เมื่อพูดถึงรถมอเตอร์ไซค์ที่มีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ Ducati Diavel V4 เป็นหนึ่งในรุ่นที่ไม่สามารถมองข้ามได้ ด้วยการผสมผสานระหว่างพลังและความงามที่ลงตัว Diavel V4 ไม่เพียงแต่เป็นรถครุยเซอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการออกแบบที่ล้ำสมัยและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ในรีวิวนี้ เราจะพาคุณไปสำรวจทุกแง่มุมของ Diavel V4 ตั้งแต่เครื่องยนต์ที่ทรงพลัง โครงสร้างที่แข็งแกร่ง ระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัย และคุณภาพการขับขี่ เพื่อให้คุณได้รู้จักกับรถมอเตอร์ไซค์ที่น่าทึ่งนี้
Diavel V4 รุ่นใหม่นี้พุ่งเป้าไปที่นักขับขี่เฉพาะกลุ่ม และมีราคาแพงอย่างไม่ต้องสงสัย คำว่า Diavel มาจากภาษาถิ่นของเมือง Bologna ในประเทศอิตาลี ซึ่งแปลว่า “ปีศาจ” (Devil) ในภาษาอังกฤษ ชื่อนี้ถูกเลือกมาเพื่อสะท้อนถึงลักษณะของรถที่มีความดุดันและทรงพลัง เหมือนกับปีศาจที่มีความแข็งแกร่งและน่ากลัว
ที่กล่าวมาข้างต้นก็เพื่อจะเน้นย้ำว่า Ducati Diavel V4 น่าจะเป็นมอเตอร์ไซค์ที่เน้นภาพลักษณ์ไปในเชิงของความดุร้าย และน่าเกรงขามมากที่สุดคันหนึ่งจากอิตาลี เพราะทาง Ducati เองได้ทำให้ Diavel ทุกรุ่นที่ผ่านมามีภาพลักษณ์ความเป็นตัวเองแบบนี้มาเสมอ
ผมจะไม่แปะรายละเอียดสเปกนะครับ เพราะหาอ่านกันได้อยู่แล้ว รถเปิดตัวมาได้ปีกว่าแล้ว
เครื่องยนต์
เครื่องยนต์รหัส Granturismo V4 ขนาด 1158cc ที่ให้กำลังสูงสุด 168 แรงม้าที่ 10,750 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 93 lb-ft ที่ 7,500 รอบต่อนาที เครื่องยนต์นี้มีการตอบสนองที่รวดเร็วและสามารถเร่งจาก 0 ถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาน้อยกว่า 3 วินาที แรงบิดจาก V4 ใหม่นั้นลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า แต่ไม่มากนัก โอเค!..ฟิลลิ่งเครื่องยนต์ลูกนี้มันอย่างจะดูไม่กระฉับกระเฉงเหมือนเครื่องบล็อก L-twin รุ่นเก่า แต่จุดเด่นของเครื่องยนต์ลูกนี้คือความปราณีต ยืดหยุ่น โดยเฉพาะเรื่องการจัดการความร้อน ซึ่งระบบตัดการทำงานของกระบอกสูบหลังเมื่อรอบเครื่องยนต์ต่ำกว่า 4,000 รอบต่อนาที ช่วยลดความร้อนและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง ส่วนเรื่องพละกำลังนั้นให้อารมณ์ความแรงแบบผู้ใหญ่ซึ่ง พลังนั้นแรงแบบราบเรียบลื่นไหล ปราศจากเสียงกระทบกระทั่ง แต่หนักแน่นผ่านช่วงกลาง และมอบความรุนแรงอันรุ่งโรจน์และไม่หยุดยั้งเมื่อใช้รอบเครื่องยนต์สูง
และด้วยระบบเครื่องยนต์ที่เปลี่ยนเป็นแบบสปริงวาล์วแทนระบบ Desmodromic ด้วยเหตุนี้ Diavel V4 (รวมไปถึง Multistrada V4 ด้วย) จึงถูกวิพากษ์วิจารณ์จากนักขับขี่บางกลุ่ม ว่ามันลดความเป็นเอกลักษณ์ของดูคาติลงไปอย่างชัดเจน แต่ถึงกระนั้น มันก็พิสูจน์ตัวเองให้เห็นแล้วว่ามันก็มีความแรงในระดับที่น่าประทับใจ ทนทาน ไว้ใจได้ แถมมันยังให้ซุ่มเสียงที่ยังคงความเป็นดูคาติ และช่วยยืดเวลาการเซอร์วิสใหญ่ที่ยาวนานขึ้นเป็น 60,000 กม.
เบรกและความปลอดภัย
Diavel V4 มาพร้อมกับระบบเบรก Brembo ที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้การหยุดรถเป็นไปอย่างรวดเร็วและมั่นคง
ระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัยช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ รวมถึงระบบ ABS และ Traction Control ที่ปรับแต่งได้
กําลังเบรกก็เป็นระดับเดียวกับ Ducati Panigale V4 คือเบรกได้ดุดัน โหดร้าย ด้วยคาลิปเปอร์ Brembo Stylema แถมจุดศูนย์ถ่วงต่ํา และระบบ ABS ปรับระดับได้ ฟิลลิ่งเบรกให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ แถมมีความคล่องตัวมากขึ้นเนื่องจากการลดน้ำหนักลง 15 กิโลกรัมจากรุ่นก่อนหน้า ทำให้การควบคุมรถในโค้งและการเปลี่ยนทิศทางทำได้ง่ายขึ้น ยางหลังขนาด 240 แม้มันจะดูยั่วยวนชวนให้เล่นโค้ง แต่นี่ไม่ใช่มอเตอร์ไซค์ที่อนุญาตให้คุณแบนโค้งจนหมดหน้ายาง เพราะถึงจุด ๆ นึงคุณจะไม่สามรถเอียงรถเข้าหาโค้งได้หมดเพราะติดพักเท้าผู้ขับขี่ ผมมองว่ามันไม่ใช่ข้อเสีย เพราะมันเป็นปกติสำหรับรถสไตล์นี้อยู่แล้ว
ความสะดวกสบาย
เบาะนั่งของ Diavel V4 ถูกออกแบบมาให้มีความสะดวกสบายสำหรับการขับขี่ระยะไกล และมีการจัดวางที่นั่งที่เหมาะสมสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร แต่ระยะพักเท้าผู้ขับขี่ ผมรู้สึกไปเองรึเปล่าที่การวางเท้านั้น แอบเหยียดไปข้างหน้ามากกว่ารุ่น 1260 อยู่เล็กน้อย
ส่วนการขับขี่ในเมือง Diavel V4 มีความสะดวกสบายในการขับขี่ในเมือง ด้วยการออกแบบที่ทำให้การขับขี่ในสภาพการจราจรหนาแน่นเป็นไปอย่างง่ายดาย ความสูงของเบาะนั่งเพียง 790 มม. ทําให้มอเตอร์ไซค์คันนี้เป็นเครื่องจักรที่เข้าถึงได้พอสมควรสําหรับผู้ขับขี่ที่เตี้ยกว่าเช่นผม
สรุปคุณภาพการขับขี่โดยรวม
ถ้าผมพูดในฐานะแฟนเดนตายดูคาติ ตอนแรกผมไม่แน่ใจเกี่ยวกับดูคาติที่นําเครื่องยนต์ V4 มาใช้ทั้งในรุ่น Multistrada และ Diavel ผมกังวลว่าการเปลี่ยนเป็น V4 จะสูญเสียความแตกต่างบางอย่าง เพราะหลังจากเคยขี่ทั้งคู่ในเวอร์ชั่นเครื่องยนต์ L-twin V2 ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผมยอมรับว่าผมยังหลงไหลเครื่องยนต์ 1260 รุ่นเก่าอยู่ แต่สิ่งที่คุณได้รับเป็นการตอบแทนในเวอร์ชั่น V4 นั้นคือเครื่องยนต์ที่ดีกว่าแบบทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านสมรรถนะ การบำรุงรักษา พละกำลังความแรงที่มาแบบจัดหนัก จะเอาแรงแบบนุ่มนวลเหมือนผู้ใหญ่ หรือจะเอาแรงเหมือนวัยรุ่น หรือขี่ให้ประหยัด มันทำได้ทุกอย่างตามที่คุณคาดหวัง เรื่องความประหยัด เอาตรง ๆ ผมเองก็คาดไม่ถึงว่าผมจะทำได้ถึง 22 km/L ในสภาวะการขับขี่ความเร็วไม่เกิน 100 km/h และไม่ให้รอบเครื่องเกิน 4,000 รอบ อันเนื่องเป็นผลมาจากการตัดการทำงานของสองกระบอกสูบหลัง
ระบบเบรก ระบบกันสะเทือน ไม่มีอะไรที่คุณต้องกังวลหรือต้องหาของแต่งมาติดเพิ่ม เพราะเบรกนั้นอยู่ในระดับเดียวกับรุ่นเรือธงอย่าง Panigale ให้กำลังเบรกดุดัน หยุดแรงม้า 168 ตัวอยู่หมัด ระบบกันสะเทือนก็เซ็ตค่าโรงงานได้พอดีกับการขับขี่ทั่ว ๆ ไป หรือถ้าคุณเป็นนับขับขี่ที่มีประสบการณ์สูง การปรับระบบกันสะเทือนให้แข็งขึ้น ปรับระบบช่วยเหลือการขับขี่อย่าง ABS Traction Control ให้ยุ่งกับคุณน้อยลง ก็น่าจะทำให้การขับขี่สนุกยิ่งขึ้น
พวกอุปกรณ์วัสดุ งานประกอบ คุณภาพชิ้นงานแต่ละชิ้น เนียบ ดูหรูหรา สมราคา
ท่านั่งการขับขี่ สบายแต่แฝงความทะมัดทะแมงเล็กน้อยทั้งผู้ขับขี่และคนซ้อน เบาะนั่งออกแบบให้มีความสะดวกสบายสำหรับการขับขี่ระยะไกล แต่ท่านั่งของผู้ขับขี่ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติในสไตล์ของครุยเซอร์ปนเน็ตเก็ตหน่อย ๆ เป็นรถที่น่าจะใช้ในชีวิตประจำวันได้อยู่บ้าง ขี่ไปทำงาน ทานข้าว ยกเว้นแค่ขี่ไปตลาดเท่านั้นแหละครับ คุณสามารถขี่ไปพบปะเพื่อนฝูงสุดสัปดาห์ หรือขี่ออกทริปก็ได้ เพียงแค่หาชิวแต่งตรงรุ่นมาติด และใส่กระเป๋าพาดเบาะหลังสักคู่ก็น่าจะจบแล้ว (ของแต่งพวกนี้มีวางจำหน่ายที่ศูนย์)
โดยรวมแล้ว นี่คือมอเตอร์ไซค์ราคาหลักล้านที่ให้ทุกอย่างที่รถราคานี้ควรมี จริงอยู่มันมีราคาสูง เป็นรถที่เน้นความพิเศษ มันไม่เหมาะกับทุกคน แต่มันเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบรถที่มีพลังและสไตล์ที่ไม่เหมือนใครบนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพในการขับขี่ ความสวยงาม หรือความสนุกสนาน มันเป็นมอเตอร์ไซค์ที่พร้อมเต็มเต็มความฝัน และยังสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถกลุ่มนี้ด้วย
ราคาวางจำหน่ายของ Ducati Diavel V4 ในประเทศไทย เปิดที่ 1,299,000 บาท มี 2 สี สีแดง และสีดำ ผู้อ่านสามารถไปชมรถคันจริงและทดลองขับได้ที่ตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ Ducati ทั่วประเทศครับ