[RIDE NOW] ก่อนแสงอาทิตย์จะสาดส่อง ก่อนที่หมอกจะสลาย @ไทรทอง by Honda Super Cub





ภาพหมอกฟุ้งที่ปกคลุมไปทั่วป่า ไอสีขาวลอยละล่อง บดบังทัศนียภาพของสีเขียวให้เหลือเพียงแค่เงาของต้นไม้น้อยใหญ่ ไม่รู้ว่าหลังม่านหมอกจะสวยงามเพียงใด จะละลานตาไปด้วยสีชมพูเข้มของดอกกระเจียวบานเต็มท้องทุ่ง หรือทุ่งหญ้าสีเขียวสดใสอันกว้างใหญ่ หรือบรรยากาศก็ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป
เราจึงเดินทางออกไปตามหาภาพนี้ที่ อุทยานแห่งชาติไทรทอง ตั้งอยู่ใน จ.ชัยภูมิ มีอาณาเขตติดต่อกับอุทยานแห่งชาติป่าหินงามและอุทยานแห่งชาติภูแลนคา มีลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูง มีอากาศเย็นในช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึงสิงหาคม ดอกกระเจียวป่าจะบานสะพรั่ง พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว
เราออกจาก กทม. ตั้งแต่ 6โมงเช้า โดยใช้เส้นทาง กรุงเทพฯ > สระบุรี > ลพบุรี > เพชรบูรณ์ > ชัยภูมิ



แวะเติมพลังคนกันในปั๊มแถวชัยภูมิ ในเวลาเที่ยง เมนูสิ้นคิดที่สั่งบ่อยๆไม่พ้น ข้าวหมูแดงหมูกรอบ แล้วก็เติมน้ำมันเต็มถัง ก่อนจะออกเดินทางต่อ

บ่าย 3โมง เราก็มาแวะกันที่ มอหินขาวหรือที่เรียกกันว่า สโตนเฮ็นจ์ เมืองไทย หินขนาดมหึมาตั้งตระหง่านกับดอกไม้ป่าสีต่างๆรายล้อม ท้องฟ้าสีสดใส แสงส่องให้เห็นมิติของหินอย่างละเอียด โชคดีที่ไม่เจอฝนอย่างที่กังวลไว้

หินทรายสีขาวขนาดใหญ่ ตั้งเรียงราย อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา จ.ชัยภูมิ ที่น้อยคนนักจะนึกถึง ในอดีตเคยเป็นพื้นที่ทำไร่เพาะปลูกของชาวบ้านมานานหลายปี สามารถที่จะมากางเต็นท์ได้เพื่อชมธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เหมาะที่จะมาในช่วงฤดูหนาว สัมผัสอากาศที่กำลังเย็นสบาย กับทุ่งดอกไม้แสนสวย

จุดชมวิว และธรรมชาติบนภูไม่ได้ มีแค่มอหินขาว เท่านั้น ยังมี หินเจดีย์โขลงช้าง ลานหินต้นไทร สวนหินล้านปี และจุดชมวิวผาหัวนาค ที่ให้เดินเที่ยวชมกันอีก สามารถเดินได้ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร














เรามาอ้อยอิ่ง รอเก็บบรรยากาศแสงสุดท้าย โดยหวังจะเห็นแสงส้มกลมโตมาลาลับกับขอบฟ้า แต่เมฆหนาไม่เป็นใจเอาซะเลย

เราเลยรีบเดินทางกลับไปที่ปฏิวัฒน์รีสอร์ท อยู่ปากทางเข้าอุทยานไทรทอง เพราะต้องขึ้นไปอุทยานไทรทองตั้งแต่เช้า เหลือห้องสุดท้าย เลยได้นอนเรือนไม้หลังนี้
วันนี้เราตื่นแต่เช้า ออกจากรีสอร์ท 6โมงเช้า มาถึงอุทยานไทรทอง เพื่อไปดูดอกกระเจียวประมาณ 7โมง

ใครจะมาแนะนำให้เอารถกระบะมานะคะ และมีรถให้บริการพาขึ้นไปค่ะ คนละประมาณ 50-60บาท/คน หรือเหมาคัน จากตรงนี้ไปประมาณ 10 กิโลเมตร


เอารถลงไปเลยดีไหม แต่อย่าเลย 555
ทิ้งรถไว้นี่ละกัน แล้วก็…


เมื่อมาถึงข้างบน บรรยากาศดีมาก ผู้คนหลากหลายวัย ยานพาหนะมากมายจอดเรียงรายกัน บอกถึงความเป็นที่นิยมของสถานที่แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี

เกือบ 8โมงได้ คิดว่าออกสายแล้ว จะไม่เจอหมอกซะแล้ว นี่แหละ ไอหมอกที่พัดผ่าน ไม่ใช่แค่มโนภาพอีกต่อไป สายแล้วแต่หมอกยังคงหนาทึบ ไม่ใช่หน้าหนาวก็มีหมอกได้นะ

เพราะฝนตกเมื่อคืน จึงทำให้เกิดบรรยากาศแบบนี้ บางครั้งถ้า ฟ้าฝนไม่เป็นใจ หรือคนละช่วงเวลา ก็อาจจะไม่ได้ในสิ่งที่เราอยากเห็นก็ได้ เหมือนภาพที่สวย ไม่ใช่คุณภาพกล้อง หรือ ฝีมือคนถ่ายที่เป็นปัจจัยสำคัญ แต่ องค์ประกอบของแสง สี หรือช่วงเวลา ก็เป็นปัจจัยสำคัญ ที่เราได้ภาพที่งดงาม เช่นกัน
เราไม่รู้ว่าจะเจอฟ้าเน่า เมฆทึบ หรือฝนตก การพยากรณ์ก็เป็นเพียงแค่การคาดเดา การเดินทางก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง การไปแต่ละครั้ง ก็อาจจะทำให้เราเห็นไม่เหมือนกัน กับความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม








แวะกินอาหารมื้อใหญ่ที่ อุทยานป่าหินงาม สั่งเมนูแนะนำที่ขาดไม่ได้เลยของร้านนี้คือ ปีกไก่ทอดเกลือ ตามมาด้วยคอหมูย่าง กับน้ำจิ้มสุดแซ่บ และต้มยำทะเลน้ำข้น ข้าวสวยร้อนสักจาน แต่‘ลืมถ่ายรูป’ ได้รูปมาแค่นี้ อาหารมาทุกอย่างจบอย่างไว คว้าช้อน …ก้าว ชิด ยก จ้วง… ก่อนจะเดินทางกลับ กทม. โดยสวัสดิภาพจ้า