ปู่ชวนหลาน คลานไปเที่ยว EP3 อยากกินไก่ต้องไปเบตง
สวัสดีจ้าา พ่อแม่พี่น้องทุกท่าน
ความเดิมตอนที่แล้ว ปู่กะหลาน คลานชิลๆไปดูบอลลูนกันที่หาดใหญ่ https://www.just-ride-it.com/oldman-tour-ep2
แล้วแบบว่าจากหาดใหญ่ไปเบตง สุดแดนด้ามขวานประเทศไทยมันก็เหลือระยะทางอีกไม่ไกลแล้วใช่มั้ย
คุณปู่ก็ว่า อย่าให้เสียที เราขี่ไปหาไก่เบตงกินกันดีกว่า
เจ้าหลานก็เห็นดีเห็นงาม คะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ 2 เสียงถ้วน
กิเลสง่ายๆนี่ละ ทำให้มนุษย์เราออกเดินทาง อย่างไม่สิ้นสุด
ตามมาครับพ่อแม่พี่น้อง ไปกินไก่เบตงกัน
หาดใหญ่ – เบตง ก็ไม่ไกล ระยะทางประมาณ 250 กิโลเมตรเท่านั้นเอ๊งงงง
หลังจากที่ช่วงเช้าเจ้าท๊อปไปเก็บภาพงานบอลลูนเพิ่มเติมจนหนำใจแล้ว ก็กลับมาเก็บของแพคขึ้นรถเตรียมออกเดินทางกันอีกครั้ง
เราเลือกเดินทางกันด้วยเส้นทางหลัก หาดใหญ่ – ปัตตานี – ยะลา – เบตง
เส้นทางช่วงแรก หาดใหญ่ ปัตตานี จนถึง ยะลา ราดยาง เนียนกริ้บ มีการซ่อมทางเล็กน้อยช่วงหาดสะกอม หน่อยเดียวเท่านั้นแหละ
ขี่ผ่านหาดสะกอม ถนนเลียบหาดยาวหลายกิโล มีจุดที่แว๊บลงไปถ่ายรูปได้ด้วย ก็ต้องจัดซะหน่อย
จากนั้นก็รูดยาว แบบนันสตอป ผ่านด่านตรวจ ผ่านปัตตานี เข้าถึงตัวเมืองยะลา ตามป้าย เบตง ไปเรื่อย จากถนนสี่เลนอย่างดี เริ่มแคบลงเหลือสองเลน
จากถนนตรงเด่ ตรงจนขี่ไปร้องเพลงงึมงำในหมวกไปคนเดียว พอพ้นเขตอำเภอเมืองยะลา เข้าช่วงอำเภอ บันนังสตา เอ้ออ เริ่มมีโค้งมาต้อนรับแล้ว
ของชอบเค้าล่ะ
จากบันนังสตา สู่อำเภอ ธารโต – บางลาง เรื่อยไปจนถึงเบตง เรียกว่าแทบไม่ต้องโงหัวกันเลยแหละ โค้งตลอดเส้นทาง
ช่วงทางตรงยาว ใช้ความเร็วต่อเนื่อง ผมมักจะเป็นผู้นำ แต่พอเข้าช่วงที่โค้งเยอะๆ ผมชอบขี่ตามไลน์คุณปู่ ซึ่งท่านจะใช้ความเร็วแบบสบายๆ แถมเข้าไลน์สวยเป๊ะ แต่อย่าเผลอชมนกชมไม้เพลินจนเกินไปเชียว หายแว๊บไปจากสายตาได้ง่ายๆเลย
เส้นทางยางมะตอยค่อนข้างเรียบมาก มีด่านตรวจเป็นระยะ ขับขี่ก็อย่าเพลินมากนัก มีบางครั้งพ้นโค้งมาก็จ๊ะเอ๋กับด่านตรวจเลย
ความสวยงามของแนวเทือกเขาสันกาลาคีรี ที่ปรากฏโฉมออกมาหลายๆช่วงที่ขี่ผ่านไปนั้น
ทำให้ผมคิดย้อนไปถึงหนังสือของ พนมเทียน (ชื่อหนังสือ จับตาย) มีอยู่หลากฉากหลายตอนที่พนมเทียนเคยแบกปืนเข้ามาโลดแล่นในดินแดนแถบนี้ (เรื่องราวเมื่อหลายสิบปีก่อนนู้นนน)
เพลิดเพลินเจริญอุราจนช่วงบ่ายนิดๆ เราก็มาถึงอำเภอเบตง
แลนมาร์กอำเภอเบตง อาคารที่ทำการไปรษณีย์
คุณปู่เล่าให้ฟังว่า เมื่อสัก 30 ปีก่อน ครั้งสุดท้ายที่ปู่มาเที่ยวเบตงเนี่ย อาคารตรงนี้ยังไม่มีหรอก ตอนนั้นมีแค่ตู้ไปรษณีย์ยักษ์ตั้งเด่นเป็นสง่าโดดเดี่ยวโด่เด่อยู่เท่านั้นแหละ
จัดแจงหาที่พัก เข้าไปอาบน้ำประแป้งให้ตัวเย็น แล้วออกไปหาของดีประจำถิ่นกินแก้หิวกันดีกว่า
แน่นอนกิเลสหลักที่ทำให้สองปู่หลาน คลานกระดุ๊กๆ จากกรุงเทพมาจนถึงที่นี่ นั่นคือ “ไก่เบตง”
แต่ร้านไหนล่ะ ที่จะเด็ดสุด เด็ดจริง
ไม่รู้อ่ะ ร้องเพลง “ไก่เบตง เสี่ยงทาง” เลือกเอาซักร้านก็แล้วกัน
“ข้าวมันไก่เบตง”
ความพิเศษก็ต้องเริ่มที่ไก่ สายพันธุ์เบตง และเลี้ยงดูตามสูตร การให้อาหาร ระยะเวลาที่เลี้ยง
มันมีรายละเอียดลึกๆอยู่
รสสัมผัสของเนื้อไก่ มันมีความเด้ง แต่ไม่กระด้าง หนังไก่ต้ม มีความกรอบเมื่อยามที่โดนฟันกรามของเราบดขยี้
ข้าว ความมัน ความร่วนของเม็ดข้าว ความหอม ลงตัวยั่วความรู้สึก ยิ่งพอตักเข้าปาก พร้อมเนื้อไก่ ที่แตะน้ำจิ้มมาด้วยเล็กน้อย
เจ้าประคุณเอ้ยยย ไม่รู้จะอธิบายยังไงได้หมด
ตบท้ายด้วยน้ำซุปร้อนๆ เติมพริกไทยป่นลงไปนิดหน่อย ซดฮวบตามลงไป น้ำซุปมีรสหวาน และเค็มนิดๆ นี่ก็ดีงาม
หรือหากอยากได้รสชาติแบบสะใจไปอีกระดับ
แนะนำให้ท่านสั่งไก่สับ
แล้วสั่งข้าวมันเปล่าๆมากินแกล้มไก่ซะหน่อย
ความต่างคือขนาดไก่จะถูกสับมาให้พอดีกับขนาดกรามแบบเน้นๆมากขึ้น
เอาเป็นว่า เจ้าท๊อปเองก็บรรยายรสชาติออกมาเป็นตัวหนังสือได้ไม่ครบถ้วนเท่ากับการที่เราตักไก่ พร้อมข้าว พร้อมน้ำจิ้ม เอาเข้าปากไปหรอก
เพราะงั้น หากใครอยากลิ้มลอง
ก็ต้องมาเบตงก่อนนะ
พิกัดร้านอยู่ตรงข้าม TOT เบตง
ป้ายไวนีลหน้าร้านแผ่นบ้ะเริ่มเทิ่ม หาไม่ยากหรอก
หึหึ ตอนที่พิมพ์อยู่นี่ยังกลืนน้ำลายเอื้อกๆอยู่เลย
น้ำอัญชัญ หวานหอม กำลังดี
ส่วนนี้น้ำใบบัวบกของคุณปู่ (กลับมาถึงกรุงเทพแล้ว สงสัยยังไม่สะใจ คุณปู่ไปตลาดหาซื้อใบบัวบกมาทำกินเองด้วยเลย)
การันตีมากมาย
เอ้ะ ฝั่งนี้ถ้วยรางวัลดูไม่เหมือนรางวัลข้าวมันไก่แฮะ นี่รางวัลยิงปืนทั้งนั้นเลยนี่หว่าา
ถามไถ่กันไปมา มือสับอันดับหนึ่งนี่แหละ เจ้าของถ้วยรางวัลทั้งหลาย นอกจากสับแม่นแล้วยังยิงแม่นด้วยนะคร้าบ
“น้ำราดแห่งความลับ” ไม่รู้จะอธิบายยังไง มีความเปรี้ยวนิด เค็มหน่อย หอมกระเทียมเจียว โอ้ยยย มาลองเองเถ้อะะะะ
อิ่มพุงดีแล้ว ก็ไม่แคล้วต้องหาเรื่องเที่ยวกันอีกหน่อย
มาเยือนถิ่นสุดแดน มันก็ต้องไปให้สุดๆ
นี่เลย ใต้สุดแดนสยาม
กิเลสที่อยากจะเดินทาง อยากไปให้สุด อยากลุยให้ถึงที่ เมื่อเกิดแล้ว ดับได้ด้วยการออกเดินทาง ฉะนี้แล
ฟ้ายังไม่สิ้นแสง (แต่ตอนนั้นเมฆครึ้มเริ่มปกคลุมมาเพียบแล้วล่ะ)
คุณปู่ก็เอ่ยชวน เราถลาร่อนไปดูอุโมงค์ปิยะมิตรกันมั้ยละ มันเป็นอุโมงค์ที่มีคนมาขุดไว้นะ
ไปไหนไปกันโลดครับ ป้ายบอกทางมีอย่างดี ยังไงก็ไม่ลงชัวร์
ระหว่างทางก็มีบ่อน้ำพุร้อน จัดทำไว้สวยงาม มีที่ให้ลงแช่เท้า หรือจะแช่ทั้งตัวก็พร้อม มีที่จอดรถกว้างขวางดี (ทริปนี้เจอบ่อน้ำร้อนเยอะจริง แต่เจ้าท๊อปไม่เคยเบื่อเลย ชอบแช่น้ำร้อน)
ลุยกันมาเป็นพันกิโล ได้แช่น้ำร้อนนี่มันฟินจริงจริ๊งงงง (ขออภัยหากภาพไม่เหมาะสมนะครับ)
แช่น้ำจนเปื่อยยุ่ยได้ที่ จากบ่อน้ำร้อนไปบ้านปิยะมิตร อุโมงค์ปิยะมิตรก็อยู่ไม่ไกลแล้ว
ศิลปะแบบจีน
ศิลปะแบบเมี๊ยวๆ
อุโมงค์ปิยะมิตร คือสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์
เป็นร่องรอยการสู้รบของคอมมิวนิสต์มาลายาใช้เป็นฐานปฏิบัติการเพื่อหลบภัยทางอากาศ และสะสมเสบียง (ระเบิดปูพรมหล่นใส่ก็ไม่กลัว เพราะพวกเล่นใช้ภูเขาทั้งลูกเป็นปราการ)
โดยฐานยุทธภูมินี้ อยู่บนเนินเขาปกคลุมด้วยป่าทึบบริเวณตะเข็บชายแดนไทยและมาเลเซีย
อุโมงค์ปิยะมิตรสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2520 ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร กว้างประมาณ 6 ฟุต มีความคดเคี้ยวไปมา
มีทางเข้าออก 9 ทาง
แบ่งเป็นห้องต่างๆ สามารถใช้ชีวิตอยู่ในอุโมงค์ได้เป็นระยะเวลานาน
ที่น่าทึ่งคือ อุโมงค์นี้ใช้กำลังคนขุดประมาณ 50 คน ในระยะเวลาประมาณ 3 เดือน เท่านั้นเอง
เสียดายที่ฝนไล่หลังมา ดูทรงแล้วพี่เค้าจัดหนักแน่ๆ ผมเลยยังไม่ได้ลงไปดูในอุโมงค์ด้วยตาตัวเอง (หมายแค้นไว้ก่อน มีโอกาสค่อยกลับมาดูใหม่)
ทำไม “เบตง” ถึงมีป้ายทะเบียนใช้ ทำไมถึงไม่ใช้ทะเบียน “ยะลา”
เหตุผลที่ต้องมีรถป้ายทะเบียนเบตง เพราะอำเภอเบตง กับอำเภอเมืองยะลา ไกลกันเป็นร้อยกิโลเมตร ยุคนี้คงเป็นเรื่องขี้ผง
แต่ลองย้อนกลับไปเมื่อเกือบร้อยปีก่อน กว่าจะผ่านป่าบางลางมาได้ ต้องมีค้างคืนแหงๆ
และประกอบกับที่ อ.เบตง มีความเจริญ กรมการขนส่งทางบก เลยอนุญาตให้มีการจดทะเบียนรถที่เบตงได้ไม่ต้องไปที่ อ.เมืองยะลา
นั่นคืออนุญาตให้มีป้ายทะเบียนเบตง
ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2469 เป็นต้นมา ประกาศ ณ วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2468 โดย มหาอำมาตย์นายก เจ้าพระยายมราช เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย
**ที่มาจาก ราชกิจจานุเบกษา
ระหว่างทางกลับที่พัก เจอจุดชมวิวนี้เข้า แวะสิครับ แวะะะะ
เอ้า เจ้าหลานตัวดี ขึ้นไปดูข้างบนหน่อยดิ้ ว่าสวยมั้ย
ม่านหมอก หยอกเขา ไม่บอกไม่รู้ว่านี่ภาคใต้ นึกว่าอยู่ภาคเหนือ
มุมโดรนก็มา
มาใต้มันก็ต้องลุยฝน เป็นเรื่องธรรมด๊าาาา
หมดวันที่แสนอิ่มพุงและอิ่มใจไปอีกวัน ไก่เบตง ยังคงติดตรึงใจ
รุ่งขึ้น วันนี้จะเป็นอีกวันที่เราต้องเดินทางกันไกล หลังจากที่พักผ่อนเอาแรงตอนกลางคืนกันเต็มที่ดีแล้ว
ตรวจสอบความเรียบร้อยของตัวรถเล็กน้อยก่อนออกเดินทาง จากนั้นก็เผ่นโผนโจนทะยานไปตามไฟกิเลส
วิวสุขี อากาศดีสุดยอด บอกเลยท่านควรมาสัมผัสด้วยตนเองจะดีที่สุด
เพื่อนร่วมทางแวะจอดถ่ายรูป จุดเดียวกับเรา ขอคร่อมรถถ่ายภาพเป็นที่ระลึก เราก็ไม่ขัดข้องที่จะแบ่งปันรอยยิ้ม และความสุขนี้ไป
เราสองคนดับไฟกิเลสด้วยไฟสันดาปของน้ำมันและอากาศในห้องเผาไหม้ แปรเปลี่ยนเป็นเลขไมล์ที่หมุนเดินหน้า
เป้าหมายต่อไป จะเป็นที่ใดนั้น ติดตามได้ใน ปู่ชวนหลาน คลานไปเที่ยว EP4 นะจ๊ะ
ส่วนวันนี้เจ้าหลานตัวดี ขอจรลีไปก่อนนะจ๊ะ เตรง เตร่ง เตร๋ง เตร๊งงงงง
บทความโดย TopsaVage
Linkต้นฉบับ https://pantip.com/topic/37773548