ทะโมน 5…Harley… และ Keeway Blackster 250
เชื่อว่ารถสไตล์ Cruiser สไตล์อย่าง Harley Devidson
คงอยู่ในฝันของผู้รักการขับขี่หลายๆ คน
ผมเองก็เป็นอีก 1 คน ที่อยากลองสัมผัสโลกนั้น สักครั้ง
แต่อนิจจา ราคามันช่างสูงล้ำ…
เกินปัญญาพนักงานกินเงินเดือนต๊อกต๋อย อย่างกระผมจะอาจเอื้อม…
แต่ไอ้ตัวกระผม มันก็ช่าง…. อยากรู้… อยากลอง… อยากสัมผัส ว่ารถสไตล์ต่างๆ ให้ความรู้สึกเช่นไร ????
ให้ความสุขในลักษณะไหน …. เราจะชอบแบบไหนที่สุดกันนะ …
ก็เลยมักจะดิ้นรน ขวนขวาย หามาลอง แม้จะเป็นเพียงตัวจำแลงก็เถอะ ( แอบหวังว่ามันจะใกล้เคียง )
เผื่อติดใจจริงๆ ก็ยังพอจะมีหวัง มีโอกาสที่จะซื้อหามันมาใช้ได้อยู่บ้าง…
และเจ้า Keeway Blackster 250 คันนี้ ก็เป็นอีก 1 ความดิ้นรนของผมครับ
และโชคดี ทีช่วงเวลามันช่างเหมาะเจาะกับทริป “ทะโมน5”
ก็เลยพามันไปเที่ยวซะเลย
อย่างที่เล่าไปตอนต้น ความขวนขวายก็ตามสูตร
อยากขี่ ไม่ไปเช่า ก็ไปขอเขาขี่ แต่รถแบบนี้ จะหาที่ไหนเช่า…
ก็ต้องบากหน้าไปขอเขางัยครับ ….
แน่นอน… พังต้องชดใช้
เสียหายต้องจ่ายทดแทน …
เจ็บตาย รับผิดชอบเอง…
อยากขี่ก็ต้องเติมน้ำมัน ก็จ่ายกันไป
อยากลองก็ต้องเข้าเนื้อ….
อยากเหลือ ก็นอนอยู่บ้านครับ …
ตั้งใจอยากจะขี่ HD Fat Boy แต่ก็ไม่กล้าบากหน้าไปขอเขาหรอก ( และเขาก็คงไม่ให้ด้วย ) …
ยัง … เรายังไม่หมดหวัง….
สูบวี เพื่อมหาชน คนทั่วไป ยังมีอยู่จริง…
ด้วยราคาที่ถูกลงมาเกือบๆ 15 เท่า
ไหนๆ ผมก็ต้องควักเนื้อ เถือหนัง จ่ายตังค์ เหนื่อยกาย และเสี่ยงตายแล้ว….
รู้คนเดียวจะไปดีอะไร เอามาเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง มันก็น่าจะคุ้มค่ากว่าคนเดียว มิใช่หรือครับ ……
เอาล่ะ มาชมกันเลยครับ
พูดถึงส่วนประกอบต่างๆ ของรถ…
จุดที่ผมหลงไหล รถสไตล์นี้มากที่สุด ก็คงจะเป็นส่วนนี้…
เครื่องยนต์ V-Twin
ส่วนตัวผม Cruiser มันต้องเครื่อง V
ท่อเงาๆ เล่นเส้นสายโค้งมน
แน่นอน มันไม่สวยงามอย่างรถแพงๆ แบบ Harley.
แต่แค่นี้ผมก็ใจละลายแล้วครับ …
เอาไปเลย
ในเมื่อมีเครื่อง V-Twin สุดเท่ห์อยู่ในอุ้งมือแล้ว
พามันออกเดินทางกันครับ
เรา ออกเดินทางจาก พอโตชิโน่ ( เขียนถูกป่าวหว่า ) ถนน พระราม 2 ครับ
ปลายทางของเราคือ
“เขื่อนแก่งกระจาน” จังหวัดเพชรบุรี ครับ
วันนี้ผมได้รับหน้าที่เป็นผู้นำกลุ่ม 1 ด้วย ดีจริง อุ่นใจจัง รถพังมีคนช่วยเข็นแล้ว
+•+•++•+•++•+•++•+•++•+•++•+•+
เมื่อได้ออกเดินทาง ก็ต้องมาพูดถึงสิ่งนี้
อารมณ์การขับขี่
ผมเอง ไม่ค่อยมี ประสบการณ์การขี่ Cruiser มากนัก ( ยกเว้น Honda Phantom 200 กับ Boss 175 )
พอได้มาขี่ Cruiser V-Twin คันนี้
อารมณ์มันคนละอารมณ์กันเลย ( หรือ แค่มะโนไปเองหว่า ???? )
เวลาที่เราขี่มัน สุ้มเสียง ท่วงท่า ผมรู้สึกว่า
ผมยิ่งใหญ่…
แต่เจ๋งหรือเปล่า รอดูต่อไป แต่อารมณ์การขับขี่ ( ทางยาวๆ )
เอาไปเลย
โดนครับ โดน…
+•+•++•+•++•+•++•+•++•+•++•+•+
ระหว่างทาง แอบเจอพี่น้อง ท้องเดียวกันด้วยครับ
Super Light 200
ตัวนี้เห็นคนขี่เยอะอยู่
จุดที่ต่างกันหลักๆ เห็นจะเป็นเครื่องยนต์ ( 1 สูบกับ 2 สูบ )
เรือนไมล์ ที่ SL200 มีทั้งวัดความเร็วและวัดรอบ ในขณะที่ BlackSter ไม่มีวัดรอบ
เอาน่ะ HD คันละ ล้าน 3 ยังไม่มีเลย!!!!
สุดท้ายก็มาถึง “วังวนรีสอร์ท”
ซึ่งตั้งอยู่ริมเขื่อนแก่งกระจาน
กางเต้นท์หลักสิบ ( 50 บาท ) วิวหลักแสนครับ
เมื่อขี่มาได้ พอสมควร ก็ชักจะสนใจแล้วสิ ว่าเครื่องยนต์ลูกนี้ มันมี Spec เป็นยังงัย
มาดู Spec เครื่องยนต์ กัน
เครื่องยนต์ 2 สูบวี 4 จังหวะ 4 วาล์ว
ปริมาตรกระบอก สูบ 248.9 cc
ขนาดกระบอกสูบ/ช่วง ชัก 49 x 66 mm.
อัตราส่วนการ อัด 9.4:1
ระบบ เกียร์ 5 speed
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง EFI
กำลังสูง สุด 14.3KW( 19 HP ) / 8500 rpm
แรงบิดสูง สุด 18.7 N.m/5750 rpm
ดูแล้วไม่เลวเลย แถมหัวฉีดด้วยนะ น่าจะเป็นหัวฉีดจีนคันแรกๆ สำหรับรถที่ราคาต่ำกว่า 1 แสนบาท
อนึ่ง นั่นก็แค่ Spec ดีแค่ไหนมันต้องลอง …..
พอได้ขับขี่จริงๆ จังๆ ได้รู้จักมักจี่มัน ก็ได้ความดังนี้
ข้อที่ผมไม่ชอบ
– การจ่ายน้ำมันรอบต่ำ แกว่ง ไม่สมูธ แรงไม่มี รอรอบ
– รอบปลายต้องลุ้น
– การจัดวางท่อไอเสีย ท่อด้านล่างดูห่างจากตัวรถไปนิด ( ถ้าเป็นไปได้อยากให้วางชิดๆ กับตัวรถหน่อย )
และเตี้ยเกินไป ครูดพื้นแทบทุกครั้งที่โค้งขวา
ข้อที่ผมชอบ
– อารมณ์ V-Twin
– อัตราเร่งรอบกลางไม่เลว เดินทางที่ 100-120 ได้ชิลอยู่
– เสียงท่อ เพราะดี นุ่มๆ ทุ้มๆ ( มีคนชมด้วยหล่ะ ว่ารถเสียงเพราะ )
– เกียร์ ทำงานได้ OK เกียร์ N เข้าง่ายที่สุด ในโลก เกียร์ 1 บางจังหวะกดไม่ลง นอกนั้น OK หมด
– คลัชท์เบามือ
– รอบกลางมี Torque พอประมาณ อย่างน้อยกว่ารู้สึกดึง กว่า Ninja 250
– ถ้าใครเคยเล่นรถเก่าสูบ V มักจะกังวลเรื่องปัญหาความร้อน ขอบอกว่า “ไม่มี” ครับ ไม่ว่าสูบหน้าสูบหลัง ติดไฟแดงแช่นานๆ ก็แค่อุ่นๆ
วิ่งทางไกลแบบซัดหมดปลอก ก็แค่อุ่นๆ ครับ
– อัตราความสิ้นเปลือง Gasohol 91 โดยรวมทั้งในเมืองและวิ่งยาวๆ รวมถึงหมดปลอก 25-30 กิโลเมตร/ลิตร
สรุป
ถ้าขี่ยาวๆ นอกเมืองก็ OK อยู่ Top Speed ก็ราวๆ 120 ลมส่งก็ 130 หน่อยๆ ( ผมซ้อน 2 + สัมภาระ นะ )
( อ้อ ไมล์แข็งกว่า CBR300 อยู่ประมาณเกือบๆ 7-10 นี่แหล่ะครับ )
แต่ถ้าขี่ในเมืองออกตัวบ่อยๆ มีเหนื่อย เพราะต้องรีดคลัทช์ช่วยเนื่องจากถ้าเปิดคันเร่งน้อยเกินไป รอบจะแกว่ง ไม่เนียน
จ่ายน้ำมันได้ตะกุกตะกัก
แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สามารถแก้ได้ ด้วยการเปิดคันเร่งเยอะๆ ปัญหาก็จะหมดไป กลายเป็นได้ความเร้าใจเล็กๆ ขึ้นมาแทน
แต่อย่างไรก็ดี ตรงจุดนี้ ไม่ปลื้มเท่าไร เอาคะแนนไป
อุปกรณ์
ว่ากันด้วยอุปกรณ์การควบคุม จากที่ลองขี่มาพบว่า ….
“ลองใช้แล้วไม่ชอบหลายอย่าง”
แต่ที่ใช้แล้วไม่ชอบ หนึ่งก็อาจเป็นเพราะสไตล์รถ
เช่น
เรือนไมล์วัดความเร็วต้องก้มดู ต้องละสายตาจากถนนลงมามอง
และอีกหนึ่ง ก็น่าจะเป็นเพราะการ Design และคุณภาพของอุปกรณ์ + การผลิตด้วย
เช่น
– กระจกมองข้าง แทบจะใช้งานไม่ได้เลย ( ข้างขวามันแข็งปรับไม่ได้ ข้างซ้าย เกลียวหลวม โรงงาน อัดกาวมาแล้วก็คลายออก )
– ไฟเลี้ยว เลี้ยวขวา กดปุ่มด้านขวา เลี้ยวซ้าย กดปุ่มด้านซ้าย ต้องการปิดไฟเลี้ยวข้างไหน ก็ต้องกดย้ำอีกครั้งให้ถูกฝั่ง รู้สึกว่าใช้ยากมาก ในกรณีที่ลืมปิด แต่จำไม่ได้ว่าเปิดฝั่งไหนทิ้งไว้ ต้อง ก้มไปมองดูไฟเลี้ยว ว่าฝั่งไหนติดอยู่ ( ที่หน้าปัด ไฟแสดงไฟเลี้ยว ซ้ายขวา ก็ใช้ร่วมกัน เลยแยกไม่ออก -*- )
– ไม่มีปุ่ม Off/ Run ต้องบิดกุญแจปิด ซึ่งอยู่ด้านใต้ถัง ลำบากพอตัว
– ไม่มีเกจน้ำมัน มีแต่ไฟเตือน
ตรงจุดนี้ โดยรวมไม่ค่อยปลื้มเลย เอาคะแนนไปแค่นี้พอ
มาดูงานของ ทะโมน5 กันบ้าง
เรากางเต้นท์ที่ลานกางเต้นท์หน้าเขื่อนครับ
แล้วก็เล่นเกมส์กันตรงนี้ กินข้าวกันตรงนี้
บรรยากาศดีครับ
บ่ายๆ เล่นเกมส์
แดดล่ม ลมตกพอดี อากาศกำลังสบาย เกมส์สนุก
สบายๆ กันไป ^^
แถมเกมส์ปีนี้ สนุกมากๆ อีกด้วย
ต้องขอบคุณสายสันทนาการ มือ อาชีพของกลุ่มทะ โมนจริงๆ ….
พอเย็นย่ำ เราก็ฮัมเพลง
บางคนก็แช่น้ำเล่น ….
กลับมาเรื่องรถกันต่อ
ท่านั่ง ท่าทางการขับขี่
Cruiser เค้าว่า นั่งสบาย ซึ่งมันก็สบายจริงๆ แหล่ะ ยกเว้นว่า ผมว่า พักเท้าอยากให้มันไกลตัวกว่านี้นิดนึง เผอิญผมขายาวนิดนึง
ถ้าคนสูงสัก 170 น่าจะนั่งได้สบายเลยหล่ะ
เบาะ ไม่นิ่ม ไม่แข็ง เกินไป
แฮนด์ ก็สูงกำลังดีครับ
ถัง กว้างไปนิ๊สสส สำหรับความชอบส่วนตัวผม มันทำให้เวลานั่งขี่ ขากางไปนิดนึง พอกางมากๆ มันก็เมื่อยนิดนึง ( หรือว่า มันเป็นธรรมชาติของรถแบบนี้นะ )
คน ซ้อน กล่าวไว้ว่า นั่งสบาย พักเท้าอยู่ในตำแหน่งถูกที่ถูกทาง เบาะไม่นุ่ม ไม่แข็งไป นั่งทางไกล สบายๆ ยิ่งถ้ามีพนักพิงด้านหลังนี่คงหลับกันทีเดียว
ในยามเดินทางไกล ได้กระเป๋าข้างคู่นึง และยิ่งถ้ามีกล่องท้ายอีกสักใบ จะดีสุดๆ เลย
ตรงจุดนี้ โดนใจพอควร เอาคะแนนไปเลย
ช่วงล่างและฟิลลิ่งการขับขี่
ข้อนี้ บอกตรงๆ ว่าไม่ได้หวัง…
ผมเคยเข้าใจว่า Cruiser ใหญ่ๆ หน่อย จะเลี้ยวยาก ในเมืองไม่คล่องแคล่ว ช่วงล่างหลังๆ แข็งเป๊กหน่อย เพราะช่วงยุบน้อย
นั่นคือสิ่งที่ผม มะโน ไปเอง
เอาเข้าจริง มันเลี้ยวง่าย ( แต่วงเลี้ยวมันกว้างเหมือนกัน ) เข้าโค้งได้ดีจนต้องแปลกใจ ( ถ้าไม่ติดท่อไอเสียด้านขวา )
ซอกแซกในเมืองก็ไม่ได้เหนื่อยมากอย่างที่คิด ยกเว้นติดหนักๆ ต้องเปลี่ยนเลนอันนี้จะลำบากหน่อย
ส่วนช่วงล่าง บ่องตงว่า แอบประทับใจนิดนึง ในความสามารถในการซับแรงสั่นสะเทือน ทั้งๆ ที่ช่วงยุบนิดเดียว
ไม่กระด้างอย่างที่คิดเลย ทั้งหน้าและหลังครับ
ตรงนี้เอาคะแนนไปเลย
เบรค
พูดถึงเบรคหน้ากันก่อน เนื่องด้วยมุม Rake , Tail ของ Cruiser ค่อนข้างเยอะ ดังนั้น เบรคหน้าเวลาที่ Disc เบรคจับตัวจะให้ฟิลลิ่งแปลกๆ หน่อย หน้ารถไม่ยุบเท่าที่ควร
และด้วยก้านเบรคของเจ้า Blackster เป็นเหลี่ยมๆ จับไม่ค่อยถนัด และต้องออกแรงกดก้านเบรคเยอะหน่อย เบรคหน้าถึงจะยอมทำงาน
แต่ดีหน่อย ว่าได้เบรคหลัง ที่เป็น Disc break เข้ามาช่วยตรงนี้ ทำให้ระบบเบรคโดยรวมคือ “พอไปวัดไปวา” ได้ เท่านั้น
ตรงนี้เอาคะแนนไป พอ
เสียดาย ไม่ได้ถ่ายรูปงานกลางคืนไว้
เช้ามาก็ออกเที่ยวกันตามอัธยาศัย ผมก็บิดชิลๆ มาเที่ยวบริเวณตัวอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานครับ
อากาศตอนเช้าที่แก่งกระจาน
เย็นๆ ครับ กำลังสบาย
ถ้าเป็นอาทิตย์นี้ กางเต้นท์น่าจะหนาวแล้ว
อยากไปอีกจัง….
+•+•++•+•++•+•++•+•++•+•++•+•++•+•++•+•+
รูปร่างหน้าตา
ด้วยความชอบและความลำเอียงส่วนตัว ผมว่าหน้าตามันสวยมาก เทียบกับราคา
เอาไปเลย
ก่อนหน้านี้ ผมไม่เข้าใจอารมณ์การขี่รถ Cruiser นักหรอก
ว่ามันดี หรือ น่าหลงไหลอย่างไร
Harley มันสวยนะ แต่มันน่าหลงไหลยังงัย ผมยังไม่รู้สึกแบบนั้น
จนวันนี้….
ขี่รถมาก็เกือบทุกประเภท
ตั้งแต่สกูตเตอร์ 50cc ยัน Touring ไซส์ยักษ์ 1300 cc
ผมว่า อารมณ์ในการสัมผัสสายลม
สไตล์ครุยเซอร์ ผมว่า เป็นที่สุด ( สำหรับผม ) แล้วนะ
ป.ล. มันเป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ มันเป็นเรื่องของ Feeling , อารมณ์ล้วนๆ ( แต่ตอนขี่ Phantom กับ Boss ไม่ยักกะรู้สึกแบบนี้แฮะ )
ขากลับ
เจอดีจนได้ รีเลย์ไหม้ ต้องรื้อรถกันทีเดียว
ดีว่า มีหมอมอไซด์มือพระกาฬมาด้วย เลยสามารถซ่อมแล้วขี่กลับได้อยู่
เรื่องนี้ ก็น่าจะเกิดจากคุณภาพของชิ้นส่วนหรือการประกอบยังตกหล่นไป
ผมเองก็เคยเจอกรณีนี้เองกับตัวเหมือนกัน
ถอยรถจีนใหม่ๆ ยี่ห้อนึงให้น้องชาย ขี่ออกจากศูนย์ปุ๊บ ชุดไฟพังปั๊บ ( มัดไฟในเครื่อง ) ต้องเปิดเครื่องกันเลยทีเดียว …
ก็ให้ศูนย์ซ่อม อยู่ อาทิตย์นึง
สุดท้ายนำรถกลับไปขี่ต่อ ผ่านมาก็เป็นปีแล้ว ใช้งานได้ดีอยู่
ถ้าเจอปัญหาก็ซ่อมให้จบกันไปครับ ไม่ว่ากัน…
แต่นั่นก็เป็นมาตรฐานส่วนบุคคลครับ สำหรับผมไม่ซีเรียสกับเรื่องนี้ ขอให้ซ่อมจบก็พอครับ ( แค่เหนื่อยใจนิดหน่อย 555 )
แต่ในเรื่องมาตรฐานการประกอบ การ QC คุณภาพชิ้นส่วน ผมให้ 2.5 ดาวครับ ( ขออภัย รูปดาว 2.5 ดาวไม่มี )
+•+•++•+•++•+•++•+•++•+•++•+•++•+•+
ทะโมน น่ารักทุกคนครับ ( เว่อร์ไปป่าว )
ซ่อม คนละไม้คนละมือ แป๊บเดียว รถวิ่งได้ต่อแล้วครับ
+•+•++•+•++•+•++•+•++•+•++•+•++•+•+
สุดท้าย
บทสรุปสำหรับ Keeway Blackster 250
คงต้องให้พี่ๆ น้องๆ เลือกกันเอาเองว่า โดนใจหรือไม่ กับรถ Cruiser สูบวี ราคา 9 หมื่นกว่าบาท คันนี้
ส่วนเรื่องปัญหาต่างๆ ของตัวรถ เชื่อว่า ไม่ได้เป็นทุกคัน หรือ ถ้าเป็นก็น่าจะแก้ให้หายได้
และสุดท้าย
ก็กลับถึงบ้าน ได้ปลอดภัย แบบแอบลุ้นอยู่เหมือนกัน
ขอบคุณที่รับชมครับ
ขอบคุณกลุ่มทะโมนที่จัดงานดีๆ นี้ขึ้นมาและเจ้ารถ Blackster 250 สำหรับอารมณ์ Cruiser แบบเท่ห์ๆ ครับ
ที่สำคัญ ขอบคุณธรรมชาติสวยๆ ของประเทศไทย ที่รอให้เราๆ ออกไปสัมผัสกันครับ
บทความโดย เตี้ย ล่ำ ดำ แก่