Y A M A H A . . A E R O X . 1 5 5 . R . Ver. . . . พ า แ อ่ ว น ค ร พิ ง ค์
เคยเป็นกันไหมครับ…
ในวัยเยาว์ที่ครั้งนึงชีวิตของเรานั้นงดงามเสมอเมื่อได้นึกถึง
เพราะเราหัวเราะได้เต็มเสียง..
ร้องไห้ได้เต็มสะอื้น…
และชีวิตเต็มเปี่ยมด้วยความฝัน . .
ในวันนี้เราระลึกถึงมันเพื่อใช้เป็นน้ำหล่อเลี้ยงให้กับชีวิตอันแห้งผาก
เราเก็บเวลาอันแสนอบอุ่นไว้ในขวดแก้วแห่งความทรงจำ…
ในตลับเพลงที่เปิดฟังบ่อยๆในสมัยนั้น เมื่อได้ยินเสียงเพลงนั้นอีกครา
ภาพและเรื่องราวอันสวยงามในอดีตก็จะลอยมาอีกครั้ง
บางครั้งเพ้อไปจนถึงกระทั่งได้กลิ่น บรรยากาศยามเช้าที่อบอวลนั้นหวนมา
ในอัลบั้มรูปถ่ายเก่าๆ ที่เรายืนยิ้มอยู่ท่ามกลางคนที่รักและเพื่อนฝูง ณ สถานที่แห่งความทรงจำ
ที่เรานับที่นั้นเป็นเสมือนหนึ่งคือ “บ้าน” ของเรา
ครั้งนึงเฉียดๆ 20 ปีมาแล้ว ผมเคยอาศัยอยู่ในดินแดนแห่งหนึ่งทางภาคเหนือของประเทศไทย
นามในกาลเก่าว่า “นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่”
ซึ่งก็คือเชียงใหม่ ณ ปัจจุบัน นั่นเอง…
และผมเองก็ศึกษาในสถานศึกษาแห่งหนึ่งเชิงดอยสุเทพ
ใช่ครับ ผมเป็น “ลูกช้าง” แห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
และไม่ใช่อาการที่แปลก ที่ลูกช้างหลายๆคนจะคิดถึง มอชอ
เพราะหลายๆ คนมีช่วงชีวิตที่มีความสุขที่สุด ณ ดินแดนแห่งนี้…
คราวนี้คิดถึง มอชอ ขึ้นมาและอยากจะย้อนรอย ย้อนเวลาไปใช้ชีวิตแบบนั้นอีกสักครั้ง…
จำได้ว่าในสมัยนั้นผมขี่ Scooter คันน้อย 2 จังหวะไป เรียน กิน เที่ยว อยู่ในเวียง “นครพิงค์” แห่งนี้
กลับมาคราวนี้เพื่ออัญเชิญกลิ่นไอ เก่าๆ รถที่เลือกใช้คราวนี้ต้องเป็น Automatic Scooter เท่านั้น
ว่าแต่ขอรุ่นที่ดูสปอร์ตหน่อยละกันจะได้บิวท์อารมณ์ให้มันใกล้เคียงเข้าไปอีก
และก็เป็น Yamaha Aerox 155 R Ver. เราเลือกนาย นายวัยรุ่นที่สุดแล้ว
เอาหล่ะ ขึ้นไทม์แมชชีนกันไปหาสายลมหนาวแห่งวัยเยาว์กัน
ป.ล. ขอขอบคุณ Just-Ride-it และ Yamaha สำหรับการสนับสนุนการเดินทางในครั้งนี้ครับ
https://www.facebook.com/justrideitteam/?fref=ts
https://yamaha-motor.co.th/automotive/index.php/
เบื้องต้นเลย หาพาหนะก่อน
ผมไปได้เจ้า Yamaha Aerox 155 รุ่น R Ver. อย่างที่คาดหวังมาจากร้าน Bikky สาขาถนนห้วยแก้วครับ
กระซิบนิดนึงว่า เจ้า Aerox เนี่ยหาตัวยากมาก ณ โมเมนต์นี้ 5555
กว่าจะหารถได้ก็เย็นย่ำแล้ว พรุ่งนี้ค่อยออกเที่ยวละกัน …
ลืมตาตื่นขึ้นมายามเช้า
อาบน้ำล้างหน้าแต่งตัวแล้วเดินออกจากบ้าน
เจ้า Yamaha Aerox จอดรอผมอยู่แล้ว
ผมเปิดเบาะหยิบหมวกกันน็อคแบบเต็มใบออกจากกล่องเก็บของใต้เบาะและก็เสื้อคลุมและถุงมือคู่โตที่ยัดๆ อยู่บริเวณพื้นที่ด้านหลังต่อจากหมวกกันน็อค
เสร็จแล้วก็แต่งตัวเตรียมออกเดินทางกัน…
แสงแดดเริ่มสาดส่อง
สายลมหนาวแห่งเดือนกุมภาอ่อนแรงลงเรื่อยๆ
ดอกเครือออนสยายพุ่มดอกใบริมถนนที่ผมขี่รถพุ่งพาดผ่าน
ผมคร่อมเจ้า Aerox มาได้ไม่กี่กิโลเมตรก็รู้สึกว่า
เอ… นี่มันไม่ใช่เบาะของรถ Automatic แบบสปอร์ตนะเนี่ย
อารมณ์มันเบาะนั่งสบายๆ กว้าง ใหญ่ เชฟบ๊ะรับกับก้นพอสมควร
ปกติเบาะรถสปอร์ตมันต้องเล็กๆ แคบๆ แข็งๆ สิ จะได้สไลด์ก้นซ้ายขวาและรับรู้ฟีลที่ส่งผ่านช่วงล่างจากท้องถนนได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย…
สงสัยเจ้านี่คือลูกผสม..
สปอร์ต..แต่ยังไม่ยอมทิ้งความสบายนะ
บนถนนสายลำพูน – เชียงใหม่ . .
ผมบิดคันเร่งผ่านต้นยางอายุรวมกันคงหลายพันปีบนถนนสายนี้
เข้าสู่ตัวเวียงและไปสุดที่ มอชอ เพื่อไปเรียนคาบเช้า ( พยายามมโนเหตุการณ์ให้เหมือนจริง )
แต่เปล่าหรอก ผมไม่เข้าเรียนหรอกไปร่อนเสียหน่อยดีกว่า 55
ผ่านคันเร่งของเจ้า Aerox
เมื่อวาล์ว VVA เปิด รถ Auto ทุกคันในท้องตลาดราคาไม่เกิน 1 แสนนั้น
จะถูกทิ้งให้อยู่เบื้องหลังอย่างไม่ต้องสงสัย
และบนถนนสายนี้ก็เช่นกัน…
ไม่ต้องเชื่อผม เพราะผมสาวกแยม 55
ชีวิตยามเช้าของชาวเชียงใหม่ดำเนินไป เนิบๆ เหมือนกับคำพูดของชาวเชียงใหม่นั่นแหล่ะ…
ร้านกาแฟข้างทางมีให้พบเห็นอยู่ทั่วไปในเมืองแห่งนี้
และผมก็มักจะเป็นลูกค้าเพราะนิยมในการดื่มกินน้ำชากาแฟมาแต่ไหนแต่ไร
บนโต๊ะไม้เก่าๆ เคล้ากับชาร้อนและขนมปัง
ลมหนาวโชยอ่อนๆ
ณ จุดสิ้นสุดของถนนสาย ลำพูน-เชียงใหม่
ผมควบเจ้า Aerox ผ่านสะพานที่เป็นประตูสู่เชียงใหม่
“นวรัฐ” คือชื่อของสะพานนั้น
ทอดสายตาไปด้านซ้ายยาวๆ จะพบกับ “ขัวเหล็ก” หรือสะพานเหล็ก แซมกับทิวทัศน์ต้นจามจุรีขนาดยักษ์เบื้องหลัง
คราใดที่ได้เห็นทิวทัศน์แบบนี้
ผมรู้สึกได้ถึงวันวานนั้นหวนคืน
และผมกลับมาดินแดนอันเคยเป็นบ้านหลังที่สองแล้ว
“รถแดง”
สัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของนพบุรีศรีนครพิงค์ที่อยู่คู่เมืองมาช้านานจากอดีตจนกระทั่งปัจจุบัน…
หากแต่ในปัจจุบัน กลับคลาคล่ำไปด้วยรถราและผู้คนจากทั่วสารทิศที่มาเยือนเมืองเชียงใหม่
มิใช่เพียงนักท่องเที่ยวในประเทศและฝรั่งตาน้ำข้าวเท่านั้น หากแต่ไม่กี่ปีมานี้
นักท่องเที่ยวจีนกลับมาเยือนเชียงใหม่อย่างมิขาดสาย..
แม้จะมี cc ถึง 155cc และยางที่ใหญ่โตมโหฬาร แต่ด้วยน้ำหนักตัวเพียง 117 กิโลกรัม
เจ้า Aerox ยังไม่สูญเสียความคล่องตัวในถนนที่แสนรถติดไปแม้แต่น้อย
ซ้ำวงเลี้ยวของเจ้า Aerox ยังให้ความรู้สึกมั่นคงแบบประหลาด คงเป็นเพราะยางหน้าขนาด 110 และหลัง 140 อันอวบอัดที่รัดล้อขอบ 14
ไว้เป็นแน่
เจ้า Aerox ทำได้เป็นอย่างดี ตัวแฮนด์แบบสปอร์ตเล็กๆ ที่ติดมานั้นไม่ได้เป็นปัญหาเลย จะมีเพียงปลายแหลมเล็กๆ ของกระจกเท่านั้น
ที่อาจจะไปเกี่ยวเข้ากับกระจกรถกระบะเอาได้
แก้ไขด้วยการยกปลายแหลมขึ้นเล็กน้อย เพิ่มความมั่นใจได้อีกโข
การเลียเบรกหลังเพื่อควบคุมรถให้ผ่าน ช่องว่างแคบๆ และลัดเลาะซ้ายขวาต้องบอกว่าพอใช้ได้ แต่ต้องออกแรงมากนิดหน่อยเพราะ
เบรกหลังเป็นดรัมเบรก มิใช่ดิสก์เบรก
โดยรวมการใช้งานในเมือง ผมให้คะแนนเจ้า Aerox 4.5 เต็ม 5 ไปเลย
หลุดจาก “แยกรินคำ”
ผมบิดคันเร่งเจ้า Aerox เพื่อเร่งอย่างรวดเร็วจนกระทั่งหลุดออกจากฝูงรถกลุ่มหน้ามาได้
ทันใดนั้นเอง ผมต้องเบรกอย่างหนักเมื่อผ่านร้านกาแฟร้านหนึ่ง
. . .
สำหรับระบบเบรกของเจ้า Aerox155 รุ่น R Ver. นี้มาพร้อมกับจานเบรกแบบคลื่นกับคาลิเปอร์แบบลูกสูบเดี่ยว
ถามถึงฟีลลิ่งนั้น เมื่อควบรวมกับยางหน้าขนาด 110 / 80 ขอบ 14 ที่ใหญ่โตมโหฬารกว่า Scooter ทั่วๆไปในพิกัดนี้มาก
ซ้ำยังประกอบกับการวางจุดศูนย์ถ่วงแบบสปอร์ต( เล็กๆ )และการเซ็ทโช้คหน้าที่กำลังพอดิบพอดี
ฟีลการเบรกนั้นทำออกมาได้ดี ฟีลหน้าทิ่มแบบจิกๆ นิดๆ เท่าที่เคยใช้เบรกรถ Automatic ราคาไม่เกิน 1 แสนมีรถเพียงคันเดียว เท่านั้นที่ปลื้มกว่า
นี้ ( Yamaha Tricity )
ตรงจุดนี้เอาคะแนนไปเลย 4 เต็ม 5 จ้า
เป็นร้านของเด็กบ้ากาแฟคนหนึ่ง ถึงได้ตั้ง LAB ทำกาแฟขึ้นมาจนโด่งดัง
นามว่า Ristr8to ( อ่านว่า ริสเทรสโต้ )
ไม่มีอะไรจะอธิบายมากมายสำหรับกาแฟร้านนี้
ผมไม่เคยเจอกาแฟร้านไหนในประเทศไทยที่ “ถึง” ขนาดนี้มาก่อน
เนียน นุ่ม หอม และมีสไตล์ ไปเชียงใหม่ทีไรก็ไม่เคยพลาดครับ
สถานที่แห่งหนึ่งที่ผมนึกถึง
กลิ่นไอของวันวานที่โชยผ่านมายาวนานหากแต่ยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำ
ภาพนักศึกษาปีหนึ่งผูกเนคไทสีม่วงถูกต้อนเดินบนซุ้มทางเดินอันมืดสลัวสู่สนามหญ้ากลางคณะวิศวกรรมศาสตร์
“หมอบลง”
เสียงรุ่นพี่ที่ยืนรายล้อมดังขึ้นอย่างมีอำนาจ..
ท่ามกลางความคิดอันสับสนของนักศึกษาปี 1 ที่ยังไม่เข้าใจลึกซึ้งในความหมายของคำว่า SOTUS..
และท่ามกลางความเหนื่อยล้าในแต่ละค่ำคืนใน ห้องเชียร์ที่แสนจะอบอ้าวแล้วเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความเครียด…
วันวานเหล่านั้นเมื่อผ่านมากลายเป็นความทรงจำอันล้ำค่าและตราตรึงอยู่ในหัวใจมิรู้ลืม
ดวงตะวันสาดฉายลงบนแผ่นเหล็กประดิษฐ์และทอดเงาลงฉายเป็นพระพักตร์ของกษัตริย์ผู้หนึ่งที่มองลงมาจากเบื้องบนฟากฟ้า
ซึ่งเวลาดังกล่าว ก็เป็นเวลาเดียวกันกับวันที่ปวงประชาแห่งสยามประเทศนั้นร่ำไห้ในวันที่ 13 ตุลาคม
กับการจากไปของพ่ออันเป็นที่รักของพวกเรา
ปฏิมากรรมแสงอาทิตย์นี้ให้ความรู้สึกว่า ท่านยังคงมองดูเราอยู่เสมอจากเบื้องบน..
เย็นนี้โดนรุ่นพี่จัดหนักแน่…
ตรูขอยืมมอเตอร์ไซค์กลับไปบ้านหน่อย เดี๋ยวไปทางเส้นซุปเปอร์ รีบไปรีบมา …
ว่าแล้วบรรยากาศการแว๊นรถแบบเร่งด่วน ก็เริ่มขึ้นบนถนนสายที่ใหญ่ที่สุดซึ่งชาวเชียงใหม่เรียกว่า “ซุปเปอร์”
ป.ล. แฟ้มสีแดงคือ แฟ้มที่เด็กปีหนึ่งคณะวิศวะต้องถือไว้ตลอดและต้องนำมาเข้าเชียร์ตอนเย็น
หากไม่นำมาเป็นเรื่องแน่นอน
#นั่นคือภาพในอดีต
………………………..
แต่ในความเป็นจริง เป็นเพื่อนของผมที่ขี่รถออกจาก มอชอ เพื่อไปเอาของที่บ้านแถวสารภีและก็ย้อนกลับไป มอชอ อีกทีแบบเร่งด่วน
เจ้า Aerox 155 R Ver. วิ่งที่ความเร็วหมดปลอกได้นิ่งพอสมควรไม่มีอาการปัดเป๋หรือไม่น่ามั่นใจแต่อย่างใด
และด้วยอัตราเร่งที่จี๊ดและจัดจ้านยามเมื่อรอบแตะ 6,000 ซึ่งเป็นรอบที่ระบบ VVA ทำงาน
ความเร็วไต่ขึ้นอย่างรวดเร็วจนถึง 100 กม./ชม. และจากนั้นรอไหล จนกระทั่งไปจบที่ 121 กม./ชม. ถ้าหมอบอาจจะได้มากกว่านี้อีกเล็กน้อย
กับค่าความเพี้ยนของไมล์ไม่เกิน 3% ซึ่งถือว่าแข็งกว่ารถคันอื่นในท้องตลาดปัจจุบันพอสมควร ( ส่วนใหญ่จะอ่อน 5-7% )
เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าขี่มาตั้งนานยังไม่ได้สำรวจเรือนไมล์ไฟสีแดงฉานของเจ้า Aerox155 R Ver. กันเลย
เรือนไมล์ชุดนี้ ต้องยอมรับว่า เป็นเรือนไมล์ที่ “ครบครัน” มากเลยทีเดียวถ้าเทียบกับราคาค่าตัว
สิ่งที่มีมากกว่ารถ Automatic คันอื่นๆ ก็เช่น
– วัดรอบ อันนี้ชอบมาก มีรอยหยักขึ้นลง ทำให้เรารู้ว่าตอนนี้เราใช้รอบต่ำย่านประหยัดน้ำมันอยู่
หรือ รอบสูงย่านกำลังอยู่
– ไฟแสดงระบบ VVA เมื่อระบบ VVA ทำงานไฟจะแสดงขึ้นเหมือนตรงบริเวณเหนือนาฬิกา
– ระยะทริป
– อัตราการกินน้ำมันทั้งแบบ Realtime และ Average
– Volt Meter ( 0___+ )
บอกเลยว่าครบกว่านี้ เห็นจะไม่มีแล้วหล่ะครับ
ข้อติเพียงอย่างเดียวคงจะเป็นที่อาจจะมองยากไปสักนิดหากแสงแดดแรงๆ เท่านั้นเอง
ตรงนี้ให้ 4.5 เต็ม 5 คะแนนไปเลย
สำหรับสรีระศาสตร์ท่านั่งของเจ้า Aerox ซึ่งเป็นรถ Automatic ที่มีแฮนด์แบบค่อนข้างจะสปอร์ตที่ให้การควบคุมในความเร็วสูงได้ดีกว่าแฮนด์แบบยกสูงที่เป็นที่นิยมใน Automatic คลาส Premium 150cc รุ่นอื่นๆ
ท่วงท่าการนั่ง ยังคงออกแบบมาใกล้เคียงกับรถ Automatic แบบครูเซอร์เพียงแต่ว่าไม่มีฟลอบอร์ดแบบเฉียงด้านหน้าให้เรายืดขาไปแตะได้เท่านั้นเอง โดยท่านั่งโดยรวมถือว่านั่งได้สบายๆ ขี่ได้ทั้งวันโดยที่ไม่รู้สึกเมื่อยล้าแต่อย่างใด
และด้วยรูปทรงของรถที่เป็นลิ่มแหลม หน้าต่ำ ท้ายยกนิดๆ ทำให้ได้ฟีลลิ่งการควบคุมแบบสปอร์ตมากขึ้น แต่อย่างไรก็ดีด้วยความที่ท้ายค่อนข้างสูง อาจจะทำให้ผู้ซ้อนท้ายขึ้นลงลำบากเสียหน่อยและตำแหน่งพักเท้าคนซ้อนให้ความรู้สึกเกะกะไปนิดนึงและรูปทรงค่อนข้างแหลมตามความคิดผมถ้าจะให้ดี อยากให้เป็นฟลอบอร์ดมากกว่า ( หรือไม่ก็อยากให้พักเท้ามันสั้นๆและมนกว่านี้ )
โดยรวมๆ ถือว่า Yamaha Aerox155 นั้นออกแบบมาได้ยอดเยี่ยม ผสานความสบายและการควบคุมที่ดีเข้าด้วยกันได้หมดจด ถ้าสดชื่น เอ้ยไม่ใช่ … ให้ไป 4.8 เต็ม 5 คะแนนไปเลยครับถ้าขับคนเดียว แต่ถ้ามีคนซ้อน ให้ 4 เต็ม 5 ละกัน
รถควบคุมได้ดีอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ
คนขี่เองก็ต้องมีทักษะที่ดีควบคู่กันไปด้วย
จากความรู้ที่เรียนมา
การเข้าโค้งในมหาลัย สายตาต้องมองที่นักศึกษาสาว….
แล้วผมก็เอี๊ยดดด!!! โคร๊มมมม!!! ชนท้ายนักศึกษาสาวเข้าอย่างจัง ณ วงเวียนหอสมุด!!!!
“อ่างแก้ว”
อ่างน้ำที่ใสเหมือนแก้วตั้งตระหง่านหน้าดอยสุเทพอันสูงใหญ่
บรรยากาศเย็นสบาย สายลมโชยอ่อนปะทะหน้า
ยามที่เราวัยรุ่นจิตใจว้าวุ่น
หลายๆ อย่างที่คิดไม่ตกว่าจะเอาอย่างไรดีกับชีวิตในหลายๆเรื่อง
ก็ได้ทิวทัศน์ของอ่างแก้วนี่แหล่ะ ที่ช่วยสงบสติและอารมณ์
ให้คิดตรองสิ่งต่างๆอย่างมีสติ จนผ่านมาเป็นผู้เป็นคน ( หรือเปล่า ) ได้จนจวบจนทุกวันนี้
กาลก่อน..นั่งพิจารณาใจ
แต่กาลนี้..นั่งพิจารณาไฟละกันกัน
เอ้อ ไฟเจ้า Aerox155 มัน LED นี่หว่า
ยามค่ำคืนไฟหน้าเรียกได้ว่า สว่างใช้ได้เลยหล่ะ ลืมรถยุคเก่าๆที่ไฟหน้าไม่ค่อยจะสว่างไปได้เลย
ตรงนี้ให้คะแนนไป 4.8 เต็ม 5 ไปเลย
มีที่ให้ทอดสายตายาวๆ และทำใจสบายๆ ได้หลายที่เลยดอยสุเทพก็เป็นอีกหนึ่งที่
ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน
เด็กมออย่างผมก็มักจะใช้ดอยสุเทพนี่แหล่ะเป็นที่พักใจ
พูดถึงทางโค้ง.. ถ้าเกี่ยวกับมอไซค์ก็จะนึงถึงช่วงล่าง
พอมาสำรวจช่วงล่าง ของเจ้า Aerox155 R Ver. จะพบกับของดี
โช้คอัพหลังแบบมีซับแทงค์สีทอง ตระหง่านอยู่ใกล้เคียงกับยางหลังเส้นโตขนาด 140 / 70 ขอบ 14 นิ้ว
อยากจะสัมผัสความหนึบสักหน่อย แต่อนิจจาดอยสุเทพนั้นรถเยอะและถนนมันลื่นเกินไปไม่น่าเหมาะ
แต่ยังมีอีกสถานที่หนึ่ง…
“สะเมิง”
เส้นทางวงกลมหลัง ดอยสุเทพ จากเชียงใหม่ – สะเมิง – เชียงใหม่
อีกหนึ่งเส้นทางพักใจของเราชาวเด็กมอที่มีถนนพับซ้ายพับขวาและรถราไม่ขวักไขว่ ( เกินไปนัก )
ถนนเองก็ไม่มันแผล๊บแบบดอยสุเทพ
กับเส้นวงกลมสั้นๆ ให้เรามันส์ได้พอประมาณ
สำหรับเจ้า Aerox155 นั้น ก็คงต้องบอกว่า ใครชอบในการเข้าโค้ง
สมรรถนะการเข้าโค้ง ไม่มีคันไหนกินคันนี้ลงแล้วครับ..ชั่วโมงนี้
ด้วยหน้าลู่ต่ำ ท้ายยกนิดๆ ผสานช่วงล่างแน่นหนึบ และยางเส้นโตๆ
รถเข้าโค้งได้ค่อนข้างมั่นคงและเสถียรมาก
การรักษาไลน์ในโค้งเอง ก็ถือแม่นยำเหนือรถ Automatic ทั่วๆ ไป
ฟีลลิ่งการเบรก หนักๆ เพื่อเอาหน้าทิ่มเข้าโค้งไปถือว่าทำได้ดี ( แต่ถ้าเบรกหนึบ กว่านี้อีกสักนิด น่าจะดี )
กำลังเร่งออกจาก โค้งอันนี้ต้องยก ให้ ขอเพียงกระแทกคันเร่งให้มากพอที่ VVA จะทำงาน ( 6 พันรอบ ) แรงดึงในการออกโค้งนั้นไม่เคยเรียกได้ว่าขาด แม้จะเป็นการขึ้นเขาที่เป็นจุดอ่อน ของรถ Automatic ก็ตามที
เอา ไป 4.5 เต็ม 5 ละกัน แฮ่
ขี่ไปขี่มา ด้วยรวดลายของ เจ้า Aerox155 บางครั้งก็เผลอตัวนึกว่าตัวเองเป็น วินยาเลส เหมือนกัน 555
กับชีวิตยุคใหม่ ไม่เหมือนยุคเก่าแต่กาลก่อน
เราต้อง Connect กับ Social ตลอดเวลา
ก็มีโอกาสได้พึ่งพาช่องเสียบชาร์จไฟที่ซ่อนกายอยู่ในกล่องเก็บของหน้าคอนโซลด้านซ้ายก็คราวนี้
ร้านกาแฟน้ำหวาน สวยๆ มีอยู่ทั่วเมืองเชียงใหม่ไปหมด
ว่าแล้วก็ถ่ายรูป อัพโซเชียลเสียหน่อย ไหนแบตมือถือก็เต็มแล้ว ฮาา
คือ สลัดฝายหิน ( สลัดที่ตลาดที่ชื่อว่า ฝายหิน ที่อยู่ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ )
นี่คืออาหารในตำนานที่อยู่เคียงคู่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มาเนิ่นนาน
วันนี้จะอ้วน( ไม่ทันแล้ว ) หรือท้องแตกก็ยอม ต้องได้กินทุกอย่างที่คิดถึง
ฝูงนกร้องระงมและกลับรัง
หากแต่ชีวิตเด็กมอ มันเป็นเวลาออกโบยบิน
สายลมหนาวโชยผ่าน เสื้อกันหนาวตัวอุ่น ขี่มอเตอร์ไซค์ท่องไปเรื่อยๆ กับเพื่อนฝูง
ภาพบรรยากาศวันวานอันแสนเนิ่นนาน หากแต่ยังคงชัดในมโนความคิดปรากฏขึ้นมา
“ศาลาธรรม”
ศูนย์กลางแห่งการประกอบพิธีกรรมแห่งมหาวิทยาลัย เชียงใหม่
และศูนย์รวมน้ำใจของลูกช้างเช่นกัน
ค่ำคืนนี้มีงานขันโตกของคณะแมสคอม( สื่อสารมวลชน )เลยมาขอแจมด้วยสักหน่อยเพราะคิดถึงเหลือเกิน
ป.ล. ขออนุญาตินำภาพถ่ายของน้องๆที่ผมถ่ายมามา ลง ณ ที่นี้ด้วยครับ
คิดถึงบรรยากาศขันโตกแบบเก่าๆ ที่ห่างหายไปจากชีวิตมาหลายปี
คิดถึงการแต่งตัวแบบดั้งเดิมของล้านนา
คิดถึงบรรยากาศพี่ๆ น้องๆ
ควบเจ้า Aerox155 ไปเตว ( เดิน ) กาด ( ตลาด ) หลังมอกันต่อเพื่อตามหาสิ่งหนึ่งซึ่งหาไม่เจอ ณ กาดฝายหิน
นี่งัยเจอแล้ว สตรอเบอรี่คลุกเกลือและน้ำตาล ที่ผมกินประจำสมัยเรียนที่นี่
น่าเสียดายนะที่ลูกยังไม่ใหญ่ ต้องรอปลายฤดูก่อน ( แถวๆ ช่วงปลายมีนา ต้นเมษา )ช่วงนั้นสตรอเบอรี่จะลูกโตมากๆ ช่วงซัมเมอร์ผมมักจะกินเจ้านี่เป็นประจำ
“หม่าล่า”
อาหารจีนรสชาติจัดจ้าน ที่เพิ่งจะมีให้เห็นในเชียงใหม่ได้ไม่นาน สมัยผมเรียนอยู่นี่ไม่เคยเจอนะ
ณ ปั๊มแห่งหนึ่งหน้าโรงพยาบาลสวนดอก
ที่ช่วงหัวค่ำจะมีเสียงนกร้องเซ็งแซ่ดังกังวาลไปทั่วทิศทาง
เพียงเราแค่ตบมือดังๆ เสียงนั้นจะเงียบกริบเป็นเวลา 2 วินาทีทีก่อนที่จะเริ่มประสานเสียงกันต่อ…
และขี่มาทั้งวันก็มาหมดเอาตอนหัวค่ำ
ซึ่งถ้าขี่คนเดียวน้ำมันโซฮอล์ 91 หรือ 95 และรักษารอบไว้ไม่ให้ VVA นั้นทำงาน เชื่อว่า 45-50 กิโลเมตร / ลิตร น่าจะทำได้ไม่ยาก
กับถังน้ำมันที่ซ่อนตัวอยู่ระหว่างกลางหว่างขาขนาด 4.6 ลิตร การเข้าถึงถังน้ำมันแม้นั่งคล่อมอยู่ก็ทำได้โดยง่าย เติมน้ำมันได้สะดวก ไม่ต้องลงจากตัวรถก็ได้ แต่ลงเถอะครับ เพื่อความปลอดภัย
พิกัดทำการของถังลูกนี้อยู่ระหว่าง 130 – 200 กิโลเมตรโดยประมาณแล้วแต่น้ำหนักข้อมือที่บิดคันเร่งลงไป
สำหรับสาย Touring ที่อาจจะบ่นว่าถังน้ำมันเล็กไปก็เข้าใจดี แต่ถ้าทำถังใหญ่เพื่อตอบสนองสาย Touring ที่อาจจะมีเพียงหยิบมือที่เอารถคันนี้ไปท่องเที่ยวทั่วไทย
ก็อาจจะทำให้ต้องสูญเสียความใหญ่โต ของ U-Box ไปแล้วก็รถก็จะสูญเสีย ความกระทัดลัดและน้ำหนักก็จะเยอะขึ้นไปด้วย ผมเข้าใจว่าอย่างน้น
ดังนั้นข้อสรุปในการให้คะแนนทั้งเรื่องการกินน้ำมันและเรื่องถังน้ำมันถือว่าทำได้ดีและสมเหตุสมผล ให้คะแนนไป 4 เต็ม 5 ละกันครับ
“ข้าวต้มย้ง”
สุดยอดข้าวต้มรสชาติเลอเลิศ กินมาตั้งแต่สมัยเรียน ตั้งอยู่ใกล้ๆ กาดต้นพยอม
แต่ละเมนูสั่งไปเถอะ อร่อยเกือบทุกอย่าง…
และสุดท้าย เด็กมอต้องกินนม…
นมโคนะ ไม่ใช่นมคน แฮ่ๆ
ป.ล. เหมือนร้านนมหลายๆ ร้านที่คุ้นเคยจะปิดกิจการไปแล้ว
ผมเลยได้มากินที่ร้านอ้อนนมสด ( เมื่อก่อนเหมือนจะชื่ออ้อยนะ ) หลังประตูเกษตร
ขากลับผ่าน “ประตูท่าแพ” ที่นี่เปลี่ยนไปมาก สมัยก่อนเวลาดึกสงัดนี่เงียบกริ๊บ แต่ยุคสมัยเปลี่ยนไป
แสงไฟสว่างไสวสาดส่องตลอดคืน . .
และสิ่งสุดท้ายที่สุดของเจ้า Aerox155 ที่จะกล่าวถึง
มันคือ เครื่องยนต์ Blue Core 155cc SOHC 4วาล์วแปรผัน ( VVA – Variable Valve Actuation ) ที่เป็นเครื่องยนต์
สายพานที่น่าจะเป็น Block ที่ทันสมัยและครบครันที่สุดในตลาดรถบ้านปัจจุบันนี้
ยิ่งถ้าเป็นตัว ABS จะยิ่งเหนือล้ำขึ้นไปอีกเพราะมีระบบ Start & Stop System และ Smart Key
เครื่องยนต์ Block นี้ก็น่าจะใกล้เคียงกับ Block ที่ประจำการในรถ NMAX แต่ Setting อาจจะมีแตกต่างกันบ้างตามรูปแบบ
ของรถในเรื่องสมรรถนะก็น่าจะไม่หนีกันมาก
แต่เจ้า Aerox155 นี้น่าจะไปได้เร็วกว่าเล็กน้อยในย่านรอบกลางและสูงขึ้นไปเพราะรถลู่ลมกว่าและเบากว่า
อ้อ ระบบสตาร์ทก็เงียบขึ้นด้วยนะ
โดยรวมเครื่องยนต์ Block นี้สำหรับผมถือว่าชอบมาก ขี่สนุก จี๊ดจ๊าด ดึงดีจนคนซ้อนหงายเงิบได้เหมือนกันในแง่สมรรถนะและอัตราการกินน้ำมันถือว่าเข้าขั้นดีไม่มีอะไรให้น่าติติง
จะมีเล็กๆก็เพียงเรื่องเดียวคือพิกัด 155cc มัน พรบ แพงไปนิดนึง แฮ่ๆ ถ้าเป็น 149cc ได้ก็จะดีนะ
ตรงนี้เอาไปเลย 4.8 เต็ม 5 คะแนน
นั่นคือ บั้นท้ายอันอวบอั๋น มองผาดๆ นึกว่าบั้นท้ายของรถ Bigbike เสียอีก
อย่างไรก็ดี เดี๋ยวกระทู้จะยืดเกิน 7 บรรทัด ขอตัดจบกับบทสรุปของเจ้า Aerox155 เลยละกัน
สำหรับเจ้า Aerox155 R Ver. มันเป็นรถ Automatic สายสปอร์ตที่ถือว่าครบเครื่องทั้งในแง่รูป ลักษณ์ สมรรถนะเครื่องยนต์ ช่วงล่าง เบรก มาพร้อมกับฟังก์ชั่นที่ครบๆ ไม่ว่าจะเป็นเรือนไมล์ กล่องเก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ ช่องเก็บของพร้อมช่องชาร์จไฟ 12V
สรีระศาสตร์การขับขี่เองก็สะดวกและสบาย ที่สำคัญราคาที่ตั้งกับสิ่งที่ได้มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ไม่ต้องเชื่อผมหรอกฮะ เพราะผมติ่งแยม
แต่อย่างไรก็ดีไม่มีสิ่งใดในโลกที่ไร้ข้อ บกพร่องสำหรับผมเองจุดที่ใหญ่ที่สุดคงจะเป็น พักเท้าคนซ้อนที่ทำให้ขึ้นรถลำบากมาก ( คนซ้อนเขาว่างั้น ) และมันแหลมจนรู้สึกน่ากลัวว่าจะเป็นอันตราย กับถังน้ำมันอยากได้เท่าๆ NMAX ก็ยังดีสำหรับรถคันนี้โดยรวม ผมให้คะแนน 4.75 เต็ม 5 คะแนนไปเลยฮะ
อดีตที่ผ่านมาก็เป็นความทรงจำอันแสนหวานที่เก็บไว้อย่างดีในขวดโหลแห่งความทรงจำ
แต่อดีดก็คืออดีตวันยังค่ำ ชีวิตของเราก็ยังคงต้องมุ่งหน้ากับปัจจุบันและก้าวเดินต่อไปสู่อนาคต
อย่างไรก็ดี คำพูดที่ผมอยากจะบอกก็คือ
มอชอ.. และนครพิงค์ . . .ฉันรักแกว่ะ
ขอเพิ่มเพลง มช รำลึก นะครับ