Review รีวิว Ducati Hypermotard 950 ปลุกความเกรียนในตัวคุณ

สวัสดีครับ

ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า ผมได้มอไซค์คันนี้มารีวิวเพียงเพราะอยากลองขี่ก่อนตัดสินใจซื้อ  เป็นมอเตอร์ไซค์ Ducati รุ่นใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวในประเทศไทยไปไม่นานมานี้ Ducati Hypermotard 950 ผมได้รถมารีวิวเพราะสืบเนื่องจากการเชิญชวนจากเพื่อนที่ทำงานในศุนย์วิภาวดี มาลองขับขี่รถ Test ride ทั้งหมดที่อยู่ในศูนย์ไปดื่มกาแฟยามเช้า โดยใช้ชื่อกิจกรรมว่า Moring ride ที่ทางศูนย์ดูคาติวิภาวดีจัดขึ้น 

ระหว่างที่กำลังนั่งเสวนาภายในร้านกาแฟ คุณหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนที่ทำงานในศูนย์ ได้เอ่ยปากบอกว่า อยากได้ Hypermotard ไปรีวิวยาว ๆ มั้ย ด้วยความที่ผมอยากลองขี่รุ่นนี้มาก มีหรือที่ผมจะปฏิเสธ

ขากลับขี่กลับมาที่ศูนย์ เพื่อนคนนี้ติดต่อคุณโก้ ที่เป็น Brand Marketing Manager ของ บ.ดูคาทิสติ จก. ให้จัดการนัดคิวรับรถรีวิว และให้นามบัตรติดต่อไว้ จากนั้นไม่นาน ผมจึงติดต่อนัดจองคิวรถกับคุณโก้ซึ่งเป็นวันที่ 23-24 ก.ค ที่ผ่านมา

ถึงวันรับรถที่ศูนย์วิภาวดี น้องวินที่เป็นเซลล์เข้ามาแนะนำการใช้งานรถเบื้องต้น และวิธีใช้งานระบบภายในรถ และปิดท้ายด้วยการบอกว่า “พี่เอาไปลองให้เต็มที่ มีปัญหาอะไรติดต่อผมได้เลย” น้ำเสียงและสีหน้าของน้องวินในตอนนั้น แสดงได้ถึงความมั่นใจในคุณภาพและสมรรถนะของรถคันนี้มาก ผมรับรถออกจากศูนย์เสร็จเรียบร้อย แล้วมาดูกันเลยดีกว่าว่าเป็นไงบ้าง

ข้อมูลเบื้องต้นของ Hypermotard Gen เก่า 

Hypermotard เปิดตัวครั้งแรกในรุ่น 796 และรุ่น 1100 ในปี 2008 และมีตัวพิเศษอย่างรุ่น 1100sp ซึ่งเป็นรุ่นใช้เครื่องยนต์ Desmodue ระบายความร้อนด้วยอากาศ

ถัดมาปี 2013 Hypermotard 821 เปิดตัวออกมาโดยออกแบบรถและเครื่องยนต์ใหม่ทั้งหมด และออกรุ่น Hyperstrada ที่เป็นรถ Touring ร่างโมตาดเพิ่มเข้ามาอีกรุ่น

จากนั้นให้หลังอีก 3 ปี รุ่น Minorchange ก็ออกมาโดยใช้ชื่อรุ่น Hypermotard 939 ปรับเครื่องยนต์ให้ใหญ่ขึ้นอีกนิดเป็น 937cc.  และเพิ่มระบบเล็ก ๆ น้อยเข้าไปในรถ

สำหรับบ้านเรา Hypermotard 821 ล๊อตท้าย ๆ และตัว 939 มีการปรับความสูงของโช้คลง ทำให้คนไทยรูปร่างไม่สูงมากสามารถขับขี่ง่ายสบาย ๆ มากขึ้น (แต่บางคนกลับไม่ชอบ รถโมตาดต้องขี่สูง ๆ ผมเองก็คือ 1 ในนั้น 555)

รายละเอียดเกี่ยวกับรถ

เครื่องยนต์ เป็นเครื่องยนต์ 2 สูบ L-twin Testastretta 11 4 วาล์วต่อ 1 สูบ 937cc. 114 แรงม้า ระบายความร้อนด้วยน้ำ แรงบิดสูงสุด 96 นิวตันเมตร ที่ 7,250 รอบต่อนาที

โช้คหน้าเป็นของยี่ห้อ Marzocci โดยเพิ่มขนาดใหญ่ขึ้นจากรุ่นเดิมเป็น 45mm. (ของเดิมรุ่น 821 939 มีขนาด 43mm.) และสามารถปรับค่าได้เต็มระบบ มาพร้อมคาลิปเปอร์เบรค Brembo รุ่น M4.32 ส่วนโช้คหลังเป็นของยี่ห้อ sachs สีเหลือง ปรับพรีโหลดและรีบาวน์ได้

กุญแจของ Hypermotard 950 ยังคงมีลักษณะเหมือนรุ่นอื่น ๆ ของดูคาติ เป็นกุญแจกัดดอกลายในพร้อมระบบ immobilizer แต่ที่ต้องขอชมคือเรื่องการเปิดฝาถังน้ำมัน เป็นแบบยกเปิดปิดเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาสักที ไม่ต้องถือฝาเวลาเติมน้ำมันอีกแล้ว

ปั้มเบรคบน Brembo จัดเต็มมาให้ทั้งฝั่งคลัทซ์และฝั่งเบรกหน้าพร้อมกระปุกลอยสีชาขนาดใหญ่ หล่อหรูหราอีกตามเคย ไม่ต้องไปหาของแต่งมาเปลี่ยน เว้นเสียจากอยากได้ธงอิตาลี่ติดอยู่ที่ก้านเบรค 

นี่คือสิ่งที่มันไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน คือการเปิดเบาะ คุณจะต้องดึงที่ขันแบบ 6 แฉกที่เก็บอยู่บริเวณด้านขวาของหม้อน้ำด้านใน เอามาขันน๊อต 6 แฉกที่อยู่ปลายเบาะ ดูยุ่งยากใช้เวลาพอควร เปิดเบาะออกมาจะมีช่อง USB ต่ออุปกรณ์เคลื่อนที่ให้ 1 ชุด

ถือเป็นไฮไลต์สำคัญของรุ่นนี้ จอสี TFT ยกมาจากรุ่นพี่ Panigare V4 หน้าตาการวาง Layout แบบเดียวกันเป๊ะ

ล้อแม็กซ์ดีไซน์ใหม่ของค่าย สำหรับผมคิดว่ามันสวยดีครับ ลายคล้าย ๆ ล้อแม็กซ์แต่งแบรนด์ดังบางยี่ห้อ ลายแม็กซ์ไม่ถี่เกิน เอามือล้วงทำความสะอาดง่าย อันนี้ชอบมากครับ

ท่อไอเสียดีไซน์ใหม่ จริง ๆ ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่อะไร เพราะเป็นดีไซน์ดั้งเดิมมาจากตัวเก่าอย่าง 796 1100 เพียงแต่มีขนาดเล็กลง และให้ซุ้มเสียงไพเราะ และไม่รู้สึกร้อนเวลามีคนซ้อนท้าย

Ducati ยังจัดหนักเรื่องระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน ภายใต้การใช้ชื่อ Ducati Safety pack ซึ่งมีดังต่อไปนี้

-คันเร่งไฟฟ้า Ducati Traction control (DTS) พร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 โหมด และปรับแต่งเองได้ด้วย
-Cornering ABS ปรับระดับให้รถสไลค์เข้าโค้งได้ด้วยเบรค สามารถปรับเปลี่ยนตั้งแต่ระดับ 1-8 และปิด
-Ducati Wheelie Control ระบบที่ยินยอมให้ยกล้อหน้าตามระดับที่ปรับตั้งไว้ สามารถปรับเปลี่ยนตั้งแต่ระดับ 1-8 และปิดเช่นกัน
นอกจากนี้ Ducati ยังให้ระบบช่วยเหลือและให้ความสะดวกสบายในการขับขี่ อาทิเช่น 
-ระบบล็อกรอบเครื่องยนต์เมื่ออยู่ในเกียร์ว่าง และขาตั้งอยู่ในสถานะใช้งาน ไม่เกิน 3,000 รอบต่อนาที
-ระบบไฟ Daylight และไฟหน้าเปิดปิดอัตโนมัติ
-ระบบดับไฟเลี้ยวอัตโนมัติ

ภาพรวม ความรู้สึกในการขับขี่

ความรู้สึกแรกที่ได้ลองคร่อม รู้สึกได้เลยครับว่า สูงมากกก และโช้คไม่ยุบตัวลงเลยเวลานั่งคร่อม มีหวาดเสียวกลัวทำล้มแป่ะอยู่เนื่อง ๆ
แต่พอเวลารถวิ่งลอยลำ โอโห้…. ดูสูงหล่อกว่าใครเพื่อน นั่งสบาย แถมยังพลิกเลี้ยวง่ายมากด้วย 
ตัวรถสูงเท่าสเปกนอก เป็นเรื่องน่ายินดีที่กลับมาทำรถสูงแบบดั้งเดิมมาสักที แถมดีไซน์เบาะนั่งขึ้นมาใหม่เป็นสเปกไทยโดยเฉพาะ ให้คนตัวสูงมาตรฐานชายไทยขี่ได้ แม้จะต้องจิกปลายเท้าเหมือนบัลเล่ก็เถอะ อย่างตัวผมในรูป ผมสูง 169ซม. ต้องจิกปลายเท้า แต่ถ้าขยับก้นมาด้านใดด้านนึง เท้าก็จะวางลงพิ้นได้เกือบครึ่ง ยืนได้ค่อนข้างมั่นคงเวลาจอดติดไฟแดง

เรื่องอัตราเร่ง ดึงหน้าหงายรุ่นแรงตามสไตล์เครื่อง L – twin  คือมาในอารมณ์ดิบเถื่อน ตามสั่ง มาไว 
จะบิดเร่งแซงก็ทันใจโดยที่คุณจะอยู่เกียร์ไหนก็ได้ เพียงแต่ ถ้าคุณเป็นคนขี่รถบ้าน ๆ มาก่อน ไม่เคยขับขี่รถแบบนี้ 
พอเจอแรงดึงเจ้านี่เข้าไป น่าจะมีอาการผวาจนกริ๊ดลั่นหมวก 
แล้วถ้ามีคนซ้อนด้วย น่าจะโดนตบหมวกกันน๊อกแรง ๆ แล้วตะโกนด่าว่า (…..)จะหงายหลังแล้ว ถ้าถามคนชอบขี่รถซิ่ง แต่ไม่ได้ซิ่งหมดปลอกแบบผม จะสะใจกับอัตราเร่งที่ให้มาแบบนี้ 
แต่ถ้าคุณเคยขับขี่ตัว 939 มา พอมาลองขี่ 950 จะรู้สึกว่า มันแรงขึ้นมาอีกนิดนึง แต่ไม่ได้ถึงขั้นจนต้องร้องว้าววว…อะไรมากมาย 
แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือคลัทซ์ไฮดรอลิก ดูหล่อหรูหรา และนุ่มมือมาก คนไม่เคยขี่รถคลัทซ์น้ำมันอาจจะต้องปรับตัวบ้างนิดหน่อย

ระบบคันเร่งไฟฟ้าของรถ เท่าที่ใช้มาทั้ง 3 โหมด ผมคิดว่าโหมดที่ให้ความสนุกและใช้งานง่ายที่สุดคือโหมด Touring 
คันเร่งไฟฟ้าจะถูกเซ็ทมาให้ในรูปแบบของสมูท ได้แรงบิดที่เหมาะสมเพื่อลากเครื่องไปได้ทุกเกียร์ และเดินคันเร่งเนียน ๆ แบบไม่ทำให้คนซ้อนหงาย และแทบไม่มีอาการ Lag ให้เห็นเลย บิดปุ๊บ มาปั๊บ บิดแค่แค่ไหน
มาเท่านั้น ไม่มีมากหรือน้อยเกินกว่าต้องการแม้แต่น้อย! ถือเป็นคันเร่งไฟฟ้า
ที่ตอบสนองได้ดีมากสุดรุ่นหนึ่งเท่าที่ผมเคยเจอมา

อีกทั้งระบบอย่าง Ducati Wheelie Control  Traction Control , Cornering ABS นั้นก็ตอบสนองตามที่เราตั้งค่าไว้ จะเปิดปิด หรือเปิดมันเพียงแค่ระดับ 1-2 มันก็ทำงานได้ดี
ระบบดับไฟเลี้ยวอัตโนมัติ รวมไปถึงระบบเปิดปิดไฟ Daylight อัตโนมัติก็ใช้งานได้จริงทั้งกลางวันกลางคืน การเลี้ยวรถ เอียงรถหรือคอรถเลี้ยวไปเพียงเล็กน้อย ไฟเลี้ยวก็ดับให้ภายในเวลา 2-3 วินาทีเท่านั้น ดีงามมาก 

ด้านอัตราสิ้นเปลือง ตามสเปคระบุว่าเกือบ ๆ 20 โลลิตร แต่พอมาขับขี่ใช้งานในเมือง จะอยู่แถว ๆ 15-16 โลลิตร 
แต่เมื่อมาขับขี่ใช้งานทางตรงยาวความเร็วสม่ำเสมอ จะมีอัตราสิ้นเปลืองที่ประหยัดขึ้นมาอีกนิดเป็น 17-18 โลลิตร 
ผมคงไม่กล้าบอกว่ามันประหยัดหรือไม่ เพราะทั้งนี้ทั้งนั้น จะประหยัดหรือไม่ อยู่ที่ข้อมือของคุณ และสภาพแวดล้อมการใช้รถด้วย  

อีกสิ่งหนึ่งที่คนอยากขี่ Ducati หน้าใหม่กลัวกัน คือเรื่องความร้อน  ต้องขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ให้ลืมเรื่องความร้อนของ Ducati รุ่นอื่น ๆ ลงไปซะ เพราะเจ้านี่… มันไม่ร้อนเลยยยย…
ย้ำ…มันไม่ร้อนเลย ไม่ร้อนจนน่าตกใจว่า เฮ้ย..นี่ผมขี่ Ducati อยู่รึเปล่า โอ้วว…สวรรค์แท้ ๆ 

ช่วงล่าง ผมขี่ที่ค่าเดิมที่เซ็ทจากศูนย์ ให้ความรู้สึกนุ่มกำลังดี รูดหลุมบ่อท่อสบายโดยไม่รู้สึกสะท้านมาที่แฮนด์ 
ในด้านการทรงตัว ในช่วงความเร็วสูงนั้นนิ่ง มั่นคง ไว้ใจได้ แม้ว่าเวลาเข้าโค้งแรง ๆ ท้ายรถจะมีอาการหวิวเล็ก ๆ ตามสไตล์รถที่เทน้ำหนักไปทางด้านหน้า แต่ไมได้รู้สึกน่ากลัวอะไร  

เบรค….ดูแค่ยี่ห้อที่ติดมาก็หายห่วงได้เลย เบรกหนึบ ไว พลังเบรคนั้นเหลือเฟือ คงไม่พูดอะไรเยอะกับเบรกยี่ห้อ Brembo แต่ถ้าใครกำลังขี่รถแล้วใช้เบรคครั้งแรก อาจจะกะน้ำหนักการแตะเบรคไม่ถูก เบรคจะจิกหน้าทิ่มจนน่ากลัว แต่ถ้าใครใช้เบรคบ่อย ๆจะรู้สึกชินและชื่นชอบกับพลังเบรคที่เหลือ ๆ ของมัน

สรุป…พยศ ดิบ มันส์ แต่ถ้าอยากให้สุดกว่านี้ ข้ามรุ่น Standard ไปเอารุ่น Performance ไปเลย

Hypermotard 950 ผมพบว่าเสน่ห์ของมันอยู่ที่ความชัดเจนในเรื่องของความแรง โหด ดิบ มันมีพลังอัตราเร่งที่รุนแรง ร้ายกาจ 
เสียงท่อดุและโหด ชวนให้กระแทกคันเร่งซ้ำแล้วซ้ำอีก มันคือมอไซค์ที่จะมอบความสนุกในการขับขี่ให้คุณทุกครั้งที่ขึ้นคร่อม  
เสียงเครื่องยนต์แบบ L-twin คำรามจากระบบท่อ 2-1-2 ชวนให้คุณอยากขี่แล้วไม่อยากจอด คุณสามารถขี่มันไปเลาะ(ภาษาอีสาน)ทั่วเมืองด้วยความคล่องแคล่ว คล่องตัว ฉับไว มอไซค์คันนี้มีให้คุณอย่างเต็มเปี่ยม แถมยังไม่รู้สึกว่าร้อนเวลาติดไฟแดง แล้วยังให้ท่านั่งที่สบายทั้งคนขี่และคนซ้อนอีก 

แต่พอถึงเวลาจะเล่นบทโหดกับมัน มอไซค์คันนี้ก็ทำหน้าที่ของมันได้ตามที่คุณสั่ง คุณจะยกล้อ ท้ายปัด โน่นนี่นั่น คุณสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ง่าย ๆ เพียงแค่สั่งปลายนิ้วโป้ง แล้วที่เหลือก็อยู่สกิลการขับขี่ของแต่ละคน

นี่คือมอไซค์ที่ทำตัวตามคำจำกัดความของ Supermoto อย่างแท้จริง ถือเป็นตัวเลือกที่ดีของคนที่มีประสบการณ์ในการขับขี่อยู่แล้ว แล้วเกิดอาการเบื่อหน่ายกับรถหลาย ๆ รุ่นในท้องตลาด อยากลองรถที่มีความเฉพาะตัวแบบนี้

คนที่บอกว่า Hypermotard 950 คือเอา Hypermotard รุ่น 796 1100 มายัดของเล่นเพิ่มเติมจนท่วมคัน บอกได้เลยว่าคิดผิด และคนที่บอกว่า Hypermotard 950 คือรถที่ใช้เครื่องตัว 939 แต่ใส่เฟรม 796 1100 นั่นก็คิดผิด 

Hypermotard 950 นั้นถูกสร้างขึ้นมาใหม่ “ทั้งคัน” ไม่มีการนำแพลตฟอร์มตัวเก่ามาใช้ใหม่
แม้แต่เครื่องยนต์เองที่ดูสเปกเผิน ๆ จะยกมาจากตัว 939 แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้ว เครื่องยนต์นั้นถูกพัฒนาใหม่ทั้งหมด ทั้งแรงบิดแรงม้า น้ำหนักเครื่องยนต์ และยังใส่คลัทซ์ไฮดรอลิกมาให้ 
รวมไปถึงชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์อื่น ๆ ที่ยกระดับให้มีคุณภาพมากขึ้น มีความทนทานมากขึ้น หลังจากที่เคยโดนก่นด่าเรื่องคุณภาพชิ้นส่วนเมื่อหลายปีก่อน 

ผมชอบ Hypermotard 950 มาก ๆ ครับ ความสนุกของรถกับการใช้งานในเมือง อยู่ในจุดที่สมดุลกันพอดี จนเป็นมอไซค์ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองชัดเจน และมันกลายมาเป็นมอไซค์รุ่นหนึ่งในใจผมที่อยากได้มาเป็นเจ้าของมาก 

แล้วคุณอยากสนุกขึ้นอีก คุณมองข้ามรุ่น Standard ไปเอารุ่น performance ที่มีท่อ Termignoni กับควิกชิฟเตอร์ขึ้น-ลง มาให้ 
คุณจะได้เสียงท่อที่ดุดันขึ้นมา (แต่ไม่ดังจนเกินกฎมาย) แถมยังมีควิกชิฟที่ใช้ ขึ้น-ลง ได้ด้วย ขี่มันส์หรรษาขึ้น 

ส่วนเรื่องค่าดูแลรักษานั้น คุณไม่ต้องกังวลกับมันหรอก เครื่องยนต์บล็อกนี้ของดูคาติมีระยะการเข้าศูนย์น้อยครั้งมาก
คือมีแค่ 1,000  15,000 และ 30,000 กม. แถมราคาเซอร์วิสไม่แพงเมื่อเทียบกับยุคก่อน 
แล้วถ้าเอาราคาเซอร์วิสมาถัวเฉลี่ยกับค่าเซอร์วิสรถญี่ปุ่นพิกัดไล่เลี่ยกันแต่เข้าเช็คระยะถี่กว่า จะเห็นได้เลยว่าราคานั้นไม่ได้หนีกว่ากันเลย ที่น่ากังวลจริง ๆ คือค่าประกันชั้น 1 ที่ต้องจ่ายแพงกว่าใครเพื่อน ซึ่งคุณก็ต้องยอมรับในจุด ๆ นี้

แต่มันก็ไม่ใช่มอไซค์ที่ดีไปหมดทุกอย่าง ข้อเสียของมันก็มีอยู่  มอไซค์คันนี้ไม่ใช่ทุกคนที่จะขี่มันได้ 
หลายคนถอดใจเบือนหน้าหนีเพราะความสูงของรถกับอัตราเร่งที่ดิบเถื่อน คุณอย่าหวังแม้แต่นิดเดียวว่ามันจะปราณีคุณถ้ายังไม่คุ้นชินกับมัน 
คุณจะต้องมีทักษะและประสบการณ์การขับขี่มาระยะหนึ่ง นอกจากนี้ มันยังไม่เหมาะกับการขับขี่ทางไกล 
แม้ว่าท่านั่งนั่นจะขี่สบาย แต่คุณจะเหนื่อยมากเวลาทำความเร็วบนทางหลวง หรือขับขี่ออกทริปกับพวก Touring จ๋า 
คุณอาจจะเกาะตามเค้าทันถ้าขี่ความเร็วเหมาะสม แต่ถ้าเมื่อไหร่มีการใช้ความเร็วมาก ๆ และแช่เป็นระยะเวลานาน ๆ เมื่อไหร่ละก็ 
คุณจะค่อย ๆ โดนทิ้งห่างไปทีละนิด ๆ เนื่องจากคุณทนการต้านลมไม่ไหว 

แต่เอาเข้าจริง ๆ มอไซค์ Hypermotard ไม่ว่าจะรุ่นไหน เก่าหรือใหม่  มักจะเป็นอย่างนี้แหละ ถ้าเอาไปขับแค่ 10 หรือ 20 นาที แล้วจอด คุณอาจจะไม่อยากกลับมาขับมันอีก แต่หากคุณยิ่งขับมากขึ้น คุณก็จะรู้สึกสบายขึ้นกับท่านั่งขับขี่ และจะคุ้นเคยกับพลังและวิธีการในบังคับมอไซค์คันนี้ได้มากขึ้น

ส่วนเรื่องรูปลักษณ์ความสวยนั้น ก็แล้วแต่มุมมอง ถ้าใครเห็นแล้วชอบก็รักเลย ใครเห็นแล้วเกลียดก็เกลียดไปเลย บางคนบอกตัว 821 939 ดูสวย แต่งง่าย และทันสมัยกว่า แต่บางคนชอบเฟรมและซับเฟรมถักสวย ๆ แบบ 796 1100 มากกว่า หรือแม้แต่ 950 คันนี้ที่นำดีไซน์ของ 796 1100 มาปรับใช้อีกครั้ง (แต่จริง ๆ คือสร้างใหม่ทั้งคัน) ก็บอกว่าสวยแบบขาด ๆ เกิน ๆ  ดังนั้นมันก็เป็นเรื่องของแต่ละคน

แล้วก็ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองรึเปล่า Hypermotard ไม่ว่ารุ่นเก่าหรือใหม่ เวลาจะถ่ายรูปรถ ต้องใช้สแตนยกเท่านั้น มันจะถ่ายรูปออกมาหล่อมาก แต่ถ้าตั้งขาตั้งเดี่ยวถ่ายรูปน่ะเหรอ 555….บางคนบอกมันดูเล็กเหมือน MSX ไปเลย

แล้วถ้าหันไปมองคู่แข่งแบบที่ใกล้เคียงกันที่สุด…ก็คงจะยากหน่อยเพราะมันไม่มีรถที่เปรียบเทียบกันได้แบบตรงเป๊ะเลยสักนิด ผมจะลองเทียบตามพฤติกรรมคนซื้อแบบนี้แล้วกัน

ถ้าคุณอยากได้รถใช้ในเมืองที่ขี่สนุก ทอร์คหนัก โหดเถื่อน คุณเลือก Ducati Hypermotard 950 ตัว Standard ก็พอครับ ไม่ต้องเพิ่มงบไปเล่นตัว Performance หรอก ของแต่งอย่างท่อและควิกชิพหาเอาข้างนอกก็ได้ หรือคุณจะข้ามฝั่งญี่ปุ่นไปเล่น Yamaha MT-09 ที่ราคาถูกไปอีกเป็นแสน ความสนุกความมันส์มีเหมือนกัน ได้ควิกชิพจากโรงงาน เพียงแต่ความหล่ออาจไม่หล่อเท่า ไม่ได้จอสีหรูหรา และไม่ได้ระบบช่วยเหลือการขับขี่ ก็แค่นั้น

ถ้าคุณมีงบ 5 แสนกลาง ๆ อยากได้มอไซค์สักคัน ไมได้รักความสนุกในการขับขี่ แต่ยังรักความแรงและขับทางไกลสบาย Yamaha Tmax DX ก็เป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจในงบประมาณนี้ หรือถ้าอยากได้ 4 สูบ 1000cc. เสียงหล่อ มีโปรอาร์ม อุปกรณ์ติดรถสมเหตุสมผล Honda CB1000R ก็ตอบโจทย์ตรงนี้เหมือนกัน

สุดท้าย…ก่อนที่คุณจะเซ็นใบจองรถไม่ว่าจะยี่ห้อไหน อยากให้คุณไปคลุกคลีกับกลุ่ม Club ต่าง ๆ ของรุ่นนั้นสักระยะ ดูข้อดีข้อเสีย ไปทดลองขับขี่ที่ศูนย์ แล้วเอามาชั่งน้ำหนักดูว่ามันเหมาะกับคุณมั้ย และที่สำคัญที่สุดคือเมื่อคุณได้รถมาแล้ว คุณต้องแต่งตัวเองก่อนแต่งรถ หาหมอกกันน็อก เสื้อการ์ด กางเกง รองเท้า ถุงมือให้ครบ ๆ และไปลงเรียนขับขี่เพิ่มทักษะ  ทำความคุ้นเคยกับรถให้มากขึ้น แล้วคุณจะขี่มันด้วยความสุขและความปลอดภัยครับ สวัสดีครับ 

หลิ่วตา

ปิดท้ายด้วยของแถม ที่ต้นทางยังไม่ลง 5555555

ขอบคุณต้นทาง พี่โอ็ตช่างภาพเสื้อเทาในตำนาน มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

https://pantip.com/profile/701434#topics