. . เ มื่ อ ส า ย เ นิ ร์ ด . . ค ว บ ร ถ . . M o t o G P . . R C 2 1 3 V – S . .
สวัสดีครับ
คราวนี้ผมอยากจะมารีวิวเหมือนเดิม หากแต่เป็นรีวิวประสบการณ์สุดยอดครั้งหนึ่งในชีวิตของผม.. หาใช่รถไม่..
มันสุดยอดหรือไม่ สำหรับใครคนอื่นนั้นผมไม่อาจรู้ได้ แต่สำหรับคนที่ชอบขี่มอเตอร์ไซค์
มันเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ต้องจารึกไว้ในความทรงจำเลยทีเดียว..
การที่ได้รับประสบการณ์ในครั้งนี้ มันทำให้ภาพในอดีดตามมายผุดขึ้นมาในหัวแบบที่ว่า คนอย่างผมไม่น่าจะมีประสบการณ์แบบนี้ได้
ซึ่งเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่าไอ้คนแบบผมเนี่ย มันเป็นอย่างไร..
และไอ้เจ้าประสบการณ์ที่ว่าเนี่ยมันคืออะไร…
มันคือการได้ขี่รถ MotoGP จำแลงรุ่นหนึ่ง ราคาค่างวดโดยรวมก็ 8.7 ล้านบาทนามว่า
Honda RC213V-S ( อาร์ซี-ทเว้นตี้วัน-ทรี-วี-เอส )
ซึ่งเป็นรถ Race Replica อวตารร่างมาจาก Honda RC213V ของแชมป์โลกคนปัจจุบัน Marc Marquez เพื่อวิ่งบนท้องถนน
ซึ่งคงต้องบอกว่า โอกาสที่จะได้ขี่รถแบบนี้ในช่วงชีวิตหนึ่ง
.
.
มันอาจจะไม่มีอีกเลย… ก็เป็นได้…
.
นั่นทำให้มันเป็นสุดยอดประสบการณ์ “ครั้งหนึ่งในชีวิต” ของผมครับ
แล้วคนอย่างผมหล่ะ มันเป็นอย่างไร
กาลครั้งหนึ่ง เมื่อนานมากแล้ว ผมเป็นเด็กจำพวกหนึ่งซึ่งในสมัยนั้นนิยามคนจำพวกผมว่า “เนิร์ด”
ซึ่งในยุคนั้น คำว่า “เนิร์ด” มันไม่ได้เท่ห์และมีนิยามเป็นบวกเหมือนในยุคนี้ มันมีความหมายในเชิงลบเสียมากกว่า
แน่นอนครับ คุณสมบัติผมมีครบเลย ผมเป็นเด็กเรียน บ้าคอมพิวเตอร์ บ้าการ์ตูน เล่นกีฬาห่วยแตก นั่งหลังห้อง ขี้อาย เข้าสังคมห่วยแตก บุคลิกภาพเห่ย ไม่ชอบการพูดคุย และที่แน่นอนที่สุด สาวๆ ไม่แลครับ
ในด้านบวกมันก็มีครับ ผมมีเกรดเฉลี่ยในยุคประถมปลายและม.ต้นสูงที่สุดในโรงเรียนที่ดีที่สุดประจำจังหวัด ทุนเรียนดีสารพัดสารเพก็ล้วนมาประเคนให้ผม อีกอย่าง ผมน่าจะเป็นเด็กที่เก่งคอมพิวเตอร์ที่สุดในจังหวัดขณะนั้นด้วย ….
อ้า มันก็ดีใช่ไหม ใช่ครับ แต่มันก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไรในสายตาวัยรุ่นยุคนั้นครับ….แน่นอนมันก็ไม่มีผลอะไรกับสายตาสาวๆด้วย…
ถึงแม้ผมจะเรียนเก่ง แต่อย่าคิดว่าผมเป็นคนฉลาด หัวไว ในเรื่องเชาว์เราไม่เอาไหนครับ เราแค่อ่านหนังสือมากกว่าคนอื่น ขลุกอยู่กับแต่หนังสือหนังหา ให้เวลากับมันในขณะที่วัยรุ่นในช่วงเดียวกันเขาไปเที่ยวกับแฟน ไปขี่รถมอเตอร์ไซค์ของเขาเล่น ก็แค่นั้นเอง…
แต่ในความ “เนิร์ด” นั้นมีความประหลาดคือ ผมชอบมอเตอร์ไซค์ด้วยสิครับ แต่แน่นอน สถานะการเงิน ครอบครัวทำให้ผมไม่มีมอเตอร์ไซค์ขี่เหมือนเด็กวัยรุ่นคนอื่นเขาน่ะครับ ก็เลยได้แต่แอบเก็บความชอบไว้ในใจ
อีกอย่างคนที่เล่นกีฬาได้ห่วยแตกแบบ ผมกับมอเตอร์ไซค์เนี่ยนะ!!!! มันก็ออกจะขัดๆกันอยู่นะ
พอโตมาพอจะมีงานมีการทำ ผมก็มีมอเตอร์ไซค์แม่บ้านกับเขา ก็ขี่ท่องเที่ยวไปเรื่อยๆครับรู้สึกว่าสนุกดี แต่คุณสมบัติความเนิร์ดในตัวก็ไม่เคยจางหาย ผมชอบขี่รถแม่บ้านครับ มันไม่เด่นดี เวลาที่เป็นจุดเด่น แล้วผมกระอักกระอ่วนใจบอกไม่ถูก( แม้มันจะเบาลงไปมากแล้วในปัจจุบัน )
ดังนั้นเวลาไปไหนมาไหน แม้จะเป็นทางไกลๆ ผมก็จะหยิบรถแม่บ้านไปเป็นประจำ ( แม้จะมีรถ Bigbike จอดอยู่ก็เถอะ ) สมัยก่อนก็มักจะมีคนถามนะ Bigbike ก็มี ทำไมชอบขี่นัก ไอ้รถแม่บ้านเนี่ย!!!
ผมก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรให้คนอื่น เข้าใจนะครับ แฮ่ๆ…
ลงสนามหรอ แทบจะไม่เคยคิดครับ ไอ้การนำตัวเองไปอยู่บนหรือในเวทีที่มีคนมองเต็มไปหมดนี่ไม่เคยอยู่ในสารบบความคิดเลย
ที่มาเล่าสู่กันฟังเนี่ย ไม่มีอะไรนะครับ ก็แค่นึกตลกในตัวเอง
ว่าคนอย่างผมเนี่ย มายืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร!!!!
ขำๆ นะครับ เอาจริงๆ แล้ว ไม่ว่าเราจะเป็นใคร เป็นคนอย่างไร มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับการขี่มอเตอร์ไซค์ทั้งสิ้น…
ขอแค่รัก ขอแค่ชอบ จริงไหมครับ เพื่อนชาว #มอเตอร์ไซค์
แม้ชื่อรถจะถูกจั่วหัวว่า RC213V และเติม S เข้ามา แต่ถ้าบอกจริงๆแล้ว มันยังคงห่างไกลกับรถของ Marc Marguez และ Dani Pedrosa มากนักหากแต่ไปใกล้เคียง( หรือแทบจะเรียกได้ว่าเกือบจะเทียบเท่า ) กับรถของอดีตแชมป์โลก MotoGP คนหนึ่งที่ผมชื่นชอบในอดีตเพราะเขาโคตรเท่ห์แล้วก็เกิดห่างจากผมเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
และนี่เป็นวันที่ผมได้รับรู้ความรู้สึกการขับขี่ที่ใกล้เคียงกับเขาที่สุดแล้วในชีวิตนี้
เขาผู้นั้นคือ Nicky Hayden ผู้จากไปครับ
และรถของเขาในปี 2014 ที่เกือบจะเทียบเท่ากับ RC213V-S
นั่นคือ RCV1000R มันเหมือนหรือใกล้เคียงกันขนาดไหน เดี๋ยวผมจะเหลาให้อ่านกันต่อไปครับ
และกระทู้นี้ ผมขอเขียนเพื่อไว้อาลัยอดีตแชมป์โลก MotoGP ผู้จากไป
Nicky Hayden ครับ
CR : TopSpeed.com
ในงาน RC213V-S The Ultimate Riding Xperience ซึ่งจัดขึ้นโดย A.P. Honda
สำหรับท่านเจ้าของ Honda RC213V-S, เหล่าเซเลปผู้มีชื่อเสียง , Dealer เจ้าใหญ่ และ สื่อมวลชน ( แน่นอน ผมอยู่ในกลุ่มสุดท้าย )ได้ทำการขับขี่เจ้ารถ MotoGP จำแลงในสนามช้าง สนามระดับโลกของคนไทยเรา เพื่อให้ปุถุชนคนสามัญธรรมด๊า ธรรมดา อย่างไร มีโอกาสรับรู้ฟีลลิ่งการขับขี่ที่ใกล้เคียงกับ Marc Marguez บ้าง
มันจึงเป็นประสบการณ์ที่ต้องบอกว่า Exclusive จริงๆ
แต่ๆ…..
เนื่องจากรถมีคันเดียว วิ่งในสนามช่วงเวลาเดียวกันได้เพียง 1 หรือ 2 คันเท่านั้น ประกอบกับระยะเวลาที่มีจำกัด
แน่นอนในหมู่สื่อมวลชนที่ได้รับเชิญมา มันก็จะต้องมีการคัดเลือกกันบ้างเล็กน้อย
จริงๆ สื่อมวลชนทุกๆท่านฝีมือดีหมด โดยส่วนใหญ่คาดว่าสามารถรักษารถคันนี้ให้อยู่รอดปลอดภัยได้แน่นอน
แต่ก็นะ เวลากับจำนวนรถมันจำกัดจริงๆ ก็เลยจำเป็นต้องมีการ Qualify กันสักหน่อย
ทาง Honda แจ้งไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า การได้ขับขี่รถ RC213V-S นั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ Honda
แน่นอน นักเขียนฟรีแลนซ์สายท่องเที่ยวชิลๆ อย่างเรา ในสนามก็แทบจะไม่เคยฝึกผมเองก็ไม่ได้คาดหวังครับว่าจะได้ขี่ อันนี้พูดจริงๆเลย
และเมื่อรอบสื่อมวลชนมาถึง ก็มีการขี่วอร์มโดยการให้นักแข่งของ Honda ขี่นำ ซึ่งก็คือ อาจารย์เอ้ วรพงศ์ มาลาหวล
เมื่อออกจากพิทมาได้ อาการบิดหน้าตั้งของผมก็เริ่มขึ้น ผมเริ่มคิดแล้วหล่ะ ว่านี่มันไม่ใช่การวอร์มละ มันต้องเป็นการ Qualify แน่ๆ
ผมว่า อาจารย์เอ้ แกก็ดูขี่รถ CBR500 แบบชิลๆ แต่ทำไมเราบิด CBR650F แบบหมดปลวกแล้ว ก็ยังตามแทบไม่ทัน
การเบรกของอาจารย์นั้นลึกมาก จนสุดทางตรงโค้ง 3 แม้จะเข้าไปในโค้งแล้วผมยังต้องเบรกหน้าในโค้งต่ออีก ( ก็คนมันเอาไม่อยู่ ) จะถามหาเวลาจัดท่าสวยๆ น่ะหรือ แทบไม่มีเลยครับ ทุกสิ่งอย่างมันเร็วไปหมด สิ่งที่ทำได้ก็คือใช้กำลังของเครื่อง 650 บี้ทางตรงเอา
ขี้โกงไหมล่ะ
หลังจากเสร็จสิ้นการรอบการขี่วอร์ม ( หรือรอบ Qualify นั่นแหล่ะ ) เข้าพิทมา อาจารย์เอ้ก็ไปซุบซิบๆ กับเจ้าทางที่ผู้จัด
ผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ เอาเป็นว่าดูสิ่งสวยๆ งามๆ ฆ่าเวลาไปเรื่อยๆก่อน
RC213 V-S สีไตรคัลเล่อร์นี่มันขาวจริงๆ อุ๊บ!!!!
ของอะไรแบบนี้เป็นสิ่งที่เหล่าเนิร์ดมิอาจเข้าใกล้ มือมันสั่น ใจมันหวิว พูดไม่ออก ไม่กล้าสบตา คิดคำพูดไม่ถูก !!!!
คุณสมบัติอย่างหนึ่งของเด็กเนิร์ดคือ อะไรรู้ไหมครับ
“บ้าข้อมูล”
พวกเนิร์ดนี่จะหมกมุ่น ครุ่นคิด ค้นหา บ้าข้อมูลไปเรื่อย เพื่อทำตัวให้สมกับตระกูลเนิร์ด เราไปชมเรื่องราวประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเจ้าสายพันธุ์ RC กันหน่อยดีกว่า
ต้นกำเนิดของสายพันธุ์ RCV นั้นเริ่มต้นในปี 2002 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงกฏการแข่งขัน WorldGP ใหม่โดยอนุญาติให้สามารถใช้รถแข่ง 4 จังหวะ ขนาดกระบอกสูบไม่เกิน 990cc
ในการแข่งขันกับรถ 2 จังหวะ 500 cc ได้ และมีการเปลี่ยนชื่อการแข่งขันในรุ่น นั้นเป็น MotoGP ทำให้หลายๆทางนั้นเปลี่ยนมาใช้รถแข่ง 4 จังหวะ 990cc แทน และแน่นอน Honda ก็คือหนึ่งในนั้น
รถแข่ง 4 จังหวะขนาด 990cc คันแรกของ Honda นั้นมีชื่อว่า RC211V
รหัส RC นั้นคงเดาได้ไม่ยากว่าน่าจะย่อมาจาก รถแข่ง Racing
21 หมายถึง ศตวรรษที่ 21
1 คือ คันแรก
V คือ เครื่องยนต์สูบ V
ดังนั้น RC211V คือ รถแข่งสูบวีคันแรกแห่งศตวรรษที่ 21 นั่นเอง
ด้วยความล้ำหน้าและสุดยอดเกินกว่า ค่ายไหนในขณะนั้น แถมนักแข่งยังเป็นเทพจุตินามว่า Valentino Rossi
ทำให้ไม่มีใครต้านทานได้ ชนะแทบจะขาดลอยในปี 2002 และ 2003
สิ่งหนึ่งที่ช่วยส่ง RC211V สู่ความเป็นสุดยอดของรถแข่งในยุคนั้น คงไม่บอกไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งมาจากเครื่องยนต์ V5 สูบ 990cc ที่เป็นรูปแบบเครื่องยนต์ที่แสนประหลาด หากแต่สมรรถนะนั้นสุดยอดไม่มีใครเทียบในยุคนั้น
แต่อนิจจาเมื่อ Valentino Rossi จากไปและยังช่วยพัฒนารถ Yamaha จนมีสมรรถนะขึ้นมาระดับหนึ่งประกอบกับฝีมือการขี่ขั้นเทพของ Rossiตำแหน่งแชมป์โลกก็ตกเป็นของ Yamaha
แต่แชมป์ผู้ผลิต Honda ก็ยังคงรักษาตำแหน่งไว้เหนียวแน่นเพราะว่าศักยภาพของ RC211V นั้นหาใครเทียบยาก
และ RC211V ก็กลับมาคว้าแชมป์โลกให้ Honda ในปี 2006 อีกครั้งด้วยฝีมือการขับขี่ของ Nicky Haden
ผู้หยุดสถิติการชนะรวด 5 สมัยของ Valentino Rossi ลงได้
และนี่คือรถ RC211V ของ Nicky Hayden ในปี 2006
ในปี 2007 เครื่องยนต์ถูกจำกัดลงเหลือแค่ 800cc เพื่อจำกัดความเร็วที่ดูจะแรงเกินไปแล้วของเครื่องยนต์ 990cc
รถแข่งคันใหม่จึงถือกำเนิดในนาม RC212V
สำหรับ Model ปี 2007 เป็นปีที่รถแข่งของ Honda มีหน้าตาแปลกประหลาดที่สุด คือคล้ายๆ รถ Production ในยุคสมัยนี้แหล่ะเพราะถูก Design ตามแนวคิด Mass centralization คือพยายามรวมน้ำหนักรถไว้ตรงกลางด้วยความมุ่งหวังที่จะสร้างรถที่มีการควบคุมที่ดีเยี่ยม แต่กลับกลายเป็นความผิดพลาดที่ผลลัพธ์ไม่ออกมาเป็นแบบที่คิด
อย่างไรก็ดี การ Design ด้วย Concept Mass centralization นี้ก็ถูกนำมาใช้กับรถ Production ในยุคใหม่ๆ นี่หลายๆคันเลยหล่ะครับ เช่น CBR 1000 RR ปี 2008 เป็นต้น
========================
ภาพรถในปี 2007 นี้เป็นรถหมายเลข 1 ของนิคกี้
โอ้อนิจจา โมเดลปี 2007 นั้นเป็นการเดินหมากในสายสุดโต่งเกินไปและให้ผลลัพธ์อันน่าผิดหวังจนสุดท้าย จึงตัดสินใจกลับมาใช้รูปแบบดั้งเดิมแบบที่เคยประสบความสำเร็จมาก่อนกับ RC211V ที่มีท่อออกข้างและด้านท้ายในรุ่นปี 2008 หากแต่ปรับปรุงหน้าตาและใช้สวิงอาร์มหลังแบบดามล่าง
และนี่คือหน้าตาของรถ แข่งฮอนด้าที่ลงตัวและใช้มาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากเรื่องหน้าตาแล้ว ปีนี้ยังเป็นปีแรกที่มีการนำระบบวาล์วแบบ Pneumatic เข้ามาแทนสปริงวาล์วแบบดั้งเดิมเพื่อช่วยให้การเปิดปิดวาล์วเที่ยงตรง แม่นยำและทำงานได้เร็วมากขึ้นทำให้รถมีอัตราเร่งและกำลังในรอบสูงที่ มากขึ้น และผู้ที่ใช้ Pneumatic Valve ลงแข่งเป็นครั้งแรกคือ Nicky Hayden ที่สนาม Donington ครับ ( ในขณะที่ Pedrosa เพื่อนร่วมทีมยังขอใช้วาล์วแบบสปริงเหมือนเดิม )
ในสนามต่อๆ มาเกิดเหตุการที่รถ RC212V ของ Heyden น้ำมันหมดหน้าเส้นชัยพอดีเนื่องจากความผิดพลาดของระบบอิเล็กทรอนิค ทำให้ชวดที่ 3 ไปโดยปริยาย
แต่อย่างไรก็ดีฮอนด้าก็ยังไม่ประสบความสำเร็จในปีนี้อยู่ดีเพราะ Casey Stoner ที่ขี่ Ducati GP8 นั้นเฉิดฉายเหลือเกินจนกระทั่งคว้าแชมป์ไป
Nicky Hayden กับ RC212V รุ่น 2
และหลังจากนี้ Nicky Hayden ก็ย้ายไปสู่อ้อมกอดของ Ducati ครับ
RC212V นั้นยังคงไม่ประสบความสำเร็จมาอีกหลายปีดีดักเพราะ YZR-M1 กับ Valentino Rossi นั้นเข้าขากันดีเหลือเกิน แม้จะมีการปรับเปลี่ยนนู่นนิดนี่หน่อย ( ที่เห็นชัดๆคือ สวิงอาร์มหลังใหญ่ขึ้นและเปลี่ยนช่วงล่างจาก Showa เป็น Ohlins )จนกระทั่งในปี 2011 มีความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่เกิดขึ้น …
นั่นคือ Casey Stoner และ Seamless Gearbox
และสองสิ่งนี้เองที่ส่งเจ้า RC212V ขึ้นสู่ตำแหน่งแชมป์โลกจนได้
และปีนี้เป็นปีสุดท้ายของรถแข่ง 800cc …
และนับจากนี้ไป รถ Honda ก็อยู่ในตำแหน่งที่เรียกได้ว่าทิ้งคู่แข่งไปหลายก้าวจนกระทั่งปี 2015
หลังจากการเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็น 1000cc ในปี 2012
รถของ Honda ยังคงอยู่ในช่วง Top form ในชื่อ RC213V หากแต่การขับขี่ที่คงเส้นคงวาของ Jorge Lorenzo ทำให้เขาเฉือนชนะ Pedrosa ไปไม่กี่แต้ม
อย่างไรก็ดี รถ RC213V ถือเป็นรถที่ดีที่สุดในช่วงเวลานั้น
และการประกอบกันระหว่าง 2 สิ่งพิเศษ(อีกครั้ง) คือ Seamless Gearbox และ Marc Marguez ทำให้สามารถส่ง Honda ขึ้นเป็นแชมป์โลกอีกครั้งในปี 2013
หลังจากปี 2013 เป็นต้นมา รถของ Honda ก็ยังคงเป็นสุดยอดด้วย Seamless Shift Tranmission ที่เหนือกว่าเจ้าอื่นๆ รวมถึงตัวนักแข่งอย่าง Marc Marguez เองด้วยเรียกว่าในช่วงเวลาดังกล่าวแทบจะไร้ผู้ต้านกันเลยทีเดียว
จนกระทั่งปี 2015 รถเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงภายนอกที่เห็นชัดเจนหน่อยคือที่สวิงอาร์มมีรูเพิ่มเติมเข้ามา
ปีนี้เองที่ Yamaha เริ่มมี Seamless Gearbox ใช้ ( กับเขาสักที ) ซึ่งตามหลังรถของ Honda อยู่ถึง 4 ปีเลยทีเดียว
และปีนี้เองที่ Honda เสียแชมป์ให้กับ Yamaha
และในปี 2014 นั้นเอง Honda ยังได้ปล่อยรถ Production สำหรับการแข่งขันใน Open Class นามว่า RCV1000R โดยมีนักแข่ง MotoGP 5 คนที่ได้ใช้รถรุ่นนี้ โดย Tester ดีกรีแชมป์โลก 2 สมัยอย่าง Casey Stoner ได้ลองขี่รถรุ่นนี้เทียบกับ RC213V แล้วบอกว่า “มันให้ฟีลลิ่งเหมือน RCV แต่แรงน้อยกว่านิดหน่อยและลักษณะ Engine Breakต่างกัน”
แต่สิ่งที่ RCV1000R นั้นขาดไปเมื่อเทียบกับ RC213V นั้นก็คือ Pneumatic Valve ที่ทำให้นักแข่งหลายๆคนบ่นว่าอัตราเร่งแย่และรอบปลายก็ไม่สามารถสู้ชาวบ้านได้ กับ Seamless Gearbox ที่ทำให้การเข้าเกียร์นั้นสมูธและรวดเร็ว
อย่างไรก็ดี RCV1000R นั้นมีอายุอานามแค่ปีเดียวเพราะในปี 2015 Honda ได้ออกตัวใหม่มาทดแทนคือ RC213V-RS ซึ่งเพิ่มเติมระบบ Pneumatic Valve มาให้ แต่ก็ยังไม่มี Seamless Gearbox อยู่ดี
สำหรับเจ้า RC213V-S นี่ผมก็คิดว่ามันคือ RCV1000R ดีๆนี้เอง เพียงแต่อาจจะแตกต่างในรายละเอียดปลีก ย่อยบ้างเพราะต้องปรับให้ RC213V-S นั้นใช้งานได้จริง
สำหรับแรงม้าของเจ้า RCV1000R นั้นจะอยู่ที่ 235 แรงม้าที่ 16,000รอบ / นาที ซึ่ง RC213V-S นั้นแม้จะใส่ Race Kit ก็ยังให้แรงม้าเพียง 215 แรงม้าที่ 13,000 รอบ/นาที
เข้าใจว่าก็คงต้องทอนลงบ้าง ไม่งั้นเครื่องยนต์คงจะต้อง maintainance เครื่องยนต์ทุกหลักพัน( หรือร้อย ) กิโลเมตรเป็นแน่แท้
ถามว่าเจ้า RC213V-S ราคา 8.7 ล้าน จะว่าแพงก็แพง แต่ถ้าเทียบกับราคาของ RCV1000R ที่ขายให้ทีมแข่งตีเป็นเงินไทยก็ราว 50 ล้านกว่าบาทแต่ตัวรถและอุปกรณ์ที่ใกล้เคียงกันมาก หรือเทียบเท่ากันแล้ว..
นี่มันคุ้มไม่รู้จะคุ้มอย่างไรแล้วครับ!!!!
อีกอย่างซื้อไว้ ถ้าเก็บให้ดี อย่างไรก็ไม่มีขาดทุนแน่นอนครับ รุ่นนี้!!!!
ภาพ : RCV1000R ของ Nicky Hayden
ภายใต้ร่มเงาของทีม Drive M7 Aspar
Hayden ได้ขี่ RCV1000R ในฤดูกาล 2014 และหลังจากนั้นก็เปลี่ยนไปใช้ RC213V-RS ในปีต่อมา
และปี 2015 นี้เอง ก็เป็นปีสุดท้ายของ Nicky กับ MotoGP
ต่อจากนั้นเขาก็ได้ย้ายกลับไปขี่ World Superbike
และภาพแบบนี้ เราคงไม่ได้เห็นกันอีกแล้ว
หลับให้สบายนะ The Kentucky Kid
เอาหล่ะครับ เล่าประวัติซะยืดยาว เรามาสู่ความจริงกับรถ RC213V-S กันดีกว่า
มาดูองค์ประกอบและกายภาพของเจ้า VS ( เรียกสั้นๆ แบบนี้ละกัน ชื่อยาวเหลือเกิน )
จากภาพนี้ก็จะเห็นว่าองค์ประกอบของเจ้า VS นั้นมันแตกต่างจากรถตลาดทั่วไปมาก ไม่ว่าจะเป็นถังน้ำมันที่ยาวมาถึงใต้เบาะนั่งเข้าใจว่าเพื่อศูนย์ถ่วงที่ใกล้ศูนย์กลางให้มากที่สุดและลด effect การกระฉอกไปมาเวลาที่มีน้ำมันอยู่เยอะให้น้อยที่สุด หลักการดีไซน์และการวางอุปกรณ์คือพยายามวางน้ำหนักทั้งหมดไว้ตรงกลางให้มากที่สุด อุปกรณ์ใดที่มีน้ำหนักมากก็จะพยายามวางไว้กลางตัวรถ ส่วนอุปกรณ์ที่อยู่ห่างไกลจากจุดศูนย์ กลางก็จะพยายามลดน้ำหนักให้มากที่สุด
สวิงอาร์มแบบดามล่างอันเขื่องที่ช่วยใน เรื่องศูนย์ถ่วงที่ต่ำลงและหลบถังน้ำมันด้วย
เครื่องยนต์ V4 ถูกโอบรัดด้วยเฟรมแบบอลูมิเนียมแบบ Twin Spar ถ้าพูดภาษาจักรยานก็คงให้ความ stiff แบบไร้ความปราณีเพื่อส่งถ่ายกำลังลงพื้นให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากที่สุด
ท่อไอเสียนั้นแยกชุดกันระหว่างสูบหน้า และหลังปลายยาวทรงกระบอกดูแปลกตาเมื่อ เทียบกับรถตลาดทั่วไป ชุดท่อไอเสียแบบนี้อาจจะไม่ได้คำนึงถึงความสวยงามมากนักเพราะออกตูดบ้าง ข้างบ้าง หากแต่มันเกิดมาเพื่อประสิทธิภาพและการระบายความร้อนที่ดี หากย้ายมาอยู่ด้านใต้เครื่องเพียงอย่างเดียว ความร้อนสะสมก็จะสูงไปอีก
หากย้ายไปด้านท้ายเพียงอย่างเดียว จุดศูนย์ถ่วงก็จะสูงขึ้นไปอีกดังนั้น ออกข้างบ้าง ท้ายบ้างเป็นอะไร balance แล้ว
ชุดสีนั้นเป็นวัสดุพิเศษคาร์บอนไฟเบอร์ แบบเดียวกับที่ใช้ในรุ่น RC213V ( ต่อไปเรียกว่า V ละกัน ยาวเหลือเกิน ) ชื่อย่อภาษาปะกิดของเจ้าวัสดุที่ทำชุดสีนี้เขาเรียกว่า CFRP
จากรูปจะเห็นว่าทำไมถึงต้องทำสวิงอาร์ม ดามล่าง เนื่องจากถ้าดามบน ก็จะชนกับถังน้ำมันเข้าจังๆ ( เนื่องจากถังน้ำมันของเจ้า VS มีขนาดเพียง 16.3 ลิตร ไม่เหมือนกับ V ที่ต้องจุถึง 20 ลิตร ดังนั้นรูปทรงถังอาจจะไม่เหมือนกัน )
Ohlins TTX25 สีทองอร้าอร่ามชุดเดียวกับที่ใช้ในรุ่น V รวมถึง Caliper Brembo ก็เช่นกัน
จานดิสก์เป็นชุดเดียวกับที่ใช้ใน 213V ยามฝนตก ( ยามแห้งใช้จานเบรกคาร์บอน ) ถามว่าทำไมไม่ให้จานคาร์บอนมาเลย
คือถ้ามันไม่ร้อนมันจะเบรกไม่อยู่มันเลยไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วๆไปครับ
ล้อมาเชสดีไซน์เดียวกับ V แต่เป็นขนาด 17 นิ้วซึ่งแตกต่างกับรถ MotoGP ยุคปี 2014-2015 ที่ใช้ล้อขนาด 16.5 นิ้ว
สวิงอาร์มอลูมิเนียมดามล่างน้ำหนักเบา ยึดติดกับช๊อค Ohlins TTX36 เช่นเดียวกับรุ่น V แต่แตกต่างกันตรงตัวปรับ Preload
CR : MCN
มือเบรก มือคลัชท์ชุดเดียวกับรุ่น V มุมแร็คสามารถปรับได้โดยอุปกรณ์พิเศษ
มาดูแผงเรือนไมล์ที่เป็นหน้าจอ LCD TFT ให้สีสันสดใส
มุมซ้ายด้านล่างจะอธิบายเกี่ยวกับ Mode การขับขี่ซึ่งประกอบด้วย P คือ Power T คือ Traction Control และ EB คือ Engine Break Conrol นอกนั้นก็เหมือนรถทั่วๆ ไป
หน้าจอปรับเปลี่ยนตาม Mode การขับขี่ด้วยนะ
เอาหล่ะ ถึงวินาทีสำคัญในชีวิตแล้ว
ในตอนแรกก็อย่างที่เรียนในตอนต้น ว่า Quota ผู้ที่จะได้ขี่เจ้า VS นั้นมีจำกัด ดังนั้นทาง Honda จะเป็นผู้คัดเลือกผู้ที่จะได้ขับขี่เองซึ่งตอนแรกผมไม่ได้หวังเลยครับ เพราะผมรู้ตัวดีว่าเราไม่ใช่สายสนามและ ก็มีประสบการณ์ในสนามน้อยจริงๆ
แต่หลังจากจบการ Qualify อาจารย์เอ้ วรพงษ์ มาลาหวล เดินเข้ามาจับมือแล้วบอกว่าผมขี่ได้ดี เขาพยายามหนีแล้วเราก็ยังตามมาได้ ( แน่ละครับ เขาขี่ 500 ผมขี่ 650 5555 โกงกันขนาดนี้ )เสร็จแล้วก็เดินไปซุบซิบกับเจ้าหน้าที่ Honda ทำให้วินาทีนั้นผมรู้สึกมีความหวังขึ้นมาทันที…
การ Qualify ผ่านไปในรอบเช้า แต่ชื่อของผมนั้นยังไม่ได้ถูกประกาศว่าได้ขี่หรือไม่ ผมนั่งรออยู่นานเลยหล่ะ จนกระทั่งได้รับข่าวดีที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต
ผมได้ขี่ RC213VS ครับ !!!!
แต่ๆๆๆๆๆ….
กว่าผมจะได้ขี่ก็เป็นคนสุดท้ายเลย ซึ่งแอบเห็นเมฆฝนกำลังตั้งเค้ามาไกลๆ
ผมนี่ลุ้นสุดๆ ฟ้าประทานโอกาสมาแล้ว โปรดอย่าเรียกคืนเลยครับ แฮ่ๆ
และวินาทีแห่งความฝันก็มาถึง
สัมผัสแรก…
วินาทีที่ได้คล่อ มเจ้า RC213VS ก็รับรู้ได้ว่าสรีระศาสตร์ของมันนั้นค่อนข้างสุดโต่ง แฮนด์ที่ก้มต่ำ เบาะนั่งที่สูงมาก แต่เมื่อขี่ออกไป แล้วกลับรู้สึกว่า ท่านั่งให้ความเป็นธรรมชาติพอสมควร
เราจะไม่รู้สึกว่า ลำบากแบบรถ Replica รุ่นเก่าๆ เลย …
ใครจะนึกว่ารถ MotoGP มันจะ Friendly ( ในแบบรถหมอบ ) กับเราขนาดนี้
อ้อ สิ่งหนึ่งที่ยากคือ การออกตัว คือเราต้องเลี้ยงรอบสูงพอสมควรเพื่อให้รถออกตัวไปได้ ( แถมยังใช้คนดันท้ายอีกนะ ) ตรงนี้แอบไม่เป็นมิตรนิดหนึ่ง แต่ต้องบอกก่อนว่า คันนนี้เป็นรถที่ใส่ Race Kit มาแล้วนะครับ ถ้าเป็นตัว Standard นั้นมันน่าจะเป็น มิตรและออกตัว ง่ายกว่านี้เยอะ
รถราคา 8.7 ล้านไม่กล้าเล่นอะไรกับมันมากนัก ยังโปรไม่พอพูดกันตามตรง
ลองฟีลลิ่งเอาก็พอจะจับความรู้สึกอะไรได้บ้างครับ ในเรื่องของแฮนด์ลิ่งรถมันก็สมราคาและสถานะของมัน มันเบา มันพริ้ว มันพลิกง่าย มันคล่อง เอาจริงๆ นะ ผมยังรู้สึกว่าเวลา ขี่ออกไปแล้ว มันเหมือนจะขี่ ง่ายกว่า CBR1000RR นิดๆ เสียด้วยซ้ำ แต่ใครที่ไม่ถนัดสรีระศาสตร์รถแข่งจ๋าก็จะว่ามันลำบากหน่อยแหล่ะ
CR : Over Ride
อีกสิ่งหนึ่งที่ ต้องตั้งสติดีๆ เลยคือ ชุดเกียร์แบบ Reverse จะเพิ่มเกียร์ก็กดจะลดเกียร์ก็งัด ตามสไตล์ MotoGP
ด้วยความไม่เคยชินงัด ผิดกดถูกไปหลายรอบเหมือนกัน แต่ชุดเกียร์เข้าได้เนียนมากเหมือนกัน
ในส่วนของตัว เครื่องยนต์ V4 นั้นก็คงต้องบอกว่า มันสมูธนุ่มนวลเอา มากๆ แต่เมื่อเปิดคันเร่งเมื่อไหร่หล่ะก็ พลังทอร์คและอัตรา เร่งมันถาโถม กระหน่ำเข้ามาดั่งคลื่นสึนามิ แต่มันก็มาแบบไล่ระดับและคาดเดาได้นะ ไม่ได้มีจุดใดจุดหนึ่งปี๊ดแตกให้ควบคุมยากแต่อย่างใด ก็อย่างว่าระดับรถ MotoGP แล้วมันต้องส่งกำลังได้รุนแรงแต่เรียบเนียนเพื่อให้รถเร่งความเร็วอย่าง มีเสถียรภาพไม่ดีดดิ้นให้เสียเวลาไปแม้แต่เสี้ยววินาทีและไม่สร้างภาระให้ช่วงล่างและเฟรม ดั่งคำฝรั่งเขาว่า ไว้
“Smooth is fast”
ในเรื่องเบรกและช่วงล่างคงต้องบอกว่า หายห่วง…
ระบบเบรก MotoGP มันเป็นอย่างนี้นี่เอง มันค่อนข้างละเอียดมาก แล้วก็แรงจับนั้นมหาศาลมาก เวลาที่เราเบรก รู้สึกว่าความเร็วลงเร็วกว่ารถ Superbike 1000cc ขึ้นอีกระดับ ( อาจจะเพราะตัวรถเบาด้วย )
แต่ก็นะ อาการเข้าเกียร์ผิดเกียร์ถูกของผมทำเอาเป๋และเสียระยะเบรกไปพอสมควรเลยหล่ะ
และอย่างที่บอก หลังจากเบรกแล้ว การพลิกโค้งก็ทำได้ค่อนข้างง่ายไม่ต้องออกแรงมากเพราะจุดศูนย์ถ่วงเค้าดี แถมรถก็เบา เสถียรภาพในโค้งก็ยอดเยี่ยม แต่อ่ะนะ คนขี่กล้าเทแค่นี้แหล่ะ 555
ป.ล. เนื่องจากผมขี่เป็นคนสุดท้าย ช่างภาพกลับเกือบหมดและ โค้งที่ถ่ายภาพก็เป็นโค้งเบรกหนักสุดทางตรงและค่อนข้าง low speed ก็เลยเองได้แค่นี้แหล่ะ ณ จังหวะออกโค้ง
3 รอบหมดไปอย่างรวดเร็ว เอาเป็นว่าผมเองก็ยังจับอะไรไม่ได้มากมายนักในเรื่อง ตัวรถ
แต่ก็พอจะรู้ ฟีลลิ่งของรถโดยรวมบ้างแล้วหล่ะ ถือว่ากระทู้นี้เป็น Mini Review ของเจ้า RC213V-S ละกันนะครับ 555
และจะไม่มี Full Review ด้วยเพราะมั่นใจว่า น่าจะไม่มีโอกาสได้ขี่อีกแน่นอน
เอาหล่ะ งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา แต่ว่าความทรงจำมันจะตรึงตราไปชั่วชีวิตสำหรับประสบการณ์ที่แสนจะสุดวิเศษในครั้งนี้ ครับ
สำหรับเจ้า RC213V-S คงจะบอกได้ว่ามันเป็นรถที่สุดยอดและทรงคุณค่าที่สุดในยุคนี้คันหนึ่งและมันไม่ง่ายเลยที่จะ Transform รถ MotoGP ให้มาเป็นรถถนนติดทะเบียนได้ ข้อจำกัดที่มากมายของความเข้ากันไม่ได้ของถนนกับสนามแข่งทำให้เนื้องานรายละเอียดที่ต้องทำการบ้านก่อนจะส่งรถคันนี้ออกมาขายมันมีเป็นตันๆ
แต่ในที่สุดเ Honda เขาทำได้กับ Project ที่ต้องบอกว่า กว่าจะมีรถระดับนี้ออกมาขายอีกครั้ง อาจจะต้องรอถึงอีก 10 ปีหรือ 20 ปีก็เป็นได้
ยอดเยี่ยมกระเทียมเจียวมากครับ….
คะแนนสำหรับรถคัน นี้คงต้องให้ 20 เต็ม 10
แต่คะแนนประสบการณ์ ที่ไม่คิดว่าคน เนิร์ดๆ อย่างผมจะมีวันนี้ได้ ผมให้ 100 เต็ม 10 ครับ
CR : Over Ride
สุดท้ายนี้ คงต้องขอขอบคุณ
Just-Ride-it อีกครั้ง ที่ทำให้ชีวิตเนิร์ดๆ โปรแกรมเมอร์ไส้แห้งนั่งหน้าคอมมันมีอีกงานหนึ่งที่ทำแล้วหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณแห่งความรักสองล้อของผมให้คงอยู่ กับโอกาสที่ให้ในครั้งนี้ผมเองก็จักรไม่ลืมพระคุณเลยชั่วชีวิตครับ
ป.ล. ไอ้คนทำ Just-Ride-it นี่ก็ไส้แห้งกันทุกคน ที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้ก็ใจรักล้วนๆ หล่ะฮะ
https://web.facebook.com/justrideitteam/?ref=bookmarks
และ A.P. Honda ที่จัดงานนี้ขึ้นมาให้ได้ขี่รถที่เราไม่มีวันที่จะซื้อหามาขี่ได้และถึงมีเงินก็ใช่จะหามันมาครอบครองได้ง่ายๆ
โอกาสครั้งเดียวในชีวิตนี้ผมขอรับไว้แล้วจะไม่ลืมพระคุณเลยครับ ^^
ขอบคุณ pantip ที่ทำให้คนเนิร์ดๆ ไม่กล้าพูดได้มีโอกาสเขียนถ่ายทอดเรื่องราวที่อยากจะถ่ายทอด ถ้าไม่มี pantip ผมก็ไม่มีเวทีครับ ขอบคุณจริงๆ
และท้ายที่สุด ขอบคุณ Honda Bigbike ที่เอารูปผมขึ้นเป็นนายแบบ 5555
กับคนเนิร์ดๆ อ้วนลงพุง จะเป็นนายแบบในรูปภาพซักครั้งในชาตินี้ได้ก็ด้วยการซ่อนหน้าไว้ในหมวกและซ่อนพุงไว้หลังถังน้ำมันนี่แหล่ะ
วันนี้ขอลาไปก่อน ขอบคุณทุกๆ ท่านที่อ่านถึงตรงนี้ครับ
บทความโดย เตี้ย ล่ำ ดำ แก่
Linkต้นฉบับ https://pantip.com/topic/36497420