CBR 250 RR รหัสรัก รหัสร้อน

CBR 250 RR 

ขึ้นชื่อว่ารหัส RR จะธรรมดาได้ไง 

รหัสร้อน รหัสรัก เอาตรงๆก็คือใครรักก็รักเลย ใครไม่รักก็หัวร้อนกันไปเลย

และบทความนี้บอกเลยครับว่ามันไม่ใช่การ Full Review แต่เป็นเพียงแค่ Half Review เพียงเท่านั้น

จะเป็นยังไงก็อ่านไปพร้อมๆกันครับ

RR มันย่อมาจาก Racing Replica เรียกอีกอย่างว่า แร๊งแรง บิดแซง บิดซด กดหมดปลอก 

หรือถ้าอ้างอิงจากหลักการแพทย์มันก็คือ Respiratory rate หรืออัตราการหายใจ เอาจริงๆ มันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันสักนิด

แต่ผมอยากเอามาใช้ร่วมกันเหลือเกินสำหรับบทความนี้ 

เพราะมันเป็นรถหนึ่งในไม่กี่รุ่นที่ผมมีโอกาสทดสอบขับขี่แล้ว อัตราการหายใจไม่คงที่เอาซะเลย

มาว่ากันด้วยเรื่องของ CBR 250 RR ต่อ ก่อนที่อัตราการหายใจของผมมันจะตุ๊มๆต่อมๆไปมากกว่านี้กันครับ

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าจริงๆแล้ว รหัสRRมันมีมากมายหลายCC แต่ในบทความนี้เราจะกล่าวถึงเฉพาะตัว 250CC เพียงเท่านั้นครับ 

ย้อนไปเมื่อ 27 ปีที่แล้วในช่วงปี 1990 การกำเนิดของ CBR รหัส RR ขนาด 250 CC 

ถือว่าเป็นการฉีกขนบธรรมเนียมรถสายพันธ์ Racing Replica ได้อย่างหมดจด

เพราะได้พัฒนาโดยร่วมกับโดเรม่อนในการใช้ไฟฉายย่อส่วน จาก400ccที่ออกมาเมื่อปี 1988 หดมาเหลือขนาด 250 cc นั่นเอง

ก่อนจะอัพไปเป็น 900 และ 1000cc ตามลำดับ 

ยุคนั้นใครขับเจ้านี่ถือว่าได้เทคโนโลยีล้ำๆ นำหน้ามาไกลเลยครับ

แถมถ้าเทียบกันจริงๆ รถในยุคสองจังหวะ ยังคงความดิบเถื่อนได้มากกว่า เพราะสามารถเรียกแรงม้าได้สูงสุดถึง 45 แรงม้า

ในขณะที่ 250 RR บ้านเราที่นำเข้าจากญี่ปุ่นทั้งคันนั้นแรงม้าอยู่ที่ 38 แรงม้า แต่ว่าแรงม้าก็แค่ส่วนนึงครับ

ปีใหม่อะไรก็พัฒนาก็ว่ากันไป แรงม้ามากกว่าใช่ว่าจะดีกว่าไปซะทั้งหมดฉันใด

250RRใหม่ กับ 250RR เก่าก็ฉันนั้น

เอ๊ะ!!! ทำไมถึงย้อนไป 27 ปี? 

เพราะถ้านับ Time line จริงๆแล้ว เจ้า 250RR ที่มาจำหน่ายในบ้านเราขณะนี้ ที่ญีปุ่นวางจำหน่ายมาก่อนหน้าแล้ว 2ปี

นั่นก็คือเริ่มวางจำหน่ายจริงในปี2017นั่นเองครับ ส่วนบ้านเราเปิดตัวจริงจังพร้อมจองเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2019

หรือเมื่องานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านนี่เอง

เอาล่ะมาเข้าเรื่องกันจริงๆ 


169

169

169

เห็นตัวเลขนี้อย่างพึ่งตกใจ มันไม่ได้หมายถึง Top Speed ของเจ้า CBR250RR แต่อย่างใด

แต่เป็นตัวเลขการจองรถทั้งหมดเฉพาะรุ่นนี้ ที่เกิดขึ้นในงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา 

บอกแล้วว่ารุ่นนี้ รถจะคัดสรรค์ผู้ครอบครองด้วยตัวของมันเอง

และการทดสอบในครั้งนี้ A.P.HONDA เปิดสนามแข่งระดับโลกให้ลูกค้ากลุ่มแรกที่ออกรถ New Honda CBR250RR

จากงานมอเตอร์โชว์ ได้เปิดประสบการ์ณครั้งแรก โดยลูกค้ากลุ่มแรกที่ได้รับเชิญมีจำนวน 11 ท่าน 

แต่สะดวกมาเข้าร่วมกิจกรรม 9 ท่านด้วยกัน ส่วนท่านอื่นๆไม่ต้องห่วงนะครับ กิจกรรมมีอีกแน่ๆ ติดตามข่าวสารและเตรียมตัวให้ว่างเข้าไว้ เร้าใจแน่นอน

ภายใต้ชื้อกิจกรรม The Premiere Track Experience ที่ได้เปิดประสบการณ์ครั้งแรกในสนามแข่งระดับโลกช้างอินเตอร์เนชั่นเนลเซอร์กิต

พิสูจน์สมรรถนะขีดสุดรถสปอร์ตพันธุ์แข่ง แรงระดับมาสเตอร์ นามว่า Honda CBR250RR นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น 

ถอดรหัส RR.. Racing Replica ที่ถ่ายทอดทุกอณู DNA จากเทคโนโลยีรถแข่งแชมป์โลก “โมโตจีพี” กันอย่างเต็มพิกัด 

โดยในงานผู้ร่วมกิจกรรมทุกคนจะได้รับการแนะนำเทคนิคการขับขี่สุด Exclusive 

จากอดีตนักแข่งระดับโลกขวัญใจชาวไทย “ฟิล์ม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์  

พร้อมด้วยทีมนักแข่งมากประสบการณ์ ไม่ว่าจะเป็นโค็ชแมน โค็ชดรีม โค็ชบิว

จากสังกัดเอพีฮอนด้าเรซซิ่งไทยแลนด์มาร่วมถ่ายทอดเทคนิคการขับขี่แบบเฉพาะ

เพื่อให้ลูกค้าทุกคนได้อิ่มเอมไปกับความเป็น Racing Machine พันธุ์แท้ในสนามแข่งระดับโลก

ส่วนใครที่ยังไม่คุ้นชินก็จะมีลานทางด้านหลังพิทให้ฝึกและปรับท่าทางก่อนลงสนามจริง

เจ้า RR เนี่ยผลิตหลักๆอยู่สามประเทศ ได้แก่อเมริกา อินโดและญีปุ่น

โดยรุ่นที่ทางไทยเราจะนำเข้ามาจำหน่ายชัดเจนว่านำเข้ามาจากญีปุ่นแน่นอนครับ

ซึ่งจากสามแหล่งผลิตจะมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย โดยเราจะเทียบง่ายๆแค่สองประเทศคือ อินโดและญี่ปุ่นละกัน

วิธีจดจำง่ายๆคือไฟเลี้ยว ที่ทางญี่ปุ่นจะเป็นไฟแบบยื่นออกมาด้านข้าง ลักษณะไฟเลี้ยวรูปทรงก็จะเป็นแบบสมัยนิยม

ขณะที่ตัวของอินโดไฟเลี้ยวจะถูกฝังอยู่ด้านในโคมไฟ

ทางด้านเครื่องยนต์ 

เครื่องยนต์แบบ DOHC 4 จังหวะ 8 วาว์ล ขนาด 249.7 cc แบบ 2 สูบเรียง มีขนาดกระบอกสูบเท่ากับ 62.3 mm 

รอบสูงสุดของตัวเครื่องยนต์นั้นจะอยู่ที่ 14,000 รอบ!!!!! (กล่องจะตัด)

Red Line เริ่มอยู่ที่ 12,000 รอบ แบบเดียวกัน ต่างกันที่แรงม้าเล็กน้อยเพียง .7 เท่านั้น 

โดยทางเครื่องญี่ปุ่นผลิตแรงม้าได้ที่ 38แรง ของอินโด 38.7 แรง โดยใช้ให้แรงม้าสูงสุดที่รอบเครื่องยนต์เท่ากัน คือ12,500 รอบ/นาที

แรงบิดแตกต่างกัน .3 ญี่ปุ่นอยู่ที่ 23นิวตันเมตร ทางด้านอินโดอยู่ที่ 23.3นิวตันเมตร ที่ 11,000 รอบ/นาที

โดยจากข้อมูลที่ลอยล่องอยู่บนอินเตอร์เน็ตรวมถึงที่เห็นได้ทั่วไป

เจ้า RR ทำความเร็วสูงสุดที่ 180-185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

แต่จากการทดสอบผมตอบแบบไม่อายเลยครับว่า ความเร็วทางตรงในสนามผมไม่สามารถดึงความเร็วสูงสุดออกมาได้

ไม่ใช่ว่ารถไม่ดี สนามไม่ดี แต่ผมเนี่ยแหล่ะที่ไม่ดีเอง ใจป๊อดไปเอง หน้าไมล์ผมจึงเห็นได้แค่เลข 178 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เห็นความเร็วเท่านี้ หลายๆคนอาจเฉยๆ

แต่สำหรับตัวผมเองที่ได้มีโอกาสขับตัว 500 ของทางค่ายมากก่อนหน้านี้ ความเร็วเท่านี้ในช่วงสุดทางตรง

แทบจะใช้เวลาไม่หนีกัน ส่วนผู้ทดสอบหลายๆท่านดันกัน 180up OMG

CBR 250 RRนับว่าเป็นรถสไตล์สปอร์ตแท้ๆที่มีรอบเครื่องยนต์มาให้ใช้ในย่านสูงปี๊ดด

ใครที่เป็นสายชิวอาจจะปรับตัวเข้าหาเครื่องยนต์รูปแบบนี้ได้ยากหน่อย

เนื่องจากในรอบต่ำมันช่างดูงึกๆงักๆมันเป็นงึกๆงักๆ 

แต่เมื่อถึงย่านจิ๊กโก๋ของมันแล้ว ร่างที่แท้จริงของมันก็ไม่ธรรมดาเลย

เรือนไมล์
มีทุกอย่างให้เธอแล้ว ยั๊วะเยี๊ยะละลานตาไปหมด ครบจบทุกสิ่งอย่าง อยากได้อะไรคือมันมีให้แล้ววววว 

มีระบบคันเร่งไฟฟ้า throttle by wire 
ที่ใช้กันในรุ่นใหญ่ๆ คันเร่งไฟฟ้าเนี่ย มันดีตรงที่มันมีความแม่นยำสูงมากในการสั่งงาน 

ทำงานควบคู่กับกล่องควบคุมได้อย่างไม่มีสะดุดให้หงุดหงิด บิดเป็นมา

โหมดการขับขี่มาให้ปรับกันสามโหมด 
หงุดหงิดสะกิดเปลี่ยนโหมดได้โดยไม่ต้องจอดรถ
ปุ่มปรับโหมดจะอยู่ทางปะกับด้านซ้าย พร้อมปุ่ม Lap สำหรับจับเวลาต่อรอบ
ซึ่งสามารถจับรอบได้สูงสุดถึง 99 รอบ 

โหมดการขับขี่จริงๆ
เปรียบเทียบแบบเห็นภาพก็จะประมาณนี้
ตั้งแต่โหมดโหดน้อย(comfort)

โหมดโหดกลาง(Sport)

และสุดท้ายโหมดโหดมาก(Sport +)

ปรับให้เข้ากับการขับขี่ของแต่ละคนได้เลย แค่นิ้วสกิดชีวิตก็เปลี่ยน

การเปลี่ยนโหมดจากcomfortเป็นsportเนี่ย ยังกะขับรถคนละคันกัน ที่แปรผันตามนิ้วสะกิด

เบื้องต้นในการเปิดสวิตกุญแจทุกครั้งรถจะอยู่ในโหมด Sport ครับ

ขออนุญาติข้ามเรื่องสเป็คตัวรถไปในส่วนของการขับขี่จริงจังกันเลยดีกว่า

ครั้งนี้ทาง HONDA แบ่งเป็น 3 กรุ๊ป ซึ่งจะแยกจากกลุ่มลูกค้าออกมาอีกที โดยที่ครั้งนี้ผมได้ร่วมขับขี่ในกรุ๊ปที่ 2 

พอมองแล้วได้แต่แอบอิจฉาลูกค้าเบาๆ มีพริตตี้กางร่มให้ด้วยยยย

พอเห็นแบบนี้ ผมได้แต่ท่องในใจเบาๆ 

ตัวฉันต้องได้ขับ RR !!  ตัวฉันต้องได้ขับ RR !!  ตัวฉันต้องได้ขับ RR !! 

ขับแล้วได้แรงออก !! ขับแล้วได้แรงออก !!  ขับแล้วได้แรงออก !!

จัดส่งฟรี!!!! เดี๋ยววววก่อนแม่สาวน้อย ชักจะเลยเถิด 

ขายรถที่มีไปออกซะดีมั้ยยยยย 

น้ำหนักตัวรถทั้งหมดทั้งมวลเมื่อรวมของเหลวนั้นอยู่ที่ 167กรัม

เบา สบายเหมือนไม่ใช่วันนั้นเลยค่ะ เมื่อรถเบาทำให้เราสามารถควบคุมและพลิกรถไปมาได้อย่างว่องไวขึ้น

เอาง่ายๆว่าปกติผมเองเป็นคนที่ขยาดในการเอาเข่าเช็ดพื้นมากๆถ้าใครตามอ่านหลายๆบทความที่ผมทำมา

จะสังเกตได้ว่าแทบไม่มีครั้งไหนที่เอาเข่าหย่อนลงไปเลย หนีบถังแนบชิดตลอด  แต่รอบนี้ลงได้แบบไม่ลังเล 

ความเป็นสปอร์ตมันสอดใส่มาใต้ชุดเรสซิ่งสูททำให้เอาฟระ สปอร์ตทั้งทีครั้งนี้ขอสุดสักครา 

เริ่มจากโหมด comfort 
รอบต่ำเตี้ยเรี่ยดินเหมือนนกกำลังเริ่มหัดบิน คือมันพอกระพือปีกได้แต่เรี่ยวแรงยังไม่ได้มากมายนัก

แต่ด้วยความที่เป็นรหัส RR บอกได้ว่ารอบต่ำมันไม่ได้ถูกสร้างมาให้ใช้กับมัน แต่ด้วยความที่เป็นโหมดนี้

การขับขี่ด้วยรอบเครื่องที่สูงขึ้นก็แทบไม่เห็นผลหรือความต่างใดๆมาก 

เริ่มรู้สึกว่ามันตื้อๆตั้งแต่ 9,000รอบคือมันก็ลากไปได้ต่อแต่ช้าหน่อย 

โหมด sport 
นิ้วสกิดชีวิตเปลี่ยนอย่างที่บอกไว้ในตอนต้น เริ่มรับรู้ได้จริงก็โหมดนี้ 

ย่านความเร็วหลังจากรอบกลางเริ่มกวาดขึ้นไวมากจากโหมด comfort จนถ้าไม่คิดว่ามันคือ CBR250RR 

เรียกได้ว่าแทบจะเป็นรถคนละคันเครื่องยนต์คนละตัว จากที่รอบเครื่องเริ่มตื้อๆที่ 9,000รอบ มันกวาดเพิ้มขึ้นมาได้อีกโข

โหมด sport+ 

โหมดที่ขับขี่ได้มันส์สุด รอบกวาดได้ไวสุด แรงสุด มีเท่าไหร่ใส่ไปให้หมด กดให้มิด

คือมันขุดพละกำลังทุกอย่างที่มีในตัวรถออกมาได้อย่างน่าประทับใจ รอบที่กวาดไปถึง 14,000 รอบ

ทั้งการเติม การผ่อนคันเร่ง มันสั่งได้และรวดเร็วกว่าอาหารตามสั่งเจ้าประจำเราซะอีก 

ในแต่ละเกียร์ที่เปลี่ยนผ่าน มันคืออันธพาลร่างสุดท้ายที่เกรี้ยวกราด อาละวาด และพร้อมพิฆาตในทันที ที่ใช้โหมดนี้ 

แต่ความเกรี้ยวกราดของมันยังสยบได้ ด้วยระบบช่วงล่างที่ต้องบอกว่าดีงามสามโลก

คือเอาตรงๆถ้ามองผ่านๆ ช่วงล่างแทบจะไม่ได้ดึงดูดสายตาเมื่อพบเห็น แต่มันจะชัดเจนเมื่อได้คร่อมขับแล้ว

ช่วงล่างของเจ้า CBR 250 RR เปรียบได้กับก๋วยเตี๋ยวข้างทางที่มีน้ำซุปโค ตะ ระ เด็ดครับ อร่อยไม่ต้องปรุง แม้จะดูขัดหูขัดตาไปบ้าง

หลังจากการขับขี่ทดสอบทั้งวัน

ผมพยายามหาข้อจะติ แต่ก็เจอเพียงจุดเดียว

นั่นก็คือกำลังในย่านรอบต่ำ แต่จะบอกว่าติเลยก็คงไม่ได้ เพราะนิสัยเครื่องยนต์ และ สไตล์ของรถ พร้อมรหัสห้อยท้ายว่าRR 

มันก็ไม่แปลก ที่รอบต่ำมันจะไร้ซึ่งกำลังวังชาเช่นนั้น

ระบบอื่นๆ คงไม่กล่าวถึงแล้วนะครับ เพราะอย่างที่บอกไปหัวบทความ

ว่านี่เป็นเพียง Half Review ในแบบจัสเพียงเท่านั้นที่ได้ทดสอบขับขี่ในสนาม

รอให้มีโอกาสขับใช้งานแบบจริงจังสไตล์ just-ride-it ก่อน Full มาแน่นอน

ถ้ามาช้าจัดมาประจำออฟฟิศสักคน เอ้ยยยย สักคัน ดีมั้ยยยย ถถถถ 

สุดท้าย

ของถูกใครก็อยากมี ถูกและดีใครก็อยากได้

แต่ไม่ใช่ว่าเค้าตั้งราคาสูงหน่อยก็ว่ากันไป ผมถามตรงๆ คิดว่าเค้าขายแพงจริงเหรอ

ค่าเงินญี่ปุ่นคิดแล้ว 230,000 เอามาขายบ้านเรา 249,000 แม้ภาษีนำเข้า0% ก็จริง แล้วค่าสรรพสามิตร ค่าขนส่งอื่นๆล่ะ 

หรืออีกอย่างเหมือนเราไปกินข้าวไข่เจียวที่เค้าขายจานละสามสี่สิบ บางคนบอกเจียวเองไม่ถึงสิบบาทนั่นแหล่ะครับ

แล้วทำไมไม่เอาของอินโดมาขาย ราคาถูกกว่า 

อันที่จริงเค้ามีข้อตกลงทางการตลาดกันอยู่ เคยเห็น HONDA ไทยเอารถจากอินโดมาขายเหรอ

ถ้าเอามาขาย ป่านนี้ผมขี่ sonic 2017 ไปแล้ววว อันนี้พูดจริง

รถพิกัด 250 CC ที่มีราคา 249,000 บาท ปล่อยให้ธรรมชาติ คัดสรรค์เจ้าของรถกันไปครับ

อ้อ..ส่วนที่ชอบที่สุด อันนี้เป็นความชอบส่วนตัวจะว่าผมโรคจิตก็ได้

เสียงดูดอากาศจากแรมแอร์ ดังบ๊วฟๆ เมื่อควบคันเร่งเค้นรอบ

มันสูดได้เร้าใจจริงๆ

ถ้าถามว่า CBR250RR มันเหมาะกับใคร คงตอบได้ยาก

แต่หากถามว่าใครเหมาะกับมัน 

คนๆนั้นต้องเข้าใจในรถระดับนึง 

เหมาะกับคนที่หลงไหลรถสไตล์นี้จริงๆ 

เหมาะกับคนที่มีความฝันว่าอยากครอบครองรถสนามแท้ๆ

เหมาะกับคนที่ชอบสะสม 

รวมถึงคนที่อยากขับฝึกฝนในสนามตั้งแต่เริ่มต้น 

การเริ่มต้นด้วยรถที่พร้อม สะดวกกว่าการมาสร้างความพร้อมที่รถ 

ส่วนคนที่จะเอามาใช้ในชีวิตประจำวัน มันก็ใช้ได้ 

ไม่จำเป็นต้องเอามันไปเล่นที่สนามเพียงอย่างเดียว

สุดท้ายจริงๆ !!! 

ต้องเรียนตามตรงว่ามันไม่เหมาะกับการเป็นรถคันแรก หรือรถเพียงคันเดียว

เพราะอย่าลืมว่ารถอิมพอร์ตทั้งคันหากมีปัญหา อะไหล่ก็ต้องสั่งเช่นกัน 

แต่หากคุณพร้อม และรับกับตรงนี้ได้ ก็ไปซื้อซะ!!!!!!!

มันดีมากจริงๆ

ใครที่สนใจสามารถดูรายละเอียดของรถรุ่นต่างๆ 

พร้อมข่าวสารและโปรโมชั่นพิเศษได้ที่ www.aphonda.co.th 

และติดตามกิจกรรมต่าง ๆ  ผ่านทาง เฟสบุคแฟนเพจรถจักรยานยนต์ฮอนด้า 

www.facebook.com/hondamotorcyclethailand.com

และอย่าลืม ติดตามทีมงานรีวิวรถและงานอีเว้นท์แบบบ้าๆบอๆสไตล์ just-ride-it 

หากผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นู้นด้วยครับ
https://www.facebook.com/justrideitteam/
https://www.just-ride-it.com/