[RIDE NOW] นั่น นู่น นี่ น่าน ควบCB500Xไปคันเดียวแบบบ้านๆนำทางด้วย “สก๊อยวิเกเตอร์”

สวัสดี พี่ๆน้องๆ ลุง ป้า น้า อา ทุกท่านครับอมยิ้ม17อมยิ้ม17อมยิ้ม17

ทำไมต้อง สก๊อยวิเกเตอร์???
เรื่องมันมีอยู่ว่า คนซ้อนประจำตัวเกิดไปอ่านเจอรีวิวท่องเที่ยวเมืองน่าน เลยอยากไปแอ่วเมืองน่าน ว่างั้น
ไอ้กระผม….ก็ทำได้แค่ ตามใจนางอ่ะนะ (ยังไม่มีจังหวะเวลาที่เหมาะสมพอจะขัดใจ)
ก็คุยกันเรื่องสถานที่ว่าอยากจะไปที่ไหนบ้าง ให้ลิสเอาไว้แล้ววางแผน ลากเส้นทางเอาใน แผนที่ของอากู๋
ก็ในเมื่อเป็นคนซ้อนนั่งกินลมชมวิว นั่งหลับดีๆไม่ชอบ
อยากเป็นเนวิกเกอเตอร์ก็ลองดูซักตั้งนึง…..เป็นที่มาของ “สก๊อยวิเกเตอร์” นี่ล่ะครับท่านผู้ชม

ปกติแล้วผมเองถ้าจะเดินทางขี่รถไปไหนไกลๆก็จะวางแผนกะระยะทาง วางจุดพักแวะปั๊มแต่ล่ะช่วงคร่าวๆไว้ในหัว
แต่ก็ไม่เคยจะวางแผนจริงๆจังซักก่ะที เพราะว่า ถึงจะมีการวางแผน วางเส้นทางไว้แล้ว ก็ยังหลงจนเป็นเรื่องปกติ
เอาง่ายๆ วางแผนก็หลง ไม่วางแผนก็หลง คือๆกัน ดังนั้นแล้ว
“การเดินทางครั้งไหนที่ไม่หลง มันจะไม่มีสตอรี่ให้กลับมานั่งเล่าถึงตอนขี่รถหลงทางสิน่า”  
ทริปไหนที่หลงทางมักจะจำแม่นกว่าปกตินะครับ หึหึ เป็นเหตุผลที่ดูเหมือนจะหล่อ แต่จริงๆแล้วก็หลงทางนั่นแหละ….แฮ่
ทริปนี้ คนซ้อน วางแผนครับนั่งหน้าคอมเปิดอากู๋ ทำเส้นทางวางตำแหน่งบนแผนที่เลยครับ
จนได้แผนเดินทางในแบบของคนซ้อน ออกมาหน้าตาแบบนี้

ได้แผนที่เดินทางแล้ว แอบหวั่นใจเมื่อเห็นจุดหมายต่างๆในแผนที่ นึกในใจว่าจะเก็บ RC ตามที่กำหนดไว้ครบมั้ยนี่
โอเค….อย่าคิดมากทริปนี้มีหน้าที่ขี่รถอย่างเดียว……เย่เย่
มีคนนำทาง แถมมีฝ่ามือตบกบาลตัดรอบที่ความเร็วเกิน 120Km/ชั่วโมงด้วยนะ….
รอช้าอยู่ใย แพคของเตรียมตัวออกไป เสพสายลม แสงแดดกันเถอะ

อมยิ้ม21อมยิ้ม21อมยิ้ม21

 

DAY  1  กรุงเทพ – ดอยเสมอดาว


ทริปนี้ออกเดินทางด้วยเจ้าม้าศึก CB500X 2016 สนับสนุนให้ยืมรถโดย APhonda และ Honda Big Wing

จุดหมายแรกไปกิน ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมแม่น้ำน่าน จ.พิษณุโลก
แต่ แต่….ในตอนเช้าวันแรกของการเดินทาง ดันมีธุระด่วนแบบเล็กๆทำให้การออกตัวสายนิดหน่อย

ขี่เรื่อยเปื่อย วาร์ป…มาถึงนครสวรรค์  ก็ถูกสะกิด “ หิวแล้วอ่ะ”  โอเค งั้นแวะหาไรหม่ำกันแถวๆนครสวรรค์
เพราะฉนั้น ก็เลยต้องพลาดเมนู ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ไป….แค่ออกตัวก็เริ่มเกิดการคลาดเคลื่อนของแผนซะแล้ว

กินข้าวอยู่ พี่ก็มานั่งเฝ้า หน้าตาหล่อดีซะด้วย อิ่มแล้วก็ออกเดินทางกันต่อ…
ใช้เส้นทางเลี่ยงเมืองพิษณุโลก เข้าทางหลวงหมายเลข 11 วิ่งยาวๆจนถึงสี่แยก อ.พิชัย อุตรดิตถ์
เลี้ยวขวามุ่งหน้าไป อำเภอน้ำปาด แวะเติมน้ำมันให้เต็มถัง

มุ่งหน้าตามจุดหมาย แพข้ามฟาก อำเภอ ฟากท่า จังหวัด อุตรดิตถ์  พิกัด 18.04783, 100.69057 เพื่อข้ามแพ

เส้นทางเข้าอุทยานลำน้ำน่าน สองข้างทางต้นไม้ครึ้มๆอากาศเย็นกว่าก่อนหน้าที่จะเข้าบริเวณอุทยานพอสมควร
เริ่มมีโค้งให้ เล่นเป็นช่วงๆไม่โหดมากนัก ไม่ค่อยมีรถวิ่งนอกจากรถชาวบ้านสัญจรตามปกติ นานๆจะวิ่งมาซักคันนึง

ไปเรื่อยๆครับ อยากจอดตรงไหนก็จอดถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อยไม่รีบร้อน

 

 

ระหว่างทางมีการทำถนนเป็นช่วงๆ จากทางเรียบ อยู่ดีๆเปลี่ยน ฟิลลิ่งอย่างรวดเร็วมาเป็นทางกรวดทันทีทันใด
แถมเป็นกรวดร่วนๆแบบว่าพึ่งเทยังไม่ได้บดอัดด้วยนี่ ล้อปัดกันสนุกสนาน
ทีนี้ คนนำทางทำแผนที่ก็เริ่มออกอาการ ไม่แน่ใจครับ ก้มหน้าก้มตากด GPS ยิกๆ…หึหึ
[กลัวหลงสินะโทษใครไม่ได้ด้วยนะ เอออออออออ] งานนี้หลงยังไงก็ได้ ไม่โดนบ่นแน่นอน 55555+

ต่อจากทางกรวดร่วนๆ ที่พอจะให้ท้ายรถปัดไปปัดมา ก็มาเจอทางฝุ่นต่อ
แต่ยังดีที่เป็นดินที่บดอัดจนแน่นแล้ว มีกองกรวดที่ยังไม่ได้จัดการกองอยู่ในเลนสวน

หลุดพ้นจากกองกรวดมาได้ ก็เป็นทางฝุ่นยาวววว เจ้า CB500X ลุยได้สบายๆ ก็ลุยสิครับรออะไร
ได้วิ่งทั้งทางกรวด ทางฝุ่น แบบไม่ได้คาดหมายว่าจะเจอ ส่วนคนนำทาง น่ะเรอะเริ่มใจเสีย 5555+

แต่เราไม่สน ยังคงเปิดคันเร่ง มุ่งหน้าไปตามทางที่ สก๊อยวิเกเตอร์ พาไปแบบไม่ทุกข์ ร้อน
วิ่งตามทางไปเรื่อยๆ จนพ้นแนวเขาออกมาก็สบายแล้วล่ะ กะคร่าวๆน่าจะทำทางประมาณ 20 กิโลเมตรได้

วิ่งหลุดจากแนวเขาจนมาเจอแม่น้ำน่าน วิวสวยงามก็จอดแวะถ่ารูปกันต่อ

อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 87 ของประเทศไทย
มีพื้นที่อยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดแพร่ และอำเภอท่าปลา อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์
พื้นที่ป่าปกคลุมตามเทือกเขาสลับซับซ้อนที่อยู่สูงกว่าระดับเก็บกักน้ำสูงสุดของเขื่อนสิริกิติ์
เป็นป่าต้นน้ำของแม่น้ำยมในเขตจังหวัดแพร่ และลำน้ำสาขาที่ไหลลงแม่น้ำน่านในจังหวัดอุตรดิตถ์
โดยรวมพื้นที่ของอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิตติ์ ไว้ด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://portal.dnp.go.th/

 

ใกล้ถึงแพข้ามฟากแล้ว ก็ยังนึกในใจตลอดนะว่าจะชิลกันไปมั้ย แต่ช่างมันเถอะเราไม่รีบ เย่ เย่ วิวสวย อากาศดี

เอ๊ะ….!!!!!

เอ๊ะ………..!!!!!!!

เเอ๊ะ………..!!!!!!!!!!

สังเกตุเห็นอะไรในภาพมั้ยครับ……แพ แพ แพ แพ อยู่นั่นนนน
นี่ละครับจุดเปลี่ยนของทริปนี้ดันแวะจอดถ่ายรูปกัน ก่อนจะถึง แพข้ามฟากนิดเดียว =_= เอาแล้วไง
ตาเหลือกกันทั้งคู่ โดดขึ้นรถรีบบึ่งไป ท่าขึ้นแพ

 

วิ่งมาอีกนิดเดียวพ้นจากถนนเรียบๆไป ก็เจอทางดินเป็นช่วงสั้นๆก่อนลงไป ที่แพข้ามฟาก
จะเจอร้านอาหาร เป็นแพริมน้ำติดกับท่าขึ้น-ลง แพข้ามฟากนี่แหละ

ร้านอาหารแพลุงตี้ เป็นร้านอาหารบนแพ ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่

ลุงตี้คอยต้อนรับนักเดินทางที่จะมารอข้ามแพอยู่ที่ร้านนี้ตลอด
สอบถามจากลุงตี้ แกบอกว่าแพพึ่งออกไปเนี่ย แปปเดียวก่อนที่พวกเราจะมาถึง
[ครับลุง ผมเห็นแพออกไปตั้งแต่ตอนแวะถ่ายรูปข้างบนแล้วครับ T_T ]
สรุปว่าต้องรอแพเที่ยวต่อไป อีกอย่างน้อย 45นาที ถึง 1ชั่วโมง…..อ่ะเฮื้อออออ

เจ้านี่ก็พนักงานต้อนรับ ประจำแพลุงตี้ อีก1ตัว…มีแมวอยู่ทุกที่จริงพวกมันต้องคิดจะครองโลกแน่ๆ น่าคิดนะ!!!

นั่งรอ นอนรอไป ที่นี่ก็วิวสวยไม่ธรรมดาเหมือนกันนะ แล้วจะถึงดอยเสมอดาวกี่โมงกันเนี่ย รอ ร๊อ รอ…..ในที่สุด แพก็มา

ค่าบริการ มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ คันล่ะ150 บาท

แต่…150บาทนี่คือ ในเคสปกติที่มีรถคันอื่นๆไปด้วยนะครับ
ป้าเจ้าของแพ แกบอกว่านี่ก็เย็นมากแล้ว แถมถ้ารอต่อไปก็ไม่น่าจะมีรถคันอื่นๆมาข้ามด้วย
แกเลยคิดราคาเหมาให้พิเศษเลย มอไซค์คันเดียว 250บาท!!!!  ผมกับสก๊อย มองหน้ากันแล้วตอบตกลง
แทบจะพร้อมๆกันว่า “ป่ะ…ออกเลย ครับ” 5555+

ใครจะไปข้ามแพก็ติดต่อตามเบอร์ได้นะครับ ป้าแกใจดี [ขอบคุณ คุณป้าไว้ ณ.ที่นี้ด้วยครับ]
การข้ามแพจาก อำเภอฟากท่า จ.อุตรดิตถ์ ไป หมู่บ้านประมง ปากนาย จ.น่าน ใช้เวลาประมาณ30นาที

ระหว่างที่อยู่บนแพ คนสองคน รถหนึ่งคัน ที่ชิลซะจนทุกอย่างเลทไปหมดก็ยังคง จะชิลกันต่อไปแบบไม่ทุกข์ร้อน 555+

พอขึ้นจากแพได้ คนนำทาง ก็ออกตัวเลยว่า “ไงล่ะพามาขึ้นแพได้สำเร็จยังไม่พาหลงเลยนะ ฝีมือมั้ยล่ะ”

[ครับๆฝีมือครับ] เดินทางกันต่อ ในบรรยากาศโพล้เพล้ สวยมากครับ กว่าจะมาถึงอีกฝั่งนึงที่บ้านปากนาย จ.น่าน ฟ้าก็เริ่มมืดซะแล้ว

ต้องขออภัยที่ฝีมือการถ่ายภาพ อ่อนด๋อย ไม่สามารถเก็บภาพสวยๆมาให้ชมได้  ยังเหลือระยะทางที่ต้อง

เดินทางต่อ…อีกพอสมควรกว่าจะถึงที่พัก บน ดอยเสมอดาว พอฟ้ามืดทีนี้ชิลไม่ออกกันแล้วสิครับ

แถมเจ้าไฟหน้าแบบ LED ของเจ้าม้าศึก CB500X ที่ต้องแบกน้ำหนักสำภาระในกล่องข้าง พร้อมกับคนซ้อน

ทำให้องศาไฟหน้ามันเชิดสูงส่องยอดไม้จนรถที่สวนมาตบไฟสูงใส่เป็นระยะๆ จนเราทั้งคู่เกิดความเกรงใจชาวบ้านมากๆ

ไม่ไหวแล้ว…ต้องจอดครับ หาที่สว่างๆจอดรถงัดเครื่องมือออกมาปรับตั้งไฟหน้ากันก่อน

จะได้ไม่รบกวนเพื่อนร่วมทางที่ขับขี่สวนมา อันนี้เป็นความสัพเพร่าของผมเองที่ลืมไปว่าไฟหน้ามันจะเชิดขึ้นสูง

ซึ่งรบกวนสายตา คนอื่นแน่ๆ….กราบขออภัยทุกท่านด้วย ถ้าวันนั้นเจอ CB500X สีแดงเหมือนเปิดไฟสูงตลอดเวลา

หลังจากปรับตั้งไฟหน้าเรียบร้อย เวลาก็ปาไปทุ่มกว่าๆแล้ว  สก๊อยวิเกเตอร์ งัดแผนที่ ที่ร่างไว้ขึ้นมาดู

ยังเหลือระยะทางจากจุดที่เราอยู่มุ่งหน้าไปดอยเสมอดาว อีก กว่า50กิโลบอกตรงๆว่าเราทั้งคู่ ไม่เคยไปดอยเสมอดาวมาก่อน  ไม่รู้ว่าทางอีก50กว่ากิโลเมตรที่ต้องขี่รถฝ่าความมืดไป จะคดเคี้ยวแค่ไหน…เลยต้องถามทางจากชาวบ้าน ละแวกนั้น บอกว่าอย่าขึ้นไปเลย ทางดีจริง แต่คดเคี้ยวและมืดมาก ไม่ชำนาญทางอาจจะอันตรายได้นะ…เอาล่ะสิ

ถ้าผมมาคนเดียวไม่มี คนซ้อน มาด้วยผมก็คงขี่รถขึ้นไปแบบไม่ต้องคิดอะไร เพราะพอจะมีสกิลเอาตัวรอด

ติดตัวมาบ้างไม่มากก็น้อย  แต่ทริปนี้ไม่ได้มาคนเดียวพาลูกสาวเค้ามาด้วย…เลยตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางครับ

คุยกันแล้วว่า ที่ชาวบ้านแนะนำเราก็ควรทำตาม เพราะฉนั้น เราตัดสินใจเปลี่ยนที่หมายจาก ดอยเสมอดาว

มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองน่าน ซึ่งระยะทางมากกว่าเกือบสองเท่า จาก57Km เป็น 102Km แทน

แต่วิ่งบนพื้นราบมีไฟถนนส่องสว่างเพียงพอคงปลอดภัยกว่าขึ้นดอยตอนมืดๆแน่ๆ

 

ตัดฉากวาร์ป……มาถึงตัวเมืองน่านประมาณ3ทุ่มนิดๆ หัวเราะหัวเราะ

วันแรกของการเดินทางวิ่งไปเบาๆ 686Km

แค่วันแรกก็เปลี่ยนแผนไป3รอบ  เพราะความชิล เอาน่าคืนนี้นอนน่านก็ได้
ถึงเมืองน่านแล้ว ในสภาพหิวโซมาแบบนี้ หาของกินสิครับ 555+ ไม่เลือกแล้วเจอร้านหมูจุ่มก็พุ่งเข้าไปทันที

การเดินทางกับใครซักคน เวลาเจออุปสรรค แล้วช่วยกันคิดช่วยกันแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปด้วยกัน
ก็สนุกได้รสชาติดีนะครับ ทั้งหมดทั้งมวลก็ เน้นความปลอดภัยในการขับขี่สำคัญที่สุด…
กินอิ่มแล้วก็หอบสังขารไปนอนที่ เฮือนกำกิ๋น โฮมสเตย์ เป็นอันว่าหมดวันแรกไปได้แบบตะกุกตะกักเล็กน้อย

คร่อกฟี้คร่อกฟี้คร่อกฟี้

 

 

DAY 2  ตะลุยเมืองน่าน

เช้าวันที่2ของการเดินทางเมื่อแผนเปลี่ยนเราก็ปรับตัวตาม แต่ยังคงคอนเซป ความชิลอยู่เหมือนเดิม 5555+ [ยังไม่เข็ด]

ยังมีเวลาก่อนเช็คเอ๊าท์อยู่หลายชั่วโมง เฮือนกำกิ๋น มีจักรยานให้ยืมฟรี รออะไรล่ะกินข้าวเช้าแล้วไปปั่นกันเถอะ

ปั่น ปั่น ปั่น……

น่านเป็นเมืองเก่าแก่มีประวัติยาวนาน…เอิ่ม ผมก็ไม่ทราบละเอียดหรอกครับแต่ที่แน่ๆ
วัดเยอะมาก ถึงมากที่สุด เอาว่าปั่นจักรยานเที่ยววัดไหว้พระได้แบบไม่เหนื่อย…วัดเยอะจริงๆครับ

แผนที่ในการปั่น เที่ยวในตัวเมืองน่าน มีตั้งให้ดูอยู่เป็นจุดๆ ไม่ต้องกลัวหลงทางสำหรับคนที่ไม่เคยมาแน่นอนครับ
เอามือถือถ่ายรูปไว้ แล้ว ปั่นแวะไล่ตามแผนที่ได้เลยมีเลนจักรยาน บนถนนหลักๆแทบทุกเส้น สะดวกมาก



หลังจากไหว้พระจนเป็นที่พอใจแล้วก็เช็คเอ๊าท์เตรียมเดินทางจากตัวเมืองน่าน ไปเช็คอินที่พักจุดต่อไป
อุ่นไอมาง โอมสเตย์ ตามแผนที่  ที่เริ่มบิดๆเบี้ยวๆจากความชิลกันต่อ  วันนี้ใช้เส้นทางตามอากู๋ ดังนี้

เช็คเอ๊าท์แล้วค่อยออกเดินทาง เลยต้องแวะหาอะไรเติมลงท้องก่อน กว่าจะกินเสร็จเติมน้ำมัน
พร้อมเดินทางต่อก็ปาไปเที่ยงแล้ว555+ ยังคงรักษาคอนเซปความชิล ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น…ท่องไว้เราไม่รีบ
เราไปเรื่อยๆชมนกชมไม้ วันนี้เดินทาง ระยะทางตามแผนที่ คือ 94Km. โอ๊ย…..สบาย

อมยิ้ม21อมยิ้ม21อมยิ้ม21

ระหว่างทางที่วิ่งไปแทบไม่มีรถซักคัน  หรือ เพราะว่าเรามากันนอกฤดูท่องเที่ยวหว่า
บอกเลยว่าเส้น สันติสุข – บ่อเกลือ ถนนหมายเลข 1081สวยมาก  โค้ง โค้ง โค้ง และ โค้ง
รัวๆจนรถแทบจะไม่ได้ตั้งตรงเลยกันเลย

ช่วงล่างของเจ้า CB500X 2016 ที่ถูกเซ็ทอัพปรับปรุงมาใหม่
เทียบกับโมเดลก่อนหน้านะครับถ้ามีคนซ้อนบวกกับสำภาระท้ายจะห้อยจนย้วยตอนเข้าโค้ง [แก้ได้ด้วยการปรับโช๊คหลังให้แข็งขึ้น]
บนทางดำ โค้งเยอะๆ ใช้ความเร็วพอสมควร ช่วงล่างก็สามารถทำหน้าที่ของมันได้ดี เล่นโค้งได้สบายๆโค้งยิ่งเยอะยิ่งมันส์
เอาตรงๆคนขี่ อ่ะมันส์แน่ๆถ้าชอบเสพโค้งนะครับ….

แมงป่องเวอร์ชั่นแรก  ถูกใช้หน้ายางไปพอสมควร มากกว่านี้ก็ไม่ไหวฮะ  ข้าพเจ้ายังอ่อนด๋อยนัก

แต่เดี๋ยวก่อน….คนซ้อน สะกิดบอกว่าเริ่มมีอาการเมาโค้งล่ะนะ
เราเลยต้องจอดพักเป็นระยะเพื่อลดอาการเมาโค้งของ นาง เพราะเริ่มจะงอแง ล่ะ5555+
แนะนำเลยว่าใครชอบเสพโค้งมาเส้นนี้ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ 1081ถนนลอยฟ้า สันติสุข – บ่อเกลือ [แต่คนซ้อนจะเมาโค้งได้นะ]



ทริปนี้ เส้นทางนี้ขี่รถสนุกที่สุดตั้งแต่ออกจาก กทม. มาเลย ถนนเรียบ โค้งรับ วิวสวย อากาศดี แถมวิ่งอยู่คันเดียว
เท่าที่จำได้มีรถสวนมาไม่เกิน 3คัน…..แป๊บๆก็เกือบจะถึงที่หมาย ของเราล่ะ คืนนี้เราจะพักกันที่นี่ครับ

อุ่นไอมาง โฮมสเตย์




ตอนแรกก็ว่าจะเช็คอิน เอาของเก็บเสร็จแล้วจะแวบไปเที่ยว บ่อเกลือ กันก่อน
พอมาเจอที่นี่แล้วเปลี่ยนใจวันนี้ไม่ไปบ่อเกลือล่ะเดินเล่นอยู่ชิลๆนี่แหละ
กระโจมริมน้ำ อากาศเย็นๆ บรรยากาศสุดยอดเอาไว้ขากลับค่อยแวะ บ่อเกลือ ล่ะกันเนอะ
อมยิ้ม16อมยิ้ม16อมยิ้ม16

อุ่นไอมาง โฮมสเตย์ อยู่เลยจาก บ่อเกลือ มาอีกประมาณ 9Km.ตั้งอยู่ริมน้ำว้า ใกล้กับน้ำตกสะปันแค่ 200-300เมตร
เดินไปน้ำตกได้เลยครับที่นี่ คือจุดหมายหลักของทริปนี้ที่ คนซ้อนอยากมา เลยวางแผนไว้
โดยที่พลขับเองก็ไม่รู้เรื่อง 555+

ที่นี่เป็นโอมสเตย์ ขนาดกลางๆมีที่พักให้เลือก 3แบบ 1.กระโจม  2.บ้านกระท่อม  3.กางเต๊นท์ริมน้ำ
ห้องน้ำรวม  มีน้ำอุ่นนะจ๊ะ คืนนี้เราเลือกพัก กระโจม 1หลังนอนได้ 2คน  ราคา 1300บาทพร้อมอาหารเช้า

มีอาหารเย็นไว้คอยบริการ แขกที่มาพักในราคา 125บาทต่อคน กับข้าว+ข้าว มีให้เติมได้….กินกันจนอิ่ม
เป็นมื้อเย็นแบบง่ายๆ น้ำพริก ผักจิ้ม เป็นผักพื้นเมืองซึ่งทาง อุ่นไอมางมีแปลงปลูกเองด้วยนะครับ

คืนนี้นอนกระโจมครับ อยู่ริมน้ำ กลางคืนอุณหภูมิประมาณ 13-14องศา นอนพังเสียงน้ำไหล ฟินมาก
[กล้องมือถือ สลับ กับมิลเล่อร์เลส อาจทำให้เสียอรรถรสในการรับชมไปบ้างต้องขออภัย]

อุ่นไอมาง  โฮมสเตย์
หมู่ 1 ดง พญา 52 ตำบล ดงพญา อำเภอ บ่อเกลือ น่าน 55220

tel :  081-374-7004 คุณเอก

facebook : อุ่นไอมาง โฮมสเตย์
พิกัด : 19.19277, 101.19688

 

 

DAY 3  บ่อเกลือ – แพร่

ตอนเช้าหมอกลงจัดมาก  อากาศหนาวเลยล่ะแอบชื่นชม สก๊อยวิเกเตอร์ กับ Google Map ที่พามาถึงที่นี่

อุณหภูมิตอนเช้าประมาณนี้ เลย

อ้อ…อาหารเช้าที่นี่มีไว้บริการด้วยนะครับ เติมได้ด้วยปลื้มปริ่มจริงๆ

แปลงผักที่เอามา ลวกจิ้มน้ำพริกเมื่อคืน อยู่ฝั่งตรงข้ามกับโฮมสเตย์นี่เองครับ [ป้าที่ดูแล แกบอกงี้นะ]

ทริปนี้ไปที่ไหนก็เจอ แมว มาทักทายแทบจะตลอดทาง….

ผมว่าแมวมันต้องคิดจะครองโลกแบบที่ เค้าล่ำลือกันแน่นอน ไปที่ไหนก็เจอแถมท่าทาง หยิ่งๆน่าหมั่นไส้จริงๆ
ก็ว่ากันไปเรื่อยเลยนะ 5555+ ไปเก็บของลงกล่อง เตรียมตัวเดินทางต่อดีกว่า….สถานนีต่อไป บ่อเกลือ จ้า

บ่อเกลือสินเธาว์
พื้นที่บนยอดเขาสูงเสียดเมฆอย่างอำเภอบ่อเกลือ เป็นแหล่งเกลือที่มีความสำคัญมาแต่โบราณ
เมืองน่านเป็นแหล่งเกลือขนาดใหญ่ ส่งเป็นสินค้าออกในภาคเหนือ และแลกเปลี่ยนกับสินค้าที่ชุมชนผลิตไม่ได้
จากกองคาราวานจีนฮ่อจากยูนนาน กวางสี และมณฑลอื่น ๆ ในจีน
โดยใช้เส้นทางสิบสองปันนา รัฐฉาน สู่เชียงราย เชียงใหม่ น่าน เมืองสา (อำเภอเวียงสาในปัจจุบัน) และแพร่
รวมทั้งพ่อค้าไทเขินจากเชียงตุง และพ่อค้าวัวชาวไทลื้อจากอำเภอท่าวังผา
ในอดีตท้าวพญาในเค้าสนามหลวงได้รับส่วนแบ่งจากส่วยเกลือ นอกจากค่าธรรมเนียม และค่าปรับอื่น ๆ
พระยาติโลกราชแห่งเชียงใหม่ยกทัพมาตีน่านก็มุ่งหวังครอบครองบ่อเกลือซึ่งถือเป็นยุทธปัจจัยสำคัญในสมัยนั้น


ปัจจุบันชาวบ้านยังคงต้มเกลือด้วยวิธีแบบดั้งเดิม โดยตักน้ำเกลือจากบ่อส่งผ่านมาตามลำไม้ไผ่สู่บ่อพัก ก่อนจะนำน้ำเกลือมาต้มในกะทะใบบัวขนาดใหญ่เคี่ยวจนน้ำงวดแห้ง ใส่ถุงวางขายกันหน้าบ้าน เกลือเมืองน่านไม่มีไอโอดีนเหมือนเกลือทะเลจึงต้องมีการเติมสารไอโอดีนก่อนถึงมือผู้บริโภค บ่อเกลือสินเธาว์ อยู่ห่างจากตัวเมืองน่าน ๘๐ กิโลเมตร ชาวอำเภอบ่อเกลือนอกจากจะมีอาชีพทำนาทำไร่แล้วยังมีอาชีพทำเกลือสินเธาว์อีกด้วย มีแหล่งเกลือสินเธาว์อยู่บนภูเขา (บ่อเกลือจะปิดช่วงเข้าพรรษาเพราะเป็นฤดูฝน)

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.oceansmile.com/N/Nan/NANm4.htm

ขากลับเรายังใช้เส้นทางเดิมครับ บ่อเกลือ – สันติสุข สก๊อยวิเกเตอร์ ก็เริ่มทำหน้าที่บอกไม่ไปทาง อ.ปัว เพราะกูเกิ้ลแมฟ
บอกว่าทาง อ.ปัว ไกลกว่า 5555+ [โอเครๆ ไม่ไปก็ไม่ไป… วันหน้าล่ะกันวันนี้ปล่อยไปก่อน]

กลับทางเดิมก็ ไม่มีปัญหา โค้งเยอะ ถนนดี วิวสวยทางไหนก็ได้หมด แหละ…ว่าแล้วก็ออกเดินทางต่อเลย

ขากลับก็ยังอดประทับใจกับ วิวสวยๆของ 1081 เส้นนี้ไม่ไหวขอจอดไปเก็บภาพไว้เป็นที่ระทึก อีกหน่อยก่อนจากลา



ถ้าใครมีโอกาสได้เดินทางผ่านเส้นนี้ ต้องประทับใจกับวิวสองข้างทาง แบบพาโนราม่า ถนนเรียบๆ โค้งมันส์ๆ บนสันเขา
ส่วนตัวบอกเลยว่า ในเวลาที่เหมาะสมก็จะ กลับมาอีกแน่นอนครับ 1081 สันติสุข – บ่อเกลือ….แล้วเจอกัน

จากบ่อเกลือมุ่งหน้าไป แพร่ เส้นทางตามแผนที่นี้ แหละครับ 200กว่ากิโล เราก็ขี่กันไปเรื่อยๆ
แวะกินข้าวเที่ยงที่ตัวเมืองน่านก่อน แล้วก็ยิงยาวต่อถึงแพร่ตอนบ่ายแก่ๆเข้าเช็คอินที่พัก เพื่อพักผ่อนแบบชิลๆอีก1คืน
เพราะต้องทำธุระในวันรุ่งขึ้น เสร็จแล้วก็จะยิงยาวจากแพร่กลับ กรุงเทพ เพื่อกลับมาใช้ชีวิตในเมืองที่รถติดอันดับ1ของโลกกันต่อไป

ทริปนี้ต้องยกความดี ความชอบให้ สก๊อย จริงๆ แผนการเดินทางทั้งหมดถูกออกแบบโดย คนซ้อน
ถึงแม้ว่าจะผิดแผน ตะกุกตะกักไปบ้างแต่ก็ทำให้รู้ว่า  การลองให้คนซ้อน ประจำตัวของเรา
เป็นโต้โผในการวางแผนออกทริปแบบงูๆปลาๆเปิดกูเกิ้ลขึ้นมา แล้วลิสสถานที่โดยที่เราทำหน้าที่เป็นแค่พลขับ
ขี่ตามทางที่คนซ้อนบอก มันก็สนุกดีไปอีกแบบนะครับ..ลองดู

“สก๊อยวิเกเตอร์”

คืออุปกรณ์นำทาง – ที่จะพาคุณไปยังร้านอาหาร ร้านขนม ร้านไอติม
บูติครีสอร์ตมุ้งมิ้ง ที่ถ่ายเซลฟี่สวยๆ ได้อย่างน่าทึ่ง
แต่….ความแม่นยำในการนำทางเท่ากับ 0%

ที่แน่ๆรับรองว่าเราจะไม่โดนบ่นว่าพาหลงทาง…แน่นอน [เพราะเจ้าตัวพาหลงเอง] 5555+ หัวเราะหัวเราะหัวเราะ

มาว่ากันต่อเรื่องของเจ้า CB500X 2016 ม้าศึกที่นำมาใช้งานในทริปนี้อีกนิดหน่อย ก่อนจะลากันไป
ผมเคยทำรีวิวเปรียบเทียบระหว่างเจ้า CB500X 2016 กับ โฉมเก่าไว้แล้วตามกระทู้นี้  http://pantip.com/topic/34618248
โดยรวมแล้วเจ้า CB500X 2016 ถือว่าปรับปรุงรูปโฉมภายนอกจากตัวเก่าพอสมควร ส่วนตัวมองว่าสวยขึ้นนะ

ก็ขออนุญาต สรุป ตามความรู้สึกล้วนๆจากที่ได้สัมผัสมาจากทริปนี้ครับ

– การควบคุมรถง่าย ขับขี่สนุก เหมือนเดิม
– ช่วงล่างที่ถูกปรับตั้งมาใหม่ทั้งหมดแก้ข้อด้อยเรื่องอาการย้วยตอนเข้าโค้ง ของตัวเก่าได้ดี
– อัตราทดเหมือนจะถูกเซ็ทมาใหม่นิดหน่อย  สังเกตุจากรอบเครื่องต่ำลงกว่าเดิมในเกียร์สูงๆ
– อัตราการกินน้ำมัน ก็ยังประหยัดไม่ต่างจากโฉมแรก [แหงล่ะเครื่องเดิมนี่นะ555+]
– ชิลหน้าที่ติดรถมาผมปรับให้สูงขึ้นมาล๊อคบนสุด ตัดลมได้ดี ไม่ต้องง้อชีลแต่ง
– อาการสั่นของแฮนด์ จะรู้สึกได้ชัดเจนที่ความเร็ว แตะ120Km/ชั่วโมง ขึ้นไป แต่ไม่มาก
– ยางติดรถยังเป็น สกอเปี้ยนเทล เวอร์ชั่นแรก ซึ่งเพียงพอในการใช้งานทั้งทางดำ และ ทางฝุ่น
– ไฟหน้าLED แสงขาว ค่อนข้างแยงตาเลยล่ะ ยิ่งถ้าต้องบรรทุกของและคนซ้อน
ควรปรับตั้งให้เรียบร้อยก่อนนะครับไม่งั้นแยงตาเพื่อนร่วมทางน่าดู
– ส่วนตัวผมว่าไฟหน้าแสงขาวพอเจอถนนราดยางใหม่ๆดำๆ บวกกับเวลากลางคืน
คงต้องหาสปอร์ตไลท์มาติดเพิ่มอีกซักคู่ครับ
– เบาะคนซ้อนยังปวดก้นเหมือนเดิม 5555+
– รถทัวร์ริ่งขนาดกลางๆที่ มันกลางๆไปซะทุกอย่าง แต่ถ้าคุณได้ลองสัมผัสแล้วคุณจะชอบ
เหมือนที่ผมชอบ

 

ทั้งหมดทั้งมวลเขียนในรีวิวนี้ เขียนจากความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเองล้วนๆ
ผิดพลาดประการใด หรือ ขาดตกบกพร่องส่วนไหนไปบ้างต้องอภัย ด้วยนะครับ

ทริปนี้เดินทางหลายวันเลยค่อนข้างยาวหน่อย ต้องขอขอบคุณ สมาชิกทุกๆท่านที่ติดตามอ่านกันจนจบครับ
ถ้ามีโอกาส และ เวลาได้ไปออกทริปขี่รถเที่ยวอีกครั้ง จะพยามยามเก็บเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังในครั้งต่อๆไปครับ…ขอบคุณครับ

อมยิ้ม17อมยิ้ม17อมยิ้ม17

Spacial Thank

AP honda : http://www.aphonda.co.th/

Honda Big Wing : http://www.aphonda.co.th/hondabigbike/

CR : http://pantip.com/topic/34908660