ถ้าเอ่ยถึงรถออโตเมติก ที่ติดกระแสลมบนแบบเปรี้ยงๆในเวลานี้ คงไม่มีรุ่นไหนเทียบได้กับเจ้านี่แล้วครับ
HONDA LEAD 125 ตัว 4วาล์ว
ก่อนหน้านี้เคยมีมาก่อนแล้วในบล็อคเครื่องยนต์เดิมนั่นก็คือตัว 2วาล์วแต่กระแสตอบรับอาจจะยังไม่เปรี้ยงปร้างเท่าไหร่นัก
ซึ่งทางทีมจัสเองก็เคยทำรีวิวไว้แล้วตามลิ้งค์นี้ https://www.just-ride-it.com/review-honda-lead-125-2021/
จนมาถึงตัวใหม่ล่าสุด ที่ได้เครื่องยนต์แบบ eSP+ มาเสริมทัพและปรับวาล์วมาเป็นแบบ 4 วาล์ว
ซึ่งตัวเครื่องยนต์แบบ esp+ เนี่ยถูกจับใช้งานมาก่อนในรุ่นที่ใหญ่กว่า ไม่ว่าจะเป็น FORZA 350 , PCX 160
เรื่องกำลังวังชาและอัตราเร่งของรุ่นใหญ่เราคงไม่เอ่ยหรือกล่าวถึงครับ
เพราะพระเอกของเราในบทความนี้มันคือ LEAD 125 หรืออีกหนึ่งสมญาที่ใครๆต่างก็เรียกกันว่า
“จิ้งหรีด”
ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอกหากมองแบบผิวๆเผินๆมันช่างละม้ายคล้ายคลึ่งกับตัวก่อนหน้ามากพอสมควร
แต่จุดแตกต่างที่ทำให้เราแยกออกง่ายๆก็มีหลายจุดครับ
ฝาครอบด้านหน้า ตัวเดิมจะเป็นแบบโครเมี่ยม ส่วนรุ่นนี้จะเป็นแบบชิ้นพลาสติกสีเทา
กุญแจ อันนี้เด่นชัดพอสมควรเพราะตัวใหม่จะได้มาเป็นแบบ Key Less ส่วนตัวเดิมจะเป็นแบบกุญแจไข
ฝาครอบสายพาน ตัวใหม่จะเป็นแบบวงรีในส่วนของชิ้นพลาสติดครอบสีดำ ส่วนรุ่นเดิมจะเป็นแบบสี่เหลี่ยมพับไปทางด้านหน้า
มือจับหลัง รุ่นเดิมจะเจาะรูมาให้เลย ส่วนรุ่นใหม่รูที่ว่าหายไปครับ
ในส่วนของจุดสังเกตเบื้องต้นก็จะมีประมาณนี้
มาดูในส่วนของรูปทรงโดยรวมกันบ้าง
พื้นฐานของรถจริงๆแล้วนั้น ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ขับขี่ใช้งานในเมือง เน้นรูปทรงเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยลายเส้นหรูหราทันสมัย
ใต้เบาะใหญ่โตมโหฬารขนาด 37 ลิตร สามารถใส่หมวกกันน็อคได้แบบสบายๆ รวมถึงใส่ของจุกจิกจิปาถะได้อย่างมากมาย
ซึ่งมันก็ตอบโจทย์การใช้งานพื้นฐานสำหรับใครที่ไม่ชอบแบกของพะรุงพะรัง หรือสะพายกระเป๋าเพื่อใส่ของไว้ที่หลัง
เอาง่ายๆว่ามีอะไรก็จับยัดใส่ไว้ที่ใต้เบาะได้เลย
ถังน้ำมันแบบที่หลายคนชอบนั่นก็คือการเปิดจากคอนโวล์ใต้แผงคอด้านหน้าสามารถเติมได้โดยไม่ต้องเปิดเบาะ
ความจุถังน้ำมัน 6 ลิตร อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยจากการใช้งานจริงป้วนเปี้ยนอยู่ที่ 35-60 กิโลลิตร
ที่ความต่างมันค่าห่างกันมากนั่นก็ขึ้นอยู่กับข้อมือของผู้ขับขี่แต่ละคนครับ
เมื่อระดับน้ำมันขีดสุดท้ายเริ่มกระพริบก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะน้ำมันในถังจะแจ้งเตือนเมื่อเหลือปริมาณน้ำมันประมาณ 1.4ลิตร
เท่ากับว่าถ้าท่านๆขับขี่แบบประหยัดด้วยความเร็วคงที่ประมาณ 60กิโลเมตรต่อชั่วโมง LEADจะยังมีรัศมีทำการไปอย่างน้อยๆได้อีกราว 50 กิโลเมตร แต่เพื่อความชัวร์ พอมันเตือนก็เติมเถอะครับ
ระบบหยุดเครื่องยนต์อัตโนมัติ Idling Stop System
ตะขอแขวนของด้านหน้าจัดว่าเป็นพื้นฐานของรถแนวนี้ไปแล้ว
combine brake อีกหนึ่งมาตรฐานความปลอดภัยที่ HONDA ใส่มาให้ในเกือบทุกรุ่นที่เป็นรถแบบ AUTOMATIC ไซส์เล็กของทางค่าย
ะบบ Combi Brake (คอมบาย เบรค) เป็นระบบการกระจายแรงเบรกระหว่างล้อหน้า และล้อหลังอย่างเหมาะสมโดยอัตโนมัติ เมื่อบีบก้านเบรกด้านซ้ายเพียงอย่างเดียว เพื่อให้ระบบเบรกทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รถหยุดสนิทได้ในระยะที่เหมาะสม ไม่ลื่นไหล หรือล้อล็อค จากการใช้เบรกหน้าเหรือเบรกหลังเพียงอย่างเดียวมากเกินไปนั่นเองครับ
ช่องเก็บของด้านหน้าฝั่งซ้ายใส่ของใส่ขวดน้ำได้ภายในซ่อนช่องชาร์ทแบบ usb type a ซึ่งสะดวกกว่าตัวเดิมมากเนื่องจากไม่ต้องหาตัวแปลงเพื่อนำมาชาร์ทอุปกรณ์ต่างๆให้วุ่นวาย
เรือนไมล์ที่บอกรายละเอียดพื้นฐานครบครัน
ระบบไฟ LED ด้านหน้าด้านหลัง ให้ความสว่างและทิศทางในการส่องแสงได้เพียงพอต่อการใช้งาน
จุดที่น่าสนใจอีกหนึ่งจุดก็คงจะเป็นขนาดวงล้อที่ให้มาไม่เท่ากัน
โดยด้านหน้าเป็นวงล้อขนาด 12นิ้ว รัดมาด้วยยางไซส์ 90/90-12 ส่วนด้านหลังให้วงล้อมา 10นิ้วใช้ยาง 100/90-10 แบบ tubeless(ไม่ใช้ยางใน)
มาถึงพระเอกของงานตัวจริงสำหรับเจ้าจิ้งหรีดพันธ์ซ่าส์ นั่นก็คือเครื่องยนต์ครับ
เครื่องยนต์เป็นeSP+ สูบเดียวระบายความร้อนด้วยน้ำ
ปริมาตรกระบอกสูบ 124.8 ซีซี SOHC 4 วาล์ว
11 แรงม้าที่ 8,750 รอบ
แรงบิดสูงสุด 12 นิวตันเมตร ที่ 5,250 รอบต่อนาที
อัตราส่วนการอัด 11.5
ระบบเกียร์ อัตโนมัติ
ระบบจุดระเบิด Electronic
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดไฟฟ้า PGM-FI
ระบบสตาร์ท สตาร์ทไฟฟ้า(ไม่มีสตาร์ทเท้าทางด้านข้าง)
ระบบคลัตช์ คลัตช์เปียกแบบหลายแผ่นซ้อนกัน
ระบบส่งกำลังสุดท้าย สายพาน CVT(รุ่นใหม่แบบสองชั้นทนทานมากกว่าเดิม)
ระบบสายพานคู่ ซึ่งจะมีสายพานพาดทั้งด้านในและด้านนอก เพื่อทนต่อแรงดันจากด้านข้างได้ และไม่เกิดการแกว่งของสายพาน ด้วยลักษณะพิเศษเฉพาะนี้ ทำให้แรงต้านที่เกิดจากการบิด มีแรงเสียดทานน้อยลง ส่งผลให้เกิดการถ่ายโอนพลังงานที่ดียิ่งขึ้น และยังคงแรงขับเคลื่อนไว้ได้ดี แต่ใช้น้ำมันในอัตราที่น้อยลงอีกด้วย ส่งผลให้รถสามารถบิดได้นิ่ม สนุกกว่าเดิม
เครื่องยนต์บล็อคนี้หากเทียบกับรุ่นเดิมก็จะเห็นถึงความต่างกันประมาณนึงครับ
จากการใช้งานจริงอัตราเร่งติดไม้ติดมือมากขึ้น อันนี้ต้องบอกก่อนนะครับว่า อัตราเร่งนั้นหมายถึงจังหวะเปิดคันเร่งเพื่อแซงหรือเรียกกำลังในการออกตัวได้ดีกว่าเดิม ในส่วนของ Top Speed สูงสุดนั้นไม่หนีกันจากรุ่นเดิมเท่าไหร่นัก เพียงแต่เจ้าเครื่อง eSP+ เนี่ย อย่างที่แจ้งไปเบื้องต้นครับว่า ก่อนหน้ามันมากับรุ่นที่ใหญ่กว่า ทำให้การปรับแต่งหรือโมดิฟายนั้น มันทำได้มากกว่าและมันส์มากกว่า
เครื่องยนต์ eSP+ เป็นเครื่องยนต์ที่ถูกออกแบบพิเศษเพื่อรถจักรยานยนต์ (สกู๊ตเตอร์) ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ให้สมรรถนะเหนือกว่า แรงกว่า และไหลลื่นกว่าเดิม ทั้งยังไร้ซึ่งเสียงรบกวน มีความทนทาน และช่วยให้ประหยัดน้ำมันขึ้นเป็นอย่างมาก มาพร้อมกับระบบ 4 วาล์ว ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดแรงเสียดทาน และระบายความร้อนในเครื่องยนต์ได้ดีขึ้น ทำให้เครื่องยนต์มีความเร็ว แรง เต็มสมรรถนะ พร้อมรับทุกสภาพในการขับขี่
Piston Oil Jet เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดแรงเสียดทานและระบายความร้อนของลูกสูบ โดยเป็นการยับยั้งการเผาไหม้ที่ผิดปกติและทำให้ลูกสูบเย็นลงอย่างมีประสิทธิภาพหากเครื่องยนต์ร้อนจนเกินไป
สรุปรวมๆเรื่องเครื่องยนต์แบบ eSP+ คือ ดีๆๆๆๆๆๆๆๆๆงามๆๆๆๆๆๆๆ
แล้วยิ่งไปปรับแต่งแล้วยิ่งเข้ากับสโลแกนดั้งเดิมของตัวรถที่ว่า “รถของคนมีของ” จริงๆครับ
มาต่อกันในส่วนของท่าทางการขับขี่ riding position กันบ้าง
ผู้ขับขี่ทดสอบ สูง 158 CM ตัวเบาะเองก็ต้องบอกตามตรงว่าแอบสูงนิดๆ(หรือผู้ทดสอบเตี้ยเองนั่นแหล่ะ)
ความสูงเบาะ 760 ม.ม. ทำให้ต้องเขย่งปลายเท้าอยู่บ้าง แต่หากคนที่สูงสัก 165 CM ขึ้นไป ขับขี่เหยีบได้เต็มฝ่าเท้า
Foot Bord ที่วางเท้าค่อนข้างกว้าง ทำให้วางเท้าได้สบายๆไม่ติดเข่าในการใช้งานของบุคคลที่สูงแตกต่างกันไป
ระยะเอื้อมมือรวมไปถึงปุ่มควบคุมต่างๆ ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายๆตามสไตล์ HONDA