สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ผมมีเรื่องราวมาแบ่งปันสองเรื่อง
เรื่องแรก เล่าถึงผู้ชายคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่กับรถวีลแชร์ ใช้พละกำลังสองแขนปั่นล้อเพื่อไล่ตามความฝันของตนเอง
เรื่องที่สอง เล่าถึงรถคันหนึ่งที่มีพัฒนาการครั้งสำคัญ ลบจุดด้อยที่เคยโดนครหา การปรับโฉมครั้งนี้ มีอะไรเพิ่มขึ้นบ้าง
จับมาชนให้เห็นกันจะๆเอาแบบสะใจกันไปเลยนะครับ
คุณเคยฝันอยากเดินทางรอบโลกมั้ย??
มันก็คงไม่แปลกอะไรนัก หากคุณมีความพร้อมครบทุกด้าน
เช่นสุขภาพของกระเป๋าตังค์ มีเวลาว่างหรือมีวันลาพักร้อนมากพอ
และมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ดี แต่หากขาดไปสักอย่างหนึ่งล่ะ???
ผมขอแนะนำทุกๆท่านให้รู้จักกับพี่ชายผมครับ เขาชื่อว่า พี่โส “โสภณ ฉิมจินดา”
ผมรู้จักพี่ชายคนนี้ครั้งแรกผ่านหนังสือที่ชื่อว่า “เดินด้วยใจไปกับ มนุษย์ล้อมหัศจรรย์”
เอ้ะชื่อเรื่องกับปกแปลกดี ลองซื้อมาอ่านโดยที่ไม่คิดอะไรเลย นี่ล่ะครับจุดเริ่มต้น
หลังจากที่อ่านหนังสือเล่มนี้จบลง ความรู้สึกผมก็บอกแค่ว่าผู้ชายคนนี้ “ไม่ธรรมดา”
ชายคนหนึ่ง นั่งวีลแชร์ใช้วิธี ”โบกรถ” เพื่อไปท่องเที่ยวยังสถานที่ต่างๆทั่วไทย “คนเดียว”
เห้ยยยย เราร่างกายธรรมดา เรายังคิดว่าลำบากเล้ยยยยยย
แล้วด้วยความบังเอิญปีใหม่ปีนั้น ผมไปเจอพี่โสตัวเป็นๆที่สะพานมอญ ได้คุยและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันเล็กน้อย
จากนั้นเมื่อปี 2557 ช่วงสิงหาคม ผมได้มีโอกาสขี่รถรุ่นนึงเพื่อไปรีวิวนี่แหละ ที่หมายก็สังขละบุรี บังเอิญอีกแล้ว
เจอพี่โสปั่นวีลแชร์คู่ใจอยู่ตรงหน้าร้านขนมจีนป้าหยิน เลยทำการแลกเฟซบุ้คกันเป็นที่เรียบร้อย
ก็คุยๆแซวๆ ถามข่าวคราวความเป็นอยู่ ติดตามผลงานกันอยู่บนเฟซบุ้คนั่นล่ะครับ
จนมารอบนี้ ผมได้มีแผนที่จะทดสอบ Honda CBR500R 2016
ผมไม่รอช้าที่จะวางเป้าหมายลงไปที่ สะพานมอญ อีกครั้ง เพราะเส้นทางนี้มีหลายๆอย่างที่เอื้ออำนวยต่อการทดสอบรถ
มีทั้งทางราบ ทางตรงยาว ขึ้นลงเนินองศากำลังดี โค้งสวยๆหลายๆรูปแบบ
และเพื่อที่จะได้คุยพร้อมกับทำความรู้จักกับมนุษย์ล้อมหัศจรรย์คนนี้ให้มากขึ้น
ผมก็ติดต่อไปหาพี่โส หลังจากคอนเฟิร์มเรื่องรถและแผนการเดินทางทันที
“มาเลยๆ มากินข้าวบ้านพี่ ให้ไวเลย” นี่คือคำตอบง่ายๆ ที่ทำเอาผมรู้สึกปลื้มขึ้นมาทันที
พี่หน่ะไอด้อลผมเลยนะ เรื่องการเดินทางท่องเที่ยวเนี่ย
ผมออกเดินทางช่วงเช้าวันจันทร์ การเดินทางสู่สังขละยามนี้โดยรวมสะดวกสบายครับ
แต่มีช่วงถนนชำรุดเล็กน้อย หลังจากเลยป้อมปี่ขึ้นไปนิดเดียวเท่านั้น
ผมถึงสังขละราวๆบ่ายโมงเท่านั้นเอง (ถ้าขับรถยนต์กว่าจะถึงผมใช้เวลาเยอะกว่านี้มาก)
แวะไหว้พระขอพรให้การเดินทางราบรื่น ผมแวะตรงจุดนี้ทุกครั้งที่ขับขี่รถเพื่อเดินทางไปสังขละฯ
มาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงชวนพี่โส ป่ะพี่ เราไปเล่นน้ำที่ ห้วยซองกาเลีย กัน
จะไปกันยังไงละ? คนนึงขี่มอเตอร์ไซค์มา อีกคนขี่วีลแชร์ รถยนต์ของพี่โส ณ วันนั้น เจ๊งกะบ๊งพอดีเสียด้วย!!!
ชั่วครู่เดียว พี่โสติดต่อหา รถพิเศษ มาได้หนึ่งคัน ของคนข้างๆบ้านแกนั่นแหละครับ โดยเป็นรถแบบที่ชาวชุมชนมอญใช้กันเยอะมาก
โอ้ววว!!!! – 0 – คุณพี่ ท้าทายวิถีไบเกอร์ยิ่งนัก พี่โสแกว่า “อย่าให้เสียที รีวิวคันนี้ด้วยนะ”
ขอมาก็จัดไป คันนี้คือรถ Mate111 ของทางค่ายแยมอะฮ่า
เป็นรถสองจังหวะ กี่ซีซี จำไม่ได้ 4เกียร์เดินหน้า ไม่มีเกียร์ถอยหลัง ไม่มีเกียร์มัวใดๆทั้งสิ้น มีแต่เกียร์มือ!!!
ผลักเกียร์ไปข้างหน้าเป็นการเปลี่ยนเกียร์ขึ้น ดึงกลับหลังเป็นลดเกียร์ลง
กินน้ำมันเบนซินและออโตลูปเป็นอาหารหลัก ปล่อยควันโขมงทุกครั้งที่เปิดคันเร่งดันเนิน
คันเร่ง ที่มือขวาไม่มี แต่ต้องใช้เท้าขวาเหยียบเอาแทน สตาร์ทเครื่องด้วยการตื้บ
ไฟหน้าติดดี ไฟเลี้ยวเปิดแล้วจะมีเสียงดัง แอ๊ดๆๆ เตือนผู้ขี่ว่า อย่าลืมปิดไฟเลี้ยวนะเฟ้ย ถ้าเอ็งลืมตรูจะส่งเสียงลั่นๆมันไปตลอดทางนี่แหละ
เสียงแตรดังพอฟังได้ (ได้ยินกันอยู่สองคน คนขี่กะคนนั่งในพ่วง ดังเบากว่าเสียงเตือนไฟเลี้ยวซะอีก)
ระบบเบรคหน้าหลังเป็นดรัมเบรคทั้งหมด ยังสามารถผนึกกำลังกันเพื่อหยุดม้าที่เครื่องยนต์ผลิตออกมาได้เป็นอย่างดี
โดยยังไม่ต้องถึงกับเอาเท้าลงไปลากพื้นแทนการเบรคแต่อย่างใด
ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ ณ วันนั้น อากาศกำลังดี ทางราบๆ ได้ความเร็วสูงสุดที่ 50km/h (คงไปเร็วกว่านั้นได้อีกแต่ผมป๊อด)
แต่หากเป็นทางขึ้นเนินความเร็วจะลดลงมาเรื่อยๆ แต่ยังไม่ต้องกระโดดลงจากรถไปช่วยเข็น
ความเร็วเฉลี่ยที่ใช้ขาไปคือ 20km./h. ขากลับเริ่มเปรี้ยวเพิ่มเป็น 40km/h
อันนี้แสดงถึง คันเกียร์เทพ และ คันเร่งเทพ สังเกตด้านบน ซ้ายมือ มีกันสะบัดอันเบ้อเร่อติดอยู่ด้วย
ไม่ค่อยชกมวยเลย แต่เลี้ยวโค้งลงเขาที สั่นเป็นเจ้าเข้า 5555+
ก็พยายามตุรัดตุเหร่ คนขี่ก็เกร็งๆ คนนั่งในพ่วงข้างก็จิกมือแน่น ยังกะนั่งดูละครหลังข่าวตอนนางเอกกำลังจะได้กับพระเอก
สงสัยจะลุ้นว่าจะรอดมั้ย ก็พากันมาจนถึง ห้วยซองกาเลีย ได้ด้วยดี (เฮ่อออออ ตัวผมตอนขาไปอ่ะ นึกว่าจะพาพี่โสไปชมทุ่งข้างทางแล้ววววว)
มาถึงนี่ก็ต้องร้านนี้ล่ะครับ อาหารรสชาติโอเค ราคาไม่แพง ที่เห็นหย่อนขาในน้ำนั่น เย็นมากนะครับ
แต่พี่เค้าไม่รู้สึก ไอ้ผมก็เอาฟะ มาถึงนี่แล้วต้องเล่นน้ำให้ได้ อยู่กรุงเทพ ไม่มีห้วย คลอง ให้เด็กบ้านนอกอย่างผมได้เล่น
โดดตูมลงไป ถึงกับร้องจ๊ากกกกก หนาวสะใจมากกกก
ในภาพนี่ความเร็วคงสัก 20km/h เท่านั้นล่ะ กล้องมือถือง่อยๆถ่ายมาซะดูเร็วเลย
ขากลับนี่เริ่มชินกับรถแล้ว ไต่เนินดุ่ยๆ ขายไก่ควันโขมง กลับบ้านกัน
มาบ้านพี่อย่าให้เสียเที่ยว จัดกับข้าวเลี้ยงกันอย่างดี เข้าครัวโชว์ฝีมือด้วยตัวเองกันเลย
กินอิ่มกันแล้วก็อย่ากระนั้นเลย ไปฟังเสียงสายลมกันบนสะพาน ทักทายคนที่ผ่านไปมา
ซึ่งคนในหมู่บ้านทั้งฝั่งมอญ และฝั่งตลาดท่าทางจะรู้จักพี่โสเป็นอย่างดี
Q: พี่โส ช่วงนี้ทำอะไรอยู่มั่งครับ?
A: ก็เช้าๆขายของตรงหน้าร้านป้าหยินน่ะ มีผ้าพันคอ โปสการ์ด ข้าวสารพันธุ์ดีจากพม่า
Q: แล้วมีแพลนไปเที่ยวไหนบ้างมั้ยครับ?
A: เร็วๆนี้จะไปเที่ยว พม่าคนเดียวนะ แล้วก็อยากเที่ยวงาน Tomorrow Land ที่เป็นเทศกาลดนตรีเมืองนอกน่ะ
Q: บ๊ะ!!! พี่ไปเที่ยวคนเดียวบ่อยๆ ลำบากมั้ยพี่?
A: ไอ้ลำบากมันก็ลำบากบ้างนะ แต่ทำไงได้ ชอบเที่ยว อยากเที่ยว อยากไปเรียนรู้อารยธรรม
อยากไปดูโลกข้างนอก และได้ไปเจอน้ำใจของคนอื่น ที่หยิบยื่นมาให้เรา บางคนนะทุกข์หนักกว่าเราอีกตั้งเยอะแยะ
ทุกวันนี้เราแค่ดำเนินชีวิต ออกไปพบโลก ซึมซับมันมาใส่ในใจ หรือจะปล่อยผ่านบางเรื่องไปบ้างก็ได้ เรากำหนดมันเองได้
พี่โสมองโลกแง่ดีขนาดไหน ผมเล่นยิงคำถามไปว่า ขาพี่เนี่ย ถ้ามีกับไม่มี อันไหนจะดีกว่ากันอ่ะพี่???
A: เอ้ยยย ขอเอาไว้เหอะ มันเป็นพร๊อพ ไว้ใส่เกือก ไว้ถ่ายรูปได้ 5555+
รองเท้าพี่แกแต่ละคู่ ต้องบอกเลย จี้ดๆทั้งนั้น ซูเปอร์สตาร์ ซูเปอร์คัลเลอร์ สีเหลืองยังงี้ ไนกี้แอร์แม็กยังงี้
ผมขอเอาใจช่วยและจะเป็นกำลังใจ ให้พี่ได้ทำตามฝัน ปั่นรอบโลก ขอให้พี่ได้เดินทางไปในทุกที่ที่อยากจะไป และพบเจอแต่คนที่ดีๆ _/l\_
แชะ!!! ก่อนจากกันสักภาพ แล้วผมจะกลับมารบกวนใหม่ เพื่อฟังเรื่องราวอันน่าประทับใจ
และเสวนาเรื่องผีที่ติดค้างกันไว้คราวหน้าครับ สัญญา 5555+
นับจากปี 2012 ช่วงปลายๆปี Honda ได้เปิดตัว CBR500R กันไป(ในวันที่ 12/12/2012ส่งมอบรถล็อตแรก)จนมาถึงวันนี้ ปี 2016 ที่ Honda ทั้งรวบรวมข้อมูล ทั้งข้อดี ข้อเสีย ข้อติ ทั้งหลายอย่างของGen1นำมาปรับรูปโฉมใหม่ บนแพลตฟอร์มตัวถังเดิม เรามาดูกันว่ามีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างจากตรงนี้ไป ผมจะเรียกตัวเก่าว่า Gen1 เรียกตัวใหม่ว่า Gen2และภาพเปรียบเทียบทุกภาพ ทางขวาคือ Gen1 ทางซ้ายจะเป็น Gen2
มุมมองรวมๆจากด้าน ซ้าย และ ขวา มีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของแฟริ่งชุดหน้า ชุดท้าย ถังน้ำมัน ใหม่ทั้งหมด
ระยะฐานล้อของทั้งสองรุ่นเท่าเดิมที่ 55.5 นิ้ว (ยาวๆกันไป เกาะถนนแน่นมากในทางตรง แต่ทางโค้งคงต้องยอมให้กับรถที่มีฐานล้อสั้นกว่านี้ตามธรรมดาโลก)
รายละเอียดเครื่องยนต์ต่างๆ คงเดิม เช่นขนาดความจุ 471cc. ระบายความร้อนด้วยน้ำ สองลูกสูบคู่
อัตราส่วนกำลังอัดที่ 10.7 : 1 หัวฉีดPGM-FI ขนาด 34mm.
ความกว้างกระบอกสูบ และ ระยะชัก ที่ 67mm.x 66.8mm.(นับเป็นเครื่องที่ลูกสูบและระยะชักใกล้เคียงกันมาก ศัพท์เทคกะนิกเค้าเรียกแบบ สแควร์ ซึ่งจะให้ผลดีในย่านพละกำลังทำงานคลอบคลุมทุกช่วงความเร็ว)
และแน่นอนว่าเครื่องยนต์ตัวนี้DOHC 4วาล์วต่อหนึ่งสูบ
ไฟหน้าและชุดแฟริ่งด้านหน้าปรับเปลี่ยนใหม่หน้าตาดุดันกว่าเดิม
ไฟหน้าเปลี่ยนใหม่จากเดิมที่ใช้หลอดไฟฮาโลเจน เปลี่ยนไปเป็นหลอด LED สีขาวตามสมัยนิยม
ถอดไฟหรี่ดวงตรงกลางออกไป ชิลด์หน้ากันลม ออกแบบใหม่
สามารถนำของแต่งมาเปลี่ยนใส่ใหม่ได้ง่ายดายกว่าเดิม
Gen1ถ้าจะเปลี่ยนหรอ ถอดชุดสีไปเถอะครับ เกือบครึ่งคัน!!!
ชุดไมล์วัดรอบเดิม (ดีนะไม่เพิ่มไฟบอกเกียร์มา ไม่งั้นจะเคืองกว่านี้อีก)
แผงคอบนชุดเดิม เปลี่ยนน๊อตตรงกลางมาให้ มีตัวปรับช็อคอัพหน้าสีฟ้าติดมาให้ด้วย
โดยระยะยุบของช๊อคอัพเปลี่ยนไปจากเดิม 4.8 นิ้ว ลดลงมายุบเหลือ 4.3 นิ้ว
ให้ความรู้สึกกระชับขึ้น พลิกรถซอกแซกได้ฉับไวขึ้นเยอะ ขนาดแกนช็อคอัพเท่าเดิมเป้ะๆที่ 41mm.
ใครจะหาแฮนด์จับช็อคแต่งก็ต้องหาขนาดตามนี้นะ
ด้านข้างเครื่องทางซ้าย จากแต่เดิมที่ถ้าหากจะเติมน้ำยาหม้อน้ำลงไปในถังพักน้ำล่ะก็
จะต้องถอดชุดแฟริ่งโดยการถอดน็อตสองตัว กับพุกยึดอีกสองตัว
มารอบนี้ แค่เปิดฝาปิด แล้วหากรวยมายัดแล้วเติมกันได้เลย
การตรวจสอบระดับน้ำในถังพักทำเหมือนเดิม คือส่องดูแถวๆช็อคอัพหลัง
เบาะรูปทรงใหม่ปิ๊งๆ ไม่สามารถใช้สลับกันได้
เตี้ยลงด้วย จากเดิมสูง 30.9นิ้ว ลดลงมาอยู่ที่ 30.7นิ้ว
ลดลงแค่นี้ก็อย่าได้ดูเบา มันทำให้ตอนที่คร่อมรถ หรือกระทั่งตอนที่เราขี่อยู่ เราจะรู้สึกว่ามั่นคงขึ้นโขเลยทีเดียว
มาต่อกันที่ไอเท็มใหม่ ที่ทำให้เจ้าของรุ่นGen1เจ็บจี้ดดดกันอีกสักชิ้น
ถังน้ำมันใหม่นั่นเอง Gen1จุ 15ลิตร ส่วนGen2 ไฉไลกว่าเก่า จุเพิ่มขึ้นเป็น 17ลิตร
แถมมีฝาปิดถังน้ำมันแบบบานพับมาให้ ไม่ต้องเอามาถือให้กังวลว่าจะทำหล่นใส่หัวแม่โป้งเท้ากันอีกต่อไป
รูปทรงของถังน้ำมันใบใหม่จะอวบๆกว่าเดิม มีการเล่นเส้นสายเพิ่มขึ้น
มีเว้าหลบช่วงการหักแฮนด์สุด ทำให้การกอดถังอบอุ่นขึ้นมากกว่าเดิม
เครื่องยนต์เดิมที่เปลี่ยนแปลงสีสันไปแบบชัดเจน จากมุมนี้จะเห็นชัดเจนเลยว่าแฟริ่งข้างเปลี่ยนไปมากๆ
แต่ทั้งคู่ก็มีการบังช่องตาแมวส่องดูน้ำมันเครื่องเหมือนๆกัน
(แต่ผมไม่มีปัญหากับส่วนนี้นะ จับรถตั้งตรง แล้วนั่งยองๆลงส่องดู หรือจะคร่อมรถอยู่แล้วก้มลงมามองก็ตรวจระดับน้ำมันเครื่องได้)
เปรียบเทียบความห่างของพักเท้าหน้าหลัง กับความยาวของโครงพักเท้าหลัง
เห็นได้ว่าGen1ยาวกว่า Gen2อยู่เล็กน้อย ทำให้ผู้ซ้อนท้ายจำเป็นต้องชันเข่ามากขึ้น
และหากต้องการเปลี่ยนท่อสลับกัน คงต้องมีการแปลงหูยึดเกิดขึ้นแน่นอน
แป้นยึดพักเท้าหน้าของGen1ที่มีขนาดใหญ่มากกกและดูไม่งามเอาเสียเลย(ในสายตาผม)
ถูกเปลี่ยนรูปแบบใหม่ เปลี่ยนไปใส่พักเท้าเกียร์โยงแต่งทำได้ง่ายขึ้น
เบาะคนซ้อนแบบใหม่ การเปิดเบาะจากแต่เดิมต้องก้มลงหาว่าจะแทงกุญแจตรงไหน
ถูกปรับใหม่ให้แทงกุญแจเปิดเบาะหลังได้ตรงกลางกันเลย
เบาะหลังถูกแยกระดับขึ้นไปชัดเจน แต่ก็ถูกลดขนาดลงเยอะ สายสปอร์ตถูกใจ
สายกลัวเมียคงโดนบ่น อ้อ สายท่องเที่ยวที่ชอบความเป็นสปอร์ตก็คงมีปัญหาล่ะครับคราวนี้
เพราะการมัดสัมภาระติดเบาะหลัง ทำได้ยากขึ้นกว่าเดิม
Gen2ไม่มีที่จับกันตกท้ายแบบเดิมติดมาให้อีกต่อแล้ว (สงสัยงอน สายแต่งเอาออกแล้วหาอะไรมาปิดรูแทบทุกคันเลย)
โดยที่จับกันตกจะแอบอยู่ด้านล่าง ต้องเอามือล้วงไปจับ
มองค้อนขวับอีกแล้วกับชิ้นนี้ ก้านเบรคหน้าแบบปรับระดับได้
ดูดีขึ้นเยอะเลย และในแง่การใช้งานมันดีขึ้นเยอะเลยซาร่า
สามารถปรับคันเบรคให้ถูกจริตส่วนตัวกันได้ตามใจชอบเลย (ฝั่งคลัชต์ปรับไม่ได้นะจ๊ะ)
ปั้มเบรคล่างตัวหน้า ใช้ยี่ห้อเดิมคู่บุญ
แต่เปลี่ยนหน้าตาไป ดูดีกว่าเดิม และจากการทดสอบ
เบรคทำงานดีขึ้นชัดเจน รู้สึกดีกว่ารุ่นเดิมอย่างมากกกกก
แรงเบรคที่ส่งแรงกดลงไป ชะลอรถได้ตามระดับน้ำหนักกดเบรค
ต่างจากGen1ที่จะเจออาการว่า “เบรคแล้วไหลเล็กน้อยต้องเพิ่มน้ำหนักกดเบรคมากขึ้น” ขนาดจานเบรค หน้าหลัง เท่าเดิมเป้ะๆ
บั้นท้ายใหม่ ถูกใจสายสปอร์ต สายท้ายสั้นแน่นอน
ซึ่งแน่นอนว่าหากท่านต้องการจะให้มันบังโคลนได้มิดๆตามชื่อมันล่ะก็
ต้องบอกเลยว่า เสียใจด้วยครับ ดีดเหมือนเดิมนั่นแหละ แน่นอน อยากหล่อต้องอดทน และ ซักเสื้อผ้าเก่ง
ไฟท้าย LED โคมใส สว่างชัดเจนดี (Gen1ก็สว่างไม่แพ้ใครแล้วล่ะ) ไฟเลี้ยวกับไฟส่องป้ายทะเบียนแบบเดิม
ไฮไลต์การปรับเปลี่ยนอีกจุดที่Gen1โดนโจมตีอย่างรุนแรงมากกกกกกก
ปลายท่อไอเสียบ้องข้าวหลามอันลือลั่นนั่นเอง
ของGen2ดูดีมีชาติตระกูลขึ้นเยอะ (บอกเลยว่าปวดใจแปล๊บบบ)
ปลายท่อที่สั้นลง ทำให้สุ้มเสียงที่เปล่งออกมายามกระแทกคันเร่ง มีความดุดันเพิ่มขึ้น เร้าใจขึ้นเอาเรื่องเลยทีเดียว
(แต่ก็ยังไม่สาแก่ใจขาโหดเขาหรอก ไอ้ผมชอบเสียงเบาๆก็เลยยังใช้ท่อเดิมๆอยู่ครับ)
คอท่อเดิมๆ เทียบให้ดู รถใหม่กะรถเก่าเฉยๆ ผ่านการใช้งานมาหนึ่งปี สภาพก็อย่างที่เห็นล่ะครับ 5555+
เสียงแตรทั้งสองรุ่นไม่เหมือนกัน ลองบีบเทียบดูแล้ว โดยส่วนตัวชอบเสียงแบบ Gen1 มากกว่า
ชิ้นส่วนพลาสติกเดิมที่เคยเรียบๆ มีการเพิ่มลูกเล่นรายละเอียดมาให้ดูไฮโซกว่าเดิม
พักเท้าหน้ามีการปรับปรุงลวดลายเล็กๆน้อยๆ ให้ความรู้สึกไม่ต่างกัน
(แต่ที่รอบเครื่องสูงๆ พักเท้าหุ้มยางแบบนี้จะไม่ค่อยสั่นสะเทือนให้รู้สึกจั้กกะจี้เท้ามากจนเกินไปนัก)
แต่พักเท้าหลังมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ในแง่ความสวยงามแล้วผมว่ามันสวยขึ้นเยอะนะ
คนซ้อนสามารถจิกเท้าแน่นๆขึ้นได้ แต่ก็ต้องแลกมากับความสั่นยามที่ใช้ความเร็วสูงที่จะมีมากกว่าเดิม
(แต่ก็แค่เล็กน้อยมากๆ ไม่จับผิดมันจริงๆจังๆไม่รู้สึกหรอก)
กุญแจGen1ดอกบน กุญแจGen2ดอกล่าง ทั้งคู่มีชิฟ HISS เหมือนกันแต่Gen2 มาในมาดของกุญแจ เลเซอร์คัต ไฮโซอีกแล้วววว
ความร็วสูงสุดที่ทำได้ อันนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป ยังคงตัดที่ความเร็ว 188km./h. เหมือนเดิมนั่นแหละ
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง วัดแบบคร่าวๆมานะครับ การใช้งานของแต่ละคนคงไม่สามารถบังคับให้รถกินน้ำมันเท่ากันได้เป้ะๆแน่นอน
ถังแรก ผมเติมที่ปั๊ม ปตท. พระราม5 ขาออก
แกสโซฮอล95 เติมเป็นเงิน 290บาท จำนวน 12.31ลิตร ราคาลิตรละ 23.55บาท (ไฟน้ำมันเตือนกระพริบ)
ถังที่สอง เติมแถวๆ อ.ไทรโยค (เข็มน้ำมันอยู่ประมาณขีดกลาง) ระยะที่วิ่งไป 182.2km.
แกสโซฮอล95 เติมเข้าไปเป็นเงิน 150 บาท จำนวน 6.313ลิตร ราคาลิตรละ 23.76บาท
สภาพการเดินทางช่วงแรก ถนนบรมราชชนนี ใช้ความเร็วเฉลี่ย 80-90 km./h.
เข้าสู่นครปฐมจนถึงบ้านโป่งราชบุรี ปริมาณรถยังค่อนข้างมาก ทำความเร็วได้ที่ 90-100km./h
เลยบ้านโป่งเข้าเขตกาญจนบุรี จะเจอไฟแดงหลายจุด จนถึงแยกแก่งเสี้ยนช่วงนี้ความเร็วที่ใช้ลดลงมาเหลือ 80-90km./h
จากแยกแก่งเสี้ยนถึงอำเภอไทรโยคทำความเร็วได้ดี ปริมาณรถน้อยลง ความเร็วที่ใช้ 100-140km./h (ทดลองทำท๊อปสปีดสองครั้ง)
จากการวิ่งแบบนี้ สรุปได้ว่า ระยะทาง 182.2km. ที่ผ่านมาใช้น้ำมันไป 6.313ลิตร
เท่ากับว่า กินน้ำมันเฉลี่ยที่ 28.86 กิโลเมตรต่อลิตร
ถังที่สาม ซึ่งเป็นการเติมน้ำมันครั้งสุดท้ายของทริปนี้ผมเติมที่ปั้มปตท. อ.สังขละบุรี (ตรงสามแยกที่มุ่งหน้าไปด่านเจดีย์สามองค์) แกสโซฮอล 91
เติมเป็นเงิน 230บาท จำนวน 9.565ลิตร ราคาลิตรละ 24.05บาท ระยะทางที่วิ่งไป 258.7km.
จากการเติมครั้งที่แล้วตรงไทรโยค ทางยังคงเป็นทางตรงยาวๆ แต่เริ่มมีเนินสลับเล็กน้อย
จนถึงแยกทองผาภูมิ เลี้ยวขวามุ่งหน้า สังขละ ช่วงนี้จะมีการขึ้นลงเนินสูง พร้อมทั้งโค้งอีกมากระยะทางราว70 กิโลเมตร(นับจากแยกทองผาภูมิ)
สรุปน้ำมันถังที่สอง ระยะทาง 258.7km. ใช้น้ำมันไป 9.565ลิตร กินน้ำมันเฉลี่ยที่ 27.04 กิโลเมตรต่อลิตร
น้ำมันถังที่สามผมเติมก่อนจะวิ่งกลับนั้น ผมใช้วิ่งรวดเดียวจากสังขละยาวจนถึงที่พัก ระยะทางทั้งสิ้น 352.9km.
เข็มน้ำมันกระพริบแล้วล่ะ คาดว่าใช้น้ำมันไปทั้งสิ้นราวๆ 13-14 ลิตร
ซึ่งถ้าหารออกมาแล้วก็จะกินน้ำมันอยู่ในช่วง 25-26 กิโลเมตรต่อลิตร
ทริปนี้ผมใช้รถไปทั้งสิ้น 824.6km. หมดเงินค่าน้ำมันไป 670บาท!!!!
(แต่ถ้าเติมถังสุดท้ายให้เต็มก่อนส่งมอบรถคืนก็ต้องบวกเข้าไปอีกราวๆ 300 บาท)
ขี่ไปตั้งเกือบพันกิโล รู้สึกอย่างไรบ้าง???
แรกสุดเลยผมใช้งาน 500R Gen1มาประมาณ 1 ปี
วันที่ไปรับรถทดสอบก็ขับรถตัวเองไป แล้วกระโดดจากรถตัวเองเปลี่ยนมาลองรุ่นใหม่กันเลยทันที
สัมผัสแรกที่ผมรู้สึกตอนนั้นเลย เอ้ยย มันเบาแรงลงกว่าเดิม เบาะนั่งเตี้ยลง หนีบถัง(knee grip)ได้กระชับขึ้น
เลี้ยวง่าย คล่อง คม กระชับกว่าเดิม แต่ก็มีอาการตึงตังหากเจอผิวถนนไม่เรียบมาให้รู้สึกมากขึ้น
เบรคหน้าผมปรับไปที่เลข 4 ของวงแหวน จนรู้สึกว่าระยะมันใกล้เคียงกับเบรคของรถตัวเองที่สุดแล้ว
จากที่ลองเบรคดู พบว่าอาการของเบรคดีขึ้นอย่างมาก กดเบรคแล้วมั่นใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ABS ผมว่ามันฉลาดกว่าเดิมนะ ต้องตื้บเบรคหลัง กดคันเบรคหน้าแบบจริงจังมากขึ้น มันถึงจะทำงาน
ของGen1ในบางทีที่เผลอเลียเบรคหลังแรงไปนิด จะเริ่มตอดเท้าแล้ว
ความร้อนของเครื่องยนต์ที่ถูกส่งผ่านออกมา โดนขาน้อยลง น่าจะเป็นเพราะแฟริ่งมีการคลุมบังเครื่องไว้
และจัดการสร้างช่องลมออก ให้หลีกเลี่ยงขาเรามาแล้วนั่นเอง ต่างกับGen1ที่เปิดด้านข้างของเครื่องยนต์กันโล่งๆเลย
ไม่มีครีบ ไม่มีอะไรมาหลบ เวลาพัดลมมันเป่าก็จ๊ะเอ๋กับขาเราพอดี (แต่ความร้อนของซีรีส์ 500 นี่เด็กๆมากกกกกกก)
เสียงท่อ แน่นอนว่ามันดุขึ้น เนื่องจากปลายท่อสั้นลง แถมเวลาผ่อนคันเร่งจนหมดนี่ยังรู้สึกได้ว่า เอ้ะ!! แอบมีแบคไฟร์ เบาๆนะ
“เธอใช้เวลาสามปี เปลี่ยนแปลงตัวเองจากเด็กสาวสวยใสจบใหม่ เป็นสาวออฟฟิศสวยเฉี่ยวเปรี้ยวกว่าเดิม”
ผมขอใช้ประโยคนี้นิยามรถรุ่นนี้ไปเลยละกัน ไม่รู้จะเปรียบยังไงให้เห็นภาพได้มากกว่านี้อีกแล้ว
เพราะเมื่อ สามสี่ปีก่อน เธอเป็นดั่งสาวน้อยคนนึงที่เพิ่งเรียนจบ ยังแต่งหน้าทาปากไม่ค่อยจะเป็นนัก อาจจะสวยสู้พี่ๆในออฟฟิศไม่ได้
แต่มาวันนี้เธอเปลี่ยนไปแล้ว เธอแต่งหน้าเป็นแล้ว เธอแยกออกว่าอันไหนคือที่เขียนคิ้ว อันไหนมาสคาร่า แต่งออกมาได้สวยด้วย หนุ่มๆมีมองกันเหลียวหลังชัวร์
แต่แน่นอนว่า นั่นก็คือเธอคนเดิมคนเดียวกันนั่นแหละ ที่นิสัยภายนอกยังคงเรียบร้อยน่ารัก แต่เธอก็แอบมีมุมก้าวร้าวเล็กๆบ้าง
ขอหนูเซลฟี่กับสะพานมอญหน่อยนะคะ
พี่ไก่ขโมยซีนหนู เดี๋ยวจับปิ้งซะเลยดีมั้ย???
ขอขอบคุณ
AP Honda ประเทศไทย เอื้อเฟื้อและประสานงาน รถทดสอบ
พี่โส โสภณ ฉิมจินดา สำหรับกับข้าวอร่อยๆ กับที่พักแสนอุ่น พร้อมประสบการณ์ และมุมมองโลกกว้าง
พี่หว่อง พรสิบประการ สำหรับกล้องที่ให้ยืมมา ผมได้ฝึกหมุนมือจนตาลายเลยล่ะ
พี่โต้ โมจิเฮด(ที่ไอดีได้โดนแบนไปแล้ว555+) ที่ช่วยแก้รูปง่อยๆแบบลิงกดชัตเตอร์ ให้งามหยดย้อย ไว้ขอเลคเชอร์วิชา ถ่ายรูป & LR ให้ด้วยนะครับ
มอเตอร์ไซค์ พันทิป https://www.facebook.com/motorcycpantip/
Just-Ride-It https://www.just-ride-it.com/ และ https://www.facebook.com/Just-Ride-it-402680366584509/?ref=bookmarks
แล้วพบกันได้ใหม่เร็วๆนี้กับ รีวิว 500X 2016 แบบเจาะลึก ระยะทางการวิ่งเกินพันกิโลเมตรแน่นอนกับ พรสิบประการ
อ้างอิงข้อมูลเสริมด้านเทคนิค
ประวัติและรูปภาพบางส่วนจากคุณโสภณ ฉิมจินดา
http://www.cbr500riders.com/forum/cbr500-general-discussion-forum/43-2013-honda-cbr500-specifications-cbr500r-500f-500x.html
http://powersports.honda.com/2016/cbr500r/specifications.aspx
—————————————————————————————————————————————————————————————————————————–
บทความโดย TopsaVage
Linkต้นฉบับ http://pantip.com/topic/34734122
—————————————————————————————————————————————————————————————————————————-
Comments are closed.