HONDA CB 300 R กับเรื่องที่เคยค้างคาในใจ

สวัสดีครับ กลับมาพร้อมกับการเดินทางเรื่อยเปื่อยตามสไตล์ just-ride-it เช่นเคย

ซึ่งการเดินทางครั้งนี้เราได้เจ้า CB 300 R ใช้ในการขับขี่ ส่วนเรื่องการรีวิวนั้น ต้องบอกก่อนว่า จริงๆเราเคยทำไปแล้ววว

ตามลิ้งค์นี้ https://www.just-ride-it.com/honda-cb300r/

ครั้งนี้ก็เช่นเคยครับว่า อย่าเรียกว่ารีวิวเลย เรียกว่าเล่าสู่กันฟังจะง่ายกว่า

เอาล่ะ เกริ่นนำมาซะยืดยาว ค่อยๆมาเข้าสู่เรื่องราวการเดินทางกันดีกว่าครับ

……..

เป้าหมายปลายทางในการขับรถเล่นเพื่อคลายข้อข้องใจบางอย่างเกี่ยวกับเจ้า CB300R ครั้งนี้คือเขาใหญ่ครับ

เลือกเดินทางไปในวันธรรมดา เพราะว่าคนจะไม่เยอะมากนัก ขับแล้วรู้สึกสบายใจกว่า

เรื่องเส้นทางเราอาจไม่กล่าวถึงมากนะครับ เพราะหลายๆท่านน่าจะคุ้นเคยกันดีแล้ว

แต่ก็นะจะไม่เล่าเลยก็แปลกๆแฮะ 555

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ 11 อำเภอ ใน 4 จังหวัด ได้แก่ อำเภอปากช่อง อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา; อำเภอนาดี อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอประจันตคาม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี; อำเภอปากพลี อำเภอบ้านนา อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก; และอำเภอแก่งคอย อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของไทย ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2505 และได้รับสมญานามว่าเป็น “อุทยานมรดกของกลุ่มประเทศอาเซียน”

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีเนื้อที่ปกคลุม 2,215.42 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยป่าเบญจพรรณ ป่าดงดิบแล้ง ป่าดงดิบชื้น ป่าดิบเขา ทุ่งหญ้า และป่ารุ่นสอง ป่าดงดิบชื้น ลักษณะป่าชนิดนี้เป็นป่าที่อยู่ในระดับความสูง 400-1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง พืชพรรณมี 3,000 ชนิด, มีผีเสื้ออยู่กว่า 189 ชนิด, นกป่ามากมายกว่า 350 ชนิดและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 71 ชนิด ซึ่งได้แก่ ช้าง เสือ ชะนี กวาง และหมูป่า พบอยู่ตามทุ่งหญ้ากว้างทั่ว ๆ ไป

แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญก็จะมี น้ำตกเหวนรก,น้ำตกผากล้วยไม้,น้ำตกเหวสุวัต,จุดชมวิวผาเดียวดาย,จุดชมวิวผาตรอมใจ,อ่างเก็บน้ำสายศร,หนองผักชี,หอดูสัตว์,จุดชมทิวทัศน์ กิโลเมตรที่ 30,ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่

ซึ่งการเดินทางครั้งนี้เรามุ่งเน้นไปที่ น้ำตกเหวนรก เป็นหลักครับ

น้ำตกเหวนรก
เป็นน้ำตกที่เกิดจากคลองท่าด่าน น้ำตกเหวนรกเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นน้ำตกที่มีความสูงและสวยงามมากแห่งหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แต่เดิมก่อนที่จะมีการตัดถนนสายปราจีนบุรี-เขาใหญ่นั้น จะต้องเดินเท้าเข้ามาโดยใช้เวลาไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง แต่หลังจากตัดถนนสายปราจีนบุรี-เขาใหญ่เสร็จแล้ว ถนนตัดผ่านใกล้น้ำตกเหวนรกมาก โดยมีลานจอดรถห่างจากตัวน้ำตกเพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น ระหว่างทางสามารถเดินชมธรรมชาติอันสวยงามสองข้างทางได้ เมื่อถึงตัวน้ำตกจะมีบันไดลงไปอีกราว 50 เมตร ซึ่งค่อนข้างแคบและชัน แต่เมื่อลงไปถึงจุดชมวิวก็จะเห็นความยิ่งใหญ่อลังการของน้ำตกได้อย่างสวยงาม หากไปในฤดูฝนมีน้ำมาก ละอองน้ำจะกระเซ็นต้องกับแสงอาทิตย์เป็นสายรุ้งอย่างงดงาม แต่หากมาชมในหน้าแล้งนั้นอาจต้องผิดหวังเพราะไม่มีน้ำ เห็นแต่เพียงหน้าผาแห้ง ๆ เท่านั้น
ระหว่างทางเดินมายังน้ำตกเหวนรกนี้ จะสังเกตเห็นแนวคันปูนเป็นระยะ สร้างขึ้นเพื่อป้องกันช้างพลัดตกไปยังน้ำตก ตั้งแต่ในปี 2530 จะมีช้างตกลงไปยังผาข้างล่างปีละเชือกหรือสองเชือกเสมอ และในครั้งใหญ่ที่สุดปี 2535 มีช้างโขลงหนึ่งจำนวน 8 ตัวหลงเข้ามาและถูกกระแสน้ำพัดตกลงไปตายหมด ทางอุทยานแห่งชาติจึงได้สร้างแนวป้องกันนี้ขึ้นมาเพื่อป้องกันอันตรายแก่ช้างป่ามิให้เกิดขึ้นอีก
ในความเป็นจริงแล้ว น้ำตกเหวนรกนั้นมีอยู่ 2 ชั้น ที่ได้ชมนี้เป็นชั้นที่ 1 โดยมีความสูงของตัวน้ำตกประมาณ 50 เมตร ส่วนชั้นที่ 2 และ 3 นั้นอยู่ห่างออกไป ซึ่งชั้นที่สองนี้มีความสูงมากกว่าชั้นแรกเสียอีก ในความเป็นจริงแล้วมีเส้นทางสำรวจป่าของทางอุทยานเพื่อไปยังผาอีกด้านหนึ่งเพื่อชมทัศนียภาพของน้ำตกชั้นที่สองและสามแต่ไม่ได้เปิดให้เข้าชมโดยทั่วไปเนื่องจากเป็นทางเข้าไปในป่าดิบ มีสัตว์ป่าออกหากินตลอด หากต้องการเข้าชมควรติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานนำทางเข้าไปเพื่อความปลอดภัย และหากต้องการชมทัศนียภาพของน้ำตกชั้นที่ 2 และ 3 ให้สวยงามที่สุด ควรเดินทางมาชมในช่วงกันยายนหรือตุลาคม เนื่องจากจะมีน้ำมาก ตกลงมาเป็นละออง และหากมาชมในช่วงเวลา 10 นาฬิกา จะเป็นเวลาพอเหมาะที่แสงอาทิตย์ตกกระทบกับละอองน้ำตกเกิดเป็นสายรุ้ง โดยรวมความสูงของน้ำตกชั้นที่ 2 และ 3 นี้ประมาณ 150 เมตร
ตอนไปถึงก็บ่ายละครับ แต่ช่วงนั้นฝกตกอยู่เป็นระยะ ทำให้ได้เห็นความยิ่งใหญ่ของน้ำตกอ่างชัดเจน จำนวนน้ำปริมาณมากที่ไหลผ่านหน้าผาพร้อมละอองน้ำที่กระเซ็นกระทบร่าง ทำให้เราได้สงบจิตใจไปได้ช่วงเวลานึงเลยจริงๆ
ระหว่างเส้นทางก็จะมีพรรณไม้ต่างๆให้เราได้ชื่นชมอยู่ตลอดเส้นทาง
ใครที่อย่างพักร่าง ลองพาร่างกายมาให้ถึงจุดนี้กันดูครับ เดินเข้าถึงได้ไม่ยาก แต่หากมาช่วงหน้าแล้งอาจต้องทำใจนิดนึงเพราะจะไม่มีน้ำตกไหลให้ชมเน้อ


กลับมาที่ตัวรถกันบ้าง

ผมเคยเอ่ยไว้ว่า CB300R “เรื่องบาลานซ์ของรถหรือจุดศูนย์ถ่วง ผมกลับรู้สึกว่าตัว 150 ดีกว่านิดๆ
แต่อาจเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงของท่อที่ไม่ได้ถูกวางไว้ใต้เครื่องยนต์”

ที่เอารถมาขับขี่ครั้งนี้ก็เพื่อหาข้อสรุปให้กับตนเองครับ
ซึ่งมีหลายข้อที่ได้รับการคลี่คลาย ว่าทำไมบทความก่อนหน้า ผมถึงยกให้ CB150R ให้ท่วงท่าเวลาที่ขับขี่ได้มากกว่า
ส่วนสูงของผู้ขับขี่ค่อนข้างมีผลในการปรับท่านั่ง ตัวผมเองสูง 158เซ็นติเมตร เมื่อต้องขับลากด้วยระยะทางยาวๆ
ความห่างของตัวถังน้ำมันทำให้ CB300R เมื่อล้ากว่าถ้าเทียบกัน แต่เมื่อผู้ที่มีความสูง 165 เซ็นติเมตรขึ้นไปขับขี่ หลายๆท่านยกให้ CB300R จัดการท่านั่งได้ดีกว่าในรถเดิมๆแบบไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไร

ส่วนเรื่องบาลานซ์ของรถ ยังยืนยันคำที่เคยกล่าวครับว่าตัว150เฉือนอยู่นิดๆแต่เรื่องแรงบิดแรงทอร์ค 300 มันก็คือ 300 อยู่วันยังค่ำ

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย
เนื่องจากครั้งที่แล้วไม่มีโอกาสได้จับระยะทางแบบจริงจัง จับแต่ฟิลลิ่งการขับขี่เป็นหลัก
ครั้งนี้เลยจิ้มเครื่องคิดเลขมาให้ครับ
ทดสอบในเมือง 30 – 33 กม./ลิตร
ทดสอบนอกเมือง 34 – 38 กม./ลิตร
อันนี้ความเร็วยืนพื้นไม่แน่นอนนะครับ ขับแบบใช้งานทั่วไปทั้งจ่ายตลาด ท่องเที่ยวเดินทาง
ค่าน้ำมันเฉลี่ยที่หารออกมาแล้วทำได้ประมาณนี้

ส่วนเรื่องอื่นๆของตัวรถไหนๆก็ไหนๆ
ขออนุญาติรวมไว้ตรงนี้เลยแล้วกันครับ

ช่วงล่าง
ด้านหน้าเป็น USD ขนาด 41 mm จากทาง Showa ซึ่งไม่น่าจะต้องกล่าวถึงมาก การทำงานซับแรงสะเทือนต่างๆทำได้ดีมากแล้ว
แต่หากหัวโช็คมีปรับได้อีกสักหน่อยจะเดอะเบสสสมาก แต่ก็นะ ราคาประมาณนี้ได้ขนาดนี้ก็สุดละ

ด้านหลัง สามารถปรับความแข็งสปริงได้ 7 ระดับ ซึ่งตรงนี้ตัว CB150R ไม่สามารถปรับได้

เครื่องยนต์
อย่างที่ทราบกันดีว่ามันไม่ได้เป็นเครื่องยนต์บล็อคใหม่ แต่มัก็ได้รับการแก้ไขและปรับปรุงเรื่องแมพปิ้งต่างๆ ให้ทำงานร่วมกับรูปทรงรถได้อย่างดี

ระบบเบรค
อันนี้คือดีงามครับ ไม่รู้จะหาข้อไหนมาติได้จริงๆ
เบรคหน้าเป็นเรเดียลเมาท์ 4 พอต ยี่ห้อ Nissin ประกบจานดิสก์เบรคแบบแยกชิ้น ขนาด 296 mm
เบรคหลังเป็นคาลิปเปอร์ 1 พอต ยี่ห้อ Nissin เช่นกัน พร้อมดิสก์เบรคขนาด 220 mm
ทำงานร่วมกับระบบ ABS หน้าและหลัง พร้อมระบบ G Sensor

รูปลักษณ์
อันนี้แล้วแต่คนชอบครับ ไม่ฟันธงไม่อะไรทั้งสิ้น ใครชอบก็ชอบ ใครไม่ชอบก็ไม่ชอบ มันเป็นเรื่องแค่นั้นเลยจริงๆ
แต่สีใหม่นี่สวยขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยนะ สีเปลี่ยนความรู้สึกเปลี่ยนจริงๆ

สเป็ครวมๆ
เครื่องยนต์ : 1 สูบ  286 ซีซี แบบหัวฉีด PGM-FI  ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ 4 วาล์ว  ระบายความร้อนด้วยน้ำ
กำลังอัด : 10.7 : 1
ครัชท์ : ครัชท์เปียกแบบหลายแผ่นซ้อนกัน
เกียร์ : 6 สปีด
ขับเคลื่อน : โซ่
กันสะเทือนหน้า : โช้คแบบ Up Side Down ขนาด 41 มิลลิเมตร
กันสะเทือนหลัง : โช้คอัพเดี่ยวปรับได้ 7 ระดับ
เบรคด้านหน้า : เรเดียลเมาท์ 4 พอต ขนาด 296 มิลลิเมตร (พร้อมระบบ ABS , G Sensor)
เบรคด้านหลัง : ดิสก์เบรคขนาด 220 มิลลิเมตร (พร้อมระบบ ABS , G Sensor)
ยางหน้า : 110/70 R 17 M/C 54H แบบจุ๊บเลส (ขนาดเท่า CB150R)
ยางหน้า : 150/60 R 17 M/C 66H แบบจุ๊บเลส (ขนาดเท่า CB150R)
มิติรถ : กว้าง 888 มม. / ยาว 2,012 มม. / สูง 1,052 มม.
ระยะฐานล้อ : 1,352 มิลลิเมตร
ความสูงเบาะ : 799 มิลลิเมตร
น้ำหนักรถเปล่า : 143 กิโลกรัม
ถังน้ำมัน : 10 ลิตร

สรุป
ข้อดี
น้ำหนักตัวรถเบาพอๆกับระดับ 150 CC ควบคุมง่าย
เครื่องยนต์มีกำลังมากพอในการเร่งแซง ถังน้ำมันใหญ่ ประหยัด
ราคาแพงกว่า CB150R เล็กน้อยแต่โปรด้านดอกเบี้ย ถูฏกว่า ศูนย์บริการอันนี้ไม่ต้องบอก เยอะมากก
ข้อสังเกตุ
คนตัวเล็กหน่อยอาจขับแล้วเมื่อยในเส้นทางยาวๆ
แฮนด์กว้างไปนิดแต่พอชินจริงๆมันก็ไม่ได้ควบคุมยากสักเท่าไหร่
ไม่มีไฟบอกเกียร์ (อันนี้สำหรับบางคนก็จำเป็นจริงๆนะ)

สุดท้าย

เขาใหญ่

ที่แห่งการปล่อยพลังสาดโค้ง

ที่แห่งการโชว์ทักษะระดับเทพ

ที่แห่งการข่มขวัญกันด้วยสกิล

มันใช่เหรอ?

ก่อนเข้าอ่านป้ายกันบ้างหรือเปล่า?

หรือพึ่งลงจากเครื่องบินมาจากเมืองนอกเลยอ่านภาษาไทยที่เค้าติดป้ายไว้ตัวใหญ่ตัวโตกันไม่แตกฉาน

รีบกันขนาดนี้ จะมีเวลาแวะดูธรรมชาติที่สวยงามกันมั้ย?

ทุกวันนี้คุณขับรถขึ้นเขาใหญ่กันเพื่ออะไรถามจริงๆ

สงสารเจ้าหน้าที่ที่ต้องคอยมาเก็บกู้คุณเวลาคุณพลาดบ้าง

สงสารสัตว์ป่าที่เค้าเป็นเจ้าของสถานที่จริงๆบ้าง

อย่าให้การกระทำของคุณต้องกลายเป็นภาระของคนอื่นเลย

คนที่ขับขี่ดีอยู่แล้วก็ดีไป
ส่วนคนที่ขับขี่แบบ monday what มันทำให้ใครต้องมาเดือดร้อนตามทีหลังเสมอ

ข้อความข้างต้นนี้ผมบ่นลอยๆ แต่ก็เจอพฤติกรรมเหล่านี้บ่อยมากจริงๆ บนเขาใหญ่

ลดความห้าวลงบ้างเถอะครับ
ไม่ให้เกียรติตัวเอง ก็ให้เกียรติสถานที่บ้าง
ถ้ายังอยากเดินทางด้วยรถที่คุณมีอีกต่อไปยาวๆ

เขาใหญ่ไม่ได้มีไว้ซิ่งนะครับ
ริจะซิ่ง ก็ซิ่งให้มันถูกที่ถูกทาง
ค่าสนามมันไม่แพงไปกว่าค่าน้ำมันรวมกับค่าเข้าอุทธยานสักเท่าไหร่หรอก

ใช้เวลาอยู่กับชีวิตตัวเองนานๆ
อยู่กับธรรมชาติให้นานขึ้น
แล้วคุณจะออกเดินทางกับรถที่คุณรักได้นานขึ้น

ด้วยความปรารถนาดี

#honda #cb300r #whatstopsyou

#justrideit

แล้วพบกันใหม่
ถ้าผมขยันมากพอ
ยังไงก็ฝากติดตามเพจบ้าๆบอๆที่ชื่อ https://www.facebook.com/justrideitteam/ ไว้ด้วยครับ

สำหรับวันนี้

สวัสดีครับ