GPX Legend 250 TWIN Check in ถิ่นวัยรุ่นยุค 80s’ @Folktels Cafe & Bistro

ในยุคปัจจุบัน ที่วัน เวลา และสิ่งรอบกาย กลายเป็นของใหม่ไปแทบจะทั้งหมด 

ทำให้บางครั้งคราวเราก็นึกอยากจะย้อนวันวาน เจาะเวลากลับไปมองหาสิ่งเก่า ปล่อยตัวตามสบาย 

เพียงแค่นั่งเฉยๆ เสพบรรยากาศ กลิ่นอายของเก่า เพียงเท่านี้ก็อาจทำให้เราฟื้นกำลัง ในการใช้ชีวิตเพื่อดำรงอยู่ได้ต่อไป

ในวันนี้ TopsaVage จะนำรถรุ่นหนึ่ง ที่เพิ่งเปิดตัว และพร้อมจัดจำหน่าย โดยมาจากแบรนด์คนไทย นั่นก็คือ

GPX LEGEND 250 TWIN คันสีแดงนี้ ผู้มาพร้อมกับนิยาม 
“The Iconic Reborn ความพิเศษแบบ Iconic ที่กลับมาให้คุณได้สัมผัสอีกครั้ง”

ด้วยราคาเปิดตัวที่ 79,500 บาท แล้วจัดเครื่องยนต์สองสูบคู่ จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีด ขนาด 250cc. มาให้ 

หน้าตาคลาสสิคเปี่ยมมาขนาดนี้ โลเคชั่นสถานที่ก็ควรจะแฝงกลิ่นอายความคลาสสิคกันหน่อย 

ก็เลยขอพาพ่อแม่พี่น้องมาให้รู้จักกับ Folktels Cafe & Bistro ร้านกาแฟ และ อาหาร ที่เจ้าของร้านเนรมิตรพื้นที่กว่า 12 ไร่ 

จัดเต็มบรรยากาศคลาสสิค พร้อมสมบัติที่ “คนบ้าของเก่า” เห็นเข้าเป็นร้องซี้ดซ้าดน้ำลายไหลแน่นอน 

เสร็จจากพาทัวร์ร้าน Folktels Cafe & Bistro แล้ว เราค่อยมาเจาะรายละเอียดตัวรถกันแบบเน้นๆอีกทีช่วงท้ายเหมือนเดิมนะจ๊ะ 

จัดไป!!!

Folktels Cafe & Bistro ตั้งอยู่ที่ 9 ซอยบางเเวก 83 (ซอยเดียวกับ จรัญ13) เข้าซอย 100 เมตร** ร้านอยู่ในรั้วสีน้ำตาลด้านซ้ายมือ

ขับเข้ามาจากถนนกาญจนาภิเษกประมาณ 900 เมตร ร้านจะอยู่ทางขวามือ

หรือ ขับเข้าทางถนนจรัญฯ13 ตรงเข้ามาจนซอยบางแวก 83 เข้าซอยมา 100 เมตร จะเจอทางเข้าร้านอยู่ทางซ้ายมือ

เปิดบริการทุกวัน 10.00 – 21.00 น.
เปิดวาปแผนที่
Map: 

ลานจอดรถกว้างขวาง มองด้วยสายตาคร่าวๆ รถยนต์ 50 คัน ก็น่าจะรับได้สบายๆ

ภายในร้านมีมุมที่เหมาะสำหรับกิจกรรมหลากหลาย จะนั่งชิลจิบกาแฟ จะพาแฟนมาถ่ายรูปเก๋ๆลง IG หรือพาลูกพาเด็กมาด้วยก็มีมุมให้เด็กๆด้วย

หรือใครที่มีความรักลุ่มหลงในรถแนววินเทจก็สามารถมาเม้ามอยพูดคุยกับเจ้าของร้านได้ เพราะนอกจาก ร้านอาหาร กาแฟ อย่างที่บอกแล้ว

ด้านหลังร้านพี่เค้ายังเปิดเป็นการาจ ฟื้นฟู ปรับสภาพ คลังอะไหล่ เพื่อคืนชีวิตให้กับรถคลาสสิคด้วย

เรามาดูบรรยากาศรอบๆด้านนอกรอบๆร้านกันก่อน

บรรยากาศของการาจ และคลังอะไหล่อีกเพียบบบบ โอ้ยย นี่มันบ้านในฝันชัดๆ

พาชมในร้าน พร้อมทั้งมุมแรร์ไอเทมกันบ้าง บอกเลยว่า ถ้าเป็นคนชอบของคลาสสิค วินเทจ นั่งเล่น นั่งดู ได้เป็นชั่วโมงๆเลย

เดินไป เดินมาก็ต้องหิวกันละนะ  มาจัดของกินกรุบกริบเบาๆกันหน่อยดีกว่า

เปิดตัวด้วยกาแฟดำ รสกับกลิ่นกำลังดี ไม่เข้มหนักจนเกินไป

ตามด้วยน้ำ มะม่วง เสาวรส โยเกิร์ต สายหวาน สายสมูทตี้น่าจะโดนใจ

ต่อกันที่ข้าวต้มกุ้ง กุ้งตัวโต รสเบาๆ

ยังไม่หนำใจจัด ข้าวกะเพราเป็ด FOLKTELS มาอีกจาน เป็ดนุ่มหนึบกำลังดี กลิ่นหอมใบกะเพรามาแบบเน้นๆ
เพราะในข้าวแม่ครัวเค้าเล่นปั่นใบกะเพราลงไปผสมตอนหุงด้วย

ปิดท้ายด้วย ซี่โครงหมูราดซอสบาบีคิว ตัวเนื้อเปื่อยยุ่ยนุ่มกำลังดี  ทีเด็ดอยู่ที่ซอสบาบีคิวนี่ล่ะ หอม หวาน เค็มนิดๆ ครบรส

อิ่มดีแล้วก็มาดูรายละเอียดความเป็น Iconic Reborn ของเจ้า GPX LEGEND 250 TWIN ของเรากันต่อดีกว่า

รถคันนี้ถูกออกแบบโดยทีมงาน GPX R&D สร้างสรรค์ผลงานนี้ออกมา

และความมั่นใจอีกระดับในรถของ GPX อีกอย่างคือ  GPX มีรับประกันเครื่องยนต์ 3 ปี หรือ 30,000 km (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
***โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของการรับประกัน***

เริ่มกันที่เครื่องยนต์ ลูกสูบคู่ ความจุ234cc. หัวฉีด GPX-FI  ระบายความร้อนด้วยอากาศ ติดตั้ง OIL COOLED ติดตัวมาให้ด้วย
คอท่อไอเสียแยกจากลูกสูบทั้งสองชัดเจน แล้วไปรวมกันออกท่อเดี่ยว สุ้มเสียงที่เปล่งออกมา ดังแบบหล่อๆ นุ่มสุภาพเลยเชียวแหละ
เกียร์ 6 speed อัตราทดย่านเกียร์ 3-4 กว้าง ลากสนุก
ความเร็วปลายแบบรีดสุดๆ หมอบจนคางเกยถังน้ำมันอยู่ที่ 135กิโลเมตรต่อชั่วโมง
(**เป็นการทดสอบบนถนนที่โล่งยาว และทัศนวิสัยชัดเจน ไม่แนะนำให้ท่านผู้อ่านใช้ความเร็วสูงในการใช้งานในชีวิตประจำวัน**)
ส่วนความเร็วปลายแบบไม่หมอบ รวมถึงมีคนซ้อนน้ำหนักรวมสองคนประมาณ 150 กิโลกรัม ความเร็วอยู่ที่ 125กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ถังน้ำมันความจุ 14.5 ลิตร รูปทรงกำลังดี แถบกันลื่นข้างถังยามใช้เข่าหนีบถังตอนขับขี่ให้ความรู้สึกกระชับแนบแน่นดี
ให้ความรู้สึกของวัสดุตรงแถบกันลื่นดูพรีเมี่ยม

ชุดไฟส่องสว่างด้านหน้า รวมความคลาสสิคเข้าไว้กับความร่วมสมัยแบบ Full LED ส่องชัดเจนดียามกลางคืน
ยามกลางวันก็เพิ่มความเป็นจุดสังเกตให้แก่รถอื่นได้ดี

กระจกส่องข้างแบบติดปลายแฮนด์ บวกกับตุ้มปลายแฮนด์ที่ยาวนิดๆ ระดับมันสูงพอดีกับกระจกมองข้างรถเก๋งทั่วไปเลย

ไฟท้าย LED ชัดเจนดียามกลางคืน แต่เวลากลางวัน ถ้าแดดจัดๆ ตอนขับตามดูท้าย จะจำแนกไฟหรี่กับไฟเบรกยากอยู่สักนิด

ช่วงล่างด้านหลังให้ YSS SHOCK GAS มาให้จากโรงงานเลย ความหนึบเพียงพอต่อการใช้งาน แต่ก็จะมีความรู้สึกกระด้างติดมาเล็กๆ
แต่ช็อคอัพสามารถปรับระดับความแข็งอ่อนของสปริงช็อคอัพ ปรับได้ตามความชอบส่วนตัวของผู้ขับขี่ได้เลย

ชุดเบรกหลังแบบ ดิสเบรก ลูกสูบเดี่ยว ให้พลังเบรกเหลือเฟือ เพียงพอ
ยางหลังจาก วีรับเบอร์ ขนาด 130/90-17″

ปลายท่อไอเสีย มาแนวดุด้วยสีดำสนิททั้งใบ แต่ปลายท่อให้สีเงินติดมานิดหน่อย เสียงนุ่ม สุขุม ไม่ดังมาก ไม่ต้องแอบเอาออกไปสตาร์ทนอกบ้านก็ได้
ลองฟังเสียงท่อกันได้จากคลิปนี้เลยจ้า

ช่วงล่างด้านหน้าแบบ Up Side Down ให้ความรู้สึกนุ่มกำลังดี
ชุดเบรกหน้าแบบ ทวินดิสเบรก ปั๊มเบรกหน้าตาคุ้นเคย ให้กำลังเบรกหนึบหนับติดมือดีจริงๆ
ยางหน้าจาก วีรับเบอร์ ขนาด 110/90-17″

แฮนด์จับช็อค องศากำลังสวย แต่หากไม่พอใจ ก็สามารถปรับแต่งให้ติดตั้งตุ๊กตาแฮนด์แปลงเป็นรถแบบแฮนด์บาร์ได้ไม่ยาก
เพราะตรงช่วงแผงคอที่ปิดจุกยางอยู่ ออกแบบมาให้มีช่องเผื่อสำหรับการปรับแต่งใส่ตุ๊กตาแฮนด์มาให้อยู่แล้ว
ใครที่อยากจะแปลงแฮนด์บาร์ก็ทำได้สบายๆ

สวิชท์บนประกับแฮนด์ด้านขวา ด้านบนเป็นสวิชท์ไฟฉุกเฉิน อันกลางเป็นสวิชท์เปิดปิดไฟหน้าปัด และล่างสุดคือสวิชท์สตาร์ทเครื่องยนต์
(ความเห็นส่วนตัวTopsaVage ด้านบนควรเป็นสวิชท์ Off-Run อันกลางเป็นสวิชท์ไฟฉุกเฉินแทน เพราะไฟหน้าปัดควรจะติดตลอดเวลาอยู่แล้ว)

สวิชท์บนประกับแฮนด์ด้านซ้าย ด้านบนสวิชท์ไฟสูงต่ำ อันกลางเป็นสวิชท์ไฟเลี้ยว ล่างสุดคือสวิชท์แตร

จอมาตรวัดแสดงผลแบบ Full Digital บอกข้อมูลครบๆ มีไฟบอกเกียร์ด้วย
แต่ตอนติดเครื่องขี่ครั้งแรกแอบตกใจว่า เอ้ะ ทำไมไฟรูปเครื่องยนต์มันติดตลอดหว่า พอลองเพ่งดูดีๆ ก็ถึงบางอ้อ
สีของวัสดุที่ครอบไฟมันโดดเด่นไปหน่อย ทำให้มองแล้วเข้าใจผิดไปว่า ไฟเครื่องยนต์ติดอยู่ ทั้งที่จริงๆมันดับไปและทำงานปกติดีอยู่แล้ว

เสียงจากแตรคู่ ความดังกับโทนเสียงกำลังไพเราะ

เบาะนั่งชิ้นเดียวแต่มีลูกเล่นการเลือกใช้หนังหุ้มเบาะแบบแยกส่วนระหว่างคนขี่กับคนซ้อนเล็กน้อย
คนซ้อนลองนั่งแล้วบอกว่าโอเค ความกว้าง ความยาว ความนุ่มกำลังดี ไม่ลื่น ไม่กังวลกับการซ้อนรถคันนี้

รายละเอียดตัวรถในหลายๆมุมมองกันบ้าง

ท่านั่งการขับขี่ควบคุม
ก่อนขึ้นขี่ก็โดนเจ้าแฮนด์จับช็อคนี่หลอกเสียสนิทเลยว่า “น่าจะเมื่อยแน่”
แต่พอขึ้นขี่จริง เอ้ย มันก็ไม่ได้ถึงขนาดนั้นนี่นา หากนั่งแบบท่าที่ร่ำเรียนฝึกฝนมาจากสถาบันขับขี่ต่างๆ
หลักๆก็เริ่มจากปลายเท้าชี้ตรงไปข้างหน้า
เข่าหนีบถังไม่ต้องแน่นไม่ต้องเกร็งมาก
ช่วงตัวด้านบน ปล่อยตามสบาย
มือจับแฮนด์แบบวีกริ้ป
เพียงเท่านี้ก็ใช้เวลาไปด้วยกันได้หลายร้อยกิโลเมตรล่ะน่า

กับราคาขายที่เคาะปังลงมา 79,500 บาท ก็น่าจะส่งผลให้คนที่กำลังมองหารถที่มีลุควินเทจนิดๆ ใจเต้นได้อยู่บ้างละน่า

และนอกจาก GPX LEGEND 250 TWIN นี้แล้ว ในปีนี้ GPX ได้ปล่อยรถออกมาอีกเพียบ
ที่จ่อรอคิวเอามาทดลองขี่ก็มี RAPTOR180 , POPz125 , MAD300
แล้วพบกันใหม่ครับ

ขอขอบคุณ
GPX เอื้อเฟื้อรถทดสอบ และสนับสนุนการเดินทาง

ร้าน Folktels Cafe & Bistro เอื้อเฟื้อสถานที่สวยๆในการถ่ายทำ

และขอบคุณท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน ขอบคุณครับ

TopsaVage : ถ่ายภาพ เขียนบทความ ขี่รถลุยแดด ลุยฝน แอบอู้ แอบเหงา เจ้าเดิม 5555+
Lotteidol : ช่วยถ่ายภาพแอคชั่น