บางเส้นทางที่เราเคยผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่า
ก็ยังมีบางจุดที่เรายังเข้าไปไม่ถึงหรือผ่านเลยไปหลายต่อหลายครั้ง
ทั้งๆที่มันมีมานานแล้ว บางที่ก็สวยงามเกินกว่าความเข้าใจในจินตนาการของเรา
ในบทความนี้ ผมจะพาท่านผู้อ่านไปพบกับ 2 สถานที่
ที่ผมเชื่อเหลือเกินว่า ณ เวลานี้อาจจะมีหลายๆคนกำลังสนใจอยู่ ไม่มาก ก็น้อย
ส่วนจะเป็นที่ไหนอะไรยังไงบ้าง มาอ่านไปพร้อมๆกันครับ
กาญจนบุรี
จังหวัดนี้นักขับมอเตอร์ไซค์หลายๆคนคงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
เพราะเป็นจังหวัดนึงที่ใกล้ๆกรุงเทพ และมีเส้นทางหลากหลายให้เราขับขี่มอเตอร์ไซค์ได้ในหลายๆรูปแบบ
แต่ก็ยังมีอีกหลายสถานที่ ที่ผมต้องสารภาพตรงๆว่าแค่เคยผ่านไป
ในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แวะในจุดที่เราแค่เคยผ่านไปบ้าง
โดยเป้าหมายในคืนแรก เรามุ่งหน้าสู่ ไร่ย่าแย้ม ที่กำลังโด่งดังนั่นเองครับ
เส้นทางหลักๆจะขอข้ามไป แล้วมาดูจุดสังเกตุที่มุ่งตรงสู่ไร่กันเลย
ไร่ย่าแย้ม ตั้งอยู่ระหว่างเส้นทางจากน้ำตกเอราวัณมุ่งหน้าห้วยแม่ขมิ้น
ห่างจากเอราวัณประมาณ 10 กิโลเมตร ทางโดยรวมขับขี่ไปได้ง่ายๆ
แต่จะลำบากนิดหน่อยช่วงทางเข้าไร่ประมาณ 2 กิโลเมตรเท่า่นั้นครับ
อันที่จริงถ้าฝนไม่ตก รถอะไรก็เข้าไปถึงได้ง่ายๆ แต่ถ้าฝนตกขึ้นมา รถยนต์ขับสองหรือเก๋งธรรมดาก็ควรหลีกเลี่ยง
ส่วนมอเตอร์ไซค์ ก็ตามภาพครับ สบายๆ
โชคดีที่ครั้งนี้ได้ GPX RAZER 220 ในการเดินทาง กำลังแรงทอร์คและช่วงล่าง เหลือเฟือสำหรับเส้นทางแบบนี้
ไร่ย่าแย้ม ในวัน ธรรมดา
การมาไร่ย่าแย้มในวันธรรมดา เราจะได้เห็นวิวที่สวยกว่าวันหยุดแน่นอนครับ เราะจำนวนเต๊นไม่เยอะ ไม่วุ่นวาย
เพราะจากข้อมูลล่าสุดที่ได้ทราบมา ช่วงศุกร์เสาร์คนจะค่อนข้างเยอะ อาจจะบดบังทัศนียภาพกันบ้าง
ส่วนวันธรรมดาก็ชิลๆ เลือกที่ตั้งหวังที่กางเต๊นกันได้สบายๆ
อัตราค่าบริการอยู่ที่ คนละ 100 บาท ค่าเช่าไฟ 50 บาท ถ้าอากาศร้อนมีพัดลมให้เช่าด้วยเช่นกัน
อาหารการกินมีตามสั่ง มีก๋วยเตี๋ยว รวมถึงร้านค้าครับ อยากปิ้งย่างก็มีเตาให้เช่า
นอกจากวิวที่สวยงาม ในบริเวณพื้นที่ก็มีน้ำตกย่อยๆ และถ้ำให้สำรวจกันเล่นด้วย
เพียงแต่ขอความร่วมมือกับทุกๆท่านที่จะไป ให้ระมัดระวังและอยู่ภายใต้ความปลอดภัยกันหน่อยครับ
หลังจากสำรวจถ้ำเล่นน้ำตกจนอิ่มหนำ ก็กลับไปประจำการที่ลานกางเต๊นกันครับ
ในวันที่ท้องฟ้าเป็นใจ ช่วงโพล้เพล้ยามเย็น เราจะได้เห็นท้องฟ้าสวยงามแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบทำมุมกับพื้นน้ำเหมือนกับภาพวาด
ซึ่งเสน่ห์ตรงนี้ ความงดงามตรงนี้ เราไม่สามารถกำหนดได้เอง ทำได้เพียงปล่อยให้ธรรมชาติบรรเลงแต่งแต้ม
ในตอนค่ำคืน ห้องน้ำสะอาดสะอ้านมีให้บริการตลอด
ในคืนฟ้าเปิดมีโอกาสเห็นดวงดาวได้เต็มท้องฟ้า แต่ในคืนที่เราไปกันนั้นฟ้าปิดครับ ฮาาา
ฝนทำท่าจะตกมิตกแหล่อยู่เนืองๆ
ก่อนจะหมดค่ำคืนแรกในไร่ย่าแย้ม มาดูรถที่ใช้ในการเดินทางครั้งนี้กันบ้างครับ
ซึ่งทาง just-ride-it เคยรีวิวคร่าวๆประมาณนึงไว้แล้วแต่เป็นแค่การรีวิวแบบสั้นๆตามลิ้งค์นี้
ครั้งนี้เรามาใช้เดินทางในระยะที่ไกลขึ้น ซึ่ง GPX RAZER 220 ก็ตอบสนองการใช้งานได้อย่างครบถ้วน
แต่ก็ต้องเรียนตามตรงว่า ในบางฟังชั่นอาจต้องปรับแต่งเพิ่มเติมถ้าอยากให้มันขับสนุกได้มากกว่าเดิม
รูปทรงภายนอก มวลรวมมีเหลี่ยมตัดเส้นสายชัดเจน ออกแนว Sport Naked
ระบบไฟส่องสว่างทั้งคันนั้นเป็นแบบ LED ซึ่งให้ความสว่างไสวตามสไตล์ไฟแบบนี้เป็นอย่างดีครับ
แถมมีไฟแบบฝังด้านข้างตัวรถแบบ DRL กลางวันเหมือนไม่มีอะไรแต่จะโชติช่วงชัดเจนทันที่เมื่อแสงตะวันเริ่มลับขอบฟ้า
ถังน้ำมันขนาด 11.5 ลิตร พร้อมมิติที่ออกแบบมากระชับพอเหมาะ หนีบง่าย ส่วนอัตราการสิ้นเปลือง
หากใช้ความเร็วในการเดินทางไม่สูงมาก 80-100 ทำออกมาได้ดีครับ ระยะทำการได้เฉียดๆ 400 กิโลเมตร
แต่หากมือตึงๆ ระยะทำการก็หายไปครึ่งนึงเช่นกัน
เบาะ คนขับสบาย คนซ้อนนั่งสบายแต่ระยะสูงมากไปนิดๆ
ส่วนอุปกรณ์เครื่องมือประจำรถ จะอยู่ด้านใต้เบาะผู้ซ้อนครับ
เครื่องมือจัดมาเต็มซองเลยด้วยนะ ไม่มีกั๊ก
ระบบเบรค+ช่วงล่าง ด้านหน้าดีแต่แอบมีความรู้สึกว่าดีจนเกินรถไปด้วยซ้ำ คือเบรคแล้วล้อพร้อมหยุดในทันที
ส่นเบคด้านหลังไล่ระดับได้กำลังดีเพียงพอครับ
โช็คหน้าเป็น USD หลัง YSS เป็นรุ่นนึงของ GPX ที่ชอบช่วงล่างมวลรวมมากเป็นพิเศษ
คือมันถูกเซ็ตมาให้ใช้งานได้แบบกว้างๆ นุ่มหนึบกำลังดีทั้งถนนดำหรือถนนดิน
เครื่องยนต์ขนาด 223cc ระบายความร้อนด้วยอากาศ+ออยคูลเล่อร์
พ่วงกับเทคโนโลยีหัวฉีด การใช้งานโดยรวมเป็นที่น่าพอใจ ความเร็วสูงสุดตามหน้าไมล์ที่เห็นได้อยู่ที่ 150
แต่ช้าก่อนกว่าจะถึงเลขนี้ได้ลากกันไกลพอสมควรครับ ความเร็วที่เรียกแล้วมาได้เลยจะอยู่ราวๆ 135 หลังจากนั้นจะใช้เวลาสักระยะ
เมื่อเทียบ GPS ในมือถือ ความเร็วที่เห็นลบไปอีก 11 ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ
กลับมาที่การเดินทางกันต่อ
รุ่งเช้า ของวันใหม่
มอเตอร์ไซค์สักคัน เต๊นสักหลัง กาแฟดริฟสักซอง ขนมปังราดนมสักแผ่น ก็พอเพียงที่จะประคับประคองท้องเราในช่วงเช้าได้
ก่อนเก็บข้าวของและร่ำลาไร่ย่าแย้ม
เมฆหมอกจางๆหลังฝนพร่ำเบาๆก็ออกมากล่าวลาเราเช่นกัน
เดินทางกลับ
กลับทางเดิม
ออกจากไร่ย่าแย้ม เราเลือกใช้เส้นทางเดิมที่ผ่านมาเพื่อกลับไปยังน้ำตกเอราวัณ
น้ำตกเอราวัณ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ
ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 500 เมตร
มีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 100 – 400 เมตร แบ่งเป็นชั้นต่างๆ 7 ชั้น
มีระยะทางจากชั้นล่างสุดขึ้นไปชั้นบนสุด 1500 เมตร
ลำน้ำเมื่อตกลงมาแล้วจะไหลลงแม่น้ำแควใหญ่บริเวณที่ทำการอุทยาน
เดิมน้ำตกนี้ชาวบ้านเรียกว่า น้ำตกสะด่องม่องลาย อันเป็นชื่อลำห้วยม่องลายที่เป็นต้นน้ำ
และภายในอุทธยานก็มีลานกางเต๊นเพื่อให้เราได้พิงพักอาศัยกันต่อ
การเดินทาง และการทำงาน
วันทำงาน 7.00น. ตายังแทบจะไม่เปิด
วันออกทริป 4.00น. ตาสว่างโล่
วันทำงาน ประชุม 8.00น.
เริ่มประชุมไม่เกิน 8.15น.
วันออกทริป นัดออกตัวล้อหมุน 8.00น.
กว่าจะได้ออกเดินทางจริงๆ 11.00น.
วันทำงานกำหนดคนร่วมประชุม 10 คน
ถึงเวลามาครบหรืออาจมีขาดหายไปแค่หนึ่งถึงสองคน
วันออกทริป กำหนดเพื่อนร่วมทาง 10 คัน
ถึงเวลา เหลืออยู่แค่ คันสองคัน =_=
….
ถ้าอยากเดินทางออกทริปจริงๆ
ไปเล๊ยยยยยย ไม่ต้องคาดหวังว่าเพื่อนจะมากันครบ
ถถถถถถถถถ
แต่นั่นแหล่ะ มันคือเสน่ห์อีกอย่างนึง
ที่ทำให้เรายังคงออกเดินทางต่อไป
เดินทางเพื่อชาร์ทพลังชีวิตไว้ แล้วกลับไปพจญภัยกับงานประจำกันครับ
ยิ่งใหญ่ก็ยิ่งเล็ก
..
..
ยิ่งเล็กก็ยิ่งใหญ่
ในขณะที่คนขับรถใหญ่ใฝ่หารถเล็ก
และขณะเดียวกันคนขับรถเล็กก็ใฝ่หารถใหญ่
คำถามคือแล้วรถอะไรดีกว่ากัน
ตอบแบบจริงจังมันไม่มีหรอกรถที่ดีกว่า
มีแค่รถที่เหมาะสมกับการใช้งานของตัวเราเองมากกว่าแค่นั้น
หลายคนตอนเดินทางไกลๆก็อยากได้รถใหญ่ซีซีสูงๆเพื่อทำความเร็ว
แต่พอใกล้ถึงปลายทางเจอทางโหดๆก็อยากได้รถเล็กๆไว้ลุย
ต่างฝ่ายต่างหยิบข้ออ้างในความเสียเปรียบของตนมาบอกเล่า
เหยียดกันด้วยขนาดซีซี เหยียดกันด้วยเส้นทางที่ฝ่าฟันไปถึง
ถ้ายังเหยียดกันแบบนี้ อย่าเรียกตัวเองว่านักพจญภัย,นักเดินทาง,ไบค์เกอร์,หรืออะไรก็ตามแต่เลย
จริงๆก็แค่คนขับมอเตอร์ไซค์ธรรมดาคนนึงนี่แหล่ะ
อย่าหาสรรพนามให้น่าเกรงขามกันเลย
นี่รถญี่ปุ่น นู่นรถจีน เนี่ยรถยุโรป นั่นรถไทย
แล้วยังไง มันก็มอเตอร์ไซค์เหมือนกัน
เพียงแต่วิธีคิดและวิธีแสดงออกต่างกัน
แค่นั้นเองจริงๆ
ยังดีที่ครั้งนี้ได้ขับขี่ RAZER 220 ไม่ใหญ่ ไม่เล็ก จนเกินไป
บทสรุป
จริงๆบทความนี้ก็เช่นเคยตามสไตล์จัส จะบอกว่ารีวิวตัวรถก็ไม่เต็มปากซะทีเดียว
แต่ก็อยากสรุปให้ได้อ่านกัน
สำหรับรถแบรนด์ GPX เวลา ระยะทาง ก็คงได้แสดงให้เห็นถึงการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง
RAZER220 รถที่มีราคาค่าตัวอยู่ที่ 72,500 บาท
อาจจะไม่ใช่รถที่ดีที่สุด แต่ . . มันก็ดีมากพอ ในราคาที่เรียกได้ว่าเหมาะสม
และถือเป็นอีกตัวเลือกนึงที่น่าสนใจ
สำหรับใครที่สนใจหรือซื้อมาแล้วอาจจะต้องมีการปรับเซ็ตบางส่วน เพื่อให้ตอบสนองการใช้งานให้ได้เต็มที่ตามที่ตนเองต้องการอีกเล็กน้อย
ย้ำเหมือนเดิมครับว่า
รถที่ดีที่สุด มันไม่มีอยู่จริง
มีแค่ รถที่เราใช้งาน แล้วรู้สึกว่ามันเพียงพอกับการใช้งานของเรา
สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณ
GPX https://www.facebook.com/gpxracingthailand/ที่เอื้อเฟื้อรถในการออกไปเดินทางครั้งนี้
และขอบคุณท่านผู้อ่านทุกๆท่าน ที่ติดตามทีม just-ride-it https://www.facebook.com/justrideitteam/ด้วยดีเสมอมา
ขอบคุณครับ