ROYALENFILD BULLET 500 รถใหม่ในร่างเก่ามุ่งสู่อดีตเขตเหมืองแร่เก่าเรื่องราวใหม่”ปิล็อก”
.
ที่แห่งนั้นมันควรจะเป็นแบบไหน
หรือจริงๆแล้วมันอาจเป็นเพียงสถานที่ ที่ไม่มีอะไรเลยก็ได้
แต่ก็นั่นแหล่ะครับ ในแต่ละสถานที่ล้วนมีเสน่ห์ ในแบบของมันเอง
สถานที่ในเบื้องต้น เมื่อเปรียบแล้วก็คงคล้ายรถที่จะนำมาทำบทความในวันนี้
ROYALENFILD BULLET 500
รถที่เหมือนจะธรรมดาแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่า และมีเสน่ห์ในแบบของมันเอง
รถอีกหนึ่งยี่ห้อ ที่ยังคงอยู่ในห้วงแห่งชีวีและวิถีแห่งคลาสสิค
มีทั้งความชิค มีทั้งความคูล และมีอีกหลายเรื่องที่อยากให้รู้กันไว้ด้วยครับ
กระทู้นี้จะเป็นกระทู้เคลื่อนตัวช้า สวนกับวันเวลาที่ผ่านเข้ามาหาเราอย่างว่องไว
อย่าแปลกใจที่บางช่วงหายไปบ้างนะครับ ^^ งานชุกชุมจริงๆ T__T
จนกว่ามันจะเปลี่ยนแปลงจากเจตนาแห่งการมาของเรา
สถานที่แห่งนึงที่ว่านี้คือ ปิล็อก บ้านอิต่อง เหมืองผีหลอก หรือสุดแท้แต่ใครจะเรียก
แผนการเดินทางถูกวางไว้จากแผนเดิมของทุกๆปีที่ผ่านมา เปลี่ยนเพียงแค่สถานที่แวะระหว่างทาง และเวลาตามความเหมาะสม
การเดินทางรอบนี้ได้ข้อสรุปคือวันที่ 2-3 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาครับ
ทันทีที่แผนเดินทางคลอดออกมา ก็เป็นเวลาข้อความในไลน์เด้งเตือนมาว่า เฮ้ยยย!!! ข้ามีรถให้ไปลองขับไปปิล็กด้วยนะ
บอกกันตามตรงว่ารถแนวนี้ กับสภาพผมผู้มีความสูง 158เซ็นติเมตรจากระดับน้ำทะเลมันดูย้อนแย้งกันพิลึก
แต่จอมยุทธไม่เลือกกระบี่ฉันใด lotteidolก็ไม่เลือกมอเตอร์ไซค์ฉันนั้น
ทันทีที่ได้ทดสอบสั้นๆครั้งแรกตอนไปรับกลับมาเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางนั้น
ตับๆๆๆๆๆ เสียงนี้ดังกึกก้องมาตลอดระยะทาง
เสียงกินตับในรอบสูงมันแผดก้องตามสไตล์รถ 500CC สูบเดียวก็เสียวได้
และเสียงตับๆๆๆๆ เดียวกันนั้นกลับอ่อนโยนเหมือนไม่ใช่วันนั้นเลยค่ะในรอบต่ำ
แรงยื้อยุดฉุดกระชากประหนึ่งตัวร้ายหนังไทย ดิ้นต่อยท้อง ร้องต่อยปาก แล้วกระชากเสื้อผ้า แต่ไม่มีเวลาข่มขืน
เมื่อเร่งเร้าถึงจุดไคลแม็ก ความสั่นสะท้านจะตามมาเยือนเป็นแม่นมั่น
มีความเป็นผู้ร้ายหน้าคมตามสมัยนิยม ที่คงความเก๋าในด้านหน้าตาไว้อย่างหาตัวเปรียบได้ยาก
แต่ก็แอบยัดความทันสมัยด้วยระบบหัวฉีดปิ๊ดๆๆ
ไม่มีรถคันไหนที่คุมยาก มีแค่ตัวเราเองนี่แหล่ะที่ยากจะควบคุม
ก็ต้องใช้เวลาหรือระยะทางสักระยะ กว่าจะพอเข้าถึงอารมณ์ของเครื่องยนต์หรือลักษณะการขับขี่ได้
แต่จะเป็นยังไงนั้นเดี๋ยวมาเล่าให้ฟังเป็นช่วงๆไปครับสลับกับการเดินทางไปพร้อมๆกัน
มาดูเลขไมล์ก่อนออกเดินทางกันก่อนครับ ^^
เส้นทางที่ใช้ก็ 323 เช่นเดิมครับ
เพิ่มเติมคือจุดแวะระหว่างทาง
เรามีปลายทางที่ชัดเจน เราก็ควรจะมีจุดแวะพักที่ชัดเจนในแต่ละครั้งเช่นกัน
เหตุผลอีกหนึ่งอย่างที่เลือกใช้เส้นหลักๆแบบนี้คือ เราจะหาที่จอดได้ ติดต่อด้วยสัญญาณมือถือง่าย เผื่อกรณีฉุกเฉินต่างๆ
.
การเดินทางครั้งนี้ มีเพื่อนร่วมทางเป็นรถเก๋งหนึ่งคัน บรรจุมนุษย์เพื่อน มนุษย์พี่ และมนุษย์แม่ ไปด้วย
เรานัดกันที่ ปตท นครชัยศรีครับ ก่อนจะเริ่มออกเดินทางไปพร้อมกัน
มิติของรถเมื่อจอดขนาบกับสุดหล่อไซส์ 158 เซ็นติเมตร รถไม่ได้คันใหญ่นะครับ ตัวผมเล็กเอง T T
เพราะเพื่อนที่ขับรถเก๋งมาด้วยจะต้อองแวะไปรับพี่ชายอีกคนก่อน
จุดนัดหมายและจุดพักเลยเลือกสถานที่ ที่ต่างคนต่างรู้จักกันดี และมีสถานที่กว้างพอให้จอดรถได้แบบสบายๆ สถานที่ที่ว่านี้คือ
ร้านแม่บัวคำ ครับ มีห้องน้ำสะอาด กับข้าวไม่ถึงกับอร่อยมากแต่ก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรนัก (เรื่องรสชาดอยู่ที่ปากเราเอง)
หยุดพัก ณ จุดนนี้ไม่นานมากครับ พอเพื่อนมา ก็พากันออก
.
โดยจุดนัดหมายต่อไปคือ อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์
ปราสาทเมืองสิงห์ มีจุดมุ่งหมายสร้างขึ้นเพื่อเป็นพุทธศาสนสถานในพุทธศาสนา นิกายมหายาน จากการขุดตกแต่งของกรมศิลปากรที่ค่อยทำค่อยไปตั้งแต่ พ.ศ. 2478 แต่มาเริ่มบุกเบิกกันจริงจังเมื่อ พ.ศ. 2517 แล้วเสร็จเป็นอุทยานประวัติศาสตร์เมื่อ พ.ศ. 2530 จึงสวยงามดังที่เห็นอยู่ในวันนี้ ปราสาทเมืองสิงห์นี้กล่าวว่าสถาปัตยกรรมและปฏิมากรรม คล้ายคลึงกับของสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (พ.ศ. 1720 – 1780) กษัตริย์นักสร้างปราสาทแห่งขอม จากการขุดแต่งของกรมศิลปากร พบศิลปกรรมที่สำคัญยิ่งคือพระพุทธรูปนาคปรก พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร และ นางปรัชญาปารมิตา และยังพบรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมีอีกองค์หนึ่ง รูปลักษณ์คล้ายกับที่พบในประเทศกัมพูชา ปัจจุบันกรมศิลปากรได้นำไปเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร แล้ว คงเหลือแต่องค์จำลองไว้
จากศิลาจารึกปราสาทพระขรรค์ เมืองพระนคร ประเทศกัมพูชา ซึ่งจารึกโดย พระวีรกุมาร พระราชโอรสของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7ชจารึกชื่อเมือง 23 เมือง ที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงสร้างไว้ มีเมืองชื่อ ศรีชัยสิงห์บุรี ซึ่งสันนิษฐานกันว่าคือเมือง ปราสาทเมืองสิงห์ นี่เอง
และยังมีชื่อของเมือง ละโวธยปุระ หรือ ละโว้ หรือลพบุรี ที่มีพระปรางค์สามยอด เป็นโบราณวัตถุร่วมสมัย
แต่ในเรื่องดังกล่าวรองศาสตราจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม เห็นว่าการที่นำเอาชื่อเมืองที่คล้ายคลึงกันในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาไปเปรียบเทียบกับบรรดาเมืองในเส้นทางคมนาคมในจารึกปราสาทพระขรรค์อย่างง่ายๆ โดยไม่คำนึงถึงหลักภูมิศาสตร์ เท่ากับเป็นการบิดเบือนความจริงอย่างมักง่าย เพราะบรรดาปราสาทขอมที่เรียกว่าอโรคยาศาลนั้นมักพบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (มีพบบ้างในบางส่วนของจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งปัจจุบันได้แยกเป็นจังหวัดสระแก้ว) และมีรูปแบบแตกต่างจากปราสาทขอมที่พบในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างสิ้นเชิง ตรงข้ามกับบรรดาปราสาทของที่พบบนเส้นทางคมนาคมจากละโว้ถึงเพชรบุรีและปราสาทเมืองสิงห์ แต่ละแห่งก็มีรูปแบบที่แตกต่างออกไป จะมีความคล้ายคลึงกันแต่รูปเคารพพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร และนางปรัชญาปารมิตาที่บ่งชี้ว่าน่าจะแพร่หลายมาจากเมืองละโว้ และพระโพธิสัตว์บางองค์นำมาจากเมืองพระนครก็มีแต่หลักฐานทั้งหมดก็มิได้ปฏิเสธความสัมพันธ์ทั้งสังคมและวัฒนธรรมระหว่างละโว้กับเมืองพระนครในกัมพูชา
ในสมัย รัชกาลที่ 1 เมืองสิงห์ได้มีฐานะเป็นเมืองหน้าด่าน ในสมัยรัชกาลที่ 4 โปรดให้เจ้าเมืองสิงห์เป็น พระสมิงสิงห์บุรินทร์ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นแบบมณฑลเทศาภิบาล ดังนั้นจึงยุบเมืองสิงห์ให้เหลือเป็นฐานะเพียงตำบลหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี
ข้อมูลเบื้องต้นจากวิกิพีเดียครับ
เรามาชมสถานที่ด้านในเพิ่มเติมกันบ้าง ในวันที่ไปโชคดีที่ไม่มีแดดร้อนๆมาต้อนรับ มีเพียงแดดเอื่อยๆที่มีเมฆมาบังร่มเงาให้
ช่วงนี้เราสามารถเข้าไปชมได้ฟรีนะครับ เสียค่าใช้จ่ายแค่ในส่วนของการนำรถเข้าเพียงเท่านั้น
เราใช้เวลาเดินรอบๆอยู่สักระยะ เวลาที่เราอยู่ที่ไหนสักที่แล้วเราชอบ เวลามันมักกลั่นแกล้งเราเสมอ
เอาไว้มีโอกาสแล้วเรามาเจอกันใหม่นะ ปราสาทเมืองสิงห์ ^^
ตอนถ่ายรถอย่างเดียวก็ดูดีนะ พอมีผมเข้าเฟรมด้วย รถยิ่งดูดีเข้าไปใหญ่ -*-
เรายังทำความเร็วกันไม่มากครับ
ขับชิลขนาดที่ว่าคนซ้อนพร้อมหลับตลอดเวลาฮ่าๆ
ใช้เวลาที่มีอย่างจำกัดให้ช้าลงบ้าง เพราะระหว่างทางมีอะไรอีกเยอะแยะ
ถนนที่จะมุ่งหน้าสู่ปิล็อก ตอนนี้ถ้าเทียบกับปีก่อนๆที่เคยมา
ถือว่าดีขึ้นมากพอสมควรครับ แม้จะไม่ดีขึ้นขนาดร้อยเปอร์เซ็น แต่นี่แหล่ะมันเป็นเสน่ห์อย่างนึงของเส้นทางเส้นนี้
ซึ่งเจ้า RE ก็ไม่มีการทำให้ผิดหวัง จริงอยู่ในช่วงความเร็วสูงมันมีสะท้านสะเทือนบ้าง
แต่เมื่อเจอทางแบบนี้ ใช้ความเร็วเท่านี้ มันก็กลั่นพลังงานแฝงออกมาได้อย่างน่าประทับใจ
คันเร่งที่ถูกบิดเพื่อส่งกำลังในย่านต่ำ ทำให้มันไปของมันได้แบบสบายๆ
ดังนั้น เราไม่จำเป็นต้องไปขวนขวายหาความหมายของปลายทางมากนัก ให้ความสำคัญกับระหว่างทางบ้าง
ให้ความสำคัญกับเพื่อนร่วมทางบ้าง
ระบบหัวฉีดที่ช่วยในหลายๆด้าน ข้อดีต้นๆที่รับรู้ได้คือมันประหยัด มันเม่นยำ และมันมีแรง
โครงสร้างที่สวยงามภายนอก บวกกับเทคโนโลยีที่ฝังอยู่ภายใน ทำให้รถรุ่นนี้ สวยทั้งรูปและจูบหอม
แต่กระนั้น ดอกกุหลาบที่สวยงามย่อมมีหนามที่แหลมคมฉันใด มอเตอร์ไซค์ก็ฉันนั้น
จนถึงบรรทัดนี้ จะบอกว่ามันเป็นรถที่เลิศเลอเพอร์เฟคก็คงไม่ใช่ครับ
ข้อติติงก็มีอยู่บ้าง ซึ่งมันอาจจะมาก หรืออาจจะน้อย สำหรับบางคน
แต่ความชอบมักก้าวผ่านสิ่งเหล่านี้ได้เสมอแหล่ะ ^^
จะมีสักกี่หมู่บ้าน ที่แม้เวลาผ่านไปคนก็ยังไม่ค่อยจะเปลี่ยน
นี่คือหนึ่งสาเหตุที่ผมทำสัญญาใจไว้ว่า ถ้ามีเวลาจะหาโอกาสมาหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ทุกๆปี
หลายๆสถานที่ที่เคยไป บางที่ก็เปลี่ยนไปจนน่าตกใจ ทั้งยุคสมัย ความเจริญ และผู้คน
แต่ ณ ที่แห่งนี้ มีเพียงสิ่งปลูกสร้างที่เปลี่ยน แต่ไมตรีของคนในหมู่บ้านไม่เคยเปลี่ยน
แม้แต่เจ้ากะปิขวัญใจนักท่องเที่ยวประจำหมู่บ้าน ก็ไม่เคยเปลี่ยน แฮ่ๆ
วันธรรมดา มันหาได้ง่ายๆและเยอะแยะไปหมด
ครั้งนี้เลยเลือกพักที่ อาร์มโฮมสเตย์ ที่พักอันนี้จะอยู่ตรงไปรษณีย์ของหมู่บ้านพอดีครับ
พอได้ที่กบดาน ก็โยนข้าวของต่างๆวางไว้ พักผ่อนหย่อนใจอีกแป๊บนึง
ให้ธรรมชาติสายลมและแสงแดดอ่อน เป็นตัวบ่งบอกซึ่งเวลา
ที่นึงที่หลายๆคนต้องมาเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ ก็ไม่พ้นเนินช้างศึกครับ
เนินที่มีลมพัดผ่านร่างกายให้ทรงผมที่จัดทรงมามลายสิ้นได้ในทุกวัน
และเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าที่สวยงามมากๆที่นึง
ในวันที่ฟ้าเปิด เราสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ลาลับเส้นขอบของทะเลอันดามันได้ด้วย
เนินช้างศึก เป็นฐานปฏิบัติการของตำรวจตระเวนชายแดนที่ 135 (ฐานช้างศึก) บางคนก็เรียก ยอดดอยปิล๊อก หรือ ต่องปะแล เป็นฐาน ตชด ที่.ตั้งอยู่ในเส้นพรมแดนไทย-พม่า อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,053 เมตร มีบ้านพักเจ้าหน้าที่ ลาน ฮ. และจุดชมวิวในมุมสูง เห็นวิวทั้งฝั่งไทยและพม่า ฝั่งไทยจะเห็นจุดชมวิวเนินเสาธง และหมู่บ้านอีต่อง อยู่ในหุบเขาด้านล่าง ส่วนฝั่งพม่าจะเห็นเทือกเขาและแนวป่าที่เป็นแนวเขาสลับซับซ้อน และผืนป่าเดียวกันกับไทยไกลออกไปสุดสายตา มีสถานีส่งก๊าซในฝั่งพม่าอยู่ไม่ไกลจากเขตชายแดน
ปกติเราจะเห็นภาพถ่ายมุมประจำสำหรับคนเดินทางไปด้วยมอเตอร์ไซค์คือบริเวณด้านใน
ณ ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาติให้นำเข้าไปจอดถ่ายรูปได้นะครับ ในวันที่ผมไปรับแจ้งมาแบบนี้
ซึ่งก็ทำตามกฎที่เค้าวางไว้แหล่ะ อยากให้มีที่ชมวิวสวยๆงามๆก็อย่าลืมทำตามกฎปฎิบัติที่เค้าตั้งไว้นะครับ
เมื่อเพื่อนอยากถ่ายสตอปแอ็คชั่นเท่ห์คอนเซปวัยรุ่นย้อยแสง
สิ่งที่เพื่อนคิด
สิ่งที่ผมถ่ายให้
ลักษณะคล้ายว่ากำลังจะนั่งยองๆเพื่อปลดปล่อยพลังงานบางอย่าง ฮ่าๆ
เจ้าถิ่นประจำเนินก็ยังอยู่นะครับ มีรุ่นใหม่มาหมุนเวียนเปลี่ยนกันไปเป็นกะ
รถคลาสสิคกะวิวคลาสสิคแบบนี้นี่มันช่างกลมกล่อมดีจริงๆ ^^
หมู่บ้านในช่วงกลางคืน เสียงลมที่พัดกระทบสังกะสีบ้าง กระเบื้องบ้าง มันช่างสบายใจอย่างบอกไม่ถูกจริงๆสิน่า
มีบอดี้การ์ดเฝ้าที่หน้าที่พักด้วยนะครับ ดุมากๆ เจอคนแปลกหน้าเข้าใกล้นี่กระโดดพุ่งกระดิกหางใส่เลย
บรรยกาศรอบๆหมูบ้านหลังตะวันลาลับขอบฟ้าไปแล้ว มันสงบระดับที่ได้ยินเสียงบ้านหลังอื่นๆคุยกันได้ ในระยะลิบๆ
เราหนีความวุ่นวายมาหามุมสงบ ก็อย่าทำลายความสงบด้วยความวุ่นวายที่เราหนีมาเลยครับ ^^
สำหรับช่วงกลางคืน ร้านค้าจะจำหน่ายสินค้าถึงสองทุ่มกว่าๆนะครับ ถ้าใครติดกินข้าวกินหนมตอนดึกๆ อย่าลืมซื้อสะเเบียงตุนไว้ก่อนร้านค้าเค้าจะปิดล่ะ
ว่าแล้วเราก็ต้องไปเตรียมสเบียงของเราบ้าง
พอสิ้นเสียงนาฬิกาดัง แว่วเสียงดังมาว่าวันนี้ลมแรง ไม่มีหมอกนะจ๊ะ
เลยคุยกับเพื่อนที่มาด้วยกันว่าเอาไงดี เพราะหมอกจะมีไม่มีเราตื่นขึ้นมาก็สามารถมองเห็นได้ที่ในตัวหมู่บ้านอยู่แล้ว
แต่นี่ แง้มผ้าม่านออกไป ไร้ซึ่งหมอกใดๆให้เห็น T_T
จากที่คุยกัยอยู่สักระยะ ทางเลือกใหม่ของเราคือนอนเอาแรงต่ออีกซักงีบครับ
แล้วเราจะไปเดินชมดมกลิ่นหมู่บ้านด้านล่างกัน
จริงๆหมู่บ้านแห่งนี้ ผมมาปีละครั้ง แต่ผมยังเดินไม่เคยหมด นี่แหล่ะข้ออ้างที่ทำให้กลับมาได้เรื่อยๆ ฮี่ๆ
อันนี้เพื่อนที่ขับรถเก๋งติดตามกันมาครับ ^^
ผมกับเพื่อนคนนี้สนิทกันผ่านตัวอักษรที่เราเฝ้าอ่านระหว่างกันและกันมาเสมอ
เป็นคนที่พักอยู่ไม่ไกลกัน แต่ก็กลับไม่ค่อยมีโอกาสได้กันบ่อยนัก เอ้ยยย ได้เจอกันบ่อยนัก
ดันเจอกันเวลาออกเดินทางได้ง่ายกว่า
หลังจากนอนหลับคนละงีบสองงีบจนสบายตัวกันแล้วเราก็มาสำรวจซ้ำในหมู่บ้านกันอีกครั้งครับ
เหมืองแร่แห่งปิล๊อกดำเนินเรื่องราวแห่งความรุ่งเรืองอยู่หลายสิบปี ก่อนประสบภาวะราคาแร่โลกตกต่ำในปี พ.ศ. 2528 บรรดาเหมืองแร่ทยอยปิดตัวลง ไม่เว้น แม้แต่เหมืองปิล๊อก ทิ้งไว้เพียงตำนานเมืองเหมืองอันรุ่งโรจน์และ มนต์เสน่ห์ แห่งปัจจุบันอันเรียบง่ายสงบงามให้ผู้สนใจ ออกดั้นด้นเดินทางไปค้นหา
เนินที่ทุกคนคงมาเหมือนๆกัน เส้นกันบางๆระหว่างรอยต่อที่เราสามารถข้ามแดนไปได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า
แต่ก็เดินข้ามเข้าไปได้เพียงเล็กน้อยนะครับ เดินได้ถึงจุดๆนึงเพียงเท่านั้น
บางครั้งการปล่อยแฮนด์มอเตอร์ไซค์มาจับแขนใครใครสักคนมันก็อบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
วิถีชีวิตที่ยังเคลื่อนตัวในแบบของตัวเองมีให้พบเห็นกันได้อยู่และน่าจะคงอยู่คู่กับสถานที่แห่งนี้ไปอีกนาน
รถสายซิ่งที่วิ่งด้วยความเร็วมุ้งมิ้ง
ปากทางมุ่งสู่เขาช้างเผือก ได้แต่มองเส้นทางแล้วนึกในใจ ว่าสักครั้งต้องไปถึงยอดเขาตรงนั้นให้ได้
ชาวบ้านอุ้มลูกขึ้นจากหมู่บ้านที่อยู่ด้านล่างอีกทีครับ
หลายๆคนแม้จะมาหลายครั้งก็ยังไม่ค่อยได้เดินลงไป
ทั้งๆที่มันมีอะไรๆอีกมากมาย
เราใช้วันเวลาในช่วงวันธรรมดาอันน้อยนิดจนใกล้จะหมดแล้วครับ เตรียมเดินทางกลับไปทำงานทำหน้าที่ของแต่ละคนต่อไป
ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา มีเพียงคำสัญญาว่าปีหน้าก็จะมาอีก
ขากลับก็แวะน้ำตกจ๊อกกระดิ่นสักนิดครับ
ทางลงเทปูนจนจะหมดแล้ว ลงง่ายกว่าเดิมมาก สำหรับทางนี้มีความชันพอประมาณนะครับ
ถ้าเป็นรถกำลังต่ำๆหน่อยอาจมีปัญหาบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับขึ้นลงไม่ได้
ส่วนเจ้า RE นี่ชิลครับกำลังในรอบต่ำก็เหลือเฟือในการไต่ขึ้นเนินชัน ไม่ต้องคั้นรอบมากมาย
ดูสถานที่พักผ่อนกันมาเยอะแล้ว
ถึงตอนนี้มาดูมวลรวมของรถที่ใช้ในการเดินทางครั้งนี้กันบ้าง
Royal Enfield Bullet500
น้อยคนที่ไม่รู้จักและ น้อยคนที่รู้จัก
คนที่สนใจรถรุ่นนี้ได้คงมีเหตุผลส่วนตัวมีเหตุผลทางอารมณ์แตกต่างกันไป
ที่เหมือนๆกันคงจะเป็นความหลงไหลรถสไตล์คลาสสิค
วันนี้จะมาเผยแง่มุมของคนใช้รถมอเตอร์ไซค์ธรรมดา ไม่มีสเป็คใดๆมาฝากนะครับ
เพราะมันมีมากมายเหลือเกินแล้ว
สิ่งแรกที่จะขาดไม่ได้ในการกล่าวถึงเลยก็ไม่ได้ คือความสะท้านในรอบสูง และความเร็วที่สูง
อันนี้น่าจะเป็นเอกลักษณ์ของรภสายคลาสสิคเกือบๆทุกๆรุ่นเท่าที่เคยทดสอบมานะครับ
เจ้าRoyal Enfieldก็หลีกเลี่ยงเรื่องนี้ไม่พ้น แต่คำว่าคลาสสิคถ้าใช้ความเร็วแค่ชิคๆก็สบายๆและมีกำลังเหลือเผื่อแซงได้อย่างสบายๆเช่นกัน
และการสั่นสะท้านก็ถูกชดเชยด้วยเบาะที่ดูทรงแล้วไม่น่าสบาย แต่พอได้ลองขับกลับสบายกว่าที่คาดคิดไว้เยอะมากมายนัก คือแม้ทรงมันจะดูทื่อๆแต่ในการใช้งานจริงๆมันน่มพอที่จะซับแรงสะท้านได้มากโขเลยทีเดียว
เครื่องยนต์
เครื่องที่ตอบสนองการทำงานได้อย่างต่อเนื่องและเพียงพอต่อการใช้งาน
ด้วยซีซีขนาดห้าร้อยซีซี ที่มีสูบเดียว มันจึงไม่แปลกนักเรื่องของความสั่นสะท้านครับ
อันนี้ก็รู้ๆกัน ซึ่งมันได้กำลังทอร์คหนักๆตั้งแต่ออกตัวและตอนที่ใช้เร่งแซง
และประหยัดด้วยหัวฉีดเรียกได้ว่าจับเทคโนโลยี่ใหม่ใส่ความเก๋าได้ลงตัวโดยไม่ทิ้งนิสัยเดิมของเครื่องยนต์ตอนที่ยังเป็นคาร์บูอยู่ อีกข้อที่ได้เปรียบคือมันสตาร์ทง่ายๆในทุกสภาพอากาศ ถ้าเป็นคาร์บูร์เจออากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยๆก็สตาร์ทยากเอาเรื่อง
ส่วนความประหยัดที่ทำได้เฉลี่ยที่30กิโลลิตร ที่ความเร็วเฉลี่ย 120 และท็อปสปีดที่ทำได้คือ 140หน่อยๆครับ
เมื่อใช้ความเร็วที่ลดลงตามการจราจรปกติจะอยู่ราวๆ 35กิโลเมตรต่อลิตรครับถือว่าในระดับซีซีแบบนี้ กำลังแบบนี้ ประหยัดใช้ได้เลย อันนี้เฉลี่ยรวมๆจากสภาพเส้นทางทั้งหมดนะครับ
จากรูปไมล์ในครั้งแรกจนถึงไมล์เมื่อสิ้นสุดทริป
ใช้ระยะทางไปทั้งสิ้น 789 กิโล ผมเติมน้ำมันไปทั้งหมด 555 บาทและน้ำมันในถังยังคงเหลืออยู่
ช่วงล่าง
ที่ติดมากับตัวรถ ทำหน้าที่ของมันได้ถือว่าดีนะครับ แม้โช็คหลังจะนุ่มนิ่มไปบ้างแต่เป็นประโยชน์สำหรับการเดินทางมากเช่นกัน อันนี้ยกประโยชน์ให้เป็นข้อดีไป
ที่ขัดใจที่สุดในรถผมยกให้เป็นเจ้านี่ครับ +_+
คนที่ใช้อยู่คงเข้าใจ ^^
ระบบเบรค
ที่ได้มามันเหลือเฟือครับทั้งหน้าและหลัง แต่ต้องปรับความตื้นลึกของเบรคหลังใหม่สักนิดเน้อ เท้าแต่ละคนแรงกดไม่เหมือนกันเพราะเบรคหลังยังเป็นดรัมเบรคอยู่
ข้อสรุปโดยรวมๆ
“สวย ทรงคุณค่าในความรู้สึก”
ข้อสรุปรวมๆมีแค่นี้เลยครับ
จะให้บอกว่าเหมาะกับใคร ไม่เหมาะกับใครก็ไม่ได้จริงๆ สำหรับรถที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเช่นนี้
อย่างที่บอกตั้งแต่แรกๆ ของแบบนี้ ความชอบบวกกับอารมณ์ล้วนๆ
และผมว่าหลายๆคนเห็น RE รุ่นนี้มักมีอารมณ์เหมือนกับที่ผมมีแน่นอน
แวะเข้ามาดูพื้นที่ที่ตั้งใจว่าจะแวะตั้งแต่ขามา
เมืองมัลลิกา
อยู่ปากทางเข้าปราสาทเมืองสิงห์ที่เราเข้าไปมาแล้วนี่เองครับ
มองจากด้านนอกเพราะเวลาไม่พอแหล่ววว เดี๋ยวไว้รอบหน้ามีเวลามีโอกาสจิแวะมาเน้อ
มาร์คสถานที่ไว้ก่อนนนนน
หลังจากแวะเสร็จก็เดินทางกลับกันจริงจังละครับใช้เส้นทางเดิมที่มานั่นแหล่ะ
ชีวิต
บางครั้งมันก็แค่นี้แหล่ะครับ
เหมือนเราขับมอเอตร์ไซค์สักคัน เราไม่มีทางบิดมันหมดปลอกได้ตลอดเวลา
ต้องรู้จักเรียนรู้และยอมรับในตัวตน ยอมรับในเครื่องยนต์ แล้วชีวิตเราก็จะสุขขึ้น
บ่อยครั้งที่อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล และหลายครั้ง ที่เหตุผลเหนือกว่าอารมณ์
royal enfield bullet 500 ก็คงเช่นกัน
ขอบคุณทุกๆท่านที่อ่านกันมาจนถึงบรรทัดนี้นะครับ
เราพาท่านผู้อ่านไปถึงปลายทางและกลับผ่านตัวอักษรแล้ว
เหลือแค่ผู้อ่านออกไปเห็นด้วยสายตาของตัวท่านเอง
JUST-RIDE-IT https://www.just-ride-it.com/ ในการติดต่อประสานงานต่างๆให้
ขอบคุณทุกโหวต ทุกอมยิ้ม ที่แวะเวียนผ่านเข้ามาครับ ^^
Linkต้นฉบับ http://pantip.com/topic/35913213