คำว่าจบมันไม่มีอยู่จริง ในสิ่งที่เรียกว่า CBR 150R
ทำไมถึงต้องกล่าวเช่นนี้ เรามาค่อยๆเล่าขยายความกันไปกับรีวิวสั้นๆ ฉบับแอดมินขาสั้นกันครับ
อย่างที่ทราบกันว่าเจ้า CBR 150R พึ่งเปิดตัวมาเมื่อไม่กี่วันก่อน
โดยครั้งนี้นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
โมเดลเชนจ์โมเดสเชนจ์ก็ว่ากันไป ซึ่งใครหลายคนก็ร้องว๊าวววว บางคนก็ยี้
โดยเฉพาะ โช็คอัพหน้าเนี่ย มีแต่คนร้องทำไมไม่ใช้โช็คหัวกลับ
ย้อนกลับไปดูรถในกลุ่มใกล้เคียงกันจริงๆมันก็ไม่ได้มีไปหมดซะทุกรุ่นหรอก แต่หากมันมีรถจะสวยมากขึ้น แต่ช้าก่อน โช็คอัพหน้าครานี้มันมีดีซ่อนอยู่
ถ้าหากรู้จักกับการปรับเปลี่ยนมันล่ะก็ ขอบอกว่าแซ่บแบบจบๆปัญหาเก่าๆสำหรับมือเก๋าๆได้เลย
ที่ว่ามันเจ๋งคือมันปรับค่าพรีโหลดได้ถึงห้าระดับ
อันนี้ด้วยเกียรติของลูกเสือสำรองหมู่สอง รับรองว่าไม่มีอวยครับ มันดีและน่าใช้มาก หากใช้อย่างถูกคุณลักษณะ ของมัน คิดแบบง่ายๆตามหลักหยินหยาง แข็งก็ผ่อนหย่อนก็ดึง ถึงคุณไม่ใช่ช่างก็ตั้งเองได้
โดยการทดสอบวันนี้ มีการปรับตั้งสองแบบ คือนุ่มสุด และ แข็งสุด
เมื่อลงสนามนุ่มสุดก็มีอาการกระสับกระส่ายให้ได้เห็นอยู่บ้าง แต่รอบสองเมื่อปรับเป็นแข็งสุดอาการกระสับกระส่ายก็หายไป เข้าโค้งได้แม่นขึ้น ยกได้ลึกจุ่มเบรคได้ลึกขึ้น แต่ก็อาจมีความกระด้างกระเดื่องบ้าง
โดยส่วนตัว ค่ากลางจากโรงงานน่าจะเป็นค่าที่ใช้งานได้ครอบคลุมที่สุดละ แต่หากอยากหวด อยากชิลก็ปรับเอา
ซึ่งการปรับตั้งค่าเหล่านี้ถ้าเอาเชิงลึกจริงๆมันมีผลอย่างมากในการใช้งาน หรือสายสนามอาจจะรู้จักกันในนามค่า SAG แต่เบื้องต้นแอดออกตัวก่อนว่า แอดขาสั้นนั้นเป็นสายย่อง ค่า SAG แบบละเอียดๆจะอธิบายก็ยากเกินสมองน้อยๆของแอดเกินไป
เอาเป็นว่า ถ้าใครที่ออกรุ่นนี้มาใช้ลองปรับตั้งดูเอาครับ เหินคอสะพานแล้วรู้สึกว่ารถมันดีดดิ้น ก็ปรับให้แข็งขึ้นทีละสเตป หรืออยากได้ความนุ่มนวลแต่ก็ต้องแลกกับการดีดดิ้นนิดๆก็ปรับให้มันนุ่มขึ้นแค่นั้นแล
อุปกรณ์การปรับอยู่ใต้เบาะละจ้า
ที่เกริ่นมาข้างต้นนับรวมไปถึงโช็คหลัง ซึ่งปรับได้ห้าระดับเช่นเดียวกัน พร้อมระบบกระเดื่องซับแรง Pro-Link เมื่อจับมาปฏิสนธิกันใน CBR 150R กลายเป็นว่าดีย์ย์ย์จัด
แต่เดี๋ยวก่อน การปรับตั้งนั้นก็ยังมีข้อจำกัดอยู่เรื่องของการแบกรับน้ำหนัก เมื่อผู้ขับขี่ที่น้ำหนักตัวอาจจะมากหน่อย การปรับตั้งอาจไม่เพียงพอ ตรงนี้คงต้องมีการโมดิฟายกันเช่นเปลี่ยนสปริงด้านในกันอีกที เพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้น อย่างว่าแหละจะให้มันเลิศเลอไปหมดก็คงเป็นไปไม่ได้
มาต่อกันในส่วนของเครื่องยนต์
ไม่ผลิกโผว่าเครื่องยนต์เป็นแบบเดียวกันกับ CB150R ที่เป็นตัว Sport cafe แต่มีการปรับทดสเตอร์ลงมาเหลือ 45 ฟัน และขนาดยางหลังที่เล็กลง
เหลือเบอร์ 130
ตบด้วยรูปทรงรถ ก็ส่งผลให้อารมณ์การขับขี่เปลี่ยนไป
ความเร็วปลายท้ายที่สุดแล้วอาจเป็นแค่องค์ประกอบเล็กๆ ส่วนในย่านความเร็วปกติ นับว่าเปิดปุ๊บมาปั๊บขอรับกระผม จริงๆลูกสูบแบบโมสำเร็จเคลือบสารโมลิดิน่งดินั่มอะไรเนี่ยก็มีให้สำหรับสายโมที่อยากเพิ่มกำลังนะ เพิ่มได้อีกสองไซส์โดยที่ไม่เสียคุณภาพ เผื่อใครที่ชอบบอกว่าขับเดิมๆเดินดีกว่า
สุดท้าย
ที่ว่าคำว่าจบไม่มีอยู่จริง
เพราะเจ้า CBR150R ตัวนี้ เพิ่งกำลังจะเริ่มต้นสร้างตำนานบทใหม่มากกว่า และเป็นรถที่เหมาะกับมือใหม่ไปจนถึงมือเก๋าๆเลย
รีวิวสั้นๆวันนี้พอแค่นี้ก่อน แอดขี้เกียจพิมพ์ละ
อ่อ
สุดท้ายกว่า
วันอาทิตย์ที่ 31 นี้ ใครอยากทดสอบขับขี่ CBR150R
เชิญได้ที่บริเวณลานจอดรถด้านข้างอิมแพ็คนะจ๊ะ
ที่จัดงานมอเตอร์โชว์นั่นแหล่ะ ไปลองเองให้รู้ ดีกว่าดูอยู่แค่หน้าจอแน่นวลลลลล
ไปละ ไปจริงๆนะ