เพชรบุรีมีเรื่องเล่า With GPX Legend 150S

บางทีเราก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมไปทุกๆที่ ต้องมีเรื่องเล่า ถ้าไม่มีใครเล่าให้ฟังก็ต้องไปหามาว่าเค้ามีเรื่องเล่าอะไรบ้าง

ไปเที่ยวกลับมาก็ต้องมาเรื่องมาเล่าให้ฟัง

วันก่อนมีโอกาส ได้ทำกิจกรรมนอกสถานที่ของที่ทำงาน ซึ่งทางบริษัทได้พาพนักงานประมาณ 500 ชีวิต มาทำกิจกรรมที่ เดอะ รีเจ้นท์ ชะอำ บีช รีสอร์ท(the regent cha am beach resort) ซึ่งเนื่องด้วยเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ มีชื่อเสียงมานาน


The Regent Cha am beach resortเป็นโรงแรมที่สร้างตำนานร่วมกับชายหาดชะอำมาอย่างยาวนานเกือบๆ 40 ปี เพียงเท่านี้ ที่นี่ก็เริ่มน่าสนใจขึ้นมาแล้ว

The Regent Cha am beach resort นับเป็นแบรนด์แรกๆ ที่เข้ามาทำธุรกิจโรงแรมในแถบนี้ แม้โรงแรมรีเจนท์ชะอำจะเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวมานานแล้ว แต่สภาพของอาคารกลับดูเหมือนเพิ่งสร้างมาเพียงไม่กี่ปี ซึ่งก็แหงล่ะ เค้าปรับปรุงมาเรื่อยๆ ซึ่งจากแผนที่โรงแรม จะเห็นได้ว่ามีความกว้างใหญ่มากกกกก ด้วยความกว้างใหญ่ขนาดนี้ทำให้ความสามารถในการรองรับ กรุ๊ป ขนาด500คน ทำได้อย่างดี เพียงแต่ต้องพลิกแพลงนิดหน่อย

เริ่มจาก การจัดอาหารกลางวันแบบบุฟเฟ่ ต้อนรับคน 500 คน  เลือกจัดที่ห้องประชุมขนาดใหญ่ ซึ่งเดาไว้ว่า ได้ใช้งานห้องนี้ไปตลอดการจัดกิจกรรมแน่ๆ

ทั้งกิจกรรมบ่าย ค่ำ และสำหรับข้าวเช้า แต่ผิดถนัด


หลังจากทานข้าวกลางวันกิจกรรมบ่ายถูกจัดที่ Lakeside Pavilion ซึ่งแน่นอน กว้างขวางดี มีการจัดการในเรื่องของอากาศอย่างดี เนื่องจากมีการติดตั้งพัดลมขนาดใหญ่ เพื่อใช้ระบายความร้อน สบาย ทำกิจกรรมลุกนั่งวิ่งเดิน คล่องตัวดี

และแล้วก็ถึงเวลาของการพักผ่อน ในช่วงเย็นก่อนที่จะเข้ากิจกรรมในช่วงค่ำ มาทะเลก็ต้องมีหาดทรายกับท้องฟ้า

ถ้ามีหาดทรายต้องมีทางลง

ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ถามเอาสิ

ไปไหนมาไหนเอาปากไปด้วย ไม่หลงแน่นอน

มาดูในส่วนของห้องพักบ้างดีกว่า ผมได้พักในส่วนของ Main Wing

ส่วนของLobby กว้างขวางใช้ได้ โปร่ง โล่ง บรรยากาศดีมาก ดีจนไม่เข้าห้องแล้วได้มั้ย นอนมันแถวนี้เลยยังได้ โซฟากว้างใหญ่เท่าที่นอนกันเลยที่เดียว พร้อมด้วย Breez bar Barเล็กๆ ที่อยู่ในส่วนเดียวกับLobby ที่พร้อมให้บริการทุกท่านถึงช่วงค่ำ

เดินทะลุ Lobby ออกมาจะพบกับ สระน้ำรูปหัวใจ วิวทะเล เหมาะสำหรับการพักผ่อน

สุดทางเดินเป็นร้านอาหารริมทะเล บรรยากาศดีน่าสั่งเครื่องดื่มนั่งชิลยิ่งนัก

และผุ้จัดการร้านอาหาร

หน้าตาดุเชียว

สำหรับบรรยากาศในส่วนของห้องพัก ห้องพักที่พัก เป็นห้องขนาด 2 เตียง ฝั่งMain wing อาคาร1

อะนะ ไม่ได้วิวทะเลก็เอาวิวสวนไปละ ร่มรื่นด้วยสวนสวยสีเขียว กว้างขวาง สะอาด

เครื่องใช้ในห้องครบครับ กระจกในห้องเยอะมากกกกก กระจกจะเยอะไปไหนนะ


หลังจากพักผ่อน พร้อมทำกิจกรรมช่วงค่ำคืนผ่านไป รุ่งเช้าหลังจากทานข้าวเช้ามาตรฐานโรงแรม
ก็เก็บของออกรถ วิ่งถนนเส้นเลียบหาด มุ่งหน้า หาดเจ้าสำราญ

เป็นชายหาด ที่เคยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ มาแต่สมัยโบราณ มีประวัติเล่ากันมาว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เคยเสด็จมาที่นี่ พร้อมด้วยสมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงพอพระราชหฤทัย ในความงามของหาดนี้มาก ทรงประทับแรมอยู่หลายวัน จน ชาวบ้าน เรียกหาดนี้ว่า หาดเจ้าสำราญ
อันนี้จริงเท็จแค่ไหนไม่รู้ไม่ปรากฏหลักฐานใดๆ

ที่ปรากฏหลักฐานจริงๆ ก็คือ หาดเจ้าสำราญเจริญถึงขีดสุดในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ซึ่งเป็นหาดที่มีชื่อเสียงมากกว่าหาดอื่นๆในสมัยนั้น โดยโปรดเกล้าให้สร้างค่ายหลวงขึ้นเรียกว่า “ค่ายหลวงบางทะลุ” ตามชื่อของตำบลบางทะลุ ที่เป็นที่ตั้งโดยมี “พระตำหนักบริเวณริมหาดแห่งนี้เรียกว่า “พระตำหนักหาดเจ้าสำราญ” ภายหลังทรงหายจากพระประชวร ทรงได้เปลี่ยนชื่อตำบลเสียใหม่ ด้วยชื่อเดิมเห็นว่าไม่เป็นมงคล เป็น ตำบลหาดเจ้าสำราญ ตามชื่อของหาดแต่ต่อมาทรงได้ย้ายพระตำหนักไปยังจุดที่เป็น พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ในปัจจุบันเพราะหาดเจ้า สำราญมีแมลงวันชุมเนื่องจากพระตำหนักแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้หมู่บ้านชาวประมงทำให้พระตำหนักแห่งนี้มีแมลงวันชุมจนพระองค์แอบได้ยินข้าราชบริพารในพระองค์ บ่นว่า “หาดเจ้าสำราญแต่ข้าราชบริพารเบื่อ” และหาดแห่งนี้ขาดแคลนน้ำจืดจึงโปรดให้ย้ายไปในที่สุด

ซึ่งปัจจุบันทางเทศบาล ได้จัดการหาดเป็นอย่างดี ไม่มีเตียงผ้าใบ มีเสื้อชูชีพให้ยืมใส่ และออกฎให้นักท่องเที่ยวที่จะลงทะเลต้องใส่ทุกคน ร้านค้าไม่แออัด ยิ่งเช้าๆ บรรยากาศสงบๆ ลมเย็นๆ น่าปูผ้านอนเล่นยิ่งนัก ราคาเช่าเสื่อแค่ 20 บาท

นอนเล่นซะหน่อยเถอะ มันจะดีนะ


เอารักมาฝาก ซื้อพวงมาลัยช่วงหลังๆ ได้แต่รักพลาสติก แม่ค้าบอกว่า รักแท้มันหายาก



เสื่อ ห่วงยางให้เช่าราคาไม่แพง เสื้อชูชีพก็มีขาย แต่ถ้าไม่อยากเสียเงินมาก ก็ยืมเอาก็ได้

แต่จะยืม ก็ต้องรู้กติกาด้วยนะ

ร้านค้าร้านอาหารเยอะแยะไม่ต้องกลัวอด ที่พักก็มีมากมาย

ชายหาดจะเอาผ้ามาปูนั่งเองก็ได้ไม่มีใครห้าม สบายๆ ไม่เหมือนกับที่เที่ยวอื่นๆ ที่มีสัมปทานจับจองหาดขายของกันหมด
อีกอย่าง มีความตั้งใจที่จะสร้างร่มไม้ ด้วยการปลูกต้นหูกวาง(ใช่มะ) ซึ่งถึงจะช้า แต่ก็คุ้มค่ากว่าขุดล้อมเอามาลงแน่นอน

หาดเจ้าสำราญเป็นอีกจุดที่พบวาฬบรูดา จะพบได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึง ธันวาคม มีบริการเรือประมง พาดูวาฬ น่าสนใจดีนะ แต่จะเจอมากน้อยแค่ไหนคงขึ้นอยู่กับดวงแล้วหละ


มาเพชรบุรีก็นึกขึ้นได้  น้ำตาลสดเค้าขึ้นชื่อ ไม่ได้กินน้ำตาลสดดีๆ นานแล้ว

นึกๆต่อไป อืมมมม…..

น้ำตาลเมาก็หากินไม่ได้เลยแฮะ ขี่ย้อนขึ้นไปทางอำเภอบ้านลาด ระหว่างทางเห็นต้นตาลเต็มท้องนา พาลนึกถึง

นิทานสมัยเด็ก ตาลยอดด้วน
“ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ชาวเมืองเพชร เกิดมีปัญหากับชาวสุพรรณ ทั้งสองฝ่ายต่างถกเถียงกันด้วยเรื่องต้นตาลโตนด ว่าของใครจะมีมากกว่ากัน ข้อพิพาทมีอยู่นานจนในที่สุดก็มายุติลงด้วยการนับ เงื่อนไงคือ เมืองที่มีมากกว่าจะเป็นผู้ชนะ เมื่อถึงวันตัดสิน แต่ละเมืองก็ขึ้นไปบนที่สูงเพื่อนับยอดตาล ชาวเพชรขึ้นไปบนยอดเขาวัง (สำหรับชาวสุพรรณ ไม่ทราบว่าขึ้นเขาอะไร เพราะแหล่งข่าวไม่ได้บอกไว้)

เมื่อเอาจำนวนมาเปรียบเทียบกัน ปรากฏว่าเมืองสุพรรณ มียอดตาล 99,999 ต้น แต่เมืองเพชรบุรี มี 100,000 ต้น ชนะกันเพียงต้นเดียว ชาวสุพรรณไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ท้าพิสูจน์กันใหม่ ในที่สุดก็พบความจริงว่า ต้นตาลต้นหนึ่งของเมืองสุพรรณเป็นตาลยอดด้วน เมื่อนับจากที่สูงจึงมองไม่เห็น ก็เป็นอันว่าต้นตาลของทั้งสองเมืองมีจำนวนเท่ากัน แต่ต้นตาลเมืองสุพรรณมียอดน้อยกว่าเมืองเพชรหนึ่งยอด นิทานเรื่องต้นตาลเมืองเพชรก็เป็นอันจบลงด้วยประการฉะนี้ ”

เข้าไปตลาดบ้านลาด ลองถามหาน้ำตาลเมาก็ไม่มีใครขาย อย่างว่ากฎหมายมันแรง

ทำเองเป็นก็ทำกินดีกว่า ไอ้อย่างเราๆ จะหาได้กินคงยากกก

ขี่รถย้อนกลับไปท่ายาง เพื่อหาข้าวกลางวัน ของฝาก และเดินเที่ยวเล่น ชมบรรยากาศตลาดท่ายาง


จอดรถแอบบไว้ตรงนี้ก่อน ท่าย์น้ำข้ามภพ ที่เที่ยวบรรยากาศตลาดริมน้ำ จะเริ่มขายในช่วงเย็น

เรามาช่วงเที่ยงก็ขอหาที่ร่มๆจอดรถ หน่อยละกัน

สะพานมันจะดึ๋งๆหน่อยนะ

มีป้ายแจ้งห้ามขึ้นเกิน 15 คน แต่ตอนนี้มีเราคนเดียวจะกังวลอะไรเล่า

ร้านรวงยังไม่เปิด ผู้คนยังไม่จอแจ

ฝากจอดรถนิด ไม่เป็นไรหรอกม้างงง

ท่ายางก็ดูเป็นอำเภอที่มีสเน่ห์เหมือนกัน

ยังคงความเป็นชาวบ้าน อาจจะเป็นเพราะ

ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยว ที่ทำให้ วิถีชีวิตเปลี่ยนแปลงไป ยังคงใช้ชีวิตอย่างที่เคยใช้

รูปแบบก็ยังคงคล้ายเดิม  ยิ่งมองยิ่งพิศยิ่งรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไป

ป้าเชาว์ ร้านก๋วยเตี๋ยวและกาแฟที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน 

โรงเกษมสุข ที่แต่ก่อนคงมีหนังเข้าฉายบ่อย ไม่แพ้ Major cineplex
อ่อ Hilux tiger ในรูป ก็เกือบจะเป็นรถในตำนานไปแล้วมั้ง จำได้ว่าเปิดตัวทั่วประเทศด้วยการ วิ่ง 2 ล้อ
ไม่รู้ว่าเพื่ออะไร ถถถถ

ข้าวเที่ยง เรามาฝากท้องเที่ยงๆ คล้อยบ่าย แบบนี้กันที่ร้านผัดไทยท่ายาง รองท้องด้วยลูกชิ้นทอดรสเด็ด น้ำจิ้มรสกลมกล่อม พร้อมน้ำตาลสดแท้แช่เย็นเจี๊ยบบบบบหวานกลมกล่มไม่บาดคอ ก่อนที่จะได้ชิมผัดไทยหมูแบบโบราณ รสชาติเข้มข้น หอมน้ำมะขามเปียก เปรี้ยวนำ จนต้องยั้งมือไม่ให้บีบมะนาวมากเกินไป ล้างปากกันด้วยลูกตาลเชื่อม น้ำตาลจะขึ้นก็มื้อนี้แหละ สิริรวมแล้ว จ่ายเงินไป 122 บาท ไม่ถูกไม่แพง

ร้านผัดไทย ตั้งอยู่ติดกับศาลเจ้ากวนอู ใกล้กับ ท่าย์น้ำข้ามภพ เห็นคนเยอะๆ เต็มร้านนั่นใช่แน่นอน



หน้าร้านมีของฝากเยอะแยะ ที่น่าโดนที่สุดก็นู้นแหละ มะนาวเมืองเพชร จะแบ่งซื้อก็ไม่กล้าไว้โอกาสหน้าก็แล้วกัน

บรรยากาศในร้าน ค่อนข้างแออัด คนจ๊อกแจ๊กจอแจ ลุกๆนั่งกันเป็นเก้าอี้ดนตรี

เฮียเสื้อแดงดูแลดี อัธยาศัยดีน่าดูเห็นเราสั่งเยอะก็กลัวจะกินไม่หมด หึหึ เค้ายังไม่รู้จักเราตะหาก

พร้อมเสริฟอย่างแรก คือ น้ำตาลสดขวดโต เย็นเจี๊ยบจากตู้แช่ เทลงใส่แก้วน้ำแข็ง ชื่นใจน่าดู หวานมาก แต่ไม่บาดคอ นี่ถ้าได้ผสมน้ำตาลเมานะ ไม่ต้องกลับบ้านกันแล้ว
ข้างกันนั้นคือ ลูกตาลเชื่อมเย็นๆ จากตู้แช่ ชื่นใจได้อีก…..

ของว่างกินเล่นก็ตามมา รอไม่นาน ลูกชิ้นหมูทอด แน่นอน ลูกชิ้นหมู ไม่ใช้ลูกชิ้นแป้ง น้ำจิ้มรสเด็ดดวง
ให้เยอะพอประมาณ เยอะกว่านี้ก็เช็คบิลได้ เพราะน่าจะอิ่มพอดี ๕๕๕๕

ไม่นานนัก ผัดไทยหมูก็มาเสริฟ หอมน้ำมะขามเปียกจาง รสเปรี้ยวนำ บีบมะนาวแค่นิดเดียวเพื่อเอากลื่นมะนาว รสชาติกลมกล่อม

เยื้องกันกับศาลเจ้ากวนอูเป็นข้าวแช่เพชรบุรี แม่เล็กสะกิดใจ  ซื้อกลับบ้านเป็นของฝากก็ดูดี ซักชุดก็แล้วกัน 60 บาท

สำหรับในส่วนของม้างานในวันนี้ได้รับความไว้วางใจจาก
GPX Thailand
http://www.gpxthailand.com ให้นำรถมาทดสอบขับขี่

ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์  GPX Legend 150S ที่มาพร้อมกับราคาสุดคุ้มค่าที่ 48,800 บาท

แล้วมันมีอะไร แตกต่างไปบ้าง จากLegend 150 ตัวก่อน เดี๋ยวพาไปชมกันครับ

SPECIFICATION

POWER
หัวข้อ    รายละเอียด
เครื่องยนต์    149cc 4 จังหวะ
อัตราส่วนการอัด    9 . 0 : 1
ระบายความร้อน    อากาศ
ไฟหน้า    12V 25/25w
ไฟหลัง    LED
ระบบสตาร์ท    มอเตอร์สตาร์ท

PERFORMANCE
หัวข้อ    รายละเอียด
เบรกหน้า    Single Disk Brake
เบรกหลัง    Drum Brake
โช๊คหน้า    Telescopic
โช๊คหลัง    Double Rear Shock
ยางหน้า    Vee Rubber 110/90-17″
ยางหลัง    Vee Rubber 120/90-17″

DIMENSION
หัวข้อ    รายละเอียด
กว้าง x ยาว x สูง    830 x 2,015 x 1,100 mm.
ความสูงจากพื้นถึงเบาะ    790 mm.
ระหว่างล้อ หน้า-หลัง    1,340 mm.
น้ำหนัก    130 kg.

จากSpecรถ รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงจาก Legend 150 ตัวก่อนรึยังครับ

begin again คำนี้เหมาะเจาะ พอดี หรือจะเรียกว่าสู่สามัญก็เป็นได้

หลังจาก GPX ขายรถพร้อมแต่งมาหลายรุ่น เรียกได้ว่าหล่อสำเร็จ ขี่ได้ทันที

Legend 150 S เป็นรุ่นที่กลับมาสู่จุดที่เป็นสามัญ เรียบง่าย แต่ประสิทธิภาพยังคงเดิม

สิ่งแรกที่เห็นได้ชัดจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือ เบรคหลังถูกเปลี่ยนให้เป็น ดรัมเบรค ซึ่งจากการ

ทดสอบ ประสิทธิภาพการหยุดรถไม่ได้ลดลง เบรคหนักๆ พาลจะทำให้ล้อล็อคได้

ส่วนตัวมองว่าหากไม่ติดเรื่องSpec ดรัมหลังก็ดูจะลงตัวกับแนวคลาสสิคดี ไม่แพ้ดิสเบรค เอาจริงๆ ถ้าได้ดรัมหน้าลูกโตๆ คงเท่ไม่หยอก

ลายเส้นที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย สำหรับLegend 150S

ลายเส้นอ่อนช้อยพอประมาณ ตัดกับความดุดันของสีดำด้าน ทั้งคันของคันนี้

แม้กระทั่งFont ก็เปลี่ยน เพื่อความให้เกิดความแตกต่างกับรุ่นก่อนหน้า

อีกจุดนึงที่เปลี่ยนไปก็คือ สี สำหรับ Legend 150S จะมีเพียงดำด้าน และเทาด้าน
เรียกได้ว่าวางPositionให้เป็นรุ่นที่ดุ เข้ม เลยที่เดียว ไม่มีสีหวานๆ อ่อนๆบ้างเลย

ท่อไอเสียทรงMegaphone สีดำด้านก็ขับให้ดุยิ่งขึ้น

จากเดิมที่เป็นท่อสแตนเลส เปลี่ยนเป็นท่อเหล็กพ่นสีดำด้าน รับกับสีรถ

แต่ก็ต้องระวังในการใช้งาน อาจจะหมองง่าย และ สนิมที่ตามมาหากทำการพ่นสีไม่ดีพอ

แต่สำหรับคนที่ตั้งใจออกรถมาเปลี่ยนท่ออยู่แล้วก็ข้ามๆ มันไป ยังไงก็ถอดทิ้งอยู่แล้วหนิ

ปล.ถ้าเปลี่ยนท่อก็ช่วยดูท่อที่เสียงเงียบๆ กันหน่อยนะ เกรงใจคนอื่นบ้างงงงง

ไอ้ที่เห็นแดงตรงคอนั่นคราบดินที่ล้างไม่ออก ถถถถ บอกแล้วว่า ดูแลเหนื่อยหน่อย ถ้าจะหล่อดำด้าน

สุดท้ายความแตกต่างที่ทำให้ชีวิตมนุษย์ปกติ ที่ไม่ใช่ สายTracker ใช้ชีวิตง่ายขึ้นก็คือ ยางหน้าหลัง

ที่ทำการเปลี่ยนลายจากลายTrackerเป็นบั้งๆ เปลี่ยนเป็นลายธรรมดา

เป็นของVee rubber หน้า 110/90 หลัง 120/90

ทำให้การขับขี่มั่นใจมากยิ่งขึ้น การเข้าโค้งทำได้ดีขึ้น

และแน่นอน ทั้งหมดทั้งมวลที่ผ่านมาทำให้ราคาถูกลง

นี่ถ้าอยู่ในวัยหัดรถครัชมือ คันนี้จะเป็นตัวเลือกต้นๆเลยนะ

ราคาคุ้มค่าจริงๆ

อีกอย่างที่ถูกเปลี่ยนออกก็คือ โช๊คหลัง Yss ใส่โช๊คธรรมดาติดรถมา ทำให้รู้สึกกระด้างขึ้น แต่ด้วยราคาที่ลดลง สามารถหาโช๊คหลังคุณภาพใกล้เคียงYss แต่ราคาถูกกว่าไม่อยากนักหรอก

ด้วยกำลังเครื่องความจุ 150 cc ควบคุมง่าย อาจจะมีอาการดื้อบ้างเนื่องจากยางใหญ่

ความเร็วบนทางหลวง 130 กม/ชม ที่ 8500 รอบ ก็ถือว่าทำได้ไม่เลว ไปต่อได้อีกนิด แต่พอก่อนเถอะ 55

มีอาการต้านลม เนื่องจากเซ็ตทรงมาเป็นทรงTracker หากใช้ขี่ทางไกลจะเมื่อยตัวเมื่อยไหล่

แต่แฮนด์บาร์ทรงนี้ส่งผลดีต่อการควมคุมรถ ทำให้ควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ เหมือนจะเกะกะ

แต่ก็สามารถขี่ตามรถคันอื่นๆ ระหว่างช่องว่างระหว่างรถยนต์ได้เป็นปกติ

ช่วงล่างติดกระด้างไปนิดนึง เซ็ตใหม่อีกทีน่าจะดีขึ้น ยี่ห้ออื่นๆ ที่ไม่ใช่ Yss ดีๆ ไม่แพ้กัน


สำหรับใครที่ต้องการรถเท่ๆไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน ขี่ไปเลาะ กินขนม รับสาว คันนี้ก็ถือว่าตรงจุดตรงประเด็น

หรือใครที่หารถเพื่อไปแต่งต่อ ต่อยอด เพื่อความเป็นตัวของตัวเอง คันนี้ก็เรียกว่าพอดี สมบูรณ์เลยหละ

สุดท้ายก็ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่าจบมาถึงบรรทัดนี้

มีอะไรติชม ก็เข้ามาแลกเปลี่ยนกันครับ

ฝากผลงานเอาไว้อ่านตอนนั่งส้วมก็ยังดี

DarkcutiE สวัสดีครับ