ขี่ไปหาตำนาน “ขุนเขา ชายชรา มอเตอร์ไซค์” By GPX LEGEND Series

ขี่ไปหาตำนาน “ขุนเขา ชายชรา มอเตอร์ไซค์” By GPX LEGEND Series


สวัสดีครับ วันนี้ TopsaVage ขอน้อมนำท่านผู้อ่านมาทำความรู้จักกับ ตำนาน ที่แตกต่างกันสามอย่าง

แต่เมื่อโอกาสอำนวยให้ จึงทำให้สามสิ่งมารวมกันเป็นกระทู้นี้ขึ้นมาได้

-เขาใหญ่ หลายท่านก็รู้จักคุ้นเคยดี ขุนเขาแห่งนี้มีตำนานกว่าร้อยปีมาแล้วเชียวนะ

-เคี้ยงโมโต, วิชิต บางซ่อน, อาจารย์หยอย ผู้ซึ่งโลดแล่นอยู่ในยุทธจักรมอเตอร์ไซค์เมืองไทยมาอย่างยาวนาน

-GPX LEGEND Series 3 Generation มอเตอร์ไซค์แบรนด์ไทย ที่เริ่มสะสมอินทรีย์จนกล้าแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

มาครับ มาทำความรู้จักกับ ตำนาน ทั้งสามสิ่งกัน

*************************************************************


เขาใหญ่ แห่งเทือกเขาพนมดงรัก

เมื่อครั้งอดีตเคยเป็นป่าดงดิบอันกว้างใหญ่คั่นกลางระหว่าง ที่ราบลุ่มภาคกลางกับ ที่ราบสูงภาคอีสาน เคยได้รับขนานนามว่า ดงพญาไฟ

เนื่องจากเต็มไปด้วยภยันตรายทั้งหลาย จากสัตว์ป่า ไข้ป่า ตลอดจนภูติผีปีศาจ และอาถรรพณ์ลึกลับมากมาย

ผู้ใดเข้าไปในป่านี้แล้ว น้อยคนนักที่จะได้กลับออกมา จนเป็นที่ร่ำลือเล่าขานกันมาอย่างยาวนาน

การเดินทางจากเมืองสระบุรีกับมณฑลนครราชสีมา ก็ต้องผ่านดงพญาไฟแห่งนี้ จะใช้เกวียนก็ไม่ได้ ต้องอาศัยการเดินเท้าอย่างเดียว

ต้องเดินลัดเลาะไปตามสันเขา ไหล่เขา ลำธาร คนเดินตามปกตินั้นตั้งแต่ตำบลแก่งคอย สระบุรี

ต้องใช้เวลาถึง 2 คืน จึงจะผ่านพ้นป่าแห่งนี้ไปได้


จนเมื่อมีการสร้างทางรถไฟเชื่อมภาคกลางกับภาคอีสาน โดยตัดผ่านดงพญาไฟแห่งนี้

แต่ก็ทำให้วิศวกร นายช่าง และแรงงาน จำนวนมาก ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ต่างก็เอาชีวิตมาสังเวยให้กับไข้ป่ากันเสียเป็นจำนวนมาก

เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จมาทำพิธีเปิดทางรถไฟ ขณะเสด็จกลับได้ผ่านป่าใหญ่ ปัจจุบันคือบริเวณเขื่อนลำตะคอง

ถึงสถานีรถไฟปากช่องก็ได้ทรงรับสั่งถามว่า  “ป่านี้ชื่อว่าอะไร”

ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ได้กราบบังคมทูลว่าชื่อ “ป่าดงพญาไฟ”

พระองค์ทรงรับสั่งว่า  “ป่านี้ชื่อฟังดูน่ากลัว”

จึงตรัสว่า “ให้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ดงพญาเย็น เพื่อความเป็นสิริมงคลและความร่มเย็นเป็นสุขของอาณาประชาราษฎร์ในวันข้างหน้า”

**จุดชมวิว กม.30 วิวแบบพาโนราม่าของทิวเขาสลับซับซ้อน นั่งมองนานๆแล้วหายเหนื่อยจริงๆ**

ต่อมาเริ่มมีผู้คนเข้าไปตั้งถิ่นฐานกันเรื่อยๆ ราษฎรบ้านท่าชัย และบ้านท่าด่าน จังหวัดนครนายก

พากันขึ้นไปถากถางป่าปลูกข้าว ปลูกพริก ไม้ผล ปัจจุบันยังปรากฏมีต้นขนุน และมะม่วงให้เราเห็นอยู่บนเขาใหญ่

และปลูกบ้านเรือนอยู่บนยอดเขาประมาณ 30 หลังคาเรือน เกิดเป็นชุมชนเล็กๆขึ้นมา ต่อมาทางการได้ยกฐานะขึ้นเป็นตำบลเขาใหญ่

ขึ้นกับอำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก มีการบุกรุกถางป่า ทำไร่เลื่อนลอยมาเป็นเวลาช้านาน  จนทำให้สภาพป่าเป็นทุ่งหญ้าคา มีเนื้อที่กว้างขวาง

แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ยังเป็นป่ารกชัฏอยู่

เวลาต่อมาตำบลเขาใหญ่กลายเป็นที่ซ่อมสุมโจรผู้ร้าย เป็นที่พักพิงพวกหลบหนีคดีต่างๆ เพราะยากแก่การเข้าปราบปรามให้ราบคาบได้

ในสมัยนั้น  ปลัดจ่าง นิสัยสัตย์  ชาวอำเภอเขานางบวช จังหวัดนครนายกมาดำรงตำแหน่งเป็นปลัด ดูแลหัวเมืองด้านทิศบูรพา

ได้แก่ปราจีนบุรี นครนายก เป็นต้น

จนเมื่อท่านเกษียณอายุราชการ  ทางการจึงขอความร่วมมือให้เท่านช่วยเหลือราชการบ้านเมืองอีกครั้ง ในการทลายซ่องโจรบนเขาใหญ่

ซึ่งมีอยู่ 5 ก๊กสำคัญด้วยกัน ได้แก่ เสือจัน เสือไทร เสือบุญมี เสือสำอาง และเสือสองพี่น้อง คือเสือเย็นกับเสือหล้า

แต่ก็มีกลุ่มโจรกลุ่มหนึ่งไม่ยอมเชื่อ ท่านจึงนัดกลุ่มโจรเพื่อเจรจา ณ ป่าหญ้าคาใกล้หนองขิง แต่ตกลงกันไม่ได้ จึงเกิดการต่อสู้กันขึ้น

ปรากฏว่าหัวหน้าโจรกลุ่มนั้นถูกจับตาย และท่านได้ชักชวนชาวบ้านที่บุกรุกพื้นที่ลงจากเขาใหญ่

ต่อมา ท่านได้สิ้นชีวิตลงด้วยพิษไข้ป่า ด้วยวัย 75 ปี ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันตั้งศาลเพียงตาไว้ที่ใต้ต้นกระบกใหญ่บนเขา

ใกล้โรงเรียนวัดหนองเคี่ยม  จังหวัดนครนายก  โดยเรียกศาลนั้นว่า “ศาลเจ้าพ่อปลัดจ่าง”

หลังรัฐบาลจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์  ได้มีการจัดตั้งป่าเขาใหญ่เป็นอุทยานแห่งชาติ ได้เกิดนิมิตถึงเจ้าผู้คุ้มครองสรรพสัตว์ และผืนป่า

จึงได้มีการจัดตั้งศาลเจ้าพ่อขึ้นบริเวณกิโลเมตรที่ 23  ถนนธนะรัชต์ และได้อัญเชิญดวงวิญญาณของท่านมาสิงสถิตไว้

และขนานนามว่า “ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่” ทุกปีในวันที่ 26 มกราคม จะมีการบวงสรวงระลึกถึงพระคุณท่าน

นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปท่องเที่ยวบนเขาใหญ่  มักจะแวะกราบไหว้อธิษฐานขอให้เดินทางโดยปลอดภัย

หรือใครเดินทางผ่านศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ก็มักจะบีบแตร ทำความเคารพท่านทุกครั้ง

ถิ่นสถิตของเจ้าพ่อเขาใหญ่ก็มีอยู่ทั่วไปในบริเวณป่าเขาใหญ่ทั้งหมด

**ณ จุดชมวิว กม.30 มักจะมีนักส่องนกมานั่งเฝ้ารอเสมอๆ**

กวางน้อยออกมาเล็มหญ้าโชว์โฉมมีให้พบเห็นได้ไม่ยาก หากอยากเห็นสัตว์อื่นก็ติดต่อที่ทำการอุทยานได้เลย มีรถพาส่องสัตว์กลางคืนด้วย

ในปัจจุบันการเดินทางไปเขาใหญ่ สะดวกสบายมาก ใช้เวลาเดินทางเพียงชั่วโมงเศษจากกรุงเทพฯ ก็สามารถสัมผัสความชุ่มชื้น ร่มเย็น

ของผืนป่าสมบูรณ์ ที่ถูกยกให้เป็นมรดกโลกได้ เพราะฉะนั้นแล้ว ขอทุกท่านที่จะเดินทางไปเที่ยวเขาใหญ่ โปรดกันช่วยเคารพกฏต่างๆด้วยนะจ๊ะ

*************************************************************

ตำนานที่ยังหายใจ

คุณเคยคิดมั้ยว่าถ้าหากคุณมีอายุในวัย 72 ปี คุณจะกำลังทำอะไรกันอยู่บ้าง

ยินดี และภูมิใจนำเสนอให้ท่านรู้จักกับอาจารย์ของผมครับ

อาจารย์วิชิต บางซ่อน

จากที่เคยได้ร่วมเดินทางกับอาจารย์บ่อยครั้งเข้า เลยขออนุญาตสัมภาษณ์ประสบการณ์เล็กๆน้อยๆจากอาจารย์มาเผยแพร่ให้ท่านผู้อ่านได้รู้จักท่านกันนะครับ

– อาจารย์เริ่มเล่นพันทิปได้อย่างไรครับ?

: ก็เพื่อนที่รู้จักกันเขามักจะเข้ามาอ่านอะไรเล่นๆในพันทิป เขาก็รู้ว่าเราเองก็มีประสบการณ์การเดินทาง การขับขี่ การทำรถ เขาก็อยากให้เราเอาประสบการณ์เหล่านี้ไปเล่าให้คนอื่นฟัง ผ่านช่องทางเวปพันทิปนี่แหละ

– อาจารย์มีแผนจะเดินทางไปไหนอีกบ้างครับปีนี้?

: หลายที่นะ ลาว เขมร เวียดนาม แม่สะเรียง บ้านปางอุ๋งเก่า ก็ว่าจะรอให้หมดฝน เข้าต้นฤดูหนาวก่อน คงราวๆ ตุลาคมนี้แหละ

– อาจารย์จะขี่รถไปถึงเมื่อไหร่ครับ?

: ก็จนกว่าจะขี่ไม่ไหวนั่นแหละ ประหลาดใจ


ในอดีตอาจารย์เคยเป็น ครูฝึกขับขี่ปลอดภัยรุ่นแรกของไทย ,บก.นิตยสารเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์เล่มแรกๆของไทย ,

นักเดินทางผจญภัย ,นักเขียน และยังเกี่ยวข้องกับวงการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์อีกหลายด้าน

หลักกิโลเมตรที่อาจารย์เคยท่องเที่ยวผ่านนับไปนับมาคงเกินกว่าล้านหลักแน่นอน

ก็ขอคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆในสากลโลกให้อาจารย์ แข็งแรง อายุยืนยาวได้ท่องเที่ยวไปอีกนานๆครับ อมยิ้ม17

สบายๆ

จากที่ผลัดกันนำ ผลัดกันตาม บอกเลยว่าการเข้าไลน์ของอาจารย์ยังเฉียบคมอยู่มาก

กินกันง่ายๆ สไตล์คนเดินทาง

เมื่อยก็แวะยืดเส้นยืดสายนิดนึง เม่าเริงร่า

แวะถ่ายภาพมาฝากเรื่องเล่าให้เพื่อนพ้องน้องหลานในพันทิปได้อ่านกัน

ขออนุญาตแปะลิ้งเฟสบุ้คของอาจารย์นะครับ เผื่อคนที่อยากติดตามเรื่องราวอาจารย์

https://www.facebook.com/kiengmoto

https://www.facebook.com/vichitmoto/

*************************************************************

I am LEGEND

เมื่อหลายปีก่อน GPX ได้เปิดตัว LEGEND 200 มาในสไตล์ Cafe Racer ออฟชั่นเพียบเต็มลำ

แฮนด์จับShock-ab หน้าแบบ Up Side Down , Disc Brakeหน้าจานคู่ ,ติดตั้ง Oil Cooler มาให้จากโรงงาน ไฟหน้าตากลม มากับค่าตัวที่ไม่แพงมากนัก ทำให้ได้รับความสนใจเป็นอย่างดี
น่าจะตรงความต้องการของคนที่ชอบสไตล์คาเฟ่แต่อยากใช้รถเดิมๆ ที่ให้อุปกรณ์มาอย่างครบ

ถัดมาก็ปล่อยน้องเล็ก LEGEND 150 มาดแบบ Tracker เตรียมลุย
เปลี่ยนแฮนด์มาใช้แบบ แฮนด์บาร์,  Shock-ab หน้าแบบ Telescopic พร้อมยางหุ้ม , Disc Brake หน้า ใช้จานเดี่ยว ,ยางลายกึ่งวิบาก
คันนี้คนที่น่าจะชอบก็คงสายลุยหน่อยๆ ชอบแต่งนั่นแต่งนี่เพิ่ม

ล่าสุดเปิดตัว LEGEND Gentleman 200 มาเข้าประจำการอีกหนึ่งลำ
มีการแหวกแนวจากรุ่นเดิมไปพอสมควร ด้วยแนว Modern Classic ผสมความเป็นสมัยใหม่ เข้ากับความ คลาสสิค

ไฟกลมด้านหน้าใส่หลอด LED มาให้ รวมถึงไฟเลี้ยวก็เป็น LED

Disc Brake หน้าแบบจานคู่ ใส่ขายึด Caliper Brake แบบ Redial mount มาให้ด้วย

คันนี้บุคลิกเค้ามาแนวหล่อนุ่ม แบบสุภาพบุรุษแต่ก็มีแฝงความจิ๊กโก๋ไว้ในตัวเหมือนกัน

*************************************************************

ฟีลลิ่งการขับขี่ทั้งสามรุ่น

ก็ขอเล่าให้ฟังแบบบ้านๆง่ายๆละกันนะครับ

ขอเริ่มที่ LEGEND 200 ก่อน
ท่านั่ง แน่นอนแฮนด์จับช็อค ก้มแน่นอน แต่ส่วนตัวผมใช้งานรถประเภทสปอร์ตอยู่แล้วจึงไม่เกิดอาการทรมานอะไร

ช่วงล่าง ด้านหน้าดีงาม ด้านหลังติดแข็ง เข้าโค้งได้ดี แต่หากเจอทางขรุขระก็ปวดก้นเพิ่มขึ้นหน่อย

ระบบเบรก เบรกหน้า ให้ความรู้สึกที่ดีเลย ลองกดหนักๆแล้วก็ยังมั่นใจดี ส่วนเบรกหลังก็ปกติดี เชื่อมั่นไว้ใจได้

กำลังเครื่องยนต์ ถ้าเทียบกันเองในสามคัน คันนี้แรงสุดครับ เครื่องยนต์เดียวกับ Gentleman แต่น้ำหนักรถเบากว่าชัดเจน

อ้อ เบาะนั่ง คันนี้สูงที่สุดในสามรุ่นอีกด้วย

*******************************************************************

LEGEND 150
ท่านั่งของน้องเล็ก ต่างกับรุ่นพี่ 200 เพราะเป็นแฮนด์บาร์ ทำให้เวลานั่ง หลังจะตรงกว่านิดหน่อย (แฮนด์บาร์ไม่ได้ยกขึ้นมามาก)

ช่วงล่าง ด้านหน้ากำลังดีแล้ว ด้านหลังติดแข็งนิดๆเหมือนกัน มีคนซ้อนแล้วยังไม่ค่อยจะยอมยุบ ตอนเข้าโค้งจะรู้สึกเหวอๆนิดหน่อย เพราะยางดอกเป็นบั้งๆ อันนี้โทษใครไม่ได้เพราะยางประเภทนี้เหมาะกับทางดิน ตามสไตล์ตัวรถที่สมควรจะไปในทางแบบกันดารหน่อย แต่พ่อเจ้าประคุณเอามาสาดโค้งเล่นบนทางเรียบๆ มันก็ออกอาการเช่นนั้นแล

ระบบเบรกเหลือดิสหน้าข้างเดียวยังไว้ใจได้มั้ย ด้วยที่ว่าน้ำหนักตัวน้อยสุด เวลาเบรกจึงไม่จำเป็นต้องใช้พละกำลังมากนัก บอกเลยว่า อยู่จ้าาาา

กำลังเครื่องยนต์ก็ต้องยอมว่าด้อยกว่าพี่ๆ200เขาจริงๆ ด้วยเพราะยางขนาดบักเอ้บ ที่ให้มานั่นแหละ ถ้าเปิดคันเร่งกันเต็มที่ทั้งสามคัน น้องเล็กก็ต้องอยู่ท้ายแน่นอน

*******************************************************************

LEGEND Gentleman 200 (คันนี้ผมคลุกคลีใช้เวลาด้วยนานที่สุด เพราะคราวก่อนก็เอาไปเที่ยวอุทัยมาแล้ว)
ท่านั่ง มองปราดแรกเห็นเป็นแฮนด์บาร์ ก็กระหยิ่มใจ สบายแล้วฉัน ที่ไหนได้ มันก้มเอาเรื่องเลย แต่แฮนด์กลับกางออก

เอ้าไหนลองจัดท่าดีๆ ก็พอไหวแฮะ จิ้กโก๋ลืมวัยได้อยู่เหมือนกัน คันเกียร์ คันเบรกหลัง หมุนปรับองศาได้ด้วย ค่อนข้างดีงามเลย

ช่วงล่าง ด้านหน้าUp Side Down ให้ความรู้สึกดีเหมือน200เดิม ด้านหลังให้ช๊อคอัพเดี่ยวจาก YSS มา ความรู้สึกต่างกันนิดหน่อย รู้สึกมันนุ่มนวลกว่า อาการตอนจับเข้าโค้ง ไม่ต่างกัน ให้ความมั่นใจได้ดีทั้งคู่

ระบบเบรก มั่นใจดีมากกกกกกก ค่อยๆแต่งเบรกหน้าในโค้ง รถก็มีอาการตั้งขึ้นตามปกติ ลองย้ายไปแตะเบรกหลัง รถก็เอนนอนลงไปอย่างว่าง่ายเลย
ลองกดหนักดูก็ยังโอเคดี พลังเบรก กับยาง ร่วมมือกันทำงานได้ดีแล้ว

กำลังเครื่องยนต์ อยู่ตรงกลางระหว่างสามคัน ถ้ามีระยะให้ปล่อยไหลๆ ก็ไปแตะเลข 140 หน่อยๆเหมือนกัน(อ้างอิงจากมาตรวัดความเร็วติดรถเน้อ) แต่ตัว200 จะไปถึงก่อนเล็กน้อย
*******************************************************************

อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง

แฮ่ รอบนี้ไปกันสามคัน เราลงความเห็นกันว่า เจอปั๊ม เมื่อย อยากเข้าห้องน้ำ เข็มน้ำมันลดลง ก็เติมกันเลย จึงไม่ได้ทำการทดสอบแบบถังต่อถังมาให้

เอาเป็นว่าสามคัน เดินทางกัน หลงบ้าง ขี่เล่นบ้าง คันละประมาณ 450 กิโลเมตร เติมน้ำมันไปราวๆคันละ 400 บาท
ความเร็วที่ใช้ก็ชิลๆ ประมาณ 100-120 ตาม8แต่สภาพการจราจร
ส่วนตอนที่วิ่งบนเขาใหญ่เราล็อคความเร็วกันไว้ที่ 60 จะมีไหลไปถึง 80 ก็ช่วงลงเนินยาวๆเท่านั้น

*************************************************************

ทั้งสามรุ่น ถึงแม้จะอยู่ใน Series เดียวกัน แต่ก็มีความต่างกันชัดเจน

3คัน 3สไตล์ ก็เหมือนผู้ชายสามคนที่ไปด้วยกันในทริปนี้ ทั้งสามคนร่วมทางกันอย่างราบรื่น เพียงแต่ว่า ทั้งสามคนย่อมไม่มีความเหมือนกันแน่นอน

เช่นนั้นแล้ว หากคุณกำลังเล็งๆจดๆจ้องๆ LEGEND Series อยู่ก็ต้องไปลองคร่อม ลองดูคันจริงแล้วล่ะ

เพราะของแบบนี้ต้องเลือกให้ตรงสเปค โดนใจตัวเองที่สุด

*************************************************************

กว่าจะเกิดเป็นตำนาน ต้องใช้เวลาบ่มเพาะ ขัดเกลา ข้ามกาลเวลา

ขุนเขาใหญ่ ผ่านเวลา ผ่านเรื่องเล่า ร้อยเรียงผ่านผู้คน จนมีตำนานเล่าขาน

ชายชรา ผ่านการเดินทาง ผ่านร้อนหนาวมานานปี จนมีเรื่องเล่าให้ผู้อื่นได้รับฟัง

รถมอเตอร์ไซค์ แม้จะยังไม่ผ่านกาลเวลายาวนานนัก แต่ก็เรียกได้ว่านี่แหละ หนึ่งในจุดกำเนิดคาเฟ่แบรนด์ไทย

ขอขอบคุณ
GPX เอื้อเฟื้อรถทดสอบ

อาจารย์วิชิต บางซ่อน ที่ได้มาเล่าประสบการณ์ ทั้งอบรมสอนสั่ง และมาร่วมท่องเที่ยวเดินทางด้วยกัน นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ

lotteidol & ole โอเล่ โอเย่ ช่วยมาถ่ายภาพ และร่วมเดินทาง แม้ติดธุระการงาน ภาพสวยๆเพียบ

และที่ขาดมิได้ คุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามกันมาจนถึงบรรทัดนี้ ขอบคุณครับ

 

บทความโดย TopsaVage

Linkต้นฉบับ https://pantip.com/topic/36731745/