เปิดตำนาน Royal Enfield PEGASUS มอเตอร์ไซค์ที่โบยบินลงมาจากฟากฟ้า

เปิดตำนาน Royal Enfield PEGASUS มอเตอร์ไซค์ที่โบยบินลงมาจากฟากฟ้า

แอดท๊อปไม่ได้โม้นาาาา

แน่ะ ทำหน้าไม่เชื่ออีก มาๆจะเล่าประวัติศาสตร์ให้ฟัง ว่าทำไม Royal Enfield ถึงบินได้

เมื่อปี ค.ศ.1944 ช่วงปลายของสงครามโลกครั้งที่ 2

ภาคพื้นยุโรปกำลังจะลุกเป็นไฟ เมื่อกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตร เข้าปะทะกับกองกำลังฝ่ายนาซีอย่างดุเดือด เพื่อจบสงครามครั้งนี้

แผนการต่างๆถูกวางขึ้นโดยเหล่าแม่ทัพนายกอง โดยมีเจ้า Royal Enfield RE/WD125 หรือชื่อแห่งตำนานของมันก็คือ Flying Flea เป็นหมากอีกตัวนึง ที่จะจำแลงกายเป็น PEGASUS โบยบินลงมาจากฟ้า

 

“Operation Market Garden” ปฏิบัติการทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก เป็นการพยายามบุกเข้าตีเยอรมัน จากทางเหนือ โดยการโปรยกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ลงมาจากฟ้า

และหนึ่งในนั้นที่ถลาร่อนลงมาด้วยก็เจ้า Flying Flea นี่แหละ และมันก็เป็นกำลังสำคัญที่ถูกใช้งานด้านการติดต่อสื่อสาร (กำลังพลที่กระโดดร่มลงมาคราวนั้น นับหมื่นนาย) เพียงแต่ว่า ปฏิบัติการนี้เกิดข้อผิดพลาด โดนนาซีโอบล้อมโจมตีอย่างหนัก

 

“D-DAY” ปฏิบัติการยกพลขึ้นบกครั้งสำคัญ เกิดขึ้นที่ชายหาด นอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศส เจ้า Flying Flea ก็เข้าร่วมกับภารกิจนี้ด้วย โดยการมาจากฟากฟ้าเหมือนเดิม

 

ทำไม Flying Flea ถึงบินได้ ?

มันถูกออกแบบให้เป็นรถขนาดเล็ก เครื่องยนต์ 2 สูบ ขนาด 125cc. และมีน้ำหนักเพียง 50 กิโลกรัม เท่านั้น!!!

เมื่อประกอบเสร็จ มันจะถูกติดตั้งโครงเหล็กรอบคัน และติดเข้ากับร่มพาราชูต จากนั้นก็ทิ้งดิ่งลงสู่พื้นโลกไม่ต่างจากนักดิ่งพสุธา

นอกจากนี้ด้วยหุ่นสแลนเดอร์อย่างนางแบบ เวลาทหารขี่ไปเจอหลุม เจอรั้วลวดหนาม ทหารก็แค่ยกรถทั้งคันข้ามไปเท่านั้นเอง

 

 

จากตำนาน สู่ ปัจจุบัน

โดยความร่วมมือของ มาร์ค เวลส์ หัวหน้าฝ่ายออกแบบของรอยัลเอนฟิลด์ กับ กระทรวงกลาโหมของสหราชอาณาจักร และหน่วยพลร่มของกองทัพ ร่วมกันรังสรรค์เพื่อถ่ายทอดอดีต สู่เจ้า Classic 500 Pegasus อัดแน่นด้วยประวัติศาสตร์และตำนาน ด้วยเครื่องหมาย Pegasus ของหน่วยพลร่ม ระบุซีเรียลนัมเบอร์แต่ละคัน ลวดลาย Made Like a Gun ที่ฝากล่องแบตเตอรี่ สองเฉดสีที่มีให้เลือก สีน้ำตาลเซอร์วิส บราวน์ และ สีเขียว โอลีฟ แดรบ

สิ่งเหล่านี้เคยถูกใช้บนรถ Flying Flea จริง ในสงครามโลกครั้งที่สอง โดยรอยัลเอนฟิลด์จะผลิต PEGASUS นี้ออกมาเพียง 1000 คันเท่านั้น

โดยประเทศไทยได้โควต้ามาจำหน่ายทั้งสิ้น 90 คัน ในราคาคันละ 199,000 บาท โดยถูกประกาศให้จองทั้งที่โชว์รูมและทางออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฏาคม ถึง 31 กรกฏาคม นี้เท่านั้น

ข้อตกลงและเงื่อนไขการจองออนไลน์ สามารถเข้าดูได้ที่ http://royalenfield.com/thai/motorcycle/classic-500-pegasus/register/ 

คลิกที่รูปเพื่อชมขนาดใหญ่

บรรยากาศตอนเปิดตัว

 

เหล่าแฟนๆ Royal Enfield

บอกเลยว่านี่คือมอเตอร์ไซค์อีกรุ่นที่เน้นในเรื่องของประวัติศาสตร์ ตำนาน ความดิบดั้งเดิม สวนทางกับกระแสโลกปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง

ผู้ที่ต้องการครอบครองเป็นเจ้าของ ล้วนแต่มีสไตล์ในแบบของตนเองแรงกล้าอย่างยิ่ง

คุณล่ะ ต้องการมันหรือไม่?

 

บทความและภาพถ่ายโดย TopsaVage by Just Ride it