สวัสดีจ้าาา พ่อแม่พี่น้องงงงงงง
ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา หวังว่าท่านผู้อ่านทั้งหลายจะมีความสุขขีชื่นบานดีในปี 2562 นี้นะจ๊ะ
สำหรับบทความนี้ก็ถือเป็นงานดองข้ามปีของ TopsaVage เลยแหละ เพราะได้เดินทางไปทำการทดสอบเจ้า HONDA CBR500R Gen3 นี้เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว
ซึ่งตัว TopsaVage เองก็รู้สึกมีอินเนอร์ความในใจมากมายกับเจ้า CBR500R นี่อยู่เยอะเชียวแหละ
เพราะตัวเราได้สัมผัสชิดใกล้กับมันมาทั้ง 3 Generation เรียกว่าตอนออก Gen2 ว่าเจ็บจี้ดๆไปทีแล้ว ยิ่ง Gen3 ออกมานี่ยิ่งรู้สึกอยากจะกรี้ดเป็นภาษาสวาฮิลี
หึ ทำไมหน่ะรึ มาติดตามร่วมกันครับ ว่ามันมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
มาเริ่มกันที่หน้าตาภายนอกรอบคันกันเลย ความเปลี่ยนแปลงก็เห็นชัดเลยว่าหล่อขึ้นจริงๆ
ความเปลี่ยนแปลงด้านเครื่องยนต์ เปลี่ยนองศาแคมชาร์ฟด้านไอดีใหม่ ทำให้ไอดีเข้าห้องเผาไหม้เพิ่มมากขึ้น
เมื่อต้องการไอดีมากขึ้น หม้อกรองอากาศก็เปลี่ยนตาม เพื่อให้ทันต่ออัตราการไหลของอากาศฝั่งไอดี
เมื่ออากาศเพิ่ม ไฟจุดระเบิดก็ต้องปรับตามเพื่อรีดความแรงออกมา(ปรับไฟแก่ขึ้นอีกเล็กน้อย)
โดย Gen3 นี้ได้อัพกล่อง ECM ใหม่เป็นซอฟแวร์เวอร์ชั่น 5.5
เมื่อไอดีเข้าเพิ่ม ไอเสียก็รับเอา Sensor มาจาก Honda Accord เพื่อให้การปล่อยไอเสีย แม่นยำสูงสุด
ยังไม่พอ รอบนี้จัดเต็มหมก Assist Slipper Clutch มาให้ด้วย
สวิงอาร์มทรงสี่เหลี่ยมยังคงเดิม แต่ปรับเปลี่ยนรายละเอียดเล็กน้อยของหางปลา และมุมองศาต่างๆมาอีกเล็กน้อย
ESS (Emergency Stop Signal) จะทำงานเมื่อผู้ขับขี่เบรกกะทันหัน เบรกแรง เบรกเยอะ ไฟฉุกเฉินจะติดเองโดยอัตโนมัติเพื่อเตือนคันที่ขับตามหลังมาว่า ยกลึก เบรกหนัก อย่าตำท้ายข่อยเด้ออออ
จอมาตรวัดแสดงผล ใหม่กริบ มีไฟบอกเกียร์ และระดับความร้อนมาให้แล้วจ้าาาา (อ้ากกกกกก ดิ้นนนน)
หลายๆมุมยาวไปเลยยย
ภาพเยอะอาจจะมีตาลายกันบ้างล่ะ
เอาไปอี้กกก
ด้านหน้า เปลี่ยนแปลงชัดเจนมาก นับวันยิ่งหล่อ เล่นเอา Gen 1 เป็นสาวน้อยตาหวานไปเลยอ่า
แผงคอใหม่ จับแฮนด์ไปซุกไว้ใต้แผงคอแล้ว ปรับองศาแฮนด์ใหม่ กระชับท่าขี่ได้ดีกว่าเดิม
ปรับปรีโหลดช็อคอัพหน้าได้ 5 ระดับ
เปรียบเทียบตำแหน่งเบาะนั่ง ตัวผู้ขับขี่ทำออกมาได้ดีอยู่แล้วตั้งแต่ Gen1 – 2 ส่วนของคนซ้อน ก็จะเพิ่มความเป็นสปอร์ตเข้ามามากขึ้นตั้งแต่ Gen2
ด้านข้างรถทางซ้าย ชุดแฟริ่งเปลี่ยนไป การเซอร์วิสน้ำยาหม้อน้ำ ทำได้ดีเช่นเดิม Gen1 จะเสียเปรียบมาก เพราะต้องถอดแฟริ่งด้านนี้ออกก่อนถึงจะจัดการได้
ก้านเบรกหน้าแบบปรับระดับได้ แอบมีลูกเล่นเพิ่มทั้งฝั่งคลัชท์และเบรก นั่นคือมี Expire Mark มาให้ เพื่อกำหนดจุดหักในกรณีเกิดอุบัติเหตุรถล้ม
มันจะหักในจุดที่กำหนดไว้นี่แหละ ทำให้ยังสามารถเอาตัวรอดประคองกลับบ้านได้ จากที่เมื่อก่อน มันจะหักจะงอตรงไหนก็ไม่รู้ ถ้าหักลึกถึงโคนก็จบเกมส์ ใช้เบรกใช้คลัชท์ไม่ได้แล้ว
คาลิปเปอร์เบรกหน้าจาก Gen2 ที่มีคุณภาพเข้าที่ดีแล้ว ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร กดเน้นๆในสนามได้เลย วิ่งกันยาวๆ ไม่เจออาการเฟดแต่อย่างใด
จากมุมนี้ ที่เปลี่ยนแปลงไปเห็นได้ชัดเลยก็ไฟเลี้ยว ปลายท่อ และ สวิงอาร์มนั่นเอง
ส่องดูช่วงท้ายกันให้ชัดๆ
ปลายท่อไอเสียใหม่ ทรงใกล้เคียง Gen2 แต่จะมีรูไอเสียเป็นสองรู
CBR500R ทั้ง 3 Generation ใช้ถังน้ำมันไม่เหมือนกันเลยวุ้ยยยย ขยันออกแบบจริงๆ และยิ่งออกแบบพัฒนามันก็ดีขึ้นจริงๆ จังหวะก้มติดถัง มันให้ความรู้สึกกระชับดีจริงๆ (Gen1 ก็ออกแบบมาได้ดีในแง่รูปทรง แต่ฝาถังน้ำมันทำไมไม่ติดบานพับมาให้ ย๊ากกก คลั่งงง แค้นนนน)
แฟริ่งข้างขวา TopsaVage เคยบ่นเรื่องนี้ว่า แฟริ่งของเจ้า Gen1-2 ทำไมมันต้องมีเหลี่ยมมาบังตาแมวส่องน้ำมันเครื่องด้วย
Gen3 เลยเจาะรูมาให้ซะเลย TopsaVageสบายใจแย้ว ขอบคุณค้าบบบบบ
และในนี้แหละที่ซุกซ่อน สลิปเปอร์คลัชท์เอาไว้ จากที่ได้ลองขี่เอง และ สอบถาม พี่ๆสื่อมวลชนที่ทำการทดสอบพร้อมกัน มันเจ๋งแฮะ ตอบสนองการลดเกียร์ได้ดีเลย (ทำไมไม่ใส่มาให้ตั้งแต่ Gen1 ห๊าาาาาาาา)
กุญแจฝังชิฟ HISS อันนี้มีมาตั้งแต่รุ่นแรก ไม่น้อยหน้ากัน
ส่องเบาะนั่งกันอีกที ยกให้Gen3 หล่อสุด เข้าวิน ยอมมมม
สำหรับในบรรยากาศการทดสอบนั้นนนนนนน
อุ้ยยย ทำไมลั่นนนน
เริ่มกันที่ช่วงเช้า จิตใจยังผ่องใส โค้ชฟิล์ม กับ โค้ชก้อง ก็มานัดแนะ แนะแนวการขับขี่ในวันนี้กันเล็กน้อย พร้อมทั้งเน้นย้ำพวกพี่ๆสื่อมวลชนว่า
“ขับขี่ปลอดภัยกันนะครับ” 5555+
โดยโค้ชฟิล์ม กับ โค้ชก้อง ก็ลงไปขี่นำไลน์ในบรรดาสื่อมวลชนลงทำการทดสอบ CBR500R ใหม่ คนละ 3 set รวมเวลาที่แต่ละคนได้ลองรถก็ราวหนึ่งชั่วโมง
TopsaVage เองนานๆทีได้ลงสนามในชุดเรสซิ่งสูทก็ประหม่าตื่นเต้นหน่อยๆ พยายามจับอาการ ความเปลี่ยนแปลงของรถมาเล่าให้ผู้อ่านติดตามก็เบาๆประมาณนี้
เริ่มจากเครื่องยนต์ สัมผัสอัตราเร่ง มันดีขึ้นจริง การไต่ความเร็วช่วงต้นถึงกลางไวกว่าเดิม เป็นผลจากองศาแคมชาร์ฟและองศาจุดระเบิดไฟใหม่
ตำแหน่งท่านั่ง จากการออกแบบถังน้ำมันกับแฮนด์ใหม่ เวลาก้มตัวลงไปถอดถัง รู้สึกมันกระชับกว่าเดิม การขยับตัวบนอานเบาะ ทำได้คล่องแคล่วดี
สลิปเปอร์คลัชท์ ทำงานได้เนียนดี ลดเกียร์ รวบเกียร์ ล้อหลังไม่เสียอาการจนรถดีดดิ้น
ช่วงล่าง ก็พื้นในสนามมันเรียบอ่ะนะ ทางทีมช่างจึงจัดการปรับปรีโหลดช็อคอัพหน้าให้แบบแข็งสุดไปเลย บนความเร็วสูงมันทำงานได้ดี
จังหวะเบรกหน้าก่อนเข้าโค้ง เอียงรถอยู่ในโค้ง จนถึงการเปิดคันเร่งออกไปให้พ้นโค้ง ช่วงล่างทำงานได้ราบรื่นดี ไม่เจออาการย้วย โยน ยวบยาบอะไรเลย (ก็แหงจิ เซ็ทแข็งรอมาแล้ว ตรงจุดนี้ถ้าให้ดีขอติดไว้ก่อน ถ้าได้ออกไปทดสอบขับขี่ใช้งานแบบบนถนนจริง ค่อยมาบอกอีกทีน๊า)
เบรกทั้งหน้าหลังทำงานได้ดีเหมือนเดิม แน่นอนบนสนามเราเบรกกันหนักอยู่แล้ว ทำให้ได้เห็นการทำงานของ ESS (Emergency Stop Signal) ชัดเจนเลย
สรุปแบบสั้นๆ
ราคาเปิดตัวของ CBR500R เมื่อปี 2012 คือ 210,000 บาท
ปรับราคาขึ้นเมื่อปี 2015 เป็น 215,000 บาท
และราคาของ Gen3 ตัวใหม่นี้ คือ 217,000 บาท!!!!
โอ้วววว คุณพี่ คุณพระ ปรับทั้งคันมาแจ่มขนาดนี้ พี่เอาเพิ่มแค่ 2,000 บาทเองหรอคร้าบบบ
ถ้าหากใครที่กำลังมองหา จุดเริ่มต้นของมอเตอร์ไซค์ซักคัน ที่สามารถใช้ความเร็วเดินทางได้ดี ประหยัดน้ำมันในระดับ 25-30km./L ค่าบำรุงรักษาไม่โหดร้ายนัก รับรองได้เลยว่า ใครคนนั้นไม่สามารถตัด Honda CBR500R ออกไปจากตัวเลือกได้แน่นอน
ขนาด TopsaVage มี CBR500R Gen1 อยู่แล้ว ยังรู้สึกเลยนะว่า “ฉันขาย500 ซื้อ500 ซะดีมั้ยยยยย”
ขอขอบคุณ
APHonda ประเทศไทย
Honda Bigwing
บทความโดย : TopsaVage
Link ต้นฉบับ : https://pantip.com/topic/38444441