สวัสดีครับ ห่างหายจากการทำกระทู้ไปสักระยะ อาจจะด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง แต่สุดท้ายก็เลี่ยงเสียมิได้ เลยเอาบทความเก่าๆที่เคยทำไว้มาเล่าใหม่อีกครั้ง
วันนี้ดูฤกษ์งามยามดีแถมมีโควิด พระศุกร์เปล่งแสงพระเสาร์เข้ามาดู ราหูหนีอาทิตย์ เลยได้เวลาสถิตย์หน้าคอม พร้อมนำสาระ(มั้ง)มาบอกเล่าสู่กันฟังครับ
เอาล่ะเกริ่นมาซะนาน มาเข้าเรื่องกันดีกว่า ซึ่งหลายๆท่านคงอ่านผ่านเน็ตกันมาบ้าง แต่คงมีไม่กี่คนที่จะทดสอบแบบจริงจัง
ผมเลยจับเอาอีกล้วยหอมคะนองเดชมาทดสอบซะเลย เพราะไหนๆมันก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ววววววว
ขอชี้แจงไว้ก่อนเลยครับว่า ผมได้ทำการทดลองเองแบบจริงจังประหนึ่งทำวิทยานิพนธ์กันเลยทีเดียว ผลที่ได้จะเป็นยังไง อีกล้วยจะเป็นผู้ตอบท่านเอง 555
จากที่ดูข้อมูลในอินเตอร์เน็ตมา ทำให้เกิดข้อสงสัยเพิ่มมาหนึ่งอย่างครับ และได้หาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะหาทำไม แฮ่ๆๆๆ
ในเน็ตส่วนใหญ่บอกว่า ให้ใช้ครีมนวดผมที่มีส่วนผสมของ”ลาโนลิน (lanolin)”ในการนำมาใช้แทนน้ำยาเคลือบ
แต่เข้าใจอารมณ์พ่อบ้านใจกล้ามั้ยครับ คือแบบ เฮ้ยยย ครีมนวดก็ครีมนวดดิว้า จะมาลาโนนาโนอัลลัยยยย เราไม่ได้ละเอียดขนาดจะต้องมาอ่านฉลากขนาดน๊านนนน
ก็เลยเอาครีมนวดบ้านๆหาซื้อง่ายๆ มาทดลองดู ถ้าผลออกมาไม่เวิร์คก็คือ เออออ เราผิดเองที่ไม่หาครีมนวดที่มีส่วนผสมตามที่เค้าบอกมาใช้
จากการทดสอบมาราวๆ สองเดือน ห้าน้ำ ไม่รวมห้อง เฮ้ยยยย เดี๋ยวๆๆ มันเกี่ยวอะไรกับห้องงงง เอาเป็นว่าล้างเองไปห้าครั้งในรอบสองเดือน
ก็ใช้ครีมนวดเคลือบสีมาตลอดละกันครับ ^^
และหมอนวด เอิ่มมมม เอาใหม่ๆ และครีมนวดที่เลือกใช้ในครั้งนี้ ราคาเริ่มที่ 20 บาทครับ
คราวนี้มาทดสอบก่อนจะเคลือบกันครับ โดยเอาน้ำพรมๆดูลักษณะการไหลของน้ำ
เช็ดคราบน้ำออกก่อน แล้วเอาครีมนวด บีบลงบนผ้าหรือฟองน้ำที่เตรียมไว้(ผ้าเน่าไปนิดขออภัย)
ทาบางๆหรือหนาๆ เท่าที่ทดสอบมาแทบไม่เห็นความต่างครับ เนื่องจากครีมนวด มันแห้งเร็วมากกก แป๊บเดียวก็เช็ดออกได้เลย
หมักไว้สามนาที แล้วล้างน้ำออก ผมของท่านๆก็จะนุ่มสลวยสวยเก๋ไก๋ยูเรก้าาา เริ่มออกทะเล -*-
คราวนี้ถึงเวลาที่เช็ดออกครับ ตอนขัดนี่แทบไม่ต้องออกแรงอะไรซึ่งต่างจากน้ำยาขัดเคลือบสีโดยตรงพอสมควร
ซึ่งตรงนี้มันช่วยประหยัดเวลาไปได้ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ซึ่งขอลัดขั้นตอนในการขัดไปเลยนะครับ เพราะหลายๆท่านขัดกันเป็นอยู่แล้ว
เทคนิคไม่มีอะไรมากก็เอาผ้านิ่มเช็ดๆไปนั่นแหล่ะ = =
พอขัดเรียบร้อยคราวนี้มาพรมน้ำใส่กันใหม่ครับ แล้วดูความเปลี่ยนแปลงจากการพรมครั้งแรก
จากภาพด้านบนจะสังเกตุได้ว่า น้ำมีการไหลเป็นเส้นเป็นสายมากขึ้น และตอนเช็ดออกลักษณะของน้ำพวกนี้ จะเช็ดได้ง่ายครับ
ซึ่งต่างจากน้ำที่เกาะตัวกันแบบกระจาย ไม่มีเส้นไม่มีสาย
และนี่คือผลงานของการเคลือบสีด้วยครีมนวดหลังจากเสร็จแล้วครับ โดยรวมๆก็ไม่ได้ขี้เหร่นะ ^^
……
……
คราวนี้ มาเล่าเรื่องกันต่อครับ หาข้อดี + ข้อด้อย ของการเคลือบสีด้วยครีมนวดกัน
ครีมนวดเคลือบสีได้จริงมั้ย?? มาถึงบรรทัดนี้ คงตอบข้อข้องใจไปได้ส่วนนึงนะครับ
แต่ถ้าถามว่า แล้วมันดีมั้ย อันนี้คงตอบยาก แต่โดยส่วนตัว ผมว่ามันดีในระดับนึงเลยนะ เหมาะกับพ่อบ้านขี้เกียจๆ ที่ไม่อยากออกไปหาน้ำยาเคลีบสีมาใช้
เหมาะกับการเคลือบแบบฉุกเฉิน เช่นเอารถไปลุยมา คาร์แคร์ไม่มี น้ำยาเคลือบที่ใช้ประจำหมด ตรงนี้มันช่วยท่านได้ครับ
แล้วประสิทธิภาพล่ะ อย่างที่เกริ่นไว้ในช่วงแรกครับ ครีมนวดที่เค้าแนะนำ ควรมีส่วนผสมของ ลาโนลิน แต่ถ้าไม่มีครีมนวดธรรมดาก็ใช้ได้ครับแค่การใช้งานมวลรวมๆมันจะสั้นกว่าครีมนวดที่มีสารนี้ล่ะมั้ง
ซึ่ง ลาโนลิน เป็นน้ำมันธรรมชาติที่มาจากขนแกะ อยากให้ลองนึกถึงขี้ผึ้งครับ ลักษณะจะประมาณนั้น โดยจริงๆแล้ว มันก็เหมือนกับการหมักผมเราดีๆนี่เอง
แต่ อย่าลืมนะครับ มนุษย์เราสระผมบ่อยกว่าล้างรถ ดังนั้น สารพวกนี้ ถึงจะเคลือบได้ แต่ก็ไม่สามารถยึดเกาะกับสีรถเราได้เป็นเวลานานๆ
วิธีสังเกตุง่ายๆ ลองหมักผม แล้วปล่อยไว้สักอาทิตย์โดยไม่สระสิครับ ผมนุ่มได้ไม่กี่วันหรอก แต่ผมมีการเสียดสี มีการเคลื่อนไหว มีเหงื่อ
ซึ่งชุดสีของรถก็มีเช่นกันแต่อาจเคลื่อนตัวในแต่ละวันน้อยกว่าผมของเรา เพราะฉนั้น การเคลือบสีด้วยครีมนวด ทำได้และไม่มีผลเสียต่อสีรถของท่านครับ
มองถึงความคุ้มค่า อันนี้แล้วแต่ครับ ถ้าขยันล้างขยันเคลือบ ผมองว่ามันก็คุ้มกับราคาดีนะ แฮ่ๆ เพราะขวด 20 บาท นี่ผมใช้มาห้าครั้งก็ยังไม่หมด
ในส่วนของรถมอเตอร์ไซค์นะครับ รถยนต์ก็แล้วแต่ขนาดอีกที
…
…
…
…
บทสรุปส่งท้าย
– ข้อดีหลักๆคือประหยัด หาง่าย ขโมยของเมียมาเคลือบก็ยังได้
– ข้อเสียของการเคลือบด้วยวิธีนี้คือมันไม่สารมารถยึดเกาะชุดสีของเราได้นาน
จากการทดสอบด้วยตนเอง ผลของการใช้ครีมนวดผมมาเคลือบสีรถ ผมเลยให้คะแนนไว้เท่านี้ละกันครับ ^^
จบละครับ ขอบคุณทุกๆท่านที่หลงเข้ามาอ่าน 555 หวังว่าคงมีประโยชน์บ้าง ไร้ประโยชน์บ้าง สำหรับหลายๆท่านที่ยังสงสัยกันอยู่นะครับ
ขอจบกระทู้ Ride สาระ ไว้แต่เพียงเท่านี้ สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ