้สิ้น สมรรถนะของเลเจนด์200ถูกตีแผ่ออกไปแล้วอย่างละเอียดด้วยประสบการณ์ของพ่อยอดชายนายโอมที่คุณๆรู้จักกันดีแล้ว ส่วนผม (วิชิต บางซ่อน) เป็นกองกำลังเสริม ที่อาจถือได้ว่าเป็นกองหนุนให้การรีวิวครั้งนี้สมบูรณ์ขึ้นนอีกส่วนหนึ่งก็คงไม่ผิดไปจากความจริงนัก
ว่ากันตั้งแต่นาทีแรกที่รถเริ่มเคลื่อนตัวลงสู่เส้นทางที่นำเราทั้ง2ไปสู่จังหวัดแม่ฮ่องสอนในครั้งนี้อย่างง่ายๆ ด้วยเกียร์1ที่รอบเครื่องไม่เกิน3000 รอบ/นาที เสียงเครื่องยนต์ของมันคงไม่แสบสันต์และโหยหวลเหมือนรถระดับไฮเอนด์ยี่ห้ออื่นๆ เพราะนี่คือการปรับตัวของเราให้กลมกลืนไปกับการครอบครองรถในรุปทรงย้อนยุค(อย่างที่ทราบกันอยู่) ดังนั้นไม่มีเหตุอะไรที่จะลากเกียร์ของรถให้เป็นการทรมารทรกรรมแต่อย่างใด เกียร์2และ3 ถูกไล่เข้ารับหน้าที่อย่างต่อเนื่องด้วยรอบเครื่องยนต์ไม่เกิน4,000 รอบ/นาที
เราขับล้อเล่นกับอากาศเย็นๆของเดือนธันวาคมไปอย่างสบายอารมณ์ จากตัวเมืองเชียงใหม่เข้าแม่ริม เกียร์4และ5 ถูกเขี่ยกระเดื่องเข้ารับย่านแรงบิดอย่างพอเหมาะพอควร บางช่วงที่เส้นทางเทลาดลงสู่ที่ต่ำ เกียร์6 ของแฝดผู้น้องคันนี้จะถูกดึงเข้ามารับหน้าที่เป็นบางช่วง (เป็นจุดเด่นของรถรุ่นนี้จริงๆที่มีเกียร์6 ประหยัดสะใจดี-ขอบอก)
บางครั้งที่ผ่านเส้นทางฉุกเฉินเกือบหักมุมของเส้นทางตัด เบรคหน้าและหลังของมันทำหน้าที่ได้อย่างเฉียบฉมังไม่แพ้รถแบบสปอร์ตพันธ์ดุ (แต่เบรคหลังของมันจะต้องใช้แรงกดเกือบเหมือนรถใช้เบรคดุมนะครับ -แต่เราจะมีความมั่นใจมากกว่าว่ายังไงมันก็เอาอยู่ เพราะนี่คือดิสค์เบรค…..)
เราใช้ความเร็วเดินทางกันเท่าที่ภูมิประเทศจะอำนวย บางครั้งความเร็วก็ตีกินขึ้นไปถึง120 เมื่อเป็นเส้นทางโล่งกว้าง บางครั้งความเร็วก็ลดลงเหลือเพียง 30-40กม/ชม.เมื่อเป็นทางลูกรัง ยางหน้า-หลังที่ติดรถไปเป็นยางกึ่งวิบากที่รับมือกับสภาพเส้นทางได้ดีอย่างไม่มีที่ติ(เราขอเลือกใช้เอง เนื่องจากรู้ว่าเส้นทางจากแม่ริมไปทางวัดจันทร์นั้น ยังเป็นทางลูกรังในบางช่วง และเส้นทางกลับจากแม่สะเรียงมายังแม่สอด ยังเป็นทางฝุ่นอยู่มากพอสมควร
ตรงนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่เราฝากบอกไปยังนักขับขี่รถที่ชอบการเดินทางด้วยนะครับว่า การเลือกใช้ยางให้ลงตัวกับสภาพของภูมิประเทศที่เราจะดั้นด้นไปปลีกวิเวกกันนั้น ควรจะต้องมีการวางแผนและศึกษาเส้นทางให้ดีก่อนเดินทางทุกครั้งไป
เราขับตามกันไปตามเส้นทางที่กำหนดผ่านสะเมิง เข้าวัดจันทร์และแวะถ่ายรูปกันไม่นานนักก็ออกเดินทางต่อไปอ.ปาย..ฯลฯ…..วนรอบไปแม่ฮ่องสอน แวะแม่สอดและวกกลับเข้ากรุงเทพตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ซึ่งเมื่อรวมเวลาที่ได้สัมผัสกับLegend สะเทินน้ำสะเทือนดินทั้ง2คันนี้อย่างใกล้ชิด-คิดเป็นระยะทางเฉียดสองพันกิโลนี่แล้ว ภาพรวมของมันถือว่าใช้ได้ จากประสบการที่เราขี่รถมานานวันและมากมายหลายรุ่น เราพบว่าจุดเด่นของ Gpx ทั้ง2รุ่นให้อัตราการประหยัดที่น่าพอใจ ส่วนเรื่องฝีเท้านั้นไม่ใช่จุดประสงค์ของมันทั้งคู่…..แถมอีกนิดนะครับ สำหรับช่วงล่างของมันออกจะกระด้างไปหน่อยสำหรับคนมีน้ำหนักน้อยอย่างผม(วิชิต บางซ่อน)…แต่หากใครมีน้ำหนักเฉลี่ยสัก80กก.ปัญหาคงหมดไป…