SCRAMBLER IN THE CITY : ขี่รถชมกรุง…เยือนแหล่งความรู้กรุงรัตนโกสินทร์

SCRAMBLER IN THE CITY : ขี่รถชมกรุง…เยือนแหล่งความรู้กรุงรัตนโกสินทร์

สวัสดีเพื่อนๆ ชาวมอเตอร์ไซค์ทุกท่านครับ

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา ทาง DUCATI Thailand ได้จัดกิจกรรม SCRAMBLER IN THE CITY ให้กับลูกค้าที่ใช้รุ่น SCRAMBLER โดยกิจกรรมนี้จะพาลูกค้าขี่รถชมกรุงเทพ ไปชมอาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ (อันนี้แจ่มมาก) และทานอาหารเย็นกันริมแม่น้ำเจ้าพระยาแบบชิลๆ ถือเป็น Half Day Trip แบบง่ายๆ ไม่เหนื่อยมาก

ซึ่งในกิจกรรมครั้งนี้ นอกจากทาง DUCATI จะจัดให้กับทางลุกค้าแล้ว…ยังได้เชิญสื่อมวลชนสายมอเตอร์ไซค์หลายๆ ท่านไปร่วมกิจกรรมครั้งนี้ด้วย…โดยตัวผมก็ได้เป็นตัวแทนของทาง Just-Ride-It เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ด้วยครับ (เป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมกิจกรรมในฐานะสื่อมวลชน)

DUCATI THAILAND วิภาวดี

นัดหมายกันประมาณเที่ยง…ตามที่คุยกันจะเริ่มล้อหมุนออกเดินทางกันประมาณ 13.30 ฟ้าครึ้มๆ ส่งสัญญาณไม่ค่อยดี

เข้ามานั่งรอในศูนย์…เคยเข้ามาได้ไม่กี่ครั้ง…ทุกครั้งที่เข้ามาเยือนจะได้รับการต้อนรับที่ดีตลอด (แอบอยากสอย 821 ไปสักคัน)

ของว่าง กาแฟ ไอศกรีม จัดเต็ม ไม่มีคำว่าอั้น ฟาดได้เท่าไหร่จัดไป!!!

เจ้าวายุรอพ่ออยู่นี่นะลูก…เดี๋ยวมารับกลับตอนค่ำๆ

ทริปนี้มีเสื้อกิจกรรมด้วยครับ เรียบๆ แต่สวย

ใกล้ได้เวลาเดินทางแล้ว ทาง Marshall ของ DUCATI นัดแนะเรื่องสัญญาณมือและเส้นทาง…พี่สุภาพจนผมตกใจ 555

ม้าศึกอิตาลีของวันนี้ครับ SCRAMBLER รุ่น Sixty Two พิกัด 399cc (น้อยกว่า 650 แต่ขอบอก…อย่าดูถูก!!!)

การเดินทางจะแยกกันไปครับ…โดยของแต่ละศูนย์ (พระราม 3, ราชพฤกษ์, วิภาวดี) จะนำลูกค้าไปในแต่ละขบวน…ส่วนของสื่อมวลชนซึ่งมีประมาณ 15 คัน จะไปอีกขบวนหนึ่งครับ (นำขบวนโดยนกยักษ์ Multi Strada)

สถาการจราจรบ่ายวันเสาร์ จากเส้นทางวิภาวดี > ถนนศรีอยุธยา > ราชดำเนิน รถเยอะพอสมควร ติดเป็นบางจุด…การขี่ SCRAMBLER ไม่มีปัญหาใดๆ อาจจะเป็นเพราะประสบการณ์กับ V-STROM 650 ช่วยให้ผมมั่นใจเวลาขี่ SCRAMBLER ด้วยลักษณะรถที่เล็กกว่า เบากว่า (เท้าเหยียบเต็มพื้น แถมเข่างอได้อีก น้ำตาจะไหล) ช่วงแฮนด์ดูกว้างกว่านิดหน่อยแต่มุดได้สบายๆ เครื่องยนต์ L-TWIN 399cc ให้กำลังเครื่องมาแบบ “ทอร์คจัดสุดๆ” บิดเป็นหงายๆ ช่างแตกต่างจาก V-TWIN ของเจ้าวายุซะจริงๆ (ดีไปคนละอย่างล่ะเนาะ)

แต่ปัญหาที่ได้เจอตามคำร่ำลือเรื่อง “ความร้อน” นี่สิของจริง…ติดไฟแดงแต่สัก 40 วินาทีนี่อาการออกเลยครับ…ขานี่อยู่นิ่งๆ ไมไ่ด้เลย ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้

อาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์

ใช้เวลาไม่นาน…ก็ฝ่าการจราจรมาถึงตัวอาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์…ตัวอาคารอยู่ติดๆ กับโลหะปราสาทเลย…เลี้ยวเข้าราชดำเนินมาก็เห็นธงดูคาติมาแต่ไกล

กล่าวต้อนรับโดยทีมงานของ DUCATI THAILAND และเจ้าหน้าที่ของนิทรรศน์รัตนโกสินทร์

ก่อนจะไปถึงรีวิวต่อไป ขออนุญาตกล่าวถึงอาคารนิทรรศรัตนโกสินทร์สักหน่อย

อาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ เป็นอาคาร ๓ ชั้น ไม่รวมชั้นลอย และที่ปลายของ
อาคารทั้งสองด้าน มีชั้น ๔ สำหรับเป็นจุดชมวิวในมุมสูง ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด ๒,๕๐๐ ตรม. พื้นที่ใช้สอยภายในอาคาร รวมทั้งสิ้น ๘,๐๐๐ ตรม. ภายในอาคาร จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับรัตนโกสินทร์ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย ทั้งสื่อจัด
แสดง หุ่นจำลอง การนำสื่อผสมเสมือนจริง ๔ มิติ สื่อมัลติทัช มัลติมีเดียแอนิเมชัน ในลักษณะอินเตอร์เอคทีฟ เซล์ฟ เลิร์นนิ่ง (Interactive Self-learning) โดยแบ่งการจัดแสดงนิทรรศการออกเป็น ๙ ห้องจัดแสดง (โดยระยะแรก จะเปิดให้ชมเพียง ๗ ห้อง และจะเปิดให้ชมครบทั้ง ๙ ห้อง ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔)

นอกจากนิทรรศการแล้ว ยังมีพื้นที่สำหรับนิทรรศการหมุนเวียน (Event Hall) ที่บริเวณโถงชั้น ๑ พื้นที่ประมาณ ๓๐๐ ตรม. เพื่อสำหรับให้บริการแก่สถาบันการศึกษาและองค์กรเอกชน ในการใช้จัดกิจกรรม หรือนิทรรศการทางด้านศิลปะและวัฒนธรรม ตลอดจนบริการห้องสมุด ร้านค้าจำหน่ายของที่ระลึก อาหารเครื่องดื่ม

http://www.nitasrattanakosin.com/home.php?lang=th

กลับมากันต่อ

หลังจากจัดลำดับการเยี่ยมชมในแต่ละส่วนเพื่อให้ชุดของลูกค้า กับ สื่อมวลชน ไม่ไปกระจุกกัน เราก็ไปชมที่แรกกันเลยครับ

ส่วนแรกที่เข้ามาชมคือ…ส่วนของวิถีชีวิตของไทย โดยกลางห้องจะเป็นแบบจำลองของวัฒนธรรมการใช้ชีวิตในแบบต่างๆ ของชาวบ้านสมัยก่อน เช่น บ้านเรือน การแต่งงาน งานศพ และรอบๆ ห้องยังมีรายละเอียดให้อ่านกันด้วย

ห้องถัดมา…ถือว่าตื่นจาพอสมควร…เพราะเป็นห้องจำลองเหมือนเราไปนั่งบนเรือล่องไปตามลำคลองเพื่อดูวิถีชีวิตริมน้ำของคนไทย (เรือเป็นเรือจำลองนั่งได้ประมาณ 10 คน เคลื่อนไหวด้วยระบบไฮโครลิค มีเอียงไปมาด้วย รอบๆ ห้องฉายภาพพร้อมมีเพลงประกอบ สนุกดีครับ

จากนั้นจากเรือก็เปลี่ยนเป็นรถราง (ซะงั้น!!!) พามาชมย่านการค้าสมัยก่อน จะมีละครเล็กๆ บรรยายถึงสภาพบ้านเมือง และข้างหน้าเราจะมีเหมือนภาพสะท้อนเป็นรูปชาวบ้านกำลังเดินด้วยครับ

หลังจากจบในส่วนของมัลติมีเดียแล้ว ก็จะเป็นในส่วนของเจ้าหน้าที่อธิบายครับ

จำลองร้านของของฝรั่งสมัยก่อน

ร้านขายยา มีเครื่องบดยาด้วย

ไปรษณีย์โบราณตัวเป็นๆ อันนี้ช่างภาพของ DUCATI นะครับ อิอิ

ธนาคารแห่งแรกของไทย

เข้าหลุมหลบภัยด่วน!!!! เครื่องบินทิ้งระเบิด!!!

มาโผล่อีกทีก็บันเทิงเลย…ปรับอารมณ์ไม่ทัน (555) โซนนี้จะรวมสิ่งบันเทิงต่างๆ ในยุคนั้นครับ บรรดาสื่อก็สนุกกันใหญ่

บ้างก็ตัดผม

กินกาแฟชิลๆ (แต่หน้าพี่เหมือนจะวางมวยกันเลย 555)

บ้างก็เข้าร้านขายเสื้อผ้า

มัดรวม!!!

จะเข้าโรงหนังกันล่ะครับ

ด้านในจะเป็นฉากฉายภาพยนต์ ซึ่งมันไม่ใช่ฉากเรียบๆ แต่เป็นนูนออกมาแบบรูปตึก ซึ่งตอนแรกก็งงว่าทำไมออกแบบมาแบบนั้น แต่พอหนังได้ฉายก็พอเข้าใจครับ ตัวหนังกับฉากที่ออกแบบมาจะ match กันเหมือยเราดูหนังสามมิติกลายๆ

จากโรงหนัง…มาขึ้น BTS จำลอง กันต่อ

จากนั้นจบในส่วนของวิถีชีวิต…ส่วนต่อไปคือจะเป็นชีวประวัติของพระมหากษัตริน์ราชวงศ์จักรีครับ

โดยรวมๆ ของส่วนนี้ จะเป็นการอธิบายประวัติ และพระราชกรณียกิจต่างๆ จั้งแต่รัชกาลที่ 1 จนถึงรัชกาลที่ 9 ถือว่าได้ความรู้มากครับ และทำได้น่าสนใจมากด้วย ไม่เบื่อแน่นอน

ขึ้นไปจุดชมวิวด้านบนสุด…มีร้านกาแฟของ True Coffee บริการ ส่วนวิวสามารถมองเห็นได้เกือบรอบเลยครับ

จากนั้นก็เดินทางไปร้านอาหารที่เราจะรับประทานกันเย็นนี้ครับ ที่ร้าน The View บริเวณถนนตก

มาดูเจ้า SCRAMBLER กันชัดๆ ดีกว่า

ตัวนี้เป็นรุ่น Full Throttle (ไม่ได้ขี่ตัวนี้ ฮือ)

ตัวนี้เป็นรุ่น Sixty 2

ถ่ายรวมกับพี่ๆ สื่อมวลชน

จากนั้นก็ได้เวลาครับ อร่อยแน่นอน!!!

จากนั้นก็จบสำหรับวันนี้ครับ…ลูกค้าแต่ละศูนย์ก็แยกกลับไปตามแต่ละทาง…ส่วนทางทีมสื่อมวลชนก็กลับไปที่ศูนย์วิภาวดีอย่างสวัสดิภาพ

จบมินิมินิทริป กับครั้งแรกที่ทำหน้าที่ตรงนี้…ผิดถูกอย่างไรแนะนำกันได้ครับ ขอบคุณครับ

 

บทความโดย ตบจูบ…ตบจูบ