RIDE NOW – ข้ามน้ำข้ามทะเลไปลอง KTM 250 EXC TPI 2จังหวะ….
กราบสวัสดี พี่ๆน้องๆลุง ป้า น้า อา ทุกท่านครับ
กลับมาเขียนแชร์ประสปการณ์อีกครั้งหลังหลังจากมีโอกาสไปในสถานที่ใหม่อีกแล้ว
รอบนี้ไปไกลหน่อยไปถึงฮอกไกโด ไปทำไม…….ไปขี่มอเตอร์ไซค์ครับ!!!!
จากการทำผลงานในนามทีม Just Ride it กว่าสองปีที่ผ่านมาในฐานนะ รีวิวเวอร์ บล๊อคเกอร์
หรือสุดแท้แต่ท่านสมาชิกจะเรียกขานกันตามความถนัดครับ
Just Ride it ก็ถูกเลือกให้ไปเข้าร่วมในการเปิดตัวเจ้า KTM 250 EXC TPI 2จังหวะ
แล้วทำไมต้องไปถ่อไปถึงนู่น….จะค่อยๆเล่าให้ฟังกันนะครับ
ก็ขออนุญาตแบ่งปัน เรื่องราวการเดินทางของผู้เขียนเองถ่ายทอดไว้เป็นตัวอักษร
ให้พี่ๆน้องๆ นั่งอ่านนอนอ่านกันเล่นๆครับ อาจจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย…
เรื่องก็มีอยู่ว่า กาลครั้งหนึ่ง………มีแมว1ตัว ไม่ใช่ล่ะ
เข้าเรื่องเลยดีกว่าครับ
งานนี้ตัวผมเองจำเป็นต้องฉายเดี่ยวฮะในแผนการเดินทางเราจะเดินทางกันทั้งหมด 4วัน
โดยมีผู้ร่วมการเดินทางในครั้งนี้ รวมกระผมผู้เขียนด้วยก็ 3พระหน่อ
จากในภาพ
กระผมเองได้รับเกียรติติดสอยห้อยตาม พี่เบิร์ด-แสน บุญเชยศักดิ์ บรรณาธิการ นิตยสารฟาสไบค์ ไทยแลนด์
ที่คนในวงการแข่งรถมอเตอร์ไซค์ และ สื่อสายมอเตอร์สปอร์ต บ้านเรารู้จักดีว่าเป็นอีกบุคคลหนึ่งระดับตำนาน
อีกหนึ่งหัวหอกหน่วยทะลวงฟันที่พาพวกเราข้ามน้ำข้ามทะเลไป เป็นชายร่างใหญ่ชื่อน่ารักนามว่า “อิ๊กคิว”
เป็นตัวแทนเจ้าหน้าที่จาก KTM thailand ที่จะคอยดูแลเราทั้งไป และ กลับ อุ่นใจแน่นอน
สามพระหน่อจากประเทศไทยเริ่มออกสตาร์ทจากสุวรรณภูมิ มุ่งหน้าสู่ฮอกไกโด จุดหมายปลายทางของเราในครั้งนี้
ตัดฉากการนั่งติดเก้าอี้หลับๆตื่นๆกว่า6ชั่วโมงมาถึงที่สนามบิน โตเกียวฮาเนดะ เพื่อมาต่อเครื่องไปยังสนามบิน ชิโตเสะ
จากการขี่มอเตอร์ไซค์จนเคยตัว ต้องเปลี่ยนมาโดยสารยานพาหนะประเภทอื่น มันช่างอึดอัดทรมานร่างเหลือเกิน
ครั้นจะขี่มอเตอร์ไซค์มาถึงญี่ปุ่นก็คงไม่ทันการณ์……..ก็บ่นกันไปเรื่อย
หลายๆท่านที่ขื่มอเตอร์ไซค์เดินทางบ่อยๆคงจะพอเดาความรู้สึกแบบนี้ได้นะครับ
ไม่พูดพล่ามทำเพลง…พ้นประตูออกมาได้ก็หาของกินกันก่อนเลย….แฮ่
พูดภาษาแจแปนไม่ได้ก็จิ้มเอาจากเมนูครับ Tendon and small soba set
รสชาติ Tendon ให้ 8/10 ส่วนโซบะเฉยๆมากให้คะแนนเซ็ทนี้ที่ 7/10 ถ้าน้ำโซบะเข้มข้นกว่านี้จะให้ 9
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง…….บอกก่อนเลยว่ากระทู้นี้จะหนักไปทางของกินซะมาก
ไปถึงแดนอาทิตย์อุทัย ต้นตำหรับอาหารญี่ปุ่นที่ฮิตกันในบ้านเราแล้ว….ก็ขออนุญาตหม่ำให้หนำใจหน่อยนะครับ
อาจะทำให้ผู้อ่านเกิดอาการ ท้องร้องพยาธิร่าเริงไปบ้างก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ก่อนเลยครับ
อิ่มแล้วก็พร้อมจะเดินทางกันต่อ…..บรรยากาศที่สนามบินชิโตเสะก็จะดูเหงาๆหน่อย อากาศเย็นสบาย
คนญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องความมีระเบียบเรียบร้อยอยู่แล้ว การเดินทางด้วยการโดยสารรถสาธารณะของบ้านเค้าก็หายห่วง
ขึ่นเครื่องบิน ต่อรถไฟ ไปรถเมล์ สะดวกสบายเชื่อมต่อกันหมด…มีก็จะต้องเดินกันบ้างนิดหน่อย ไม่ใช่ปัญหา
พนักงานขับรถที่นี่เครื่องแต่งกายเนี๊ยบ เป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว……แผงหน้าปัดรถบัส อะไรจะเยอะแยะขนาดนั้น
เส้นทางที่รถบัสวิ่งผ่านก็จะผ่านเมืองบ้าง ป่าบ้าง เก็บภาพบรรยากาศระหว่างโดยสารมาให้ชมเล็กน้อย
เลี้ยวซ้ายไป ซัปโปโร ใช้เวลาบนรถบัสประมาณ 2ชั่วโมงเราก็มาถึง จุดนัดพบที่โรงแรม Westin Rusutsu Resort
เข้ามาถึงในล๊อปบี้ก็มีเจ้า 6 Days จอดหล่อๆรอต้อนรับอยู่
เช็คอินเรียบร้อยก็ รับคีย์การ์ดห้องใครห้องเขาครับ อาบน้ำ เก็บของ พักผ่อนตามอัธยาศัย
ตอนเย็นจะมี Media Conference เกี่ยวกับตัวรถและรายละเอียดกันอีกกันเล็กน้อย
เข้าห้องมาถึงกับ ยืนตะลึง……..ห้องใหญ่มาก!!!!
พักได้4คน แต่นอนคนเดียวมันก็จะเหงาๆหน่อย….
เดินสำรวจห้องพักบนโต๊ะก็มีชุดนี้จัดวางไว้ให้…เป็นที่ระทึก จาก KTM
เก็บของเรียบร้อยออกไปเดินเล่นแถวๆรอบที่พักดีกว่า อากาศเย็นกำลังดีครับ
มาถึงซัปโปโร…สิ่งแรกที่แวบขึ้นมาในสมองคือ นม!!! กับ เบียร์!!!
ของโอท็อปขึ้นชื่อของเกาะเหนือของแดนอาทิตย์อุทัย แต่กระผมกินเบียร์ไม่เป็นตัดจบกันไปกับเบียร์ซัปโปโร
เป้าหมายใหม่…..นม!!!! เหมือนสวรรค์เป็นใจ……..เดินจากที่พักออกมาถึงถนนหลักก็เจอร้านนี้จ้า
ไม่รอช้าดิ่งเข้าไปชิมกันเลยดีกว่า
ราคาก็ค่าครองชีพแบบแจแปนๆล่ะครับ…..แต่มาถึงแล้วก็ต้องลองกันหน่อยน่า
รสชาติดีจริงๆ นมเน้นๆ เนื้อนวล ไม่หวาน….คือดีงามมากๆ
ตัดฉากมาตอนเย็นตามเวลาที่ทางทีมงานแจ้งไว้
ทีมงานจาก KTM Japan KK
บรรยากาศการแถลงข่าวเล็กน้อยเกี่ยวกับเจ้า 250TPI 2จังหวะ
ไปดูกันใกล้ๆไฟสลัวๆไปหน่อย สีส้มด้วยเก็บภาพคร่าวๆก่อนนะครับเดี๋ยวภาพตอนแสงดีๆตามมาจ้า
จบวันแรกในญี่ปุ่นไปได้แบบเฉียดฉิวทั้งการต่อเครื่อง ที่เวลากระชั้นเหลือเกินกับการแบกกระเป๋าอุปกรณ์
หมวก ชุด รองเท้า อุปกรณ์ป้องกันต่างๆรวมถึงเสื้อผ้าข้ามน้ำข้ามทะเลมา….ก็เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศไปอีกแบบนึง
ขออภัยที่ร่ายมาซะยาวยืด…ว่าแล้วก็พากลับเข้าเรื่องรถดีกว่าเดี๋ยวจะไหลยาวออกทะเลไปไกลกว่านี้
เจ้า KTM 250 สองจังหวะที่ผู้เขียนมีโอกาสได้ไปทดลองขับขี่นั้น หลายๆท่านที่โตมาในยุคสองจังหวะครองเมือง
คงทราบดีถึงเรื่อง มลพิษทางเสียง และ หมอกควันจากการเผาไหม้ของระบบเครื่องยนต์สองจังหวะ
ซึ่งในอดีตถึงปัจจุบันมาตรฐานเรื่องค่ามลพิษในบ้านเรา ก็ไต่ระดับมาจนสูงเทียบเทียมกับหลายประเทศในยุโรป
รถสองจังหวะก็เลยค่อยๆหายไปจากท้องตลาดจนทุกวันนี้ไม่เหลือเยื่อใย…กันอีกแล้ว
มาตรฐานค่ามลพิษที่สูงขึ้น นับเป็นเรื่องดีต่อสุขภาพของเราๆท่านๆ….เป็นอย่างมาก
แต่ทำไม๊ทำไม….รถเมล์บ้านเรายังคงพ่นควันดำกันอยู่ได้ อันนี้ก็เป็นเรื่องอเมซิ่งไทยแลนด์จนถึงทุกวันนี้
ประเทศไทยมักมีอะไรให้ประหลาดใจอยู่เสมอๆ…ก็แค่บ่นๆในแบบของผมนะครับ
อย่าพึ่งไล่ผมไปอยู่ประเทศอื่น ยังขี่รถเที่ยวไม่ทั่วประเทศไทยเลยครับ…..แฮ่
กลับมาเรื่องรถกันต่อเจ้า KTM 250 EXC TPI 2จังหวะตัวนี้แว่วๆว่าจะนำเข้ามาทำตลาดบ้านเรา
จะมีมาให้เลือกในพิกัดเครื่องยนต์ขนาด 250cc. และ 300cc. แต่จะเข้ามาตอนไหนนั้นยังไม่ทราบได้
เอาเป็นว่าพาไปชมรายละเอียดตัวรถกันดีกว่า
KTM 250 EXC TPI
เครื่องยนต์สูบเดียว ระบบหัวฉีด!!! ขนาดปริมาตรความจุอยู่ที่ 249cc
6เกียร์ขับเคลื่อน ระบายความร้อนด้วยน้ำ และที่ลืมไม่ได้เลยคือออโต้ลูป
ช่องเติมออโต้ลูปจะอยู่เหนือฝาถังน้ำมัน ซึ่งไอ้เจ้าช่องนี้จะมีท่อส่งออโต้ลูปผ่านเฟรมลงสู่ถังกักเก็บด้านล่าง
เก็บภาพส่วนต่างๆของเจ้า KTM 250 EXC TPI ให้ชมกันไปยาวๆเลยนะครับ
เรือนไมล์เล็กจิ๋วสไตล์เอนดูโร่เต็มขั้น เอาว่ามีไว้หน่อยดีกว่าไม่มีเลย
โช๊คหน้าหัวกลับปรับได้ จาก WP ไวท์พาวเวอร์
ประกับด้านซ้ายก็มีปุ่มเท่าที่เห็นครับ ด้านบนเป็นไฟสูง-ไฟต่า มีแตรกับสวิทซ์ตัดการทำงานของเครื่องยนต์
ด้านขวานอกจากสวิทซ์สตาร์ท ก็ไม่มีอะไร
โช๊คอัพหลัง ก็เจ้าเดิมครับ WP ยกมาทั้งหน้า-หลัง
ระบบเบรค หน้า-หลัง ก็จะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก Brembo
คอท่องามๆ กับท้องท่อสไตล์สองจังหวะสุ้มเสียงเร้าใจ
มุมนี้มองแล้วเหมือนรถเล็กกระทัดรัด เอาเข้าจริงก็สูงเอาเรื่องอยู่ความสูงของเบาะอยู่ที่ 96cm.
แต่ด้วยน้ำหนักตัวรถ 103กิโลกรัม ชายไทยสูง 170นิดๆอย่างกระผมก็พอจะยันพื้นถึง
ลงสเปคกันเลยดีกว่า ถ้าปล่อยให้ผู้เขียนร่ายต่อไปมันจะยาวเยิ่นเย้อ จนพาผู้อ่านง่วงนอนกันซะก่อน
อ้อ….เน้นย้ำกันอีกครั้งว่าเจ้า KTM 250 EXC TPI คันนี้เป็นรถทดลองขี่นะครับ ส่วนถ้าจะเข้ามาบ้านเรา
ตัวขายจริงๆคาดว่าคงต้องมีเพิ่มเติมพวกระบบไฟเลี้ยว และ อื่นๆตามกฏหมายบ้านเราซึ่งทาง KTM เอง
ฟันธงไว้ว่าจะนำเข้ามาขายแน่ๆล่ะ…..แต่เมื่อไหร่นั้น KTM ยังไม่ยอมบอกจ้า
หลังจากได้ลองขี่อยู่ครึ่งค่อนวัน….รถเบา ช่วงล่างดี เบรคดี
สนุกตรงที่เบิ้ลๆไล่รอบเรียกพละกำลังแบบ2จังหวะ ในรอบสูงมาพร้อมสุ้มเสียงเร้าใจ
ก็สนุกสนานกันไปตามรู๊ทที่ทีมงานวางไว้ให้ พื้นหายมั่ง คาเนินมั่ง
ก็ต้องมานั่งหอบแฮ่กๆหลายพักใหญ่ ยังดีที่อากาศค่อนข้างเย็นสบายก็ช่วยได้เยอะ
จะบอกว่าเป็นการกลับมาของ 2จังหวะมั้ยก็คงต้องบอกกันว่าในเมืองนอกรถวิบาก2จังหวะ
ก็ยังมีใช้กันอย่างแพร่หลายอยู่ ทั้งในการแข่งขันแทบจะทุกรายการก็ว่าได้…
KTM ที่คว้าถ้วยในการแข่งขันก็ 2จังหวะล้วนๆ
วีดีโอช่วงที่ลงไปทดลองขี่กันเล็กน้อยครับ
ขอบพระคุณ พี่เบิร์ด FastBike Thailand ครับ
จุดเด่นน่าสนใจที่สุด ก็คือเครื่องยนต์ระบบหัวฉีดที่ผ่านมาตรฐาน EURO4
แต่พละกำลังในแบบ 2จังหวะยังมีอยู่ครบถ้วนไม่ได้จางหายไปไหน….แฟนๆวิบาก2จังหวะที่เคยคุ้นก็จะเข้าใจ
ตามที่ผู้เขียนเปรยไว้แต่แรกแล้วว่า เจ้าสองรุ่นนี้ KTM 250/300 EXC TPI มาไทยแน่นอน
แต่จะมาเมื่อไหร่นั้นคงไม่สามารถฟันธงให้ได้…..ว่าเมื่อไหร่ คาดว่าไม่ช้าไม่นานแน่นอน
แฟนๆ KTM ก็คงต้องติดตามดูกันต่อไป
หลังจากทดลองขับขี่กันตั้งแต่เช้า….จนบ่าย ก็ได้เวลาแยกย้ายไปพักผ่อนเป็นอันจบงานกันไปแบบเรียบๆง่ายๆ
ไม่ต้องพิธีรีตรองอะไรกันมากมาย ตามสไตล์ฝรั่งๆขึ้นรถกลับที่พักอาบน้ำล้างตัว…..พักผ่อน
ถัดมาอีกวันคณะเราก็พร้อมเดินทางกลับบ้านกัน แบบชิลๆล่ะ
ตื่นสายๆลงมาหม่ำข้าวเช้าแล้วค่อยขนกระเป๋าไปสนามบินกันไฟลท์กลับจาก ชิโตเสะไปฮาเนดะ บอร์ดดิ้งทุ่มนึง
มีเวลาหลายชั่วโมง….รออะไรล่ะครับ
กระเป๋าแต่ล่ะท่านน้ำหนัก ประมาณ20กิโล +/- จะลากจูงกระเตงกันเดินคงไม่เข้าท่าเป็นแน่แท้
จัดแจงเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่ร้านรับฝากกระเป๋าในสนามบินนี่ล่ะครับ…สังเกตุโลโก้แมวดำคาบลูกแมวน้อย
อัตราค่าบริการรับฝากกระเป๋า…หลังจากฝากกระเป๋าแล้ว เราจะไปเดินเล่นกันที่ Chitose Outlet Mall Rera
หาจากในอากู๋….เวปไซค์ของ Chitose Outlet Mall Rera มีภาษาไทยด้วยนะ
แสดงว่าคนไทยต้องไปช๊อปกันเยอะแน่นอน สถานที่ตั้งก็ห่างจากสนามบิน ชิโตเสะแค่10นาที
แถมมีบริการรถชัตเติลบัส จากสนามบินวิ่งวนไปฟรีไม่ต้องเสียค่ารถด้วยนะเออ…ดีงาม
เหมือนเดิมครับกองทัพเดินด้วยท้องเสมอ
บุกฟู้ดคอร์ทกันก่อนเลยจ้า
อาหารหลากหลายให้เลือก….เดินวนไปวนมาก็ได้ ข้าวหน้าเนื้อโรสบีฟมา1หน่วย
เนื้อนุ่ม น้ำซอสเข้มข้น ออกหวานนิดๆคลุกกับข้าวร้อนๆพร้อมไข่ดิบรสชาตินัวๆกลมกล่อม
โรยพริกไทยลงไปหน่อย ลื่นคอชะมัดยาดให้คะแนนข้าวหน้าเนื้อชามนี้ 10/10 ไปเลย….ครับ
ต่อด้วยทาโกะยากิ ร้อนๆจากเตาโรยหน้าด้วยปลาโอแห้งที่เต้นยุกๆยิกๆอีก1ชุดใหญ่
เป็นอันว่าอิ่มจนแทบเดินไม่ไหว 5555+ แต่ก็ต้องฝืนสังขารไปเดินย่อยกันซักหน่อย
80-90% ของร้านรวงภายในช๊อปปิ้งมอลล์แห่งนี้ ก็จะเป็นสินค้าแบรนด์เนมนั่นล่ะครับ
ซึ่งคนเบี้ยน้อยหอยน้อยอย่างผู้เขียน ก็คงไม่รู้จะไปจับจ่ายอะไรก็เดินวนไปดูสาวๆดูร้านค้าเพลินๆ
ก็ไปป่ะกับร้านนี้เข้า BOSCO moto ร้านขายอุปกรณ์ขับขี่มอเตอร์ไซค์1เดียวใน Outlet Mall Rera
เห็นราคาแล้วน่าเป็นหนี้บัตรเครดิตมากๆ….แต่ต้องห้ามใจไว้
ท่องไว้ในใจ ยุบหนอ พองหนอ การไม่เป็นหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ……..
สุดท้ายก่อนจากจัดราเมงไปอีกคนล่ะ 1 ชามโตๆ
น้ำซุป ราเมงแต่ล่ะร้านที่ได้ลองชิมก็จะแตกต่างกันชัดเจนสูตรใครก็สูตรใคร
ร้านราเมง สามารถตั้งขายติดๆกันทั้งสองฝั่งได้ทั้งแถบโดยมีคนเข้าไปชิมแน่นพอๆกันแทบทุกร้าน
ครั้งจะตะลุยชิมให้ครบคงเป็น ชูชก ท้องแตกตายซะก่อนเอาเป็นว่าชิมพอหอมปากหอมคอก่อนจาก
ดินแดนอาทิตย์อุทัยกลับบ้านเรารักรออยู่……
เมนูสุดท้ายก่อนจาก…..ฮอกไกโด
ดินแดนที่ขึ้นชื่อเรื่อง นม ก็ยังสร้างความประทับใจในรสชาติของ ไอศครีม ได้เต็ม100%
สุดท้ายก่อนจะลากันไป…
– ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ
– ขอบคุณพี่ๆที่ร่วมเดินทางด้วยกันในทริปนี้
– ขอบคุณ Burnrubber และ KTM Thailand ที่เปิดโอกาสให้ทีมงานเล็กๆอย่าง Just Ride it ได้ไปร่วมเปิดประสปการณ์ในครั้งนี้
วันนี้ต้องขอตัวลาไปก่อน…ถ้ามีโอกาสไปไหนอีกจะเก็บเรื่องราว และ ภาพถ่ายมาเล่าสู่กันฟัง<อ่าน> ต่อๆไปครับ
ขอบคุณอีกครั้งจากเรา Just Ride it