HONDA MSX SF 125 @ท่าวังผา ถนนเส้น1148ที่คุ้นตา สู่เส้นทางนอกสายตาที่ไม่คุ้นเคย

HONDA MSX SF 125 @ท่าวังผา ถนนเส้น1148ที่คุ้นตา สู่เส้นทางนอกสายตาที่ไม่คุ้นเคย


สวัสดีครับ กลับมาพบกับรีวิว+ท่องเที่ยว แบบสบายๆกันอีกเช่นเคย

ถ้าให้เอ่ยถึงอำเภอท่าวังผาถนนหมายเลข1148คุณจะนึกถึงอะไร
บางคนอาจมีภาพถนนลอยฟ้าเข้ามาในหัว
บางคนมีภูเขาสลับซับซ้อนกันเป็นแบ็คกราวน์
บางคนก็มีสาวๆผิวขาวที่อยู่ข้างๆทาง

ถ้าคิดออกมาตามที่บอกข้างต้น บอกเลยครับว่า กระทู้นี้แทบไม่มีสิ่งเหล่านั้น
แล้วทำไมมันไม่มีล่ะ ? แล้วมันมีอะไร?
เอาเป็นว่าบทความนี้เราจะพา เจ้า MSX SF มาเล่าเรื่องพร้อมรีวิวขณะขับขี่และพาเดินทางไปกันครับ

การเดินทางมันมีมากกว่าหนึ่งทางเลือกเสมอ

ครั้งนี้ก็เช่นกันครับ จุดประสงค์ตั้งแต่เริ่มต้นคือนำเจ้า MSX SF ไปขึ้นรถไฟที่สถานีกรุงเทพมุ่งหน้าสู่อำเภอเด่นชัย

เพื่อเซฟแรง เซฟเวลา ของมนุษย์เงินเดือนที่วันหยุดแสนจะจำกัด แต่เมื่อถึงเวลาที่จะต้องเดินทางจริง งานเข้าครับ

ทำให้ไม่สามารถนำรถไปขึ้นรถไฟดังที่ตั้งใจไว้ได้ เอาล่ะสิ ละทีนี้จะทำไงดี ครั้นจะหวดรวดเดียวก็จะแบกรับภาระมากเกินไป ด้วยมอเตอร์ไซค์ความไวแค่นี้

เอาน่า เมื่อคิดที่จะไปแล้ว ก็มาหาหนทางอื่นกันครับ สุดท้ายยกขึ้นกะบะเอาไปลงที่อุตรดิตถ์แทน -*-

ระหว่างขนส่งก็ผลัดกันรุกผลัดกันรับกับผู้ร่วมทางเป็นระยะครับ แม้ระยะทางในการขับกะบะมุ่งหน้าสู่อุตรดิตถ์จะไม่ไกล

แต่ยังไม่มีใครได้นอนกันเลยยย กว่าจะออกจากกรุงเทพกันได้ก็ปาไปห้าทุ่มกว่าๆแล้ว

เอาความปลอดภัยสำคัญกว่าความไวไว้ก่อนเน้อ ถึงที่หมายช้าคงดีกว่าไปไม่ถึง


กว่าจะเดินทางมาถึงอุตรดิตถ์ก็เกือบๆจะเช้าแล้วครับ ครั้นจะออกเดินทางต่อเลยจริงๆมันก็ได้นะ
แต่เพื่อความปลอดภัยเลยนอนกันต่อคนละงีบ สองงีบ สามงีบ ถถถ สุดท้ายหลายงีบจนเกือบๆเที่ยง ถึงได้เริ่มออกเดินทางกันจริงๆ
ก่อนออกก็มาส่องๆความพร้อมของรถนิดๆหน่อยๆ

คันที่ผมขับหลักในวันนี้ก็ตามสีตามสายของผมนั่นแหล่ะครับ แต่เนื่องจากไม่มีเหลืองก็เอาเขียวๆใกล้เคียงไปก่อนละกัน หุหุ


รถพร้อมคนพร้อม ก็เริ่มขับกันเลยครับ เป็นการขึ้นคร่อมขับ และจับความรู้สึกแบบจริงจังกันครั้งแรกแบบเต็มที่
เพราะก่อนหน้านี้ก็มีแอบไปทดสอบลองขับมาบ้างแต่ก็ช่วงสั้นๆ มันยังไม่มีอะไรชัดเจน

ความรู้สึกเบื้องต้นเมื่อเทียบกับรุ่นเดิม คือ โป๊ะเชะ!!!
ท่านั่งสำหรับคนตัวเล็กๆแบบผู้ทำบทความ มีความกระชับมากขึ้น และคนตัวใหญ่ๆก็เช่นกันครับ
ซึ่งมันเป็นทั้งข้อดี และข้อติ ในจุดเดียวกัน
ข้อดีก่อนเลยคือ มันกระชับ และจัดท่าทางการนั่งไปในตัวเลยซึ่งตรงนี้มันทำให้เราควบคุมรถได้สนุกขึ้น
ตำแหน่งการจับแฮนด์วางบั้นท้ายและการเข้าเกียร์กดเบรค มีความพอดีกว่ารุ่นเดิม
ซึ่งรุ่นก่อนแฮนด์จะเยื้องออกหน้ามากกว่านิดนึงครับและเบาะจะเป็นระนาบยาวๆ

ส่วนข้อติคือ มันกระชับจนขยับท่าทางอื่นๆได้ยากกว่ารุ่นเดิม เวลาขับด้วยระยะทางไกลๆอาจเมื่อยขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย

ออกเดินทางมาสักนิดก็ใช้ชีวิตแบบ Slow Ride กันไป ค่อยๆไปเรื่อยๆครับ
ทำไงได้ รถมินิไบค์จะให้เร็วมากไปไหน ไปเท่าที่กำลังมันไหวนี่แหล่ะ
ความสุขแต่ละคนล้วนแตกต่างกันออกไป เมื่อเราหาความสุขจากความไวไม่ได้ เราก็หาความสุขจากความช้านี่แหล่ะ

ขับมาสักระยะพึ่งสังเกตุเลขไมล์รวมของรถครับว่ามันได้ระยะรันอินพอดี
แล้วไง นี่ HONDA หาศูนย์บริการง่าย ที่ไหนก็มีครับ ว่าแล้วก็เข้ารับการเซอร์วิสทั้งสองคันเลย ^^

เจอเพื่อนๆรอจำหน่ายจอดกันเรียงราย ส่วนสองคันที่ขับมาก็ขึ้นแท่นกันไปครับ



ตรวจเช็คเบื้องต้นหลายสิบรายการกันเลย ตามมาตรฐานศูนย์บริการที่พึงมี
คราวนี้ก็สายเขียวขึ้นแท่นกันบ้าง

ระหว่างรอก็ถ่ายเอาข้อมูลดีๆมาให้อ่านกันครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่ว่าของเทียบเคียงจะแย่ไปซะทั้งหมดนะครับ
หาใช้ตามความเหมาะสม แต่ก็เลือกของแท้ไว้ยังไงก็อุ่นใจกว่าเน๊าะ


หลังจากตรวจเช็คสภาพเบื้องต้นเสร็จเรียบร้อยก็ออกเดินทางกันต่อครับ
และกลับมาสู่ข้อมูลการขับขี่ที่เพิ่มเติมขึ้นมา ถ้าอ่านมาตั้งแต่ต้นสังเกตุได้ว่าผมบอกแล้วว่ามันไม่ไว
ใช่ครับอ่านไม่ผิด ความเร็วปลายที่มีถูกลดทอนลงไปจากตัวรุ่นเดิม ในทางเรียบๆไม่มีเนินชันมันทำความเร็วที่ประมาณ 100 และไม่สามารถลากถึงเรดไลน์ได้ ในขณะที่รุ่นเดิมนั้น ทำความเร็วได้มากกว่าแต่ก็นิดเดียวเท่านั้นครับ รุ่นเดิมที่เคยทำได้อยู่ที่ราวๆ 110 กิโ,เมตรต่อชั่วโมงตามหน้าไมล์ที่แสดงผล

สาเหตุที่ความเร็วลดลงคงไม่พ้น เจ้าท่อแบบใหม่ ที่ถูกใส่ทดแทนกันมา แต่สิ่งที่ถูกทดแทนมานั้นก็เพิ่มศูนย์ถ่วงให้ใกล้ชิดพื้นถนนมากขึ้น
ผลที่ได้รับคือในตัว MSX SF เข้าโค้งได้แน่นและเนียนขึ้นมากกว่าเดิม นี่แหล่ะมั้งที่เค้าว่ากันว่า ได้อย่างก็เสียอย่าง
ส่วนเรื่องเครื่องยนต์นั้นใช้บล็อคเดิมครับ ความประหยัด อยู่ในอัตราเท่าๆเดิมไม่ได้แตกต่างกัน

ระหว่างทางก็แวะกันสักนิด แต่ด้วยเวลาที่เหลือน้อยเลยยังไม่ได้เดินเข้าไปในถ้ำครับ
ได้แต่ถ้ำมองอยู่ด้านนอกไปก่อน ก่อนจะออกเดินทางกันต่อเพื่อไปยังปลายทางที่ท่าวังผา


มากับรถที่ขับสนุกๆก็ต้องมีแอ็คชั่นสนุกๆกันหน่อยยย

จากตะไคร่น้ำสีเขียวๆที่เกาะอยู่บนพื้นอย่าถามนะครับ ว่าหลังจากจบแอ็คชั่นตามรูปแล้วจะเป็นแบบไหน -*-

เส้นทางก่อนถึงตัวอำเภอท่าวังผาช่วงนี้มีการปรับปรุงเส้นทางอยู่ประมาณสิบกิโลเมตรนะครับ
แต่ไม่ได้จอดถ่ายรูปมาฝากกันเนื่องจากฝนโปรยๆ แถมสภาพเส้นทางไม่เอื้ออำนวยนัก
ได้แค่แวะถ่ายจากข้างทางมาบ้างนิดๆหน่อย

มีคำๆนึงที่ผมชอบใช้บ่อยๆ ถึงแม้มันจะแลเป็นแค่คำพูดหล่อๆที่ขัดแย้งกับใบหน้าผมเองก็ตามที่
คำนั้นคือ
“ถ้ามัวแต่รอรถให้มีรถคันใหญ่ๆ แล้วเมื่อไหร่จะไปสักที”
คำนี้มันเป็นแรงกระตุ้นให้เรายังเดินทางอยู่เสมอ

รูปนี้พยายามจะทำท่าเข่าเช็ดพื้นแบบมาเกวซ แต่ด้วยกายภาพแล้วมันจึงออกมาเป็นแนวจิ้งจกเกาะผนังซะมากกว่า

กว่าจะถึงตัวท่าวังผาก็เย็นมากแล้วครับ ขับวนๆไปหาที่พักกันก่อน
ไม่มีจงไม่มีจองล่วงหน้า หาเอาหน้างาน จนเรามาได้เสียกับที่นี่ ที่พักสะอาด สงบ ฟรีไวไฟ


วิวโดยรวมโอเคดีครับ ถ้าที่พักเต็มมีที่กางเต๊นที่ลานด้านหน้าได้ด้วย

เข้าห้องโยนข้าวของกองไว้ แล้วก็นอนพัก หัวค่ำก็ออกไปหาอะไรกินกันง่ายๆ เพราะถ้าดึกไปร้านรวงจะปิดกันหมดครับ
ของกินประกอบกระทู้ เตี๋ยวเนื้อตุ๋นนนน รสชาดให้ 8/10
เนื้อตุ๋นชิ้นเป้งใส่แบบเกินราคาที่จ่าย ผักสดๆไม่ใช่ผักหมกเก็บๆไว้ ไม่พอขอเพิ่มได้อันนี้ดีงามครับ
สนนราคาเตี๋ยวหนึ่งชาม เกาเหลาหนึ่งชาม ข้าวเปล่าอีกหนึ่งชาม อยู่ที่ 90บาทททท น้ำฟรี
พิกัดร้านอยู่ใน บขส ท่าวังผาเลยครับ
ข้อดีของการเดินทางตามต่างจังหวัดมันอยู่ตรงนี้แหล่ะ


เมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อนเป็นธรรมดา ตอนนี้เส้นทางของวันพรุ่งนี้ก็ไม่มีอะไรแน่นอนแล้วครับ เมื่อคิดแบบนั้นแล้วก็นอนกันสิรออะไร
แล้วค่อยไปลุ้นกกันหน้างานเอา ฝนที่ยังคงโปรยปรายไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แม้มันจะเล็กน้อย ก็ตามที มันมีผลกระทบกับบางสิ่งเสมอ

เช้าของวันใหม่ ฟ้าก็ยังขุ่นๆมัวๆ มีแดดมาหลอกล่อเพียงเล็กน้อย
แต่ด้วยเวลาที่มันเหลือลดน้อยลง กับเป้าหมายที่ยังคงรอเราออยู่ ก็ต้องสลึมสลือตื่นมาฝ่าฟันกันต่อครับ
มาโด๊บกาแฟตอนเช้า ก่อนเข้าสู่โหมด หวดเข้าทุ่งมุ่งสู่ “สวนยาหลวง”


จุดหมายทางของวันนี้คือ “สวนยาหลวง”
ชื่อนี้อาจไม่คุ้นเคยเท่า ถนนหมายเลข 1148มากนัก ซึ่งแท้จริงแล้ว มันอยู่ในเส้นทางเดียวกันเลยครับ
ณ หมู่บ้านสันเจริญ ตใท่าวังผานี่แหล่ะ
เดิมทีชาวบ้านสันเจริญมีอาชีพปลูกฝิ่นบนดอยสวนยาหลวง หรือดอยภูสันในปัจจุบัน ซึ่งเป็นสวนฝิ่นที่กว้างใหญ่ที่สุดของประเทศไทยในสมัยนั้น ต่อมารัฐบาลได้ประกาศห้ามปลูกฝิ่น ชาวบ้านจึงหันมาปลูกพืชไร่ทั่วๆ ไป เช่น ฝ้าย ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง เป็นต้น ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2532 ชาวบ้านสันเจริญได้เอาพันธุ์ต้นกาแฟจากอำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง ซึ่งเป็นชนเผ่าเมี้ยนเหมือนกัน โดยได้รับการบอกเล่าว่ากาแฟเป็นพืชที่ให้ผลผลิตต่อเนื่อง มีรายได้ดี ก็พากันปลูกโดยมีสมาชิกตอนนั้น 25 ราย ต่อมามีหน่วยงานภาครัฐเข้ามาสนับสนุนให้ความรู้ด้านต่าง ๆ จำนวนสมาชิกจึงปลูกกาแฟกันมากขึ้น ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถหาอ่านได้จาก google ครับ ซึ่งข้อมูลเพียงแค่นี้มันก็มีอะไรน่าสนใจแล้วใช่มั้ยล่ะ
แต่นั่นมันยังไม่พอครับ ด้วยเทคโนโลยี่แห่งโซเชียลผมไปเห็นรูปนี้เข้า เป้าหมายการเดินทางในครั้งนี้จึงไร้ซึ่งเหตุผลใดๆที่จะไม่ไปให้เห็นกับตา
จากเฟสของคุณกบ https://wwwfacebook.com/patcha.karat.


รูปเพียงไม่รูปก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจไปได้อย่างไม่ยากเย็น
.
.
.
.
.
.
.
.

แต่สถานที่สวยงามที่เราผ่านกันไปมา การไปถึงมันคงไม่ง่ายอย่างที่เราหวัง
เมื่อมาถึงนี่แล้วก็ลองดูกันสักนิดละกันครับ
ฝนยังคงออกมาต้อนรับแบบไม่หยุดหย่อน มาบ้าง หยุดบ้าง เปียกบ้าง แห้งบ้าง มีครบทุกรส


ซึ่งด้วยสภาพถนนที่พบเจอ ก็เอาเรื่องการขับขี่มาบอกเล่าผ่านตัวอักษรได้อีกส่วนนึงกันเลยครับ
ช่วงล่างที่ถูกเซ็ตมา ทำงานได้อย่างน่าพอใจไม่แพ้รุ่นเดิม เพิ่มเติมช่วงล่างด้านหลัง ให้ความรู้สึกดีกว่าเวลาขับในทางเรียบ
แต่ด้อยกว่าตัวเดิมในทางที่ต้องผจญภัยหน่อย อันนี้น่าจะเกิดจากองศาของโช็คหลังที่มีการขยับมาอีกนิดหน่อย
โดยรวมๆของช่วงล่าง ก็ไม่มีปัญหากับการขับขี่ครับ
ส่วนยางก็ตามสไตล์ยางติดรถครับ ไม่ขี้เหร่ แต่ก็ไม่ได้หนึบมาก ซึ่งจริงๆมันก็เพียงพอต่อการใช้งานตามปกติ

เอาล่ะพร้อมจะลุยกันต่อหรือยังวัยรุ่นนนนนน
ป้ายข้างหน้าบอกระยะทางว่า สิบกิโล หึหึ ฝนปรอยแบบนี้ มีสนุกแน่นอนนนน

ผ่านป้ายบอกระยะทางมาได้ไม่เกินสองกิโลเมตร บททดสอบแรกก็มาให้เราได้เผชิญกันแล้วครับ


เราค่อยๆไต่เนินนี้ขึ้นไปอย่างช้าๆ ช้าๆ และ ช้าๆๆๆๆๆๆ ลงเดินลงเข็นผลัดกัน

สภาพยางหลังจากเนินแรกมาได้ เนินที่มีความยาวไม่ถึงห้าสิบเมตร แต่ใช้เวลาเดินทางเกือบยี่สิบนาที -*-

ครับ แค่นี้มันยังไม่ใช่เหตุผลที่เราควรจะหยุด ไหนๆก็มาแล้วววว
จะให้เสียเที่ยวได้ไง ลุยยยย
ฟรืดๆๆๆ ครืด วิ้งๆๆๆ   สิ้นเสี้ยงเคว้งคว้างของโซ่ที่ลอยลม เสียงล้อที่ปั่นกับอากาศ
ภาพที่ได้จากเนินที่สอง กลางๆเนินก็ราวๆนี้ครับ


จากภาพด้านบน บวกกับเวลาที่เหลือน้อยลง เลยตัดสินใจกันครับว่า ย้อนกลับเถอะ ฝากรอยเอาไว้
ให้พร้อมกว่านี้เมื่อไหร่เราจะต้องกลับมา และไปให้ถึงให้ได้อย่างแน่นอน
ว่าแล้วก็ค่อยๆย้อนกลับลงมากัน



จากการไต่ระดับระยะทางไปได้สามกิโลเมตร ได้ข้อสรุปเวลาที่มาสวนยาหลวงฤดูฝน
รถที่ใช้ควรจะเป็นยางแบบเน้….

เมื่อเราไม่ถึงจุดหมายอย่างที่ตั้งใจ ก็ไม่เป็นไรครับ เก็บเกี่ยวบรรยกาศข้างๆทางระหว่างกลับมาให้มากที่สุดเท่าที่จะเก็บมาได้
เส้นทางระหว่างนี้ก็มีมุมสวยงามอยู่มากมาย ไอดินกลิ่นฝนจากธรรมชาติ ที่ขาดการปรุงแต่ง มันก็พอชุ่มชื่นหัวใจและปลอบโยนความผิดหวังของเราไปได้บ้าง เดินทางช่วงฤดูฝนมันก็มีมนต์สเน่ห์ของมันนั่นแหล่ะ หรือจริงๆแล้ว ฤดูฝนคือฤดูท่องเที่ยว
ต้นไม้ใบหญ้าที่เขียวชะอุ่ม ออกมายิ้มรับการเดินทางมาของเราแบบเย้ยหยัน มันสนุกดี ^^



ขากลับจริงๆก็รีบนะครับ แต่ด้วยสถานะการณ์และเส้นทางที่พาให้จอดถ่ายรูปได้เรื่อยๆ ก็เลยยังเอื่อยๆเฉื่อยๆกัน





เจอวิวแบบนี้ใครจะอดใจไว้ได้



ขากลับค่อนข้างเร่งสปีดครับ เพราะเช้าวันรุ่งขึ้นผมมีงานหลักที่รออยู่ แต่ยังไงสปีดมันก็เท่าเดิมแหล่ะ แฮ่ๆๆ
ต้องเร่งไปให้ถึงอุตรดิตถ์ในช่วงเย็นเพื่อนำขึ้นรถกะบะแล้วกลับเข้ามาสู้งานกันต่อ




เท่าที่รู้ในวันนั้นเวลานั้น อยากจะหยุดเวลาให้มันอยู่แบบนั้นสักพัก เพราะผมกำลังตกหลุมรักเส้นทางที่พึ่งผ่านพ้นออกมาเข้าอย่างจัง
ผมตัดสินใจหมั้นหมายถนนเส้นนี้เอาไว้ ถ้ามีโอกาสจะกลับมาสู่ขอแน่นอน ถึงแม้จะไม่ใช่ทางหลักๆที่ใครต่อใครให้ความสนใจสักเท่าไหร่
แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า มันจะไม่มีอะไรที่รอให้เราค้นหา แล้วไว้จะกลับมาใหม่ สัญญา

ปล.ด่านแถวนี้น่ารักครับ แวะทุกด่าน 555 เจ้าหน้าที่เค้าทำตามความถูกต้อง ถ้าเราถูกต้องก็ให้ความร่วมมือกันแต่โดยดีนะครับ
เอกสารต่างๆที่ควรมี ก็เตรียมไว้ให้พร้อม จะใกล้จะไกลก็ไปได้หมด
ขับขี่ปลอดภัย มั่นใจใส่หมวก มาเป็นชุมชนหัวแข็ง กันดีกว่า

ก่อนจะสิ้นสุดบทความนี้ มาสรุปคร่าวๆกันครับว่า HONDA MSX SF 125 โฉมใหม่ มีอะไรที่น่าสนใจหรือเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
แม้จะมีรีวิวออกมามากมายแล้วก็ตามที เนื้อหาต่อไปนี้ถือว่าให้เพิ่มเติมกันไปครับ
เบื้องต้นที่จะเอ่ยก็อย่างที่บอกไปตอนต้นครับ ท่าทางการขับขี่ อันนี้นับเป็นดาบสองคมเล็กๆ
ท่ากระชับขับขี่ง่ายแต่เบาะพื้นที่ในการนั่งขับค่อนข้างจำกัดทำให้ขับขี่ไกลๆจะเมื่อยกว่ารุ่นเดิมนิดหน่อย
ซึ่งวิธีแก้ไขง่ายๆคือ เหนื่อยก็พักครับ ^^ ง่ายและปลอดภัยไม่ต้องดัดแปลงอะไร
ไฟส่องสว่างที่ได้มา บางคนชอบบางคนไม่ชอบ อันนี้ขึ้นอยู่กับตัวเราเองเลย แต่ผมชอบนะ สวยดีและสว่างอยู่ในระดับที่ดีเลย
ช่วงล่างตัวเดิมอาจจะได้เปรียบกว่านิดหน่อยเวลาเจอลูกระนาด ส่วนเจ้า SF ก็ได้เปรียบทางเรียบเวลาเข้าโค้งมั่นแน่นและนิ่มนวลกว่า
ทั้งหมดทั้งมวล คือความรู้สึกที่ได้ทดสอบขับขี่มาระยะนึงครับ อาจไม่มากแต่ก็คงไม่น้อยจนเกินไป
ส่วนการตัดสินใจที่เหลือขึ้นอยู่กับผู้อ่านแล้วครับ ว่าเจ้า MSX SF เนี่ย มันใช่ สำหรับใจคุณหรือยัง

..

ขอบคุณ A.P.HONDA http://www.aphonda.co.th/2015/aphonda-home.ashxสำหรับ MSX SF 125 ที่ให้นำมาใช้ในการขับขี่ครั้งนี้
และทีมงาน just-ride-it https://www.just-ride-it.com/ที่คอยประสานงานต่างๆให้

พบกันใหม่ในบทความต่อๆไปครับ ขอบคุณทุกๆท่านที่ผ่านมาอ่านกันนะครับ ^^
วันนี้ ราตรีสวัสดิ์ คร่อกกกกก

 

บทความโดย lotteidol

Linkต้นฉบับ http://pantip.com/topic/35617134