กรุงเทพราตรี ชมไฟแสงสี ปีใหม่ กับ GPX LEGEND GENTLEMAN RACER 200


สวัสดีปีใหม่นะจ้ะ พ่อแม่พี่น้องจ๋า 

เนื่องในวาระดิถีปีใหม่ ขออวยพรหมายใจว่าพ่อแม่พี่น้องจะมีสุขภาพแข็งแรง และร่ำรวยในปีหมูทองโดยถ้วนทั่วกันนะจ๊ะ

TopsaVage เองก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหน ได้แต่วนเวียนอยู่ในใจกลางพระนครเมืองหลวงเรานี่แหละ

หากแต่เพลานี้ในเมืองกรุงของเราได้มีเทศกาลจัดแสดงแสงสีต้อนรับปีใหม่ แถมอากาศยามราตรีก็คล้ายจะกวักมือเพรียกเรียกหาให้ออกไปสัมผัสอยู่มิใช่น้อย อย่ากระนั้นเลย ไปร่อนชมทิวา แสงสียามราตรีกาลกันเถิด

ขอประเดิมเริ่มต้นด้วยลานแสดงไฟขาประจำของเมืองหลวงด้วยที่นี่เลย

ลานหน้าห้าง เซ็นทรัลเวิร์ล ปีนี้มาในธีม Light Up Christmas Tree Celebration 2018 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “World Of Happiness @Centralworld”

โดยจะจัดต่อเนื่องไปจบลงในวันที่ 7 มกราคมนี้ เข้าชมงานฟรี เสียเฉพาะค่าที่จอดรถเท่านั้นละจ้ะ

“ม้าหมุนคริสตัล” Swarovski Christmas Merry-Go-Round เครื่องเล่นม้าหมุนสุดอลังการ เจิดจรัสทุกมุมมองให้ทุกคนได้มาถ่ายรูปร่วมกัน 

พร้อมมุมสวยๆอีกเพียบ

สาวๆก็แจ่มไม่แพ้กันบอกเลยยยย 

จากลานหน้าห้างเซ็นทรัลเวิร์ล ขึ้นสะพานลอยข้ามฝั่งไปทางเกสรพลาซ่า ก็มีประดับไฟสวยๆพร้อมร้านรวงเล็กๆไว้ให้เดินเล่นด้วยนะ

ย้ายข้ามฝั่งเมือง ไปอีกจุดที่น่าเดินเล่นชมไฟแสงสียามราตรี หรือจะมากลางวันก็ยังชมไฟได้อยู่
ที่ ห้างเซ็นทรัล พลาซ่า เวสเกต นนทบุรี การเดินทางมาก็สะดวกยิ่งนัก

ที่นี่จะจัดแสดงไฟไว้หลายๆจุดในลานกิจกรรมของห้าง เดินเล่นดูไฟ พร้อมช๊อปปิ้ง ถ้าหิวก็มีของกินให้เลือกเพียบเลย

อีกสถานที่ ที่ไม่ควรพลาดก็ต้องที่นี่เลย ถนนราชดำเนิน กับสามแยกหน้าวัดพระแก้ว ถ้าให้ดีมาราว 4-5 ทุ่ม ถนนจะโล่งสบายมาก แถมด้วยอากาศหนาวเล็กๆแบบช่วงนี้ ถือว่าดีงามมาก

ปิดท้ายด้วย งานอุ่นไอรัก คลายความหนาว “สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์” ณ ลานพระราชวังดุสิต และ สนามเสือป่า กรุงเทพฯ

งานจะจบลงในวันที่ 19 มกราคม 2562 เข้าชมฟรี จอดรถฟรี โปรดนำบัตรประชาชนมาเพื่อลงทะเบียนเข้างานด้วยนะ มีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกครบครัน 

โดยถ้ามาด้วยรถมอเตอร์ไซค์ก็มาจอดได้ตรงหน้าวัดเบญจมบพิตรได้เลย มีเจ้าหน้าที่นำบัตรมาคล้อง และลงทะเบียน อุ่นใจสุดๆเลย 

จากนั้นก็เดินมุ่งมาทางลานพระบรมรูปทรงม้า ใช้บัตรประชาชนถ่ายรูปตรงจุดคัดกรอง ตรวจสัมภาระ ลงทะเบียนเข้าชม ก็เรียบร้อย

อุ่นไอรัก คลายความหนาว “สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์” คือชื่ออย่างเป็นทางการของงานในครั้งนี้ 
โดยจัดเป็นบรรยากาศแบบย้อนยุค และมีจุดประสงค์คือร่วมทำบุญเพื่อนำรายได้ไปช่วยเหลือผู้ยากไร้

สามารถแต่งชุดไทยจัดเต็มมาเดินเล่นถ่ายรูปความสวยงามภายในงานได้อย่างจุใจ

การจัดงานแบ่งเป็น 3 โซน ดังนี้

1. โซนพระลานพระราชวังดุสิต นิทรรศการและกิจกรรมต่าง ๆ ที่แสดงเรื่องน้ำ เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลปัจจุบัน

2. โซนสนามเสือป่า การแสดงและจำหน่ายสินค้าของร้านค้าในพระบรมวงศานุวงศ์ หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานภาคเอกชน รวมถึงร้านของกรมราชทัณฑ์ และยังมีขายสลากอุ่นไอรัก ตักปลา ชิงของรางวัลมากมาย

3.โซนร้านอาหาร จำหน่ายอาหารไทยโบราณ อาหารชาววัง และอาหารพื้นบ้านจาก 4 ภาค โดยแบ่งเป็นตลาดน้ำ และตลาดบก นอกจากนี้จะมีการจัดแสดงสาธิตเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ภูมิปัญญาชาวบ้านของชุมชนต่าง ๆ จากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ

เรือพระที่นั่ง แสดงถึงศิลปะอันสวยงามตลอดลำเรือ 

เรือพระที่นั่ง อนันตนาคราช
ลำปัจจุบันเป็นเรือที่สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 แทนลำเดิมซึ่งสร้างในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โขนเรือปิดทองประดับกระจก เป็นรูปพญานาค 7 เศียร 

เรือพระที่นั่ง สุพรรณหงส์ 
สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ซึ่งโปรดให้สร้างแทนลำเดิมมีนามว่า ศรีสุพรรณหงส์ ซึ่งสร้างในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1

เรือพระที่นั่ง นารายณ์ทรงสุบรรณ
เป็นเรือพระที่นั่งจัดสร้างขึ้นใหม่ ในรัชกาลที่ 9 มีโขนเรือเป็นรูปนารายณ์ทรงสุบรรณ ซึ่งนำต้นแบบมาจากเรือนารายณ์ทรงสุบรรณ ลำเดิมที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 และ รัชกาลที่ 4 

เรือพระที่นั่ง เอนกชาติภุชงค์
เป็นเรือที่สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 หัวเรือจำหลักปิดทองเป็นรูปพญานาคเล็กๆ จำนวนมาก

หล่อจัดเต็ม

โซนต่างๆ

ช่วงเวลาที่คึกคักก็เริ่มตั้งแต่ราว 16.00 – 20.00 อากาศเย็นสบาย เดินเล่นดูสิ่งต่างๆในงาน รับรองไม่มีเบื่อ อาหารการกินก็มีให้เลือกมากมาย ครบทั้ง 4 ภาค ของประเทศ 

ก่อนกลับก็แวะถ่ายภาพในวัดเบญจมบพิตรเล็กน้อย มีการประดับไฟสวยๆไว้ภายในเช่นกัน

จบเรื่องเที่ยว เลี้ยวมาดูรายละเอียดของ GPX LEGEND GENTLEMAN RACER 200 กันบ้าง 

เริ่มกันที่ HALF SHELL FAIRING ชุดแต่งโม่งจากโรงงาน เพิ่มความดุดัน ดูลู่ลมดี ถ้าก้มหมอบแบบแนบชิดติดถังไปเลย 
ก็จะเท่ในสไตล์คาเฟ่เรเซอร์แน่นอน TopsaVage ลองหมอบแล้ว ด้วยความยาวของสันหลังตัวเอง อาจจะทำให้ดูเกินๆไปนิดนึง 

เพี้ยนเพลีย

แต่เมื่อยกตัวขึ้นมาขี่ในท่าปกติ ก็พบว่ากำลังสบาย

ต่อมา CLIP-ON HANDLEBARS แฮนด์จับโช๊คสายคาเฟ่ ออกแบบใหม่ทั้งชุดด้วยเอกลัษณ์ที่บ่งบอกความเป็นสายหมอบ 
เปลี่ยนองศาแฮนด์ใหม่เล็กน้อย 
จากที่ใช้งาน ถ้าจับแฮนด์ด้วยการทำมือแบบ V-Grip เกร็งกล้ามพุง เอาเข่าหนีบถังไว้  ก็ไม่พบอาการเมื่อยอะไร 
แต่ถ้ากำแฮนด์แล้วหักข้อมือละก็ ความเมื่อยถามหาแน่นอนชัวร์ป้าบ

LED RING LIGHT เป็นไฟเดย์ไลท์แสงสีขาว ส่วนไฟหน้ายังเป็นสีเหลืองอำพันเช่นเดิม ส่วนผสมความเท่ที่ลงตัว

ครอบท้ายออกแบบใหม่ สามารถถอดออกเพื่อรับสาวมาซ้อนได้ พร้อมเบาะหนังลายเคฟล่า เย็บเดินเส้นด้วยด้ายแดง 

เครื่องยนต์ 197cc. สี่จังหวะ ระบายความร้อนด้วยอากาศ จ่ายน้ำมันด้วยคาร์บูเรเตอร์ ติดตั้งระบบออยคูลเลอร์มาให้จากโรงงาน เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ

ระบบเบรกหน้าแบบ เรเดียลเมาท์ ลูกสูบคู่ จานดิสหน้าคู่ ให้พลังเบรกเหลือเฟือเช่นเดิม
ช็อคอัพหน้าแบบ Up Side Down รับแรงกระแทกได้ดีเช่นกัน 

ยางหน้า-หลัง Pirelli Angel CT ขนาด หน้า 110/70-17″ หลัง 140/70-17″ การยึดเกาะอยู่ในขั้น ไว้ใจได้ 

ช็อคอัพหลังจาก YSS แบบปรับพรีโหลดได้ ให้อารมณ์การขับขี่แบบสบายๆ ไม่กระด้าง และก็ไม่นุ่มจนเหวอ

แถบคาดเบาะ กับ ลายข้างถัง ถ้าเป็นตัวเก่า LEGEND GENTLEMAN200 เดิม จะเป็นสีเงิน มาคราวนี้เน้นดุเข้ม สาดสีดำมาให้เลย

มาตรวัด Full Digital แสดงข้อมูลครบครับ ทั้งวัดรอบ ความเร็ว น้ำมันเชื้อเพลิง ความจุแบตเตอรี่ ไฟบอกเกียร์ ไฟเตือนต่างๆ

กระจกมองข้างแบบติดปลายแฮนด์ ต้องใช้เวลาในการทำความคุ้นเคยซักแป๊บนึงถึงจะชินกับมุมมอง
และเวลามุดช่องเวลารถติด ต้องเพิ่มความระมัดระวังหน่อย ระยะมันพอดีกับรถเก๋งปกติเลยแหละ
ส่วนปลอกแฮนด์นี่ นุ่มหนึบดี ชิ้นนี้ชอบมาก

กับการพัฒนาในครั้งนี้ ค่าตัวของ GPX LEGEND GENTLEMAN RACER 200 มาอยู่ที่ 72,500 บาท 

จากการเอามาใช้งานระยะสั้นๆช่วงปีใหม่ที่ผ่านมานี้ ก็ได้พบเจอสาวกค่าย GPX ที่บังเอิญเจอบนท้องถนน เมื่อใดที่ได้ร่วมติดไฟแดงเดียวกันละก็ มักจะได้รับคำทักทาย ถามไถ่ แบบคร่าวๆเสมอ ขี่ดีมั้ยครับ ก้มเยอะมั้ย เมื่อยรึปล่าว และอื่นๆอีกมากมายนั้น นี่เป็นอีกคำยืนยันที่ดีทีเดียวว่า
GPX LEGEND GENTLEMAN RACER 200 มาถูกทางแล้ว 

ขอขอบคุณ
GPX เอื้อเฟื้อรถทดสอบ

ทีมงาน Just-Ride-it ที่ร่วมเดินทางเพื่อถ่ายภาพกันจนดึกดื่น

และที่สำคัญขอบคุณท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน ขอบคุณครับ