[RIDE NOW] สองเขื่อน หนึ่งดอย จากภูผาสู่มหานที
ว่ากันว่า….พื้นที่สองในสามของดาวเคราะห์เบี้ยวๆดวงนี้ประกอบไปด้วยน้ำ
เพียงสองบรรทัดข้างบน เราย่อมอนุมานได้แล้วว่า น้ำคือปัจจัยสำคัญของสิ่งมีชีวิตจำนวนมาก
หากเข้าใจถึงวัฎจักรของน้ำที่หมุนเวียนเปลี่ยนถ่ายเป็นรูปแบบต่างๆไม่ว่าจะของเหลว หรือเป็นก๊าซ
เท่าที่เราสัมผัสได้จากความรู้เบื้องต้นเรื่องสิ่งแวดล้อมบนโลกใบนี้ ของเหลวย่อมไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำในที่สุด
ย่อมกล่าวได้ว่ากิจกรรมต่างๆของมนุษย์ การขาดน้ำเป็นเรื่องที่เป็นภัยมหันต์ และกระทบต่อความมั่นคงของชีวิตทั้งมวลบนโลกใบนี้
ราชอาณาจักรแห่งหนึ่ง พระราชาผู้ปรีชาทรงเล็งเห็นความสำคัญอันยิ่งยวด ทรงจัดสรรดูแลแหล่งกักเก็บน้ำเพื่อประโยชน์ต่างๆมากมาย
ราชณาจักรเดียวกัน พระราชาเสด็จพระราชดำเนินไปบนที่สูงเพื่อบรรเทาทุกข์ สร้างอาชีพ ปกปักษ์รักษาป่าที่ดักเก็บน้ำมิให้ถูกทำลาย
แม้เวลานี้ พระราชาพระองค์นั้นได้เสด็จสู่ท้องฟ้าที่แสนไกล พระปณิธานของพระองค์จะคงสืบทอดและปรากฎทั่วผืนแผ่นดิน แลแผ่นน้ำ
ตามเรามา เราจะพาคุณเดินทางไปด้วยกันบนระยะทางกว่าสองพันกิโลเมตร [RIDE NOW] สองเขื่อน หนึ่งดอย จากภูผาสู่มหานที
เคาะออกมาสองหน่อ รถ 0 กิโลเมตรทั้งู่ อย่างละคัน เอ้าาาาาาาไปด้วยกัน ไม่ดื้อไม่ซน ไม่พาไปกินข้าวลิงนะ เสร็จแล้วจะพากลับมาส่ง
วันแรกของการเดินทาง ปลายทางของวันนี้คือตัวเมืองอุตรดิตถ์ คิดเป็นระยะทางคร่าวๆตาม google map ประมาณ 530 กิโลเมตร ก็นับว่าไม่ใกล้ไม่ไกล เป็นระยะทางที่เหมาะแก่การเดินทางหนึ่งวันด้วยรถมอเตอร์ไซค์ในพิกัดเครื่องยนต์ประมาณนี้พอดี พอจะแวะชิลๆได้โดยไม่ต้องเร่งมากนัก…ก็คาดว่าจะถึงก่อนค่ำ….มั้ง
เขื่อนเก็บน้ำที่พ่อตั้งชื่อให้ “เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ทรงมีพระราชดำริให้สร้างขึ้นเพื่อช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ลุ่มน้ำแควน้อยตอนล่าง ที่ประสบปัญหาอุทกภัย รวมทั้งเป็นแหล่งน้ำสำหรับการเพาะปลูกทั่วไป และเพื่อการอุปโภค-บริโภค มีพื้นที่อ่างเก็บน้ำที่ระดับกักเก็บ 61.39 ตารางกิโลเมตร ความจุอ่าง 769 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่งน้ำให้พื้นที่การเกษตร 155,166 ไร่ หล่อเลี้ยงชีวิตของราษฎรในสี่อำเภอของพิษณุโลกคือ อำเภอวัดโบสถ์ อำเภอวังทอง อำเภอบางกระทุ่ม และอำเภอเมืองพิษณุโลก
ที่มาของการสร้างเขื่อนนี้ ต้องย้อนอดีตกลับไป….เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2525 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดเขื่อนนเรศวร และทรงเยี่ยมราษฎร ณ บริเวณเขื่อนนเรศวร บ้านหาดใหญ่ ตำบลพรหมพิราม อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก และได้พระราชทานแนวพระราชดำริ ให้วางโครงการและก่อสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำแควน้อยโดยเร่งด่วน เพื่อการบรรเทาอุทกภัยในเขตลุ่มน้ำแควน้อยตอนล่าง และจัดหาน้ำสนับสนุนโครงการชลประทานพิษณุโลก และโครงการชลประทานเจ้าพระยาใหญ่ ให้ได้ผลอย่างสมบูรณ์ และเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2538 ณ ศาลาดุสิตาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้พระราชทานพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า…
“…ส่วนที่พิษณุโลกก็มีน้ำไหลลงมาจากข้าง ๆ อีกสายหนึ่ง แควน้อยซึ่งจะต้องทำ…อันนี้ก็ยังไม่ได้ทำ ซี่งจะต้องทำ เพื่อเก็บกักน้ำที่มาจากอำเภอชาติตระการ อาจจะมีคนค้านว่าทำไมทำเขื่อนพวกนี้แล้วมีประโยชน์อะไร ก็เห็นแล้วประโยชน์ของเขื่อนใหญ่เขื่อนนี้ ถ้าไม่มี 2 เขื่อนนี้ ที่นี่น้ำจะท่วมยิ่งกว่า จะไม่ท่วมเพียงแค่นี้ จะท่วมทั้งหมด…”
บริเวณใกล้สันเขื่อน มีพื่นที่สันทนาการให้ประชาชนได้มาพักผ่อนหย่อนใจ เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดพิษณุโลก
มีหาดเล็กๆให้เล่นน้ำ
มีจักรยานให้หยิบยืมไปปั่นเล่นบนสันเขื่อน
ห้ามพาหนะทุกประเภทเข้า ยกเว้นรถนำเที่ยวของเขื่อนแควน้อยจ้า
ขี่ลงไปอีกหน่อย ไปหามุมเด็ดๆกันต่อไป
ลงมาข้างล่าง มอเตอร์ไซค์เข้าไม่ได้จ้า เข้าไม่ได้ก็ไม่ฝืนฮะ ขามีก็เดินเอาได้จ้า
ไปกันสองคน…จะหานายแบบหน้าตาดีกว่านี้ก็ยากแล้ว ถ้าให้ถ่ายตัวเองด้วยยิ่งไปกันใหญ่ ทนๆดูหน้า@Topsavage เอาหน่อยนะ ๕๕
อีกฝั่งของสะพานจะมีแหล่งท่องเที่ยวให้มานั่งๆนอนๆริมน้ำ ดูจากฮวงจุ้ยแล้ว เสาร์-อาทิตย์ก็น่าจะมีคนมาเที่ยวเยอะอยู่นะ
ดูทำเลแล้ว เงียบ สงบ เห็นวิวท้องฟ้ารอบด้านกว้างมาก เหมาะแก่การมากางเตนท์นอนดูดาว เพราะดูแล้วรอบๆไม่มีชุมชนอะไรมากมาย
เช็คสัญญาณ 4G หน่อยสิ โอเคร๊ แบบนี้เยี่ยมเลย
จากการสอบปากคำเจ้าถิ่น แนะนำให้มานอนที่นี่ โรงแรมฟรายเดย์ ข้างล่างเป็นห้าง ข้างบนเป็นโรงแรม ข้างหน้าของกินเพียบ….ฮวงจุ้ยแบบนี้ ดีล!!!
มาชมในห้อง ทุกอย่างมีครบครัน แต่ดูแล้วเป็นโรงแรมรุ่นเก่าที่ปรับปรุงใหม่ สิ่งที่ขาดไปสำหรับยุคนี้คือปลั้กเยอะๆ ๕๕๕ โดยเฉพาะปลั้กหัวเตียง
หน้าห้างมีลานกว้างประมาณนึง
ร้านขายของจิปาถะก็มีหน้าห้าง แบบนี้สบาย ขาดเหลืออะไรหาได้ไม่ยากและไม่แพง
แสกนเรดาร์หาของชิมมื้อเย็น อิอิ
มาลงที่นี่ฮะ เจ้าถิ่นแนะนำมาเช่นกัน โอเคร๊ รับประกันยี่ห้อ RIDE EAT ว่ามาเยือนอุตรดิตถ์ห้ามพลาด อร่อย กลมกล่อม หนังพองเคี้ยวเพลินๆ
นอนดีๆไม่มีอะไรมากวนน๊าาาาา
ดูแล้วสะอาด ถูกหลักอนามัย
โต๊ะเก้าอี้สะอาด สบายตา
ต้มเลือดหมู คล่องคอ เครื่องเยอะใช้ได้ เซี่ยงจี้มีกลิ่นนิดนึง โดยรวมแล้วให้ผ่านไปด้วยคะแนน 9/10
ข้าวเปล่า ให้10/10 หอมมมมมม อร่อย
อันนี้สิเด็ด หมูเค็มพริกไทยดำ 10/10 เลยจ้า
จุดชมวิวเขาพลึง แวะตรงนี้สักภาพ พอเป็นกระษัย
ลงไปเด่นชัย กับตรงนี้ก็ที่ประจำ เป็นอีก Rider Destination ที่ต้องแวะเช็คอินถ่ายรูปอวดเพื่อนกันว่ามาถึงนี่ละนะเฟ้ยยย
ในการเดินทาง หากเลือกได้ผมจะไม่เติมปั้มใหญ่ที่มหาชนมากๆ เหตุหนึ่งเพราะ…ให้ปั้มอื่นๆเขาอยู่ได้บ้าง
เป็นงานปูนปั้นรูปสิงห์ที่งดงามที่สุดตัวหนึ่งเท่าที่เคยพบเห็น
ก็ไม่ขี้เหร่นะเนี่ย หอมน้ำมะขาม เปรี้ยวกำลังดี ซู๊ดดดดดส์
ไหน ค้นตัวสิ!!!
ตรงนี้เรามาโผล่แม่ขะจานแล้ว แวะเติมน้ำมันให้เต็มถัง และดูดซับคาเฟอีนไปกระแทกหนังตาบนสักหน่อย กาแฟร้านนี้รสชาติดี แถมมีน้ำชาเย็นๆอร่อยๆมาให้ล้างปาก ทั้งเด็กปั้มและแม่ค้าชงกาแฟอัธยาศัยดี น่ารักมาก แวะแล้วสบายใจ เยี่ยม!!
เมื่อหาทำเลที่คิดว่างามที่สุดได้แล้ว โปรดใส่เกียร์1 แล้วดับเครื่องรถไว้ รถมันจะได้ไม่ไหลตกดอยเน้อ 5555+
เวลาจะสตาร์ทเครื่องไปต่อ ก็แค่ บีบเบรก กำคลัชท์ สตาร์ทเครื่องมันทั้งๆที่รถคาเกียร์ 1 ยังงั้นเลยจ้า (@TopsaVage)
ทิวทัศน์ ณ จุดนี้ ตรึงให้เราหยุดพักผ่อนตรงนี้กว่าครึ่งชั่วโมง….ไม่ได้เหนื่อยจากการขี่รถไกลๆหรอกนะ แต่พักร่างพักสมองจากชีวิตที่ผ่านมาต่างหาก
ใครมขอถ่ายรูป …ด้วยความยินดีเลยจ้า
ลานนี้ก็ดูโล่งดีนะ แต่ไม่ได้วิวพระอาทิตย์ขึ้น
อาหารการกินแลดูอุดมสมบูรณ์อยู่
อากาศหนาวๆ เครื่องดื่มอุ่นๆ…
1.เอาเตนท์มากางเองในพื้นที่อุทยาน
2.เอาเตนทมากางเองในพื้นที่ของทหารม้า
3.เช่าเตนท์ของอุทยานที่กางไว้ให้แล้วในพื้นที่ของอุทยาน
4.เช่นเตนท์ของเอกชนที่กางไว้ให้แล้วในพื้นท่ของอุทยานหรือของทหารม้า
พื้นที่ของอุทยานจะปรับทางลาดชัดให้เป็นแบบขั้นบันไดใหญ่ๆลดหลั่นกันไป ข้อดีคือเตนท์ก็จะไม่บังวิวทิศตะวันออกกันเอง
บนนี้เน้นของร้อนๆ
เครื่องนอนไม่พอก็มาเช่าได้นะจ๊ะ ขออภัยที่ถ่ายไม่ชัด แอบถ่ายไปเขินไปแม่ค้าน่ารัก
วิวหน้าเตนท์….ฟินมาก
ชาบูดตราเสือดาว หนึ่งในเวชภัณฑ์ประจำอาศรมบางซ่อน
เกร็ดเด็ดๆเล็กน้อยของทริปนี้ …ตอนร้านเอาหมูจุ่มมาส่ง ในเซทจะมาพร้อมน้ำจิ้มไซส์มินิสองขวด แว้บแรกเราก็ดูแคลนในใจว่า เฮ้ย ขวดกระปิ๊ดนึงจะไปพอกินอาร๊ายยยย ที่ไหนได้ แซ่บถึงทรวงมากๆ เผ็ดแต่อร่อยเข้มข้น….รบกวนโอนเงินสนับสนุนการเดินทางให้เราด้วยนะฮะเจ๊กี อิอิ
นี่ขนาดไปวันธรรมดานะ วันหยุดนี่คงขี่คอกันดูพระอาทิตย์ขึ้น
มอเตอร์ไซค์ก็เอาเข้ามาจอดข้างเตนท์ได้นะ
จุดชมวิวมหาชนของม่อนสน หนาวไม่หนาวดูในภาพได้เลย
เตนท์เช่ารุ่นใหม่ของอุทยานจะกางเหมือนมุ้งกระตุก สะดวกดี แต่จะทนไหม ก็น่าลอง
มาแล้วๆ
เสียงรัวชัตเตอร์รอบๆข้างอย่างกับปืนกล ไม่เชื่อเหรอ ดูรูปสิ!!
เตนท์อุทยานรุ่นเก่าก็ยังมีเหลือนะ….ให้ดูเตนท์นะ ห้ามดูอย่างอื่น!!
กลับมาที่พระเอกของเช้านี้กันบ้าง เดี๋ยวพี่เขางอน อิอิ
กลับมาที่เตนท์เราแว้บนึง
บรรยากาศลานกางเตนท์ม่อนสนในพื้นที่ฐานปฏิบัติการของทหารม้า แสงกำลังดีเลยเชียว
บรรยากาศแบบนี้ โจ๊กร้อนๆสักชาม
แดดเปรี้ยงแล้ว ไปเที่ยวกันดีกว่า ป่ะ!!
เนื้องานของโครงการหลวงอ่างขาง มีสามงานโดยประมาณ เช่น
– งานศึกษาวิจัยไม้ผลเขตหนาว และการขยายพันธุ์พืชต่างๆ
– งานเผยแพร่เทคโนโลยีเกษตรบนพื้นที่สูง เป็นแหล่งวิชาการและเป็นศูนย์การเรียนรู้ ที่ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ เกษตรกร และ หน่วยงานต่างๆ
– งานพัฒนาและส่งเสริมอาชีพแก่เกษตรกรชาวเขาบริเวณรอบสถานี
โครงการหลวงอ่างขางมีการทดลองและส่งเสริมการปลูกพืชผัก ผลไม้ และไม้ดอกเขตหนาวอยู่อย่างต่อเนื่อง อาทิ ท้อ บ๊วย สตรอเบอร์รี่ สาลี่ พลับ กีวี เป็นต้น ผักเมืองหนาวกว่า 60 ชนิด เช่น แครอท ผักสลัดต่างๆ ฯลฯ และไม้ดอกเมืองหนาวอีกมากมาย เช่น คาร์เนชั่น กุหลาบ เบญจมาศ
ย่อและเรียบเรียงจาก http://www.manager.co.th/travel/viewnews.aspx?NewsID=9560000150167
ข้อดีของที่นี่ คือ มอเตอร์ไซค์ขี่เข้ามาชมรอบๆโครงการหลวงได้เลย นี่แหละข้อดีของมอเตอร์ไซค์ คันเล็ก จอดง่าย
อุณหภูมิเช้านัน
ไปชมโรงเพาะพันธ์ผักกันบ้าง
สายๆไม่มีคน เอารถลงมาจอดถ่ายรูปตรงนี้ได้เลย
ได้เวลาเก็บของลงจากดอยอ่างขางแล้วล่ะ
แวะมาดูบ้านพักชิลชลกันก่อน คืนละ 800 ค่อนข้างเป็นส่วนตัว แต่อยู่ไกลจากอาคารหลักประมาณสองกิโลเมตร กลางคืนนี่คงเงียบสงัด
ซูมลงไป เห็นคณะนักเรียนมาทัศนศึกษาด้วย (กลุ่มนี้เมื่อคืนนอนที่เรือนอรุณเบิกฟ้า)
เป็นท่าเรือสำหรับไปตามเกาะแก่งหรือไปขึ้นเรือล่องเขื่อนนั่นเอง
ลงมาแถววงเวียน จะมีร้านค้า ร้านอาหารหลายร้าน ไม่อดแน่นอน
แหม่ น่าขนกลับไปฝากพระอาจารย์ยิ่งนัก
อาคารปิงธารา
มีสนามกอลฟ์ด้วยนะ
สนใจห้องพัก ติดต่อรีเซฟชั่นที่ตรงนี้เลยจ้า
ส่วนของร้านอาหาร
บ้านที่นอนรวมกันเมื่อคืนที่ผ่านมา
สระว่ายน้ำก็มีให้บริการ
โดยสรุป เรือนพักรับรองเขื่อนภูมิพล ผมชอบนะ มันสงบ พื้นที่เที่ยวเล่นกว้างขวางเหมาะแก่การมาพักผ่อนอย่างแท้จริง ไม่ต้องมีอะไรสวยๆเยอะๆ รวมๆแล้วมันกำลังดีทุกอย่าง ผมลิสต์ไว่ในสถานที่เที่ยวและพักผ่อนที่ติดใจเลยครับ
ห้ามเล่นน้ำซะงั้น
ไม่จอดอ่านก็ไม่รู้นะเนี่ยว่าเป็นเขื่อนสำหรับระบบสูบกลับ
ใครชอบแคมป์ปิ้ง แบกเตนท์มากางได้ที่นี่จ้า มีห้องน้ำอย่างดีให้บริการ
จากนั้นก็ยิงกลับกันยาวๆถึงบางกอกเลยฮะ ไม่ได้แวะไหนเลยนอกจากเติมน้ำมัน เป็นอันว่าจบทริปนี้โดยละม่อม
รอบนี้จัดหนักกระทู้เดียวคุ้มเพราะเราจะReviewsให้สองคันเลย
ผมรับหน้าที่ในส่วนของเจ้าบักข้าวเหนียว Stallions Buccaneer 250i
ส่วน @Topsavage รับหน้าที่เหลาเจ้า Stallions Centaur 250 MAX
ชุดช่วงล่างข้างหน้ามาพร้อมกับระบบกันสะเทือนแบบเทเลสโคปิค ห้ามล้อด้วยดิสค์เบรคจานเดี่ยว ปั้มเบรคลูกสูบคู่ ล้อซี่ลวดเส้นผ่านศูนย์กลาง 17 นิ้ว
ยางหน้าขนาด 100/80 ยี่ห้อ CST ผลิตในจีน
ชุดไฟหน้ามาพร้อมตระแกรงเหล็ก บังไมล์ และหลอดไฟ H4 ความสว่างกำลังดีไม่ขาดไม่เกิน
มาตราวัดแสดงผลแบบอนาล่อก(เรียกบ้านๆว่าเรือนไมล์) แสดงผลความเร็วหน่วยเป็นกิโลเมตรด้วยเส้นและตัวเลขสีขาว+แสดงผลเป็นไมล์ด้วยเส้นและตัวเลขสีแดง //// มีไฟบอกเกียร์ ////ไฟเตือนระดับน้ำมันเชื้อเพลิง(ตอนไฟขึ้นเตือนจะเหลือประมาณเกือบๆสองลิตร) /////ตัวเลขวัดระยะแบบเดี่ยว(ทริปไมล์ไม่ได้) //// และไม่มีวัดรอบมาให้
ไฟแจ้งสถานะเกียร์ว่าง [N] /// ไฟแจ้งสถานะไฟเลี้ยว /// ไฟแจ้งสถานะไฟสูง /// ไฟแจ้งสถานะการทำงานของหัวฉีด ถูกแยกออกมาจากมาตรวัดแสดงผล
ประกับแฮนด์ขวามาพร้อมกับสวิทช์ OFF/RUN และ สตาร์ทไฟฟ้า กระปุกน้ำมันเบรคทรงกลมเรียบๆแต่เฉียบขาด(อันนี้ชอบมาก)
ประกับแฮนด์ซ้ายใช้งานได้ตามมาตรฐาน ปุ่มไฟสูง/ต่ำ ไฟเลี้ยวซ้าย/ขวา และแตรสัญญาน
ฝาถังน้ำมันสุดคลาสสิคพร้อมฝาเลื่อนปิดรูกุญแจแต่เปิดถังทีต้องถือฝาไว้นะจ๊ะ
มองไปในถัง โล่งๆเลยไม่มีแผ่นรองสำหรับเสียบปลายหัวจ่ายและกันน้ำมันกระฉอก
สังเกตสวิงอาร์มจะมีเดือยสำหรับวางแสตนยกล้อหลังมาให้ด้วย
สติกเกอร์แจ้งคำแนะนำในการใช้งานที่บังโซ่ บอกระยะฟรีของโซ่ ระยะหล่อลื่นโซ่ และขนาดลมยางที่เหมาะสม
ระบบกันสะเทือนหลังแบบโช๊คเดี่ยว วางเฉียง หูยึดโช๊คด้านบนตรงกับถังน้ำมันเลย
สวิงอาร์มเหล็กทรงกล่องและดามด้วยเหล็กทรงกรมจะเป็นสีแดงเช่นเดียวกับเฟรม ให้มาแบบแน่นๆ
ยางหลังขนาด 130/90 ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 15 นิ้ว ยี่ห้อ CST ผลิตในจีน
ห้ามล้อหลังด้วยดิสค์เบรคจานเดี่ยว ปั้มเบรคลูกสูบเดี่ยว
ชุดพักเท้าผู้ขับขี่กับผู้โดยสารแบบพับได้และมียางรองเพิ่มความยืดเกาะกับรองเท้า อยู่ในชิ้นเดียวกับ วัสดุอลูมิเนียม
คันเกียร์เหล็กชุบมียางหุ้มเพื่อกันลื่นและลดรอยขูดข่วนกับรองเท้า
ขาตั้งเหล็กทำจากเหล็กพ่นสีดำ ไม่มีเซ็นเซอร์พักเท้ามาให้นะจ๊ะ
แป้นเบรคหลังงานอลูมิเนียมแบบทึบแต่เซาะร่องไว้กันลื่น สวยไปอีกแบบ
เครื่องยนต์สูบ V 2สูบ ผลิตโดย italjet ความจุ 248.9 cc. ส่งกำลังด้วยเกียร์ 5 Speed ให้กำลังเครื่องยนต์ที่ 14kW ที่ 8,000 RPM แรงบิด 19 Nm ที่ 6,000 RPM ให้พละกำลังช่วงต้น-กลาง ที่น่าประทับใจ และแน่นอนว่าปลายแผ่วไปหน่อย
มีแผ่นอลูนิเนียมกันกระแทกติดใต้ท้องเครื่องมาให้อีกหนึ่งชิ้น
เครื่องสูบวีพิกัดสองครึ่ง[250cc] เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ 250สูบวีที่มีจำหน่ายในบ้านเรา (ไม่นับรถก้อนจดประกอบในยุคก่อนๆ) ตัวนี้สามารถให้ฟิลลิ่งที่ตื่นใจ ชื่นใจไปกับฟิลลิ่งและเสียงของเครื่องยนต์สูบวีและเสียงท่อไอเสียที่นุ่มลื่น แผดแบบหวานๆนิด
พละกำลังของเครื่องยนต์ตัวนี้เหมาะทั้งการใช้งานในเมือง และขับขี่เล่นโค้งบนภูเขาที่ลาดชันไม่ว่าจะชันน้อยหรือชันมาก เจ้าตัวนี้สามารถรับมือได้หมดจรดและให้ความสนุกสนานในยามเปิดคันเร่งออกจากโค้งได้ดีเยี่ยม ช่วงที่ยกคันเร่งก่อนจะเข้าโค้งก็ให้เอนจิ้นเบรคที่กำลังพอดี ไม่มากเกิน ไม่น้อยไป สนุกและกลมกล่อม
จุดด้อยของเครื่องยนต์ตัวนี้อยู่ที่ช่วงความเร็วปลายที่ทอร๋คจะหดลงไปบ้าง จากการทดลองขับขี่ในระยะยาว ความเร็วมีเหมาะสมในการเดินทางอยู่ที่ 100km/h – 110km/h และทำความเร็วแบบท่านั่งปกติได้ที่ 120km/h บางจังหวะเมื่อไล่รอบดีๆเครื่องตัวนี้ก็ยังไหลไปต่อได้อีกนิดหน่อย
รอบนี้ไม่ได้จับ GPS แต่บอกได้ว่าไมล์ค่อนข้างแข็งแน่นอน ความเร็วจริงที่ได้ถ้าจับด้วยGPSไม่น่าจะหย่อนไปมากนัก(เผลอๆอาจได้เยอะกว่าที่แสดงผลในไมล์เสียอีก)
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแบบหมดปลอกยาวๆอยู่ที่ประมาณ 23km/liter
จากการใช้งานแบบหมดปลอกแทบจะตลอดเวลาในระยะทางดังกล่าวโดยสรุปแล้วเป็นเครื่องยนต์ที่ให้ฟิลลิ่งที่ดีเยี่ยมเกินความคาดหมาย ถ้าจะให้คะแนนเครื่องยนต์ ให้ไป 9/10
ท่านั่งขับขี่ ด้วยความที่ให้แฮนด์บาร์มา ขี่แล้วไม่เมื่อยหลังจ้า วิ่งไกลๆไม่ปวดหลัง จุดนี้โอเค ผ่าน!!
ช่วงล่างที่ให้มาทั้งหน้าทั้งหลัง เมื่อทำงานร่วมกันแล้ว บอกตามตรงว่า….แข็งปั่ก!!!แต่เมื่อเข้าโค้งเรียบๆดีๆ บอกเลยว่าถ้าได้ยางหนึบๆ แล้วไปเจอกันในโค้งบนภูเขารับประกันความสนุกในโค้งทุกรูปแบบ แรงบิดเหลือๆเมื่อขึ้นถนนที่ว่าชันๆเป็นอันดับต้นๆ
การทรงตัวของเฟรมตัวนี้ในทางเรียบๆนี่พลิกโค้งได้สนุกและดีเยี่ยมเลย เป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายอีกเรื่องหนึ่งของรถคันนี้
แต่เมื่อเจอทางที่เริ่มจะไม่เรียบดีๆพังๆบนๆกันจะเริ่มรู้สึกถึงการสะเทือนและกระด้าง
แล้วยิ่งไปเจอทางแดง…ขี่ไปยิ้มไปเลยล่ะคุณเอ๋ย
เอาเป็นว่าช่วงล่างตัวนี้ทำได้ดีในทางเรียบๆล่ะนะ แต่จะเอามาขี่ในบางกอกก็ต้องทนหน่อยนะถ้าอยากจะหล่อ ขอแยกคะแนนช่วงล่างเป็นสามช่วงก็แล้วกัน เรียบๆ9/10 //// ดีบ้างพังบ้าง 6/10 //// พังๆลูกรัง 3/10
ส่วนของยางติดรถทั้งหน้าและหลังบนทางแห้งไว้ใจได้เลยว่าในการใช้งานทั่วไปไม่ต้องไปหาเปลี่ยนให้เปลืองเงิน แต่ทางเปียกนี่ยังไม่ได้ลองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน(ก็ไปหน้าหนาวมานี่นะ) คะแนนยางในทางแห้งให้ไป 8.5/10 ถ้าจะเอาดีกว่านี้ก็ต้องไปยางพรีเมี่ยมแล้วล่ะพวกนายยยยยย
เบรคหน้า-หลังทำงานได้ดีในการใช้งานทั่วไปทั้งวิ่งในเมืองและวิ่งยาวๆ
มาถึงเรื่องสำคัญอีกอย่างคือความแข็งแรงของชื้นส่วนที่เป็นส่วนประกอบและจุดยึดต่างๆ
ก็อย่างที่เห็น…ควรปรับปรุงคุณภาพความแข็งแรงของฝาครอบไฟเลี้ยวทั้งหน้าและหลังให้ทนทานกว่านี้จ้า
ส่วนจุดยึดต่างๆรอบคันจากการวิ่งผ่านถนนแทบทุกแบบ ไม่มีอะไรหลุดหรือหลวมคลอน เรื่องนี้ให้ผ่านสำหรับระยะทาง 2000 กิโลเมตร
มาถึงข้อสุดท้าย…เบาะนั่ง เมื่อว่ากันยาวๆมันนั่งแล้วปวดก้นอยู่นะ เรื่องนี้อาจต่างกันไป เพราะคนขี่ทดสอบรอบนี้ตรูดไซส์หมี อิอิ
หมดแล้วจ้า ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมกระทู้นี้จนจบ
แล้วพบกันอีกในการเดินทางครั้งต่อไปของพวกเรา Just Ride it
ขอบคุณครับ ^^
มายลน้อง MAX250 ทีมเมทของพี่ Buccaneer ที่มาช่วยผนึกกำลังไซส์ 250 cc. ให้กับ Stallions กันบ้าง
สัมผัสแรกที่เจอรถคันจริง
เอ้ะ มองเผินๆแล้วมันคล้าย Centaur 150 จังวุ้ย มิติรูปทรงท่านั่นต่างกันไม่มาก ให้ความรู้สึกคุ้นเคยกันดีกับระยะแฮนด์ เบาะนั่ง พักเท้า และรูปทรงถังน้ำมัน
เครื่องยนต์ 249cc รูปทรง ครีบเครื่องยนต์เป็นเหลี่ยมๆดูคุ้นตา ติดตั้ง oil cooler มาให้ด้วย พละกำลังเรียกได้ว่าพอฟัดพอเหวี่ยงกับ Buccaneer แต่ด้วยน้ำหนักรวมน้อยกว่า ทำให้ตีนปลายเป็นต่ออยู่นิดๆ ถ้าแช่คันเร่งกันยาวๆจะค่อยๆขยับหนีออกไป (น้ำหนักรวม รถ+คน Buccaneer น้ำหนักรถเยอะกว่า แถมต้องแบกหมีไปด้วย555)
ถ่ายน้ำมันเครื่องพร้อมกันกับ Buccaneer เครื่องยนต์ลูกนี้ใช้น้ำมันเครื่อง 1.7 ลิตร (เพราะต้องส่งไปเลี้ยงในระบบ oil cooler ด้วย)
ต่อกันที่ยางฟันเลื่อย ยางหน้า 4.00 นิ้ว ยางหลัง 4.50 นิ้ว ประกบเข้ากับล้อแม็กก้านตัว Y (มีรุ่นล้อซี่ลวดกับยางแบบแทรคเกอร์ให้เลือกด้วยนะ)
ชุดช่วงล่างด้านหน้าคุ้นหน้าคุ้นตาดีอยู่แล้ว Upsidedown สีทองบ้องโอฬาร ด้านหลังเป็นช๊อคอัพคู่แบบมีซัพแทงค์แกส ดูดซับแรงกระแทกได้ดี ด้านหน้านุ่มไปนิด ด้านหลังกำลังดี
เส้นทางที่ใช้เดินทางทริปนี้ผสมกันหลายรูปแบบ ทั้งทางตรงเรียบยาว ทางโค้งสลับซ้ายขวาในเขา ไต่ขึ้นและลงจากทางชัน จนถึงผิวทางแบบแตกๆพังๆ ในช่วงที่เป็นทางตรงนั้น ช่วงล่างชุดนี้สร้างความมั่นใจในการควบคุมรถได้ดีแล้ว สามารถไต่ความเร็วขึ้นไปจนถึงความเร็วสูงสุดได้แบบไม่น่ากลัวอะไร
แต่หากเจอผิวถนนที่ไม่ค่อยดีนัก จงลดความเร็วลงเถิด เพราะด้วยช็อคอัพหน้าที่นิ่มไปนิดบวกกับยางหน้าฟันเลื่อยนี้ ทำให้มันเกิดอาการ โบก ที่ล้อหน้าเบาๆ
โค้งไฮสปีด ก็สามารถล็อคคันเร่งแล้วดึงรถเข้าโค้งไปได้เลย แต่จะเจออาการย้วยๆย้อยๆจากช่วงล่างหน้าได้ชัดเจน
โค้งในเขา เจอแบบนี้ต้องยอมให้พี่หมีค่อยๆลากเลื้อยพา Buccaneer ไกลออกไปเรื่อยๆ เพราะยางฟ้นเลื่อยไม่สามารถเอียงรถให้มากจนเกินไปได้ (จริงๆแล้ว ฝีมืออ่อนเอง โทษรถ5555+)
การไต่เนิน ไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจ ไต่ดุ่ยๆขึ้นไปได้เรื่อยๆ ไม่มีอาการหมดแรง
*ความรู้สึกส่วนตัว หากเปลี่ยนช็อคอัพหน้าแบบเทเลสโคปิกที่สถิตอยู่ใน Centaur Siam ซึ่งมีบาลานซ์ช็อค และเปลี่ยนยางไปแบบไม่สนใจความวินเทจแล้วล่ะก็ เชื่อแน่ๆว่า ความเร็วปลาย กับ อาการในโค้ง จะดีขึ้นมากๆ
ระบบเบรกหน้า หลัง ดิสเบรกขนาดกำลังดี เบรกหน้าหากกดหนักๆ จะได้ยินเสียงผ้าเบรกจับกับจานดังไปนิด แต่เบรกอยู่ปกติไม่มีปัญหาอะไร ความรู้สึกตอนกำเบรกเป็นธรรมชาติดี ลดความเร็ว จนถึงหยุดนิ่ง ทำได้ดี
เบรกหลัง จับดีเกินคาด จึงควรเพิ่มความระวังในการใช้เบรกหลังสักนิด ค่อยๆทำความคุ้นเคยหน่อย
รถที่รับมาทดสอบเป็นสีดำ มีการเล่นกับเกรนเมทัลลิค เวลาส่องกับแดดแล้วระยิบระยับดี แฮนด์จับช๊อคองศากำลังสวย ปลอกแฮนด์วินเทจอันนี้ก็ถือว่าดีงามเวลาขี่ระยะทางไกล นุ่มมือดีมาก
ถังน้ำมัน ขนาด 14ลิตร ทำให้ไปได้ไกลกว่า Buccaneer แน่ๆ 5555+
หน้าจอมาตรวัดแสดงผลแบบผสม เข็ม และ ดิจิตอล ไม่มีวัดรอบเครื่องยนต์มาให้
**สิ่งที่อยากได้เพิ่มเติม
-อยากให้ใช้ตัวเลขบอกความเร็ว km/h. ชุดเดียว ตัด m/h. ออกไปเลยก็ได้จ้า
-ทริปมิเตอร์ odo อยากให้เพิ่มทริปมิเตอร์ A มาสักหน่อย เพื่อให้รีเซ็ตทริปได้จะดีมาก
เกือบสี่พันลี้ ที่ฝากชีวิตไว้กับรถคันนี้ มันได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเป็นรถอึกคันที่เชื่อใจ วางใจได้
การเดินทางไกลบนมอเตอร์ไซค์ สิ่งที่คุณต้องมีนอกจากเงินเติมน้ำมัน ค่าใช้จ่ายจิปาถะต่างๆ สติสัมปชัญญะ ร่างกายที่แข็งแรงพร้อมลุยแล้วนั้น
จำเป็นสุดๆอีกอย่างคือรถที่ไว้ใจได้นี่แหละ ว่ามันจะพาเราไปถึงเป้าหมายที่เราหวังไว้
มาไทยเจอม้าดอย..
แล้วพบกันใหม่คราวหน้าคร้าบบบ