เริ่มบริบทด้วยคำว่า
“CBR Series จัดจ้านงานดีและมีทอน”
อย่าพึ่งคิดไปไกลครับ บริบทข้างต้น เป็นนิยามสั้นๆที่ทางทีม just-ride-it ได้มอบให้กับเจ้า CBR 650 R 2019
เนื่องจากเมื่อไม่กี่วันก่อน ทีมงานเราได้มีโอกาสเข้าร่วมทดสอบรถงานกิจกรรม
CBR Series Circuit Experience
ซึ่งประกอบไปด้วยรุ่นระดับตัวท็อปเบอร์ตองซึ่งหลายคนหมายปองครับ
ไม่ว่าจะเป็น CBR500R , CBR650R , CBR1000RR และ CBR1000RR SP
แต่ในบทความนี้เราจะหยิบยกรุ่น CBR 650 R มาเป็นตัวชูโรงครับ
จะเป็นเช่นไร อย่างไรบ้าง มาอ่านไปพร้อมๆกันครับ ลุยยยย !!!!
โดยการทดสอบครั้งนี้ ทาง HONDA จัดใหญ่ ให้ลงไปขับขี่ทดสอบในสนามแข่งที่ดีที่สุดของเมืองไทยในเวลานี้
จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้เลยนอกจากสนาม ช้างอินเตอร์เนชันเนลเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์
และยังมีโค้ชแนะนำไลน์รวมไปถึงท่าทางการขับขี่ก่อนจะลงไปทดสอบ
จากยอดนักบิดฝีมือดีอย่าง ฟิล์ม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์กันด้วยครับ
ภาพบรรยกาศก่อนเริ่มทดสอบก็ราวๆนี้
ทีมช่างเทคนิคที่บอกเกี่ยวกับข้อมูลของรถแต่ละรุ่น
นอกจากนี้ก็ยังมีสาวสวยมากด้วยฝีมือในการขับขี่ มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
อันนี้แถม
ม่ะเดี๋ยวมันจะยืดเยื้อ
มาดูรวมๆเกี่ยวกับตัวรถเลยดีกว่า ครั้งนี้เน้นมาเร็ว เคลมเร็วครับ
รุ่นเดิมตัวF นั้นลักษณะจะเป็นแนวสปอร์ตทัวร์ริ่งที่พร้อมซิ่งได้
ส่วนตัวใหม่ 2019 ที่มาพร้อมรหัสห้อยท้ายด้วย R
แน่นอนว่ารหัส R มันมีที่มาจากคำย่อของ Racing
เอาง่ายๆคือมันเปลี่ยนแปลงจากความเป็นทัวร์ริ่งมาเป็นแบบเรสซิ่งเต็มข้อ
ความโฉบเฉี่ยวเฟี้ยวเงาะจัดจ้านชัดเจนมากยิ่งขึ้น และเมื่อยมากยิ่งขึ้นเช่นกัน
แต่กระนั้น สิ่งเดียวที่บรรเทาความซิ่งและแลดูมุ้งมิ้งอยู่ได้น่าจะเป็นไฟท้ายนั่นแล
จริงๆสิ่งที่เปลี่ยนแปลงก็มีอีกหลายจุดที่น่าสนใจครับ
usd
ขนาด 41mm จากเจ้าประจำอย่าง showa
อัพไซด์ยังไงมันก็ดีย์ย์ ระยะยุบปรับเซ็ตมาเพื่อใช้งานได้อย่างครอบจักรวาลทั้งในสนามและนอกสนาม
แรมแอร์
ส่งอากาศตรงเพิ่มระบบไหลเวียนอากาศได้ดีขึ้น การระบายอากาศที่ดีย่อมส่งผลให้การทำงานมวลรวมทำได้ดีขึ้น ถ้านึกภาพไม่ออกว่าระบายอากาศได้ดีมันช่วยยังไง
ให้นึกภาพตอนท่านติดอยู่ในลิฟที่มีคนตดยิ่งประตูลิฟเปิดได้เร็วการระบายกลิ่นก็ทำได้ไวและบรรยกาศดีขึ้น
เป็นเรื่องของอากาศพลศาสตร์นั่นเอง
คาลิปเปอร์หน้า แบบคู่
4พอร์ต ขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 14mm จากเดิม 12.7mm จุ่มได้ลึกกว่าลึกกว่าเดิมสำหรับสายยกลึก
พร้อมจานเบรคขนาดเขื่อง 320mm
จากการทดสอบในสนามสั้นๆ เบรคหน้าชุดนี้ ดูดดีบวฟๆ สั่งงานได้แม่นยำกว่าตัวเก่าพอสมควรเลยครับ
เบครหน้าที่ดี ก็ทำให้ยกคันเร่งได้ลึกกว่าเดิม
แฮนด์จับโช็คใต้แผงคอ
เพิ่มความสปอร์ตมากขึ้น
และก็ก้มมากขึ้นเช่นกัน ใครอยากสบายก็ย้ายมาบนแผงคอซะ (เพื่อ!!!!!!)
ไฟฉุกเฉิน
กระพริบเมื่อเบรคกระทันหันที่ความเร็ว 50กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป แต่ไม่ใช่ว่ามันจะติดพร่ำเพรื่อนะครับ มีเงื่อนไขในการติดอยู่ ถ้าเบรคด้วยระยะปกติหรือปลอดภัยมันก็ไม่ติดนะเออ
พักเท้าดีงาม มีการยกและเยื้องเพิ่มความสปอร์ตจ๋ามามากกว่าเดิม
โดยถอยไปด้านหลัง 3mm และสูงขึ้นอีก 6mm
สิ่งที่กรีดร้องหนักมากที่สุดน่าจะเป็น
ไฟบอกเกียร์!!!!! รอคอยเธอมาแสนนาน ทรมานวิญญาณหนักหนา เพลงแต่ปางก่อนลอยละล่องมาเข้าบ้องหูทันที แถมมีชิฟไลท์
Top speed แรงTorque และแรงTalk
Top Speed ไม่รู้!!!! นี่ไม่ได้อำ เพราะแอดมินจัสแต่ละคนป็อดๆกันทั้งนั้น TT
แต่หากถามถึงอัตราเร่งพอตอบได้ครับว่าดีงามมมมมม มอม้าสามบรรทัดไม่น่าพอ เอาเป็นว่าดีกว่าเดิมอ่ะ
อย่างที่ทราบกันเบื้องต้นว่าแรงม้ามันเพิ่มมาอีก 4 ตัว จาก 89.8 เพิ่มมาเป็น 95.2 ตัว ขาดอีกไม่กี่ตัวก็ครบคอก
ซึ่งก็แลกกับการที่รอบเครื่องยนต์ทำงานเพิ่มขึ้น 1,000รอบ เพื่อตอบสนองแรงม้าสูงสุดจากเครื่องยนต์เดิม
ให้แรงม้าสูงสุด 95.2แรงม้าที่ 12,000รอบต่อนาที(70กิโลวัตต์)
แรงบิด 64 นิวตันเมตรที่ 8,500 รอบต่อนาที ตรงแรงบิดจะใช้รอบเพิ่มจากเดิมที่ 500 รอบ
เครื่องยนต์ภายนอกอาจจะดูคล้ายคลึงไม่แตกต่างกัน
แต่ก็นะ โบราณท่านว่า ดูเครื่องอย่าดูกันแค่ที่ภายนอก
จากเนื้อหาด้านบนที่อ่านผ่านมา
แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวมากขึ้น และแถมความเมื่อยล้าในการขับขี่ที่มากขึ้นตามมา
หลายๆคนคงคิดว่ามันน่าจเป็นเช่นนั้น
แต่จริงๆแล้ว ไม่เมื่อยอย่างที่คิดครับ กลับตรงกันข้ามกับที่คาดไว้พอสมควรเมื่อเทียบกับท่าทางของรุ่นเดิม
น้ำหนักรถที่เบาขึ้น กับท่าทางที่มันควรจะเป็น ทำให้การควบคุมรถทำได้ง่ายกว่าเดิม แต่จะบอกไม่เมื่อยเลยก็จะเกินความเป็นจริงไป
สรุปรวมๆส่งท้าย
นับว่าเป็นรถสปอร์ตรุ่นใหม่จากค่ายปีกนก ที่พร้อมชกบนสังเวียนรถพิกัดนี้ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ
ถ้ากำลังมองหารถบิ๊กไบค์สี่สูบเรียงสุ้มเสียงไพเราะ CBR 650 R คือรถที่น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ
หากท่านใดสนใจ BIGWING ใกล้บ้านท่านตอนนี้มีรถให้ทดสอบกันน่าจะครบแล้ว
หรือสามารถติดตามข่าวสาร หาข้อมูล และโปรโมชั่นได้ที่ https://www.facebook.com/HondaBigBikeTH/
สุดท้ายและท้ายที่สุด
ต้องขอขอบคุณ HONDA ที่จัดกิจกรรมเช่นนี้ขึ้น เพื่อให้ทีมงาน just-ride-it ได้ทดสอบแล้วนำมาบอกเล่าให้ทุกๆท่านได้อ่านกันครับ
แล้วพบกันใหม่ในบทความต่อๆไปครับ สวัสดีครับ