[RIDE NOW] ขี่สุภาพบุรุษตามหาหมูสะเต๊ะในตำนาน

วัดท่าซุง วัดสังกัสรัตนคีรี ตักบาตรเทโว หุบป่าตาด ห้วยขาแข้ง
เขาปลาร้า น้ำตกไซเบอร์ น้ำพุร้อนสมอทอง ฯลฯ เอาเป็นว่ามีที่ให้เที่ยวมากมายก็แล้วกัน
บางจังหวะของชีวิต สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังเหล่านั้นอาจไม่ตรงกับอารมณ์และจริตของเราในเวลานั้นๆ
ในบางจังหวะ เพียงอะไรที่ง่ายๆ ได้พักผ่อน ได้กินอะไรอร่อยๆ ไม่มีกิจกรรมเยอะๆในระหว่างวันที่ต้องการพักผ่อน
RIDE NOW ไปพร้อมกับเรา Pantip Reviews by Just Ride it ไปเยือนเมืองเล็กๆริมแม่น้ำสะแกกรังที่คุณอยากจะให้เวลานั้นเดินช้าลง

บ่ายเกือบแก่ของวันเสาร์ เราสองคนหันหลังให้เมืองฟ้าอมัวที่เต็มไปด้วยฝุ่นควันมลภาวะที่กำลังฆ่าเราอย่างช้าๆ เป็นเมืองที่จำต้องทนอยู่…เพื่อหาปัจจัยหล่อเลี้ยงชีวิตและครอบครัว และเมื่อโอกาสที่พร้อมจะไปยังที่ๆหล่อเลี้ยจิตใจเรามาถึง..จะรอช้าอยู่ใย
เราสองหน่อควบทะยานพาหนะสองล้อยี่ห้อไทยๆ ไปตามถนนสายเอเซีย…แน่นอน ในชีวิตของคนเดินทางที่ไม่มีทางรู้ว่าเบื้องหน้าจะมีอันตรายหรือมฤตยูใดๆรอคอยเราอยู่หรือไม่ บางสิ่งที่ช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจก็อาจจำเป็นไปไม่น้อยกว่าปัจจัยสี่ จึงเป็นธรรมดาที่เราจะแวะสักการะรูปเสมือนของอริยะสงฆ์ที่พึงเคารพเพื่อขอพรสำเร็จในการเดินทาง ให้ถึงที่หมายและกลับบ้านอย่างครบสามสิบสองประการ

ด้วยระยะทางจากบางกอกเพียงประมาณสองร้อยกิโลเมตร และเป็นระยะทำการของความจุถังน้ำมันในการทำงานของก๊อกแรกของเจ้า GPX Racing Legend Gentleman อย่างพอดิบพอดี ความคุ้นเคยของเราที่มีโอกาสได้เดินทางด้วยเครื่องยนต์ 200cc ตัวนี้ค่อนข้างจะบ่อยครั้ง ทำให้เรารู้มือ รู้กำลัง และเข้าจังหวะกันได้สบายๆ หลังขอพรจากหลวงปู๋ทวดแล้ว เราจึงยิงไม้เดียวดิ่งมาเพื่อรีบหาห้องพักสำหรับคืนวันเสาร์ใจกลางเมืองแบบนี้

โชคยังเข้าข้างเราอยู่ ทั้งๆที่เรามาค่อนข้างจะปุบปับจึงไม่ได้จองที่พักผ่านเวปเอเจนซีใดๆทั้งสิ้น (จะว่าไป…ไปไหนมาไหนก็แทบไม่เคยจองกับเขาเลยแหะ)แต่ยังพอมีห้องเหลือให้เราซุกหัว บรรยากาศของโรงแรมเก่าๆที่ผ่านการปรับปรุงมาหลายครั้ง แต่เฟอร์นิเจอร์เก่าๆก็ยังอยู่แทบจะครบถ้วน ถึงอย่างนั้นความสะอาดก็ยังน่าพอใจ ความสะดวกก็พอถูไถ ในย่านใจกลางเมืองเก่าที่เดินไปที่เที่ยวได้สบายๆแบบนี้ ราคาที่จ่ายไปเราคิดว่ามันน่าพึงพอใจ และที่สำคัญ เราอยากสนับสนุนให้คงความเก่าแต่เก๋าแบบนี้ไว้บ้างนี่แหละ อิอิ



มุมภาพแบบ Wide Screen ของห้อง ผ่านชิลหมวกกันน๊อคยี่ห้อ Life and Kustom ….แน่น๊อนนน หมวกยืมสปอนเซอร์มา อิอิ

หลังจากโยนสัมภารกไปกองๆไว้ในห้อง พักกายหยาบให้คลายร้อนสักพัก เตรียมพร้อมจะพากายละเอียดไปพักผ่อน เมื่อแดดร่มลงสักหน่อย เราก็ขี่รถออกมาที่สะพานนี้…ห่างจากโรงแรมนิดเดียวเองแหละ แต่ก็ต้องขี่รถมาถ่ายรูปเล่นให้สมความตั้งใจว่าจะเอาภาพเจ้า Gentleman กับสะพานนี้มาขึ้นปกกระทู้ให้จงได้


่
นอกจากบรรยากาศบนสะพานแล้ว เมื่อมองไปสองข้างของสะพาน เราจะพบวิถีชีวิตของชาวแพริมริมน้ำสะแกกรังได้ทั่วไป วิถีชุมชนที่พึ่งพาอาศัยน้ำเป็นปัจจัยสำคัญและปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้เรียบง่าย เป็นภาพที่มองแล้วสบายตาสบายใจ





ไปไหนมาไหน จะใกล้จะไกล ก็ต้องสวมใส่หมวกกันน๊อคเน้อ

สำหรับอีกมุมมองของชุมชนแพริมน้ำสะแกกรัง การเข้าออกพื้นที่ส่วนบุคคล นักท่องเที่ยวควรให้เกียรติชุมชนด้วยนะครับ จะได้มีมุมสวยๆให้เข้ามาหย่อนใจกันไปนานๆ เน้นภาพเป็น Guide line นะครับ มือกล้องกากๆแถมขี้เกียจอย่างผมนี่ไม่ค่อยได้รอแสงสวยๆกับเขาหรอก





ทุกครั้งที่มาเยือนอุทัย ผมขอปราวนาตัวว่าจะไม่ขอพลาดข้าวมันไก่ร้านนี้แม้เพียงสักครั้ง
อื้อหืมมมม บอกได้แค่ว่า หอม อร่อย ห้ามพลาดด้วยประการทั้งพวงนะจ๊ะพี่บัวลอย

โบราณท่านว่า “หมองูตายเพราะงู”…ฉันใด


ใช่ ผมกำลังกล่าวถึงหมูสะเต๊ะในตำนาน(และรอคิวก็โคตะระนาน)และสิ่งนั้นก็อยู่ฝั่งตรงข้ามร้านโกตี๋ข้าวมันไก่นั่นแหละครับท่านผู้ชม!!!

อื้อหืมมมมมม
อื้อหืออออออออ
ได้แต่ยืนมองแล้วก็สงสัย ว่าหมูสะเต๊ะแต่ละไม้ของร้านนี้ ลงจากเตามาถาดนี่อยู่ในถาดได้เกินนาทีนึงไหมนะ




มิตรรักแฟนถั่ว ก็มีถั่วแระญี่ปุ่นให้หิ้วกลับไปแทะได้

กุ้ยช่ายของโปรด….ไม่รอดสิน่า

สำหรับแฟนมะม่วง จะเอาแบบสดหรือแช่อิ่มก็มีทั้งนั้น




มีซุ้มเล็กๆสำหรับให้ผู้เฒ่าผู้แก่ถ่ายทอดทักษะหัตกรรมให้คนรุ่นต่อไปได้เรียนรู้


















จัดของคาวมาเยอะ แวะล้างปากสักหน่อย ไอศรีมใส่เครื่องร้านนี้รสชาติใช้ได้เลยนะ



โดยสรุปแล้ว ต้องบรรยายว่า….ถ้าเรารู้จักสิ่งนั้น(ตรอกโรงยา)เราก็จะอ้วนได้ไม่ยาก (และผอมได้ยากมาก)


Day…2
ไม่บ่อยนักทีผมจะตั้งใจตื่นเช้าเพื่อมารอใส่บาตร ที่ตลาดเก่าพระเดินบิณฑบาตรตั้งแต่หกโมงเช้าถึงเจ็ดโมงเช้านะครับ






ในวิถีชีวิตของพี่น้องที่อยู่ต่างจังหวัด พื้นที่ต่างๆไม่ได้คับแคบเบียดเสียดกันทำมาหากินเท่าเมืองหลวง ดังนั้น ในตลาดบางแห่ง การขีมอเตอร์ไซค์เข้ามาซื้อของถึงหน้าแผงย่อมเป็นเรื่องปกติธรรมดา เราก็เลยตีเนียนได้สบาย อิอิ













ในบรรยากาศยามเช้าเช่นนี้ อะไรจะดีไปกว่าโจ๊กใส่ไข่สักถ้วย..15บาทเท่านั้น เติมปาท๋องโก๋เข้าไปอีกสักตัวสองตัวนะ..เริ่ด


ภาพนี้ในเมืองหลวง ผมว่าเริ่มหาดูได้ยากนะ ส่วนใหญ่จะกินไปสไลด์หน้าจอไปกันเสียมากกว่า

ขนมจีนก็น่ากินนะ อืมมมมม


เข้มข้น…รักเลยล่ะ




ตึกรามร้านค้าเก่าๆ เห็นแล้วก็ชวนให้คิดถึงวันวาน



แฟมิเลียคันนี้แอบซิ่งนะเนี่ย อิอิ



รสชาติเก๋าๆ สมร้านเก่าๆที่ลือชื่อมานานจริงๆ




เติมน้ำมันให้เต็มถัง พร้อมซัดยาวๆ







ข้ามแพมาได้ เราแวะถ่ายภาพกันที่เขื่อนเจ้าพระยาอีกสักหน่อย…ตรงนี้กลายเป็นว่าเป็นผมนี่แหละที่ไม่เคยมาแวะเสียที คราวนี้ได้แวะสมใจแล้ว…เอาจริงๆก็ไม่ค่อยมีอะไรแห๊ะ



แห่งสุดท้ายที่เราตั้งใจแวะในทริปนี้ “ตลาดย้อนยุคบ้านระจัน” ตั้งใจจะมาเก็บบรรยากาศตลาดในแหล่งท่องเที่ยวที่พยายามจำลองภาพบรรยากาศเก่าๆ ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าแม่ค้าในชุดไทยโบราณ บางคนก็คอสเพลย์มาพร้อมดาบในมือชวนเต๊ะท่าให้เราถ่ายภาพคู่ด้วย เป็นตลาดที่น่าแวะน่าเที่ยวอีกแห่งหนึ่งเลยล่ะ

















ชอบมุมนี้ที่สุด…นั่งสบายๆใต้ร่มไม้ใหญ่ ยามเมื่อลมโชยมาริมทุ่ง…แหม่ เกือบหลับ

ด้วยความที่ผู้เขียนมีโอกาสได้ทดลองขี่รุ่นพี่ของเจ้า GPX Racing Legend Gentleman มาถึงสองรุ่น ประเด็นสำคัญคือทั้งสองรุ่นเป็นเครื่องยนต์บล๊อคเดียวกันกับที่วางไว้ในเจ้าสุภาพบุรุษ Gentleman คันนี้


และเมื่อมาถึง Gen ล่าสุดของเครื่องยนต์ 200cc ตัวนี้กับรูปโฉมที่หล่อทันสมัยมากขึ้นกับ Legend Gentleman 200cc ความแตกต่างกันนั้น เป็นไปดังนี้

เครื่องยนต์ยังคงเป็นเครื่องยนต์ 200cc บล็อคเดียวกับเจ้าCr5 200cc และ Legend200cc ที่ยังเป็นเครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยอากาศ (Air Cooled) จ่ายน้ำมันให้เครื่องยนต์ด้วยคาบูเรเตอร์แบบแวคคั่ม ช่วยระบายความร้อนให้น้ำมันเครื่องด้วยอากาศ (Oil Cooler) ดังนั้น ทั้งความร้อนประมาณหนึ่งที่แผ่ออกมาจากเครื่อง และเสียงเครื่องที่ดังอีกประมาณหนึ่ง สิ่งต่างๆเหล่านี้ยังคงตกทอดเป็นมรดกมาถึงเจ้า Legend Gentleman คันนี้ด้วยเช่นกัน แต่ส่วนที่ต่างกันภายในนิดหน่อยคือมีการปรับเปลี่ยนอัตราทดให้รอบปลายไหลขึ้น ซึ่งจากความรู้สึกของผู้เขียน ก็พบว่าหากเปรียบกับ Legend 200cc แล้ว ต้นกับกลางของ Legend Gentleman ออกจะหดกว่าเล็กน้อย รับไป 4/5 คะแนนสำหรับเครื่องยนต์
ระบบห้ามล้อ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “เบรค” ในส่วนของเบรคหน้าให้เบรคแบบดิสก์หน้าคู่มาเช่นเดียวกับรุ่นพี่Legend 200cc แต่ของดีที่มีเพิ่มเติมคือขาจับปั้มเบรคแบบเรเดี่ยลเมาท์เพิ่มความหล่อเหลาขึ้นมาอีกหลาย% ฟิลลิ่งการจับตัวของเบรคที่ส่งผ่านแรงดันจากปั้มล่างผ่านสายขึ้นมาถึงก้านเบรคนั้นนุ่มมือกำลังดี แต่หากต้องการเบรคกระทันหันก็ตอบสนองได้ดีเช่นกัน เอาไป 4.5 คะแนนสำหรับเบรคชุดนี้
ระบบกันสะเทือน นับเป็นความดีงามที่จัดมาให้ในรถที่มีราคาประมาณนี้ ด้วยกันสะเทือนหน้าแบบหัวกลับที่ทั้งหล่อและดูดซับแรงได้ดีแล้ว กันสะเทือนหนังแบบโช๊คเดี่ยวจาก YSS ยังมาพร้อมกับระบบกระเดื่องทดแรง ทำให้ภาพรวมของระบบกันสะเทือนทั้งหน้าและหลังออกมาได้เกินราคา จุดนี้ผู้เขียนให้ 4.5 คะแนน
ท่าทางการขับขี่ ด้วยความที่เป้าหมายของรถรุ่นนี้ เน้นเจาะตลาดไปทางกลุ่มวัยรุ่นสักหน่อ เป็นที่นิยมตั้งแต่อายุ 15 ปีไปถึง 28 ปีโดยประมาณ เมื่อผู้เขียนที่ลากสังขารมาถึงสามสิบปลายๆแล้วนั้น ออกจะพาให้เมื่อยล้าไปสักหน่อย เอาเป็นว่าขี่ในเมืองเมื่อยข้อมือ แต่ออกต่างจังหวัดดั้นไปเมื่อบั้นท้ายหมีๆแถวๆขาหนีบด้านหลังแทนแหะ ในเมืองก็พอไหว แต่ถ้าไปไกลอาจต้องเปลี่ยนแฮนด์เป็นแฮนด์บาร์สักตัวเพื่อให้น้ำหนักกระจายไปด้านหลังอีกนิด
บทสรุปการขับขี่โดยรวม ด้วยรูปลักษณ์ที่ออกแบบมาเฟี้ยวฟ้าว จอดที่ไหนก็พาให้ต้องคอยตอบคำถามว่านี่มันยี่ห้ออะไร รุ่นไหน ราคาเท่าไร วิ่งดีไหม พอบอกไปบลาๆถึงราคาก็มีแววตาประหลาดใจกันหมด บทสนทนาต่อมาก็จะประมาณว่าใช่เหรอ ราคาเท่านี้เองเหรอ แหม่ ก็เล่นจัดออฟชั่นต่างๆติดรถมาให้เกินราคาเสียขนาดนี้
สิ่งที่ประทับใจมากสำหรับรถคันนี้ผมให้คะแนนดีมากกับช่วงล่างโดยรวม ไม่ว่าระบบห้ามล้อที่ใส่ของที่แม้ไม่รู้ยี่ห้อแต่ก็ให้คุณภาพดีเกินราคาของรถ ระบบกันสะเทือนหน้าหลังยิ่งจัดเต็มมาให้กว่าระบบเบรคเสียอีก แถมยังให้ยางดีจากอิตาลี่มาเพิ่มความมั่นใจในการยึดเกาะโค้งแบบเต็มๆ เมื่อรวมเอาภาพรวมของช่วงล่างทั้งหมดมาประกอบกัน มันเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่เดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยคันนึงเลยล่ะ
เสียงท่อไอเสียที่คำรามกำลังดีแต่ไม่ก้าวร้าวยิ่งเพิ่มอรรถรสให้คุณยามกระแทกคันเร่ง หน้าตาของท่อไอเสียเดิมๆที่ติดรถมาให้ สำหรับผมนะ ไม่รู้จะเปลี่ยนทำไม ให้มาสวยถูกใจดีอยู่แล้ว

V V V V V V V V
V V V V V V
V V V V
V V
V




^ ^
^ ^ ^ ^
^ ^ ^ ^ ^ ^
^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^
S P O N S O R









Photo Assit : TopsaVage https://pantip.com/profile/461685