RIDE NOW ขี่ Stallions Centaur Siam ไปอ่างเก็บน้ำ เขาวง สุพรรณบุรี

[RIDE NOW] ขี่ Stallions Centaur Siam ไปอ่างเก็บน้ำ เขาวง สุพรรณบุรี

สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านทุกท่าน

สตาเลี่ยน ได้เปิดตัวรถรุ่นใหม่ ไปเมื่องาน EICMA ที่เมืองมิลาน ประเทศ อิตาลี เมื่อปลายปีที่ผ่านมา

ภาพรถที่ปรากฏตอนนั้น สร้างความฮือฮาได้ดีทีเดียว เพราะตอนแรกหลายๆท่านคาดการณ์ถึง CT400 และเฝ้ารอการเปิดราคากันมานานแล้ว

แต่กลับกลายเป็นรถอีกรุ่นนึง ที่ตอนนั้น ไม่มีข่าวหรือภาพหลุดใดใดออกมาเลย  ” Centaur Siam”

เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ได้มีการกล่าวขานถึงสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ไม่ใกล้ ไม่ไกล กรุงเทพฯมากนัก

แถมภาพที่ปรากฏออกมา เย้ายวนใจ น่าลองไปเที่ยวดูยิ่งนัก นั่นก็คือ อ่างเก็บน้ำ เขาวง จังหวัด สุพรรณบุรี

ประจวบเหมาะกับที่ทางสตาเลี่ยนhttps://www.facebook.com/stallionsmotor/ได้เปิดโอกาสให้ผมได้ทดลองกับรถรุ่นนี้เข้าพอดี

แผนการจึงถูกกำหนดขึ้นคร่าวๆ  หากท่านพร้อมแล้ว มาร่วมกันดูรายละเอียด รถรุ่นนี้ในแบบสบายๆพร้อมๆกันเลยครับ

หน้าตา รูปทรง องค์ประกอบ

รูปทรงรถเดิมๆ มาในสไตล์ ย้อนยุค แต่ก็มีความร่วมสมัยของอุปกรณ์ติดรถอยู่หลายอย่าง เราค่อยๆมาไล่ดูกันครับ

จากมุมมองด้านหน้า เริ่มจากข้างบนลงมา กระปุกไมล์คู่ จนถึงโคมไฟหน้าแบบกลม

มีความสอดคล้องเข้ากันได้ดี ตามสไตล์รถยุคนั้น มองต่ำลงมา จะเจอเข้ากับแผงคอล่างอันมโหฬาร

ต่อด้วย ช็อคอัพหน้า แบบ อัพไซต์ดาวน์ (มีรุ่นช็อคอัพ เทเลสโคปิคให้เลือกด้วยนะเอ้า เผื่อใครมองว่าช็อคแบบนี้ ทันสมัยเกินไป)

วงล้อขนาดใหญ่ รัดไว้ด้วยยางไซส์สวย

จานดิสหน้าขนาดเอาเรื่อง ปั๊มเบรกล่างแบบสองลูกสูบหน้าตา “คุ้นเคย”

ซุ้มห้องเครื่องยนต์ อาจจะดูโล่งๆ ไปนิดนึง ถ้าหากเพิ่มขนาดเสื้อสูบ ฝาสูบ หาอะไรมาทำให้มันดูเต็มๆ น่าจะทำให้งามขึ้นมาได้อีกโข

ช่วงถังน้ำมันกับกระเป๋าเก็บของด้านข้างและเบาะทรงตูดมด ที่มองดูเพลินๆ ก็สวยดีนะ

ช่วงพักเท้าหน้าและคันเกียร์ ออกแบบมาเผื่อให้หลายๆท่านได้ไป “ต่อยอด”

ช็อคอัพหลังแบบคู่ สปริงสีเหลือง พร้อมกระปุกแก็ซ (ทำไมชอบทำช็อคอัพสีเหลืองกันก็ไม่รู้นิ)

ล้อหลังมาพร้อมกับระบบดิสเบรก พิมพ์นิยม

มุมมองด้านท้าย กับท่อไอเสียใบสวย ที่ต้องติดการ์ดกันร้อนมาด้วยตามกฏหมาย “ขัดใจวัยรุ่นชะมัด”

สุ้มเสียงไม่ได้ดุดัน หรือคำรามอะไรมากมาย  ออกแนวเงียบๆเรียบร้อยเชียวละ ซึ่งข้อนี้ผมถูกใจมากกกกก

มุมมองจากผู้ขับขี่ ถังน้ำมันไม่ได้เพรียว และก็ไม่ได้อวบอ้วนมาก พอเหมาะกับ เอเชียไซส์

เอาเข่าหนีบแล้วรู้สึกกระชับดี เพราะมียางกันลื่นแปะมาให้ด้วย

กระปุกไมล์ด้านซ้าย ทริปมิเตอร์เดี่ยว รีเซตไม่ได้ บอกความเร็ว มีทั้งหน่วย กิโลเมตร และ ไมล์

(ใจผมอ่ะ อยากให้เลือกเอาสักอย่างนึงนะครับเพราะการมีชุดตัวเลขสองชุดเนี่ย บางทีมันก็ดูรกไปนิดนึงครับ)

มีไฟเตือนไฟเลี้ยว และเตือนไฟสูง

กระปุกขวากันบ้าง (แหม่ เรียกยังกะน้ำพริก) เป็นที่สถิตของชุดวัดรอบ ไฟเตือนเกียร์ว่าง และไฟเตือน น้ำมันจะหมดแล้วเฟร้ยยยยยย  หาปั๊มด่วนนนน

กับไมล์ชุดนี้ มองแล้วสวยดีครับ เพียงแต่ว่า ฟอนต์ตัวเลข อาจจะดูยากนิด ในช่วงแรกๆที่ได้ลองขับ

ก็คงต้องเพ่งนานหน่อยว่า เอ้ะ ตรูวิ่งอยู่ความเร็วเท่าใดหว่า รอบเครื่องยนต์ไปถึงไหนแล้วหว่า

ส่วนถ้าเป็นการเดินทางช่วงกลางคืน ด้วยความที่เข็มทั้งสองอัน เป็นสีดำ เวลาเหลือบมองแรกๆ อาจจะมีไม่ชินบ้าง

แต่หากใช้รถจนเกิดความเคยชินแล้ว แค่เหลือบมองแว้บๆ ก็น่าจะทราบได้ (จำตำแหน่งได้แล้ว)

ชุดกุญแจ ก็ปกติครับ ขนาดใหญ่ กำลังดี หยิบจับได้สะดวก

แผงคอบน ซึ่งต้องบอกเลยว่า ใหญ่มากกกกกกกก หนักแน่น สุดๆ

ประกับด้านขวา ปั้มเบรกบนอันใหญ่เอาเรื่อง สวิชท์บนสุด ออฟ รัน

สวิชท์อันกลาง นับจากขวา มา ซ้าย “ปิด เปิดไฟหรี่ เปิดไฟหน้า” ห๊ะ!!!! สุดยอดดดด อนุรักษ์สุดๆ

ล่างสุด ก็สวิชท์ สตาร์ทเครื่องยนต์ครับ


มาดูประกับด้านซ้ายมั่ง ไฟ สูง ต่ำ ไฟเลี้ยว แตรปกติ มีปุ่มพาสสีเหลืองๆ ไว้กระดิกเล่น

และก็มี โช้ค ไว้ช่วยสตาร์ท ตอนเครื่องเย็นๆ (ว่าจะเล่นมุข 18:00 แต่กลัวโดน “หมีเตะ” ไม่เล่นดีกว่า)

ฝาถังน้ำมัน ก็ไม่มีอะไรมากฮะ เสียบกุญแจ หมุน ยกออกมาถือเล่นแก้เซ็งระหว่างรอพนักงานปั๊มเติมน้ำมันให้ (อย่าให้ร่วงใส่หัวแม่โป้งเชียว มีกรี้ดแน่)

แต่ของคันนี้ ตอนปิดฝา ต้องใช้จังหวะ เล็งเหลี่ยมซ้ายขวา ขยับขยุกขยิกเล็กน้อย ถึงจะปิดเข้า

กระจกมองข้าง สวยยยย
เอ้ยยย ชัดเจนดีครับ และจะชัดไปถึงความเร็วประมาณ 80-90 หลังจากนั้น สั่นกระจุย

การปรับองศาทิศทางกระจกมองข้าง ถ้าท่านไม่คิดจะเปลี่ยนกระจกมองข้างเป็นแบบอื่นนะครับ
ท่านจงปรับซะให้เรียบร้อย ก่อนขี่รถออกจากศูนย์  เพราะเอาจริงๆ มันต้องใช้ความเข้าใจ
ในการขยับองศาทิศทางนิดนึงว่าจุดใดมันหมุนปรับได้ หรือ ไม่ได้ แต่กระจกมองข้างในรูปนี่ สวยจริงๆนะ (ยังม่อไม่เลิก)

ผมเป็นคนที่ชอบกดแตร แทนการดิ้ปไฟครับ เสียงแตรก็เลยเป็นอีกเรื่องที่ผมชอบเอามาใส่ในกระทู้ (สนองกิเลสตัวเองตลอด)
ผมชอบเสียงแตรรุ่นนี้ครับ ไม่ดังมากจนเกินไป เสียงออกไปทางก้อง ไม่แหลมสูงปรี้ดดดด
การกดแตร หากเป็นการเตือน ผมมักกดเป็นจังหวะสั้นๆ ประมาณ สองครั้งครับ หากบีบแตรแช่ยาว ผมกลัวโดนยิงสวนครับ ผมป๊อดดดดเพี้ยนเพลีย

ไฟหน้า ส่องสว่างในระดับที่โอเคครับ มองทางกลางคืนได้เป็นอย่างดี
ผมได้ลองผลัดกันขับในช่วงกลางคืนด้วย ทำให้รู้ว่า ไฟเดิมๆรุ่นนี้ ไม่แยงตาแน่ (หากไม่ตั้งโคมไฟถวายเทวดา)
ไฟเลี้ยว ไฟท้าย มองเห็นได้ชัดเจนจากระยะปกติของเวลากลางคืน
แต่ถ้าเป็นตอนกลางวัน ก็มีมองไม่เห็นบ้างถ้าหันตูดให้แดด
(กระทู้จะโดนอุ้มมั้ยเนี่ยยย แต่ก็จริงๆนะ ท่านเคยขับรถตามคันหน้า ตอนช่วงที่ตะวันอยู่ด้านหลังมั้ยละ เค้าเบรกแล้ว ท่านก็มองไม่ค่อยเห็นหรอกครับ)


ขนาดยางหน้าหลัง
เจอฝุ่น เจอพื้นผิวถนน ขรุขระ ก็พอไหวอยู่ (ยางยังไม่พ้นรันอิน ไม่กล้าเอียงรถเยอะ เสียวววว)
แต่ถ้าเจอน้ำก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังนิดนึงครับ (ได้เจอด้วย ตอนเช้าวันพฤหัส วงศ์สว่างฝนตก)

การขับขี่ควบคุม

กระผมสูงประมาณ 175 น้ำหนัก 75 ผิวสองสี ยังโสด ฐานะ (เอ่ออ พอก่อน พอก่อน)
ก็อาจจะทำให้มิติรถดูเล็กนิดนึงนะครับ

ช่วงล่าง ด้วยระยะฐานล้อที่สั้นกระชับ หน้ายางค่อนข้างกว้าง ช็อคอัพหน้าหลังที่ถูกเซ็ทมาแบบ นิ่มนวล
ทำให้การขับขี่ฝ่ารถติดในเมือง ทำได้คล่องตัวดี เจอหลุม เจอเนิน เจอฝาท่อ เจอผู้ว่า!?!??!?  ต่างๆ ผมสามารถรูดผ่านไปได้เลยแบบสบายๆ ครับ

แต่ผมรู้สึกว่า ช่วงล่างของคันนี้ ออกจะนิ่มไปสักเล็กน้อย เพราะที่ช่วงความเร็วปลาย ผมรู้สึกว่าเริ่มมีอาการชกเล็กๆ ต้องเกร็งมือช่วยอยู่
แล้วก็การเข้าโค้งหนักๆ คงไม่ไหวครับ คงต้องปรับเซ็ทค่าความหนืดของน้ำมันช็อคอัพใหม่

หรือหากท่านลูกค้ากลัวไม่สะใจ ติดกันสะบัดโลดๆ เลยครับ
ต่างจากอีกคันที่ผมเคยลองก่อนหน้านี้ครับ คันนั้นช็อคอัพหน้าเป็นแบบ เทเลสโคปิค พร้อมมีตัวบาลานซ์ช็อคอัพ ติดตั้งที่ตำแหน่งเหนือบังโคลนหน้า
คันนั้นผมได้ลองเอาไปทดสอบช่วงสั้นๆ ซึ่งมีทางโค้งเยอะระดับหนึ่ง ผมรู้สึกว่าผมชอบช่วงล่างเซ็ทนั้นมากกว่าครับ

 

เบรกเถอะพ่อคู๊ณณ จะตกน้ำแล้ววววว

ระบบเบรก
ด้วยความเร็วปลายและน้ำหนักรถที่ไม่ได้สูงมาก การหน่วงความเร็วลงจนถึงหยุดนิ่งนั้น ทำได้ในระดับที่ถือว่าปกติครับ ไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ของเบรก
เพียงแต่ผมต้องกำและเหยียบเบรก ในระดับที่ลึกว่าปกติเล็กน้อย อาจเพราะยังไม่ได้ปรับตั้งระยะฟรีให้เหมาะสมกับจริตตัวเองนั่นเอง

อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง
ทั้งทริปนี้ผมใช้ระยะทางไปทั้งสิ้น 446กิโลเมตร เติมน้ำมันไปทั้งหมด ราวๆ 350 บาท
เพราะด้วยความเร่งร้อนและเลินเล่อของกระผมเอง ทำให้ไม่สามารถแสดงภาพ ไมล์รวม และภาพหัวจ่ายได้ จึงได้แต่ตีเอาแบบถัวๆว่า
น้ำมันลิตรละประมาณ 24 บาท (แกสโซฮอล 95) เติมลงไปราวๆ 14 ลิตร และตอนส่งรถกลับมันยังเหลือ
นั่นก็แปลว่า กินน้ำมันโดยเฉลี่ยที่ 31 ถึง 32 กิโลเมตรต่อลิตร และมันยังไม่พ้นรันอิน

อัตราเร่ง และความเร็วสูงสุด

ฮัดช้า กว่าจะถึงตรงนี้หลายๆท่าน อาจจะปิดกระทู้หนีไปแล้ว เพราะรำคาญไอ้หมอนี่มันพล่ามนานจัง ขอแสดงความยินดีกับท่านๆๆๆ ที่ยังทนอ่านอยู่นะครับ

เครื่องลูกนี้ 147 cc.จ่ายน้ำมันด้วยคาบูเรเตอร์ ความเร็วสูงสุดอยู่ที่  “115 กิโลเมตร ที่ความเร็วรอบ 8000 รอบต่อนาที”

ความเร็วรอบเฉลี่ยที่ผมใช้วิ่งอยู่แถวๆ 6000 – 7000 รอบต่อนาที ความเร็ว 80-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่เกียร์ห้า กำลังสบายครับ
การไต่ของอัตราเร่ง กำลังจะออกมาให้ใช้แบบสนุกๆที่เกียร์ 2-3 แต่พอถึง 4-5 ก็จะไต่ได้แบบ เนิบๆแล้ว ไม่ปรู้ดปร้าด
(แต่ขอย้ำว่ารถเค้ายังไม่พ้นรันอินนะ)

หลายท่านตอนนี้ปิดกระทู้ไปแล้ว
โฮ้ยยย อารายฟะ ได้แค่เนี้ย เครื่องตั้ง 150 หนีรถแม่บ้านยังไม่ได้เลย โด่วเอ้ยยยยย

คือพี่คร้าบบบ ดูองค์ประกอบนิดนึงคร้าบบบบ น้ำหนักรถ ขนาดยางหน้าหลัง บักเอ้บเลยนะครับพี่ แถมหน้าตารถแบบนี้ พี่หาไม่ได้ในรถแม่บ้านนะคร้าบบบ
เอ้า แล้วทำไมอีกสองค่ายนู้นนนน เค้าวิ่งกันได้ตั้ง 140 – 150 เลยละเครื่อง 150 ซีซี เท่ากัน
เอิ่มม ต้องเข้าใจก่อนว่า ระดับเทคโนโลยีของค่าย ณ ตอนนี้ ยังสู้เจ้าตลาดไม่ได้ครับ

แต่จุดขายของสตาเลี่ยน คือความคลาสสิค และการเอาไปแต่งต่อยอดเพิ่มของลูกค้า ราคาถูกกว่า สองหมื่น
หากท่านรับได้ในปัจจัยต่างๆ ชอบและพอใจในสิ่งที่จะได้ จากการจ่ายราคานี้ ผมว่าตัวเลือกคันนี้ ไม่น่าทำให้ผิดหวังครับ

แต่หากท่านต้องการรถสมรรถนะสูง ความเร็วสูง เข้าโค้งศอกเช็ดพื้น รูปทรงสวยงามดั่งภาพฝัน แต่ขอราคาไม่เกินแสนนะ อันนี้คงไม่ไหวเนาะ

ท่านเคยมองเด็กสักคนเติบโตขึ้นไหมครับ เด็กที่ครั้งนึงยังเดินเตาะๆแตะๆ ล้มบ้าง วิ่งบ้าง
และถึงวันนึง เด็กคนนี้ก็เริ่มเติบโตขึ้นก้าวเข้าสู่วัยมัธยม และจากเวลาที่ผ่านมาทั้งหมด ท่านคงมีความเข้าใจเด็กคนนี้มากขึ้น

จากวันแรกที่ได้รู้จักค่ายสตาเลี่ยน จนถึงตอนนี้ ผมมักเจออะไรเซอไพรท์ๆ ให้ประหลาดใจได้บ่อยๆ
เหมือนกำลังดูเด็กคนนึงที่ซนๆ และหาเรื่องมาให้ผมตกใจได้เรื่อยๆ
เช่นวันที่เปิดตัว CT400 ในงานมอเตอร์โชว์ วันนั้น นับว่าเปรี้ยงปร้างเอาเรื่อง แต่ก็เกิดสะดุดอะไรไปไม่ทราบได้ ทำให้ไม่ยอมเปิดราคาออกมา
จนถึงวันงานมอเตอร์เอกโปเมื่อปลายปี สตาเลี่ยนไม่ยอมมาร่วมงาน เอ้ะ เด็กคนนี้หายไปไหน ทำไมไม่มาน้ออ
แล้วก็หลังจากนั้นก็ได้รู้ เค้าแอบไปซุ่ม ทำปาร์ตี้เดี่ยวๆของตัวเองที่ปากช่อง โคราช
แถมเปิดราคา CT400 กับ Centaur Siam มาในแบบที่ผมกับพี่หมีหันมองหน้ากันแล้วร้องว่า “ห๊า!!!!”
เชื่อแน่ครับว่า เด็กคนนี้จะต้องเติบโตต่อไป และคงมีอะไรมาเซอไพรท์เราได้อีกเรื่อยๆ ชัวร์!!!

และพบกันใหม่นะครับ คราวหน้าคันต่อไป จะเป็นอะไรนั้นเดี๋ยวทีม just ride it จะจัดหามาบริการท่านต่อไปนะครับ

ขอขอบคุณ
เพาเวอร์สตาเลี่ยน เอื้อเฟื้อ รถทดสอบ
และท่านผู้อ่านที่ยังทนอ่านจนจบ 55555