NIU N-GT Sport สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า EV

NIU

ถ้าพูดถึงรถ EV ในบ้านเราสักคัน คุณจะนึกถึงเรื่องใดของรถเป็นอันดับแรก ?

ผมลองโยนคำถามนี้ให้เพื่อน ๆ ที่ทำงาน ซึ่งคำตอบที่ได้รับ ผมแทบอยากจะเขียนมาเป็นเรียงความซักย่อหน้า แต่คงยาวไป
ผมจะคัดเฉพาะความเห็นสั้น ๆ จากเพื่อน ๆ ที่ถามไถ่และได้มาดูรถคันจริงกันดังนี้ครับ

“รถน่ารักดีนะ”
“รถไม่แรงแต่ราคาแรง” 
“ไม่อยากรอกับการชาร์จนาน ขี่ไปไกล ๆ ไปทริปไม่ได้”
“อันตราย..เงียบเป็นเป่าสาก”
“แบตเตอรี่ไม่ทน โน่นนี่นั่น”

ที่ฮาสุดคือ “Qbix โฉมใหม่เหรอ ?”

และอีกสารพัดถ้อยคำที่พรั่งพรูมากจากเพื่อน ๆ ซึ่งเอาตรง ๆ นะ ที่เขาพูดมาก็ไม่ผิด และผมไม่ได้คาดหวังประสิทธิภาพของรถสกุ๊ตเตอร์ไฟฟ้าบ้านเรามากนัก
เพราะในบ้านเรามีผู้นำเข้ารถสกุ๊ตเตอร์ไฟฟ้ามากมายหลายยี่ห้อมาจำหน่าย ดีบ้างห่วยบ้าง โน่นนี่นั่นสารพัด 

แต่จะมีสักกี่คนที่เคยลองขี่จริง ๆ 

หลายคนก็ฟังจากปากต่อปากมาทั้งนั้น ซึ่งผมยอมรับว่าตัวเองก็เคยเป็น 1 ในนั้น

จนกระทั่ง…พอมาลองขับขี่ใช้งานจริง
จนกระทั่ง…ใช้ชีวิตอยู่กับมันหลายวันจริง ๆ

ความคิดเห็นด้านลบของผมที่มีต่อรถสกุ๊ตเตอร์ไฟฟ้า แปลเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่ดีกับรถคันนี้มากขึ้น

รถที่ผมได้มารีวิว เป็นรุ่น N-GT ที่มีคำว่า Sport ต่อท้ายชื่อรุ่น เพราะมันเป็นชื่อรุ่นย่อยที่แบตเตอรี่มันไม่เหมือนกับสเปกปกติ
ซึ่ง N-GT Sport เป็นสเปกที่ขายในไทยเท่านั้น

ยอมรับว่าตอนเห็นรถครั้งแรก รู้สึกเฉย ๆ กับมอไซค์คันนี้มาก อาจจะด้วยเป็นคนที่ไม่ว้าวกับรถสกู๊ตเตอร์เล็ก
เพราะบ้านเราก็มีรถเครื่องสันดาปหน้าตาประมาณนี้หลายค่ายเหลือเกิน

เรื่องรูปลักษณ์ภายนอก ดูน่ารัก เหมาะกับผู้หญิงวัยเรียน หรือวัยทำงานช่วงต้น ๆ
งานประกอบตัวรถนั้นค่อนข้างแน่นหนา แต่มีบางจุดที่ยังดูเปราะ หรือโดนลดต้นทุนบ้างนิดหน่อย
ในความเห็นผม มันเป็นรถที่ดูไม่ค่อยเรียกสายตาจากคนรอบข้างเท่าไหร่ เส้นสายของดูเรียบ ๆ สีสันก็ไม่ได้โดนเด่นมากนัก
อาจจะด้วยขนาดที่เล็ก มองเผิน ๆ เหมือนมอไซค์อีกค่ายที่ได้กล่าวหัวกระทู้

แต่ที่มันดูพิเศษเวลาขี่ก็คือ มันเงียบมาก ขี่มาจอดใกล้ ๆ ใครสักคน คงถาม ดับเครื่องไหลมารึเปล่า

ไฟหน้า เป็นแบบ LED กลม สว่างมาก  และมีไฟ Daylight เป็นวงแหวนกลม ดีไซน์แล้วแต่คนชอบ

ด้านท้ายเป้นไฟ LED แถวยาว ดูย้อนยุคนิด ๆ ดูแล้วนึกถึงไฟท้ายรถยนต์เก่า ๆ พวก Mazda 323

ประกับซ้ายก็ดูไม่มีอะไรแปลกใหม่ มีปุ่มไฟเลี้ยว ไฟสูง-ต่ำ แตร และที่เปรี้ยวสุด ๆ เลยคือมี Cruise control มาให้ด้วย!!!
ขอบอกว่าใช้งานง่ายมาก ๆ เพียงคุณแค่บิดคันเร่งถึงความเร็วที่อยากให้ล็อกไว้ แล้วกดปุ่มนี้เพียงครั้งเดียว รถจะล็อกความเร็วไว้ให้ทันที และถ้ากดปุ่มอีกครั้งหรือบิดคันเร่งเพิ่มจะเป็นการยกเลิกโหมดโดยอัตโนมัติ

ประกับขวามีปุ่ม + – เลือกโหมดการขับขี่ 3 โหมด และผมเริ่มการทำงาน (ไม่ใช่ปุ่ม Start รถแบบรถเครื่องสันดาปนะครับ) เป็นปุ่มคล้าย ๆ On-Off เมื่อต้องการใช้งานรถ

ขุมพลังขับเคลื่อน ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าของยี่ห้อ Bosch ขนาด 3,000 วัตต์ ความเร็วสูงสุดตามสเปกที่ระบุในคูมือคือ 75 Km/h ให้อัตราเร่งเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 125 CC.

ระบบเบรคหน้า คาลิเปอร์เป็นแบบ 3 ลูกสูบ แถมจานเบรคหน้าใหญ่จนรถเล็กบางค่ายยังต้องมองค้อน เบรคหลังคาลิเปอร์ 1 ลูกสูบ มาพร้อมกับระบบ EBS Braking System ชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ทุกครั้งทันทีที่แตะเบรค และระบบ CBS Braking System ถูกคิดค้นเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ขับขี่ ทุกครั้งที่คุณเบรคอย่างรุนแรง ระบบ CBS จะกระจายแรงเบรคระหว่างล้อหน้าและล้อหลังให้โดยอัตโนมัติเพื่อความมั่นคงขณะเบรคและจำกัดระยะเบรคให้สั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

แบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน ขนาด 60V. 26Ah. จำนวน 2 ชุดที่ทำงานพร้อมกัน ลูกถูกวางในตำแหน่งใต้พักเท้าหน้า 1 ลูก และใต้เบาะอีก 1 ลูก

กุญแจธรรมดา แต่มีรีโมทสั่งล็อกรถ และสั่งเตือนแจ้งตำแหน่งจุดที่รถจอดอยู่ ที่รถมีที่วางขวดน้ำ และปลั๊ก USB สำหรับชาร์จมือถือได้ด้วย

นอกจากนี้ ตัวรถยังมาพร้อมกับแอฟพลีเคชั่น NIU Scooter ซึ่งสามารถดูระบบการทำงานทั่ว ๆ ไป การบำรุงรักษา หรือตำแหน่งของรถเราได้ผ่านแอฟนี้ เพียงแค่คุณลงทะเบียนรถของคุณผ่านแอฟนี้เรียบร้อย มันจะแสดงสถานะการทำงานของรถทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นระดับแบตเตอรี่ อายุการใช้งานแบตแบบลูกต่อลูก ระยะเวลาการชาร์จ ตำแหน่งของรถ

ในหน้า Service จะเป็นระบบที่แอฟใช้ชื่อว่า Smart check ที่เพียงกดปุ่มนี้เพียงครั้งเดียว ตัวรถจะทำงานเช็คระบบต่าง ๆ โดยจะทดสอบตัวเอง และแจ้งผลการเช็คให้ทราบ ใช้เวลาไม่นาน ซึ่งคุณสามารถกด Recheck ซ้ำได้

อีกทั้ง NIU NGT Sport ยังทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ 32 จุดรอบคัน ส่งข้อมูลขึ้นระบบคลาวด์ 200 ครั้งในทุกๆ 1 นาที เซ็คทุกข้อมูลสำคัญในตัวรถ จุดไหนมีปัญหาเปิดแอพเช็คข้อมูลได้ทันที ไม่ต้องหาให้เสียเวลา แถมระบบอัพเกรดตัวเองผ่าน OTA ทำให้กล่องควบคุมของรถจะได้รับการอัพเกรดโปรแกรมให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดอยู่เสมอ แม้จะไม่เคยเข้าศูนย์บริการก็ตาม

รีวิวการชาร์จไฟบ้าน

แบตเตอรี่ทั้ง 2 ลูก ถูกออกแบบมาให้สามารถถอดออกจากรถมาชาร์จในบ้าน หรือในห้องได้ กรณีที่บ้านคุณอยู่ห้องเช่า หรือคอนโด คุณสามารถยกแบตทั้งสองลูก เสียบกับสาย Adapter แยก 2 ปลั๊ก ชาร์จพร้อมกันทั้ง 2 ตัวได้เลย หรือคุณจะเสียบแท่นชาร์จทีละลูกตรง ๆ ก็ได้

แต่แบตเตอรี่นั้น ขอบอกก่อนว่าหนักมาก แท่นชาร์จนี่ก็หนัก ใครคิดจะซื้อมาใช้ในคอนโดอาจจะต้องฟิตร่างกายให้ดี  

ระยะเวลาการชาร์จ ในกรณีที่คุณเสียบสายชาร์จกับตัวรถโดยตรง (การเสียบสายชาร์จเข้ารถโดยตรงจะเป็นการชาร์จได้อย่างรวดเร็วและชาร์จเข้าแบตทั้ง 2 ลูก) จะใช้เวลาชาร์จ 3-4 ชม.

หรือถ้าคุณยกแบตไปชาร์จในห้องโดยชาร์จผ่าน Adapter ทั้ง 2 ลูกพร้อมกัน ระยะเวลาอาจจะมากกว่า 5-6 ชม. แน่ ๆ คุณสามารถดูสถานะการชาร์จแบตแต่ละลูกได้ที่แอฟ NIU ในมือถือ หรือจะบิดกุญแจดูสถานะแบตเตอรี่ที่หน้าจอรถได้เลยเช่นกัน

ภาพรวมการขับขี่

ความรู้สึกแรกที่ได้ขับขี่ ผมลองโหมด Sport เลย บอกได้เลยว่า มันส์มาก ๆ บิดคันเร่งนิดเดียว รถก็พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่แรงบิดจะเริ่มมาเอือย ๆ ตอนความเร็วมากกว่า 60 km/h และจะไปสุดอยู่ที่ 80km/h ต่อให้คุณจะโกงรถโดยการไหลลงคอสะพาน ลงเนินเขา
แม้ความเร็วจะวิ่งเกิน 80 km/h ก็จริง แต่คันเร่งของรถจะไม่ทำงานชั่วขณะจนกว่าความเร็วจะลงมาไม่เกิน 80 km/h และยิ่งถ้าคุณอยู่ในโหมด Dynamic หรือ ECO ด้วยแล้ว คันเร่งรถจะไม่ทำงานจนกว่าจะต่ำกว่าการจำกัดความเร็วของโหมดที่เลือกอยู่ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติกับรถที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือมอไซค์

โหมด Sport นั้น คนที่ไม่ชินกับคันเร่งอาจมีอาการเหวอได้เลย แนะนำว่า ถ้าคุณลองขี่คร้งแรก ให้เปลี่ยนโหมดเป็น ECO หรือ Dynamic ก่อน เมื่อคุ้นชินกับคันเร่ง หรือพร้อมจะแซงรถคันอื่นคอยเปลี่ยนเป็น Sport
แต่ความมันส์นั้น มันก็แลกมาด้วย รถจะกินไฟจากแบตเตอรี่มากขึ้น คุณต้องเลือกเอาว่า จะเอามันส์หรือเอาประหยัด  

พูดเรื่องแบต หลายคนคงอยากรู้ แบตเต็มความจุ รถจะวิ่งได้กี่กิโล
ถ้าคุณใช้รถไปจ่ายกับข้าวปากซอย หรือขี่ไปทำงานใกล้ ๆ ด้วยโหมด ECO ผมการันตรีว่ารถจะวิ่งได้ระยะเกิน 100-110 กม.แน่ ๆ แต่เอาเข้าจริง ๆ คงไม่มีใครใช้โหมด ECO ขี่ความเร็ว 25km/h ไปทำงานคลานเป็นเต่ากันหรอก ไปทำงานสายกันพอดี
ผมเลยลองทดสอบ โดยขับขี่จากบ้านย่านบางใหญ่ เข้าเมืองรถติด ๆ อย่างย่านห้าแยกลาดพร้าว และขี่กลับมาบางใหญ่ด้วยโหมด Sport บิดคันเร่งหมดปลอกตามถนนนครอินทร์ และซอกแซกรถติดตามแยก รวมระยะทาง 78 กิโลเมตร พบว่าแบตยังคงเหลืออยู่ประมาณ 20 กว่า% แน่ะ
ผมไม่กล้าเสี่ยงขี่จนแบตหมด แต่ก็พอจะคาดเดาได้ว่า ถ้าใช้โหมด Sport และเดินคันเร่งเนียน ๆ เข้าไว้ ระยะทางอาจจะมีถึง 100กม.ให้เห็นก็ได้  

ช่วงล่าง ระบบกันสะเทือน ข้างหน้าเป็นแบบเทเลสโคปิก ข้างหลังเป็นโช้คสปริงคู่ ดูธรรมดา ๆ ไม่หวือหวา เซ็ทออกมาแนว ๆ ค่อนข้างนุ่ม มีกระเทือนตึงตังบ้างถ้าคุณขี่มาเร็วและกระแทกกับเนินหลังเต่าหรือตกหลุม แต่โดยรวมถือว่า เซ็ทมาดีแล้ว เหมาะกับสภาพถนนใน กทม.

เบรก ต้องบอกว่านี่คืออีกจุดเด่นของรถคันนี้เลย ดูจากคาลิเปอร์หน้าหลังแล้วอาจจะรู้สึกเฉย ๆ แต่พอลองเบรกจริง ทั้งเบรกหนักและค่อย ๆ ไล่น้ำหนักการกด ขอบอกว่าหนึบมาก ๆ หนึบจนนึกว่ารถใช้เบรกยี่ห้อดังอิตาลี่หรือเปล่า
อีกทั้งการเบรกแต่ละครั้ง มอเตอร์ขับเคลื่อนจะช่วยเบรคอีกแรง และทำการ Regenerative ไฟฟ้าเข้าตัวแบตได้ด้วย
เรื่องเบรกนี้ผมไม่ได้โม้หรืออวยอะไรนะครับ มันเป็นรถที่เบรกดีที่สุดในคลาสรถเล็กที่วางจำหน่ายตอนนี้เลยจริง ๆ

สรุป
แรงเหลือเฟือ ขับขี่ก็ง่าย แต่ถามตัวเองให้ดีว่าใช้งานแบบไหน

แม้ว่าผมจะยังคงชื่นชอบมอไซค์เครื่องยนต์สันดาป แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่า ความเข้มงวดของมาตรฐานการปล่อยมลภาวะในอนาคต ก็คงหนีไม่พ้นการมาของรถ EV หรือพลังงานทางเลือกอื่น ๆ จนได้

อย่างเจ้า NIU N-GT Sport คันนี้ สิ่งที่ทำให้ผมชื่นชอบมันมากก็คือแรงบิด  จะมาในลักษณะมอเตอร์ไฟฟ้าที่กระชากออกในทันทีทันใด ค่อย ๆ แผ่วปลายไปเรื่อย ๆ แต่พลังออกตัวเหลือใช้ พลังเร่งแซงเหลือเฟือ ใครจะไปคิดว่ารถหน้าตาน่ารักแบบนี้จะขับขี่มันส์ขนาดนี้
การขับขี่และควบคุมก็ง่าย เวลาออกตัวไม่กระชากเกินจนน่ารำคาญถ้าคุณไม่บิดคันเร่งเยอะไป เวลาเบรก ก็เบรกได้เหมือนรถบ้านเครื่องสันดาป แถมเบรกดีกว่าซะด้วย

ผมก็ไม่รู้จะติมอไซค์คันนี้ยังไงดี เพราะข้อจำกัดอะไรหลาย ๆ อย่างของมัน มันก็เลยเป็นอย่างที่เห็น ก็ได้แต่หวังว่าอนาคต จะมีรถที่สามารถทำความเร็วได้ดีกว่านี้ และขับขี่ได้ระยะทางไกลมากกว่านี้

โจทย์การใช้งานกับราคา 109,000 บาท ?

ถ้าคุณมองหารถที่ใช้ขี่ทั่ว ๆ ไป ไปทำงาน ไปตลาด ไปโน่นนี่นั่น และอยู่ในรัศมีที่ไม่ไกลจากบ้านคุณเกินไปทั้งขาไปและขากลับ นี่คือรถที่เหมาะกับคุณ อย่างไรก็ตาม  คุณต้องวางแผนเรื่องการเดินทางพอสมควร
และด้วยราคาค่าตัว 1 แสนบาท มันขึ้นอยู่กับว่า คุณมองค่าเงินแสนไว้ยังไง จริง ๆ รถแบบนี้หลายคนมองว่าเป็นรถของเล่นของพวกคนมีตังค์ แต่ผมบอกได้เลยว่าคิดผิด และผมเชื่อว่า คนที่ซื้อรถพวกนี้ราคา 1 แสน หรือรถยนต์ไฟฟ้าราคาหลักล้านคงคิดว่ามันคุ้มที่จะเสียแล้ว เช่น ถ้ามองว่า เงิน 1 แสน หรือ 1 ล้าน แต่ได้ยานพาหนะขับเคลื่อนไฟฟ้าที่ต้องยอมเสียค่าไฟในแต่ละเดือนมากขึ้นนิดหน่อย แต่แลกมากับค่าน้ำมันที่ต้องจ่ายแต่ละสัปดาห์ แลกมากับค่าบำรุงรักษาอะไหล่สิ้นเปลืองของรถเครื่องสันดาปในระยะยาวอย่างน้ำมันเครื่อง กรองอากาศ หัวเทียน (ขอตัดเรื่องผ้าเบรกและยางออกไปเพราะรถขับเคลื่อนไฟฟ้ายังต้องใช้) ถ้าคุณมองว่ามันคุ้มค่าที่จะแลก คุณเดินทางไปศูนย์และวางเงินจองได้เลยครับ

แต่ถ้าคุณเป็นคนหาเช้ากินค่ำ ใช้รถทำงาน ขับวิน ขับฟู้ดแพนด้า แกร็บ โน่นนี่นั่นสารพัด หรือต้องการหารถขี่เที่ยวออกทริป คุณกลับไปมองรถตลาดเครื่องสันดาปเถอะ เพราะด้วยค่าตัวรถไฟฟ้าที่แพงจนไม่คุ้มค่าที่จะใช้ เรื่องระยะทางที่ขี่ได้ ระยะเวลาการชาร์จ ความอเนกประสงค์ในการใช้งาน มันสู้รถตลาดเครื่องยนต์สันดาปไม่ได้ แล้วพอมีข้อจำกัดมาก ๆ ขนาดนี้ คนไทยมักจะไม่ชอบ จึงจำเป็นต้องไปมองทางเลือกอื่นที่มีความยืดหยุ่นมากกว่า

เรื่องสุดท้าย คือเรื่องอายุแบตเตอรี่  เรื่องนี้ผมคงไม่ออกความเห็น เพราะไม่เคยมียานพาหนะไฟฟ้าแท้ ๆ มาครอบครอง  ก็ทำได้แค่รอดูกันต่อไปครับ

ขอขอบคุณ
น้องทราย นภัสริญญ์
Public Relations Supervisor
Ducatisti Co., Ltd.
และ Niu Thailand  ที่เอื้อเฟือให้รถมารีวิวครับ

บทความรีวิวโดย โอ๊ต เสื้อสีเทา
ถ่ายภาพโดย ทศพร พรสิบประการ