คำเตือน!!! ก่อนรับชมกระทู้นี้ โปรดตรวจสอบว่าอุปกรณ์ของท่านได้เชื่อมต่อ WiFi แล้ว
ว่ากันว่า บนเส้นทางท่องเที่ยวของชาวสองล้อ….เมื่อเที่ยวทางดำจนถึงจุดหนึ่งแล้ว ส่วนหนึ่งจะจับผลัดจับพลูหลงไปทางแดงในที่สุด
บ้างหลงเข้าทางแดงไปตอนหัวหงอก บ้างหลงเข้าทางแดงไปตอนหัวดำ แต่ไม่ว่าจะหัวไหน….ย่อมต้องมีครั้งแรก ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นชิน
ดินแดงๆ ดินดำๆ ดินฝุ่น ทรายบก หินกรวด หินลอย ดินหนังหมู ร่องน้ำ ข้ามห้วย ลุยห้วยฯลฯ สารพัดสารเพที่จะประดังประเดเข้ามาตามวิบากกรรม
ทริปนี้จะมาเหลาถึงประสบการณ์ที่หลอกมือใหม่หลายคนเข้าไปผจญวิบากกรรมในทางลำบาก ก็ไม่ลำบากมากมายอะไรหรอก ล้มอย่างมากแค่สองครั้ง
ก็แค่ครั้งแล้วกับครั้งเล่า
ด้วยความที่ว่ากำลังรอจะถอยเจ้า CRF 250 RALLY อยู่ (หลังจากที่ทำรีวิวป้ายยาชาวบ้าน ที่สุดยานั้นก็เข้าตัว) เมื่อเจ้า CRF 250 RALLY ไปจัดกิจกรรมทดสอบขับขี่ที่ไหน ก็หาเรื่องแรดตามไปกับเขาทุกที่ ตั้งแต่บ่อดิน ไปอุดร จนล่าสุดก่อนทริปนี้จะเริ่ม ก็ไปแซวๆผู้จัดว่าจะแว้บไปแจมที่ Safety Riding Park ที่เชียงใหม่เน้อ
ด้วยความสนุกในหัวใจของผู้จัดทริปนี้ ก็เลยแย้มๆเรามาว่า จะมีทริปก่อนหน้านั้นสองวันที่จะพาสื่อกับดีลเลอร์หลายท่านเข้าไปขี่เล่นในป่า…สนใจจะแจมไหม…
บร๊ะ ชวนกันแบบนี้ก็ได้เสีย ไม่ต้องคิดสักนิดก็ตอบตกลงไปในทันใด (ยิ่งกว่าใจง่ายคือใจมันไปด้วยนานแล้ว ถ้าเป็นเพลงก็ต้องบอกว่า…ยอมตั้งแต่หน้าประตู ว่างั้นเถอะ)
เท่านั้นยังไม่พอ ผู้จัดยังแย้มมาว่า นอกจากผมและ@พรสิบประการแล้ว อยากให้ชวนเพื่อนไปด้วยอีกสักสองราย…หึหึหึหึ
แบ่งหน้าที่กันไป @พรสิบประการไปชวน พล@Motorival
ส่วนผมก็ไปชวน เจ@Freeman rider
Day 1…
J Freeman rider : พี่โอมๆ ตกลงเราขึ้นเครื่องที่ดอนเมืองหรือสุวรรณภูมิอะ
J Freeman rider : ใช่เหรอพี่ ผมดูในแผนที่เขาส่งมามันสุวรรณภูมินะพี่
หมีโอม Just ride it : เฮ้ย จริงอะ ไหนๆเดี๋ยวดูก่อน (แว้บไปเปิดเมลล์)
หมีโอม Just ride it : เฮ้ยยยย เรือหายแล้ว เข้าใจว่าดอนเมืองมาตลอดเลยนะ เดี๋ยวๆ โทรบอกอิหว่องแปบนึง
หมีโอม Just ride it :$@)$)_)&$_!)$&_)@&_&!_(@)$*&@^&%
พรสิบประการ : R#I@RI_)@#_)I_IIYYY*@_!$+
หมีโอม Just ride it : เออๆ บอกอิหว่องมันแล้ว งั้นรีบเลยเว้ย ใครถึงก่อนก็โทรบอกก็แล้วกัน
J Freeman rider : โอเค แล้วเจอกันพี่
เช็คอินเสร็จกลัวตกเครื่อง ก็เลยรีบเผ่นมาหน้าเกตเลย แต่ก็ไม่ตกนะ ทันเหลือๆเลย (ดีนะรถไม่ติด)
อาแปะพรสิบประการก็รอดตายเช่นกัน เหงื่อปริมาเชียว
แหน่ะ เขาทำอะไรกัน
อ่อ มีปลั้กให้ชาร์จไฟได้นี่เอง
ของว่างกันหิวตายก็ประมาณนี้
แต่อันนี้บอกเลยว่า…อิ่มใจ แบบนี้ต้องเติมน้ำส้มรัวๆเลยคร้าบบบบบ
ด้วยเวลามาตรฐาน น้องมายด์ก็พาเราร่อนลงสนามบินเชียงใหม่อย่างปลอดภัย แล้วเจอกันขากลับเน้อ
ปลาเก๋าข้อยอยู่ไสน้อออออ
ส่วนของห้องพัก ถ้าอยากชมก็กดเข้าไปดูจ้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Mountain View ซะด้วย
ช่วงหัวค่ำก็ลงมาทานมื้อเย็น มาฟังบรีฟเส้นทางโดยอาจารย์หน่อง
ฟังไปตักไป กินไป อะไรทำนองนั้น
คุณอารักษ์มากล่าวต้อนรับแล้วร่วมบรีฟด้วย
บรรยากาศสบายๆ เป็นกันเอง…คลื่นลมสงบให้มือใหม่ตายใจ อิอิ
Day 2….
เช้าวันศุกร์ ขอข้ามช่วงมื้อเช้าไปก็แล้วกัน ตัดภาพมาที่รถตู้จะไปซื้อปลาเก๋า…เอ้ยยยไม่ใช่!! พาคณะเตรียมบุกเทือกเขาพระศิวะ….เอ้ยยยยยไม่ใช่เว้ย!! พาคณะไปรวมกันที่ Safety Riding Park Chiangmai
เลี้ยวฟ๊าบบบบเข้ามา แหม่ จอดเรียงรายรอเชือดเขาใช่หม๊ายยยยย
ขนสัมภาระทั้งหลายลงที่นี่เล้ย ส่วนมากก็ชุดขี่รถนั่นแหละฮะ
แต่งตัวเตรียมล้ม เอ้ยยยย เตรียมลุยสิ เอ้ออออ
ก่อนเริ่มกิจกรรม บรีฟซ้ำกันอีกทีว่าวันนี้จะอะไรอย่างไรท่าไหนบ้าง (เผื่อเมื่อวานใครไม่ได้ลงมาฟัง)
กล่าวต้อนรับโดยเจ้าบ้าน พี่สมบูรณ์ ผู้จัดการ Safety Riding Park Chiangmai
อาจารย์อาร์ท กระบี่มือหนึ่ง ที่ตอนนี้มาประจำอยู่ Safety Riding Park Chiangmai มาบรีฟอีกทีว่าวิ่งตาม Arrows นะแจ๊ะ
ปิดท้ายด้วยกำลังใจจากคุณอารักษ์
รอบนี้สำหรับสื่อมวลชนและดีลเลอร์ก็จะได้ทดสอบกันอย่างเข้มข้นด้วยการได้ผลัดเปลี่ยนกันขี่เปรียบเทียบกับ CRF 250 L ให้รู้กันชัดๆไปเลย จุดนี้จัดได้ว่าแน่นอนจริงๆ บางอย่างที่คาใจก็จะแจ้งกันไปในรอบนี้
พร้อมแล้วก็ลุย!!
จะยืนจะนั่งก็แล้วแต่ แต่จริงๆแล้วอาจารย์อาร์ทแนะนำว่าให้ยืน สายตามองไกลหน่อย เข่าหนีบถังไว้ โน้มตัวค่อนมาข้างหน้า
เมื่อเจอร่องดิน จะต้องขี่อย่างไร แน่นอนว่าควรจะยืนขี่ เพราะถ้านั่งมักจะติดนิสัยเอาขาพาย ยิ่งพายรถยิ่งแกว่ง ยิ่งต้องใช้ร่างกายควบคุมรถมากขึ้น เหนื่อยกว่าแน่นอน ร่องดินขึ้นเนินแบบนี้ อย่าลืมโน้มตัวไปข้างหน้าให้ลำตัวตั้งฉากกับพื้นด้วยนะ
เมื่อต้องขี่ลงร่องแล้วเป็นเนินลาดลง ก็ต้องเอนตัวมาข้างหลังให้ลำตัวตั้งตรงกับพื้นเช่นกัน
เจอะอุปสรรคเป็นทางหินลอยต้องขี่อย่างไร ยืนขี่เอาเข่าหนีบถัง ตามองไปข้างหน้า โน้มตัวมาข้างหน้านิดหน่อย เดินคันเร่งสัก50%ของเกียร์ที่เหมาะสม คุมหน้าให้อยู่แล้วก็รูดไปเล้ยยยยย
แล้วถ้าเจอทรายล่ะ จะไปอย่างไร จะยืนจะนั่งก็ตามสะดวก (แต่แนะนำให้ยืน) เข่าหนีบถัง เอนตัวมาข้างหลังให้น้ำหนักที่กดไปที่ล้อหน้าน้อยลง เดินคันเร่งให้เกินครึ่ง แล้วรูดไปเลยเช่นกัน
ที่สำคัญเวลาล้อหลังเริ่มจมก็อย่าไปอัดคันเร่งหนัก ให้จอดเอาสองขาประคองแล้วค่อยๆเดินคันเร่งให้ล้อหลังดันขึ้นมา จำไว้ยิ่งเร่งแรงยิ่งจมหนักกว่าเดิม จุดนี้ผู้ขับขี่ต้องทำความเข้าใจรอบเครื่องของรถให้ดี
ส่วนที่ยากของการขี่ลงเนินที่เป็นร่อง คือลงมาปั้บบังคับเลี้ยวขวา แล้วเลี้ยวไปยังเป็นลูกระนาดอีกแหน่ะ ถ้าเบรคไม่ดี ไม่เลย ก็แปะ อิอิ
อะ!! เรียบร้อย!! ฉายา “อาแปะ” ไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วยจริงๆ
ส่วนอาแปะในรูปยังโน้มตัวไปข้างหน้าเยอะไปนิด ถ้าทรายซุยกว่านี้ มีร่องของล้อตัดไปมาเยอะกว่านี้ มีโอกาศแปะแน่นอน
นี่ขนาดยังไม่ซุยมาก ไม่ยาวมาก จัดท่าไม่ดี เดินคันเร่งไม่ถูก ก็แปะได้เหมือนกัน
ยิ่งถ้านั่งขี่แล้วเอาขาพาย ก็จะเป๋ไปซ้ายทีขวาทีแบบนี้แหละ
เอ้า ขี่ทางทรายอยู่ดีๆ จะหนีมาทางหินเสียอย่างนั้น
หลังจากซ้อมในสนาม Drit พอเป็นกระษัย ก็ได้เวลาเดินทาง
ตอนออกเดินทางไม่รู้จะถ่ายยังไง กดวาร์ปมาที่โอ้กะจู๋เลยก็แล้วกัน
อาหารอร่อยนะ แต่ปัญหาคือแต่ละอย่างมันผักๆเบาๆทั้งนั้น…แล้วบ่ายนี้คาดว่าใช้แรงเยอะเสียด้วย
พูดง่ายๆ เจอพวกอาหาร healty เข้าไป ถ้าต้องใช้แรงเยอะๆนี่ได้ไปร้อง Help me!! ในป่าแน่ๆ
จากนั้น เราก็เดินทางไปเช็คพอยท์ต่อไป โดยวิ่งผ่านอำเภอแม่ริม เลี้ยวซ้ายที่แยกแม่สา เพื่อที่จะไปม่อนล่อง หลังจากจุดนี้ ผมก็แยกออกจากขบวนมาเป็นตากล้องจำเป็น(ก็เอามือถือถ่ายนี่แหละโยม) พูดง่ายๆก็คือเขาไปไหนกัน ต้องออกไปก่อนเพื่อหาที่เหมาะๆดักรอถ่าย
ใกล้ๆทางขึ้นม่อนแจ่ม จะมีแยกเล็กๆไปม่อนล่อง ช่วงทางขึ้นนี่ไม่ได้ถ่ายมา เอาเป็นว่าเป็นทางดินแดงภูเขาแน่นๆสภาพชิ้นๆ ผสมกับร่องน้ำและรากไม้พอได้บันเทิง หน้าฝนน่าจะลื่นเอาเรื่อง แต่วิวข้างบนก็จัดว่าคุ้ม
นายแบบโดยเฮียต้อยจากพรนุภาพ เพชรบุรี
Freeman rider
วิ่งลงจากม่อนล่อง มาดักถ่ายกลางทางที่จะไปม่อนวิวงาม ส่วนใหญ่จะร่มรื่นอยูใต้ต้นไม้ ซึ่งมือถือถ่ายวัตถุเคลื่อนที่ในที่ๆแสงน้อยได้ยากแน่นอน ต้องหามุมที่มีแสงลอดลงมา ก็ได้ประมาณนี้แหละโยม
พักจนเริ่มง่วงแล้วก็ลุยกันต่อ ไปที่อ่างเก็บน้ำเล็กๆแห่งหนึ่งแถวๆนั้น ยังไม่ทันเหนื่อยเล้ยยยย พักอีกแล้ว (เพิ่งมารู้สึกทีหลังว่าเหมือนหลอกให้ตายใจ)
แค่ทางลงช่วยกิโลเมตรแรกจากโครงการหลวงก็มีร่องโหดๆที่มีขอบลื่นๆแบบนี้แล้ว ในภาพนี้จะเป็นทางลาดลงค่อนข้างชันและลื่น สังเกตว่าอาจารย์อาร์ตจะถ่ายน้ำหนักตัวไปลงล้อหลังมากกว่า
ตามหน้าที่ ผมต้องวิ่งเข้าไปก่อนขบวนพร้อมพี่ๆตากล้องอีกหลายคัน ต่างคนก็ต่างหามุมเหมาะๆในใจตัวเอง ผมเลือกตรงนี้เพราะยังพอมีแสงสว่างให้กล้อง SS Tab S 2 ได้พอจับภาพในสภาพแสงน้อยๆได้บ้าง บอกเลยว่าตรงจุดที่ถ่ายนี่หมูๆ ถ้าเทียบกับหลายๆจุดที่อยากจอดดักถ่าย แต่สภาพแสงไม่เอื้ออำนวย
การขี่ในลำห้วย นอกจากการจัดท่าและการเดินคันเร่งที่ถูกต้องเพื่อควบคุมการทรงตัวของรถที่ล้อหน้าต้องปะทะกับก้อนหินสารพัดขนาดใต้น้ำ และร่องต่างๆที่สายตาไม่อาจประเมินได้ง่ายๆ(เพราะน้ำขุ่น) สำคัญกว่านั้นคือต้องมีประสบการณ์นการอ่านความลึกตื้นของห้วยให้ออก เพราะเมื่อตาเห็น มีเวลาประเมินแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง ใครพลาดก็มีโอกาสทำรถจมน้ำได้จ้า
การเอาขาพายแบบนี้ ดูเผินๆก็ปลอดภัยดี เพราะถ้าเสียหลักจะได้เอาขาช่วยประคองได้ แต่เชื่อเถอะ ถ้าจะเสียหลักจริงๆไอ่สองขาพายเนี่ย เอาไม่อยู่ก็บ่อยไป เผลอๆจะยิ่งเจ็บหนัก เพราะมีโอกาสโดนรถทับขาหนักกว่าเดิมอีก ย้ำอีกครั้งว่าพยายามเอาเท้าวางบนพักเท้า อย่าลากขาลงมาพายโดยไม่จำเป็น เพราะยิ่งพายยิ่งแกว่ง เราจะทิ้งน้ำหนักไปที่ขาแต่ละข้างโดยที่ไม่รู้ตัว ทิ้งข้างนึงที รถเป๋ไปทางนั้นที ก็ต้องใช้แรงจะสองแขนและหัวไหล่ดึงกลับมาอีกที ดึงกลับมาแรงไปก็เป๋ไปอีกข้าง ก็ส่ายไปส่ายมามันอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ ผลสรุปคือจะเหนื่อยมาก เพราะแทนที่จะใช้แรงเท่าไรในการควบคุมรถ กลับต้องใช้แรงหนักกว่าเดิมในการแก้อาการที่เกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น
จังหวะที่จะขึ้นจากน้ำไปบนดินก็ไม่ใช่จะราบเรียบ ยิ่งจอดเล็งนานยิ่งลังเล ต้องมาเปิดคันเร่งใหม่เพื่อที่จะเอารถขึ้น เปิดคันเร่งแรงในเกียร์ต่ำ ตอนล้อขึ้นจากน้ำไปเจอดินลื่นๆจะยิ่งพาเสียหลัก สู้เดินคันเร่งมาเนียนๆ เกียร์สองสบายๆแล้วกระตุกคันเร่งนิดนึงก็ส่งรถขึ้นได้สบาย รอบเครื่องและความเร็วที่เหมาะสมจะดันรถไปข้างหน้าก่อนที่จะลื่น ทำให้ผ่านไปได้สบายๆไม่เหนื่อย
นักขี่ที่มีประสบการณ์ในทางแบบนี้ จะยืนขี่มากกว่านั่ง เพราะยิ่งมองไกลยิ่งประเมินทางได้แม่นยำกว่า ยืนขี่เอาเข่าหนีบถังได้ดีกว่า และใช้น้ำหนักตัวกดลงมาทแฮนด์เพือควบคุมล้อหน้าได้ง่ายกว่า
แต่ถ้าโปรแล้ว จะนั่งขี่ก็ได้ตามความเหมาะสม ที่จะไม่เห็นแน่ๆในมือโปรคือการเอาขาพาย หรือจอดเล็งว่าจะขึ้นไลน์ไหน เขาอ่านฟ้าบเดียวก็กระตุกคันเร่งขึ้นไปง่ายๆเลย
CRF 250 L ไปทางไหนได้ CRF 250 RALLY ก็ตามไปได้หมดแหละ ในภาพจะเป็นพี่ตู่
ป๋าเบิร์ด Fast bike Thailand กับทางแบบนี้กินหมูชัดๆ
ตาเจ ผู้จัดการออนไลน์ก็มาชิลๆสบายๆ
หลังจากช่วงนี้ สารภาพเลยว่าแทบไม่มีเวลาถ่ายรูปกันเลย เพราะต้องคอยลงไปช่วยบอกไลน์กับยกรถที่ล้ม ไปจนถึงช่วยขี่ขึ้นบางจุดก็มี บางครั้งก็ต้องกู้รถขึ้นมา ทริปนี้มีเลือกไลน์ผิดวิ่งลงจุดที่น้ำลึกไปสองคัน แต่จับภาพมาได้แค่คันเดียว
ก่อนจะช่วยกู้ก็ถ่ายภาพกันก่อน
เลือกไลน์ผิดชีวิตเปลี่ยน รู้ตัวอีกทีจมไปครึ่งคัน นี่ถ้ามาคนเดียวคงต้องทิ้งรถไว้เดินออกมาตามชาวบ้านไปช่วยกู้รถ
ทั้งดันทั้งลาก
แค่นี้สำหรับอาจารย์หน่องที่ร่างกายโคตรฟิต สบายมากกก
ส่วนอาแปะของเราน่ะเหรอ ไม่เหลือ หมดแรง ขาสั่น ลงไปนอนแผ่
มาถึงจุดพักกลางทางของเส้นนี้….หลายคนแทบหมดแรง ร้องหายาดม เมื่อรู้ว่า…. 2 ชั่วโมงที่ผ่านมาเพิ่งผ่านมาได้แค่ 4 กิโลเมตร และยังต้องไปอีกร่วม 30 กิโลเมตรเพื่อกลับไปถนนเส้นหลัก (แต่ทางลำบากเหลืออีกประมาณ 7 กิโลเมตร)
ตามที่บอกว่าแทบจะไม่มีเวลาถ่ายรูปเลย เลยขอนำคลิปจากพี่น้องสื่อฯทีไปด้วยกันมาให้ดูสภาพเส้นทางบางส่วน
คลิปนี้จะเป็นของ อาร์ม ข่าวสด ซึ่งจะมีการบรรยายไปด้วย ดูเพลินๆดี
มาดูคลิปของทีม Just ride it กันบ้าง เอามาให้ดูกันแบบสดๆไม่ตัดต่อ(เพราะตัดไม่เป็น) ไม่มีกั้ก กล้องตัวนี้จะติดอยู่กับหมวกของ @พรสิบประการ ซึ่งเป็นมือใหม่สำหรับทางแบบนี้ จังหวะการเดินคันเร่ง การจัดท่า ต้องจับไปติวใหม่หมด ให้สังเกตดูในคลิปคนขี่จะเหนื่อยมาก ส่วนผมก็เหนื่อยิดหน่อย ออกจะสนุกมากกว่า อิอิ
กว่าทุกคันจะออกมาจากป่าได้ก็เล่นเอาเสียมืดค่ำ กลายเป็น Night Enduro กันไปอย่างไม่ตั้งใจ รางวัลที่รออยู่ปลายทางวันนี้ก็คือที่พักสวยๆกับดินเนอร์แจ่มๆในบรรยากาศกาดมั่วของชาวเหนือ อยากกินอะไรมีเพียบบบบบ
หลายคนเหนื่อยจนกินอะไรไม่ค่อยลง แต่ผมไม่ค่อยเหนื่อย ผลจึงออกมาก็คือไม่…ไม่เหลือ อิอิ
Day 3…
หลังจากราตรีที่แสนสบายผ่านไป ร่างกายได้พักผ่อนค่อนข้างอิ่ม เช้าที่สดชื่นกับเส้นทางสบายๆกำลังรอคอยเราอยู่ เส้นทางวันนี้ค่อนข้างชิลๆขี่กินลมชมวิวสบายๆ วิ่งผ่านอำเภอสะเมิงไปบ่อแก้ว แม่แฮ ทุ่งหลวง ขุนวาง อินทนนท์ตามลำดับ
แม้หลายคันจะผ่านการล้มอย่างนับไม่ถ้วนมาเมื่อวาน แต่ข้อดีของรถสายนี้คือความอึดถึก ถ้าไม่ล้มแรงมากๆ ก็ยังไปต่อได้สบาย เช้าวันนั้น ไม่มีคันไหนอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถใช้งานได้ สอบผ่านทุกคันจ้า
เย็นวันนั้น อาแปะหว่องบินกลับไปก่อน ส่วนผมกับ J Freeman เราอยู่กันต่ออีกวันนึง เพราะวันอาทิตย์มีงานทดสอบขับขี่ CRF 250 RALLY รอบประชาชนทั่วไปพอดี ไหนๆก็อยู่มาสามวันแล้ว อยู่ต่ออีกสักวัน อยากขี่รถเล่นในสนามเพื่อฝึกบางอย่างเพิ่มด้วย คืนนั้นก็อย่างที่เห็นนี่แหละโยม
Day 4…
อากาศฤดูหนาว ตอนเช้าๆก็หนาวดี พอสายเท่านั้นแหละ ฟ้าเปิด แดดจ้าแสบไปยันไส้ แต่ก็ยังดีกว่าฝนตกอะนะ ไม่งั้นงานคงกร่อย การทดสอบรอบนี้จัดกันในสนาม Dirt Track ของ Safety Riding Park Chaingmai กันเลยจ้า โดดเนินกันเพลินเลยทีนี้ (คราวก่อนที่อุดรไม่มีเนินให้โดด)
ใส่กันยับ
ลงไประเบิดความคันกับเขาบ้างดีกว่า
จะลองอะไรบางอย่าง แปะ!!! อิอิ
ไรเดอร์ตัวน้อยมาคอยคุณพ่อ น่ารักมากๆเลย ^^
สมาชิกเพจที่มาลองขี่ เจอตัวก็รับ Sticker กันไปจ้า
กลับน้องมายด์เหมือนขามา
ไม่ได้เอารถมาจอดไว้เหมือนดอนเมือง ก็ต้องพึ่งพาพี่แท๊กพาไปส่งบ้าน
โดยสรุปทริปนี้ก็สนุกสะใจ ได้พาเพื่อนพาน้องที่ไม่เคยลองสายนี้ให้มาโดนอะไรสนุกๆ ถึงจะล้มกันเยอะแต่ก็ไม่เจ็บตัว เพราะความเร็วที่ใช้ในทางแบบนี้ ถ้าไม่ใช่ระดับการแข่งขัน มือใหม่ก็ไม่กล้าไปไวอะไรหรอก มีแต่ลื่นแพร่ดกับล้มแปะนั่นแหละ ส่วนตัวผมก็ได้เลเวลอัพขึ้นมาอีกหลายเลเวล โดยเฉพาะการขี่ในสนามที่มีเนินให้โดดเยอะๆ จับจุดอะไรบางอย่างสำหรับตัว RALLY ได้มากขึ้น ก็ยังไม่เปลี่ยนใจที่จะงอกเจ้า RALLY มาเป็นคู่หูอีกคันอยู่ดี
สุดท้ายนี้ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบจ้า
ขอบคุณและโปรดถนามตัวจนกว่าจะพบกันใหม่