++เมื่อต้องฝ่าอุณหภูมิเดือด..บนรถที่ร้อนฉ่า New Honda CB500F ++
ใครๆ ก็รู้ว่า เดือนเมษาบ้านเรา ร้อนเสียยิ่งกว่าร้อน…
โดยเฉพาะปีนี้ บอกได้เลยว่า แทบละลาย..
แต่ในเมื่อรัก ในเมื่อชอบมอเตอร์ไซค์…
ร้อนแค่ไหนก็ต้องทน.. มาดูกันว่าจะทนได้แค่ไหน
คราวนี้ไม่ใช่แค่อากาศอย่างเดียว ที่ร้อนฉ่า
ม้าศึกอาชาในครั้งนี้ บอกได้เลย ว่าร้อนฉ่า ไม่แพ้กัน ( ในความคิดของผม ) ![]()
![]()
เป้าหมายครั้งนี้ของผม คือ ปีนี้ผมยังแทบไม่ได้เห็นทะเลเลย…
ตอนนี้ร่างกายต้องการ วิตามิน Sea อย่างแรง …
เอ้า ก่อนเดินทาง ยังงัยก็ขอบคุณผู้สนับสนุนม้าศึกสำหรับท่องเที่ยวครั้งนี้ก่อนครับ
ทีมงาน Just-Ride-it และ บริษัท Honda ครับ ![]()
![]()
https://www.just-ride-it.com/ver2/
https://web.facebook.com/Just-Ride-it-402680366584509/?fref=ts

ส่วนหนึ่งที่ผมได้รับหน้าที่ควบเจ้า CB500F คันใหม่นี้
ส่วนหนึ่งก็ด้วยตัวผมเอง เคยเป็นเจ้าของ เจ้า CB500F คันเก่ามาก่อน
วัวเคยค้า ม้าเคยขี่..
อย่างไร ก็ต้องเคยชิน และมีข้อมูลมาเล่าสู่กันฟังได้พอสมควรแหล่ะ ![]()
![]()

เอ้า ออกเดินทางกันเถอะ !!!!

คราวนี้เลือกเส้นทาง ยอดนิยมของชาวมอเตอร์ไซค์เราในการล่องใต้ครับ…
ผมใช้เส้น พระราม 2 – คลองโคน – บางตะบูน – หาดปึกเตียน – ชะอำ ครับ
ทำไมเส้นทางสายนี้ถึงเป็นที่นิยม
เพราะมัน ( ค่อนข้าง ) อุดม ไปด้วย โค้ง ยังงัยหล่ะครับ



เอ้า เล่าสู่กันฟังอีกเช่นเคย
และก็เหมือนเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนอีกเช่นเคย หลายๆ ท่านคงจะทราบแล้ว เอาเป็นว่ามาร่วมศึกษาด้วยกันนะครับ ^^
หลังจากควบเจ้า CB500F คันใหม่มา
มาพูดถึงเรื่อง เครื่องยนต์ กันก่อนดีกว่า
นอกเหนือจากหน้าตาภายนอกที่มันดู แพงขึ้น
ภายในอาจะไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ มันยังคงเป็นเครื่องยนต์ลูกสูบคู่ 8 วาล์วดุ๊กดิ๊ก
471cc สุดนุ่มนวล บล็อคเดิม ( รายละเอียดลึกๆ ผมไม่ขอเอ่ย เพราะว่ามีในเน็ทเต็มไปหมดครับ )
ยกเว้น “ระบบเกียร์” ![]()
![]()
ในรุ่นเก่า ผมบอกได้เลยว่า ในความรู้สึกผม เจ้าเกียร์ 6 speed ลูกนี้ มันชิฟอัพและดาวน์ได้ไม่ไหลลื่น และ สมูธ เอาเสียเลย =___=’
แต่ตัวใหม่ไม่เป็นอย่างนั้น…
ฟิลลิ่งในการชิฟเกียร์นั้นเรียกได้ว่า ดีขึ้นแบบหน้ามือเป็นหลังมือ…
ลื่นไหล… เบาแรง.. และต่อเนื่อง
เอาไป 5 กะโหลกเลย ![]()
![]()
![]()

เดินทางกันต่อ
มาถึงบางตะบูน แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะลิ้มลองอาหารแถวๆนี้
ผมเลือก ร้านลุงยา
รสชาติอาหารนั้นบอกได้เลยว่า ค่อนข้างโดนใจ และชอบในความมีเอกลักษณ์ เช่น
ใบชะคามจิ้มกินกับน้ำพริกกุ้ง
ปลาทูทอดน้ำปลา ซึ่งหาทานได้ยากเหมือนกัน
#ดึกแล้วโพสอะไรก็ได้ ![]()
![]()
กินไป ชมวิวไป ก็มีความสุขพอได้อยู่ ถ้าไม่ติดเรื่อง อุณหภูมิที่แทบจะอยากโดดไปกินข้าวในน้ำ ![]()
![]()



เสน่ห์อีกอย่างของเส้นทางสายนี้คือ
“การทำนาเกลือ”
แค่ได้เห็นก็แทบจะจินตนาการความเหนื่อยในการทำงานหนักท่ามกลางอุณหภูมิอันร้อนระอุไม่ออก…
ว่ามันจะเหนื่อยขนาดไหน…

อันที่จริงต้องเรียนว่า ความตั้งใจของผม ผมอยากไปทะเลแถวๆ ประจวบ
หาดบ้านกรูด หรือ แถวๆ บางสะพานครับ …
แต่…
ครั้งนี้ผมต้องขอยอมแพ้ …
อุณหภูมิของอากาศมันช่างโหดร้ายเสียเหลือเกิน ผมมาได้แค่นี้ ….

แต่ส่วนหนึ่งที่มีผลในการตัดสินใจให้ยอมแพ้คือ
“เมฆฝน” ![]()
![]()
ฝนสังเกตเห็นเมฆดำครึ้มขนาดใหญ่ทางทิศตะวันตก ผมตัดสินใจยกเลิกทะเล หันหัววิ่งเข้าหาภูเขาทันที…
ฝน… ผมต้องการฝน…
และในที่สุดผมก็สมใจ ![]()
![]()
ป.ล. อย่ามะโนในทางอื่น ผมหมายถึง ฝนตก… ฝนตกจริงๆ

แก่งกระจาน
ผมเองไม่ได้ตั้งใจมาที่นี่ในวันนี้เลย ไม่เคยมีอยู่ในมโนความคิดเลยสักนิด
แต่วันนี้ผมวิ่งไล่ตามฝนมา..
ผมพบว่า ที่นี่ ในยามที่พระพิรุณโปรยปราย…
ช่วยทำอากาศเย็นสบายอย่างไม่น่าเชื่อ โดยความรู้สึกประมาณ 25 – 28 องศาเห็นจะได้..
ลมพัดเอื่อยๆ พาเมฆดำเคลื่อนตัวหลบอาทิตย์ที่กำลังคล้อยเตรียมอัสดง…
เป็นภาพที่ผมประทับใจจริงๆ หลังจากร้อนแทบตายมาทั้งวัน… ![]()
![]()


เมื่ออาทิตย์ลาลับ
ความมืดเข้ามาแทนที่…
ความสำคัญของไฟหน้าก็คืบคลานเข้ามาทันที
เจ้า 500F ใหม่นี้ มาพร้อมกับไฟหน้า LED ที่มีรูปทรงเฉียบคมขึ้น…
แต่ในเรื่องการส่องสว่าง ผมว่าแสงมันกระจายไม่ค่อยดีเท่าไร และผมก็ไม่ชอบแสงสีขาวซักเท่าไร
ผมคนโบราณ ขอฮาโลเจนแสงส้มๆ ดังเดิมได้ป่าว ![]()
![]()

ที่พักเราคืนนี้
วันนี้เหนื่อยมาทั้งคืน ขอนอนคิดก่อน ว่าพรุ่งนี้ไปไหนดี..
ทะเล ยังต้องไปต่อไหม …

เช้าขึ้นมา ผมยังนั่งเหม่อมองท้องฟ้าจากห้องพัก
พร้อมพินิจพิจารณาว่า เหมือนว่าถังน้ำมันของเจ้า 500F จะใหญ่ขึ้นนะ…
ใช่ 16.5 ลิตร มันใหญ่ขึ้นจริง จาก 15.5 ลิตร…

และที่ร้ายกาจทำร้ายจิตใจคนขี่รุ่นเดิมเอามากๆ มันคือ ฝาถังน้ำมัน
จากเดิมที่เมื่อไขกุญแจแล้ว มันหลุดออกมาทั้งยวงให้ต้องเหวอ คอยถือ เวลาเติมน้ำมัน… ![]()
![]()

ในที่สุดผมก็ตัดสินใจได้…
ผมอยาก Slow life อยู่แถวๆนี้แหล่ะ..
บางที ความสุขก็ไม่ต้องสมหวังทุกครั้งไป ถูกป่ะ…

ว่ากันด้วยเรื่อง สรีระศาสตร์และการควบคุม
ผมว่า การยกท้ายด้านหลังขึ้น และปรับปรุงเบาะคนขี่ใหม่เล็กน้อย มันทำให้การควบคุมรถนั้นคมขึ้นอีกเล็กน้อย…
อาจจะเป็นเพราะหน้ามันจิกขึ้นด้วย..
และตัวรถที่เบาขึ้นอีกเล็กน้อยจากรุ่นแรก ประกอบกับปล่อยท่อสั้นขึ้น ซึ่ง Honda เคลมว่า มีผลต่อการกระจายน้ำหนักสู่ศูนย์กลางมากขึ้น
ทำให้การควบคุมรถนั้น พริ้วกว่าเดิมขึ้นระดับนึง แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร ( มั๊ง )…
ที่ต้องมั๊ง นี่เพราะว่า ผมก็ไม่ได้ขี่ 500F รุ่นแรกมานานพอสมควรแล้ว แต่รู้สึกได้จริงๆ ว่าดีกว่า…

พอพูดถึงเรื่อง ท่อ ก็นึกขึ้นได้
ว่ามันดูดีขึ้นแบบมีนัยยะ
แถมเสียงยังแผดขึ้นเล็กน้อย..
แต่ แต่ …. ผมกลับชอบเสียงรุ่นเดิมมากกว่า มันเร่งได้เงียบกว่าพอสมควร…
พวกนักบิดนอกคอกสินะ ชอบท่อเงียบๆ ![]()
![]()
พอมองท่อ ก็แอบสังเกตุว่า รุ่นใหม่นี้ติดสติ๊กเกอร์ขอบล้อให้ด้วย ทำม๊ายยยยย ตอนรุ่นเก่ามันไม่สวยแบบนี้ๆๆๆๆๆ T___T


มาต่อกันครับ
พูดถึงความรู้สึกในการเข้าโค้งของเจ้า 500F คันใหม่กันหน่อย
“หน้าเบา ท้ายเบา เข้าโค้งง่าย”
ผมให้นิยามมันแบบนี้ละกัน
แต่ถ้าขี่หนักๆ จะให้ความรู้สึกออกหวิวๆ เหมือนกัน เป็นความรู้สึกที่ผมรู้สึกมาตั้งแต่ 500F ตัวเก่าแล้ว อาจจะเป็นเพราะ ช๊อคอัพหน้าและหลังที่ปรับตั้งมาเน้นความ “นุ่มนวล” เป็นหลัก
รวมถึงการกระจายน้ำหนักที่แตกต่างจากรถ Sport เล็กน้อย

ระบบเบรคและช่วงล่าง
นี่คือสิ่งที่ดีงามพระรามเก้า เป็นลำดับสาม ( ผมให้ระบบเกียร์ อันดับ 1 และหน้าตาอันสวยงาม อันดับ 2 )
มือเบรคใหม่นั้นสามารถปรับระดับได้ กอปรกับ คาลิเปอร์เบรคใหม่ที่ให้ฟีลในการควบคุมดีขึ้นอีกเล็กน้อย พอประกอบ 2
อย่างนี้เข้าด้วยกัน จากเดิมที่ดีอยู่แล้ว กลายเป็นดียิ่งขึ้นไปอีก


ในส่วนของช่วงล่าง เดิมที่ปรับพรีโหลดได้เพียงด้านหลัง คราวนี้ แม้แต่ช๊อคอัพหน้าเอง ก็ยังสามารถปรับพรีโหลดได้ด้วยนะ
อื้อหือ ![]()
![]()

อีกส่วนหนึ่งที่เปลี่ยนไปแบบชัดเจนคือ
ท้ายรถยกสูงแบบสปอร์ต
มือจับหายไปแต่ฮอนด้าออกแบบมาฉลาดโดยการซ่อนมือจับไว้ใต้ชุดแฟริ่ง ชอบมากเวลาเข็นรถถอยหลังเรายังมีที่ให้จับได้
ชุดบังโคลนหลังและไฟ LED ที่ดูสวยงามและสปอร์ตขึ้นมากๆ
ข้อดีรวมๆ ของชุดนี้เลยคือ สวยและท้ายที่ยกขึ้นช่วยให้หน้ารถจิกเค้าโค้งได้คมขึ้น
โดยที่แน่นอน คนซ้อนสูญเสียความสบายไปถ้าเทียบกับของเดิม แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดนักถึงกับนั่งซ้อนทางไกลไม่ได้
เสียงบ่นจากคนซ้อนของผมบอกแต่เพียงว่า เบาะมันบางและแข็งไป
ในเรื่องตำแหน่งท่านั่งที่สูงขึ้นมานั้นไม่ค่อยเป็นประเด็นเท่าไรนัก

เมื่อความเปลี่ยนแปลงในแต่ละส่วนประกอบกัน
ทำให้รถคันที่เคยขี่สบายๆ สงบเสงี่ยม กลายเป็นรถที่ร้อนแรง ดุดัน
ทั้งในเรื่องของรูปทรงและการขับขี่

ถ้าให้เล่าว่ามันมีผลอย่างไรในกระบวนการเข้าโค้งเป็นสเต็ปๆ มันก็จะเป็นดังนี้
เมื่อเราขี่มาหนักๆ เร็วๆ…
ด้วยมือเบรคที่ปรับระดับได้ เราสามารถปรับระดับทำให้เราเบรคได้หนักขึ้น ฟีลลิ่งที่ส่งมายังนิ้วของเรารับรู้ถึงอาการของเบรคได้มากขึ้น
ทันใดนั้น เราก็ถอนเกียร์ด้วยความลื่นไหล และ นิ่มนวล
ปัง….
ปัง…
( เสียงลดเกียร์อย่างรวดเร็ว 5555 )
ด้วยความที่เครื่องยนต์บล๊อคนี้เดิมทีก็มีเอนจิ้นเบรคไม่มากอยู่แล้ว ท้ายรถจึงไม่ออกอาการดีดดิ้นมากนักหากเราลดเกียร์หลายเกียร์ ( ซึ่งได้โมเดลเก่า ผมแทบไม่อยากจะลดเกียร์เพราะมันแข็งไม่ลื่นไหลเท่านี้ )
ทันใดนั้น ด้วยน้ำหนักรถที่เบาขึ้นและหน้ารถที่จิกมากขึ้นก็ช่วยให้เราพับโค้งและรักษาไลน์ในโค้งได้ดียิ่งขึ้น
และด้วยความที่ระบบช่วงล่างหน้าหลังสามารถปรับแต่งพรีโหลดได้ เมื่อเราปรับให้เข้ากับน้ำหนักของตัวเรา หน้าหรือท้ายรถก็จะยุบพอดีๆ รถไม่เสียอาการเท่าไร ส่งผลให้เราเปิดคันเร่งได้เร็วขึ้น…
สุดท้ายก็วนกลับมาที่ชุดเกียร์ พอมันทำงานดีขึ้น จากรุ่นเดิมที่เราเข้าโค้งแบบเนือยๆ ไม่ค่อยลดเกียร์ ออกโค้งก็เกียร์สูง
คราวนี้ออกโค้งด้วยเกียร์ต่ำ.. ลากรอบจนถึงย่านกำลัง และเปลี่ยนเกียร์ขึ้นแบบรวดเร็ว
พูดสรุปง่ายๆ
ความรู้สึกที่ได้จากคันใหม่ ร้อนแรงกว่าคันเดิมมากมายเลยทีเดียว ผมขี่แล้วนิสัยการขับขี่เป็นคนละเรื่องกับที่ขี่คันเก่าของผมเลย

ย้อนกลับมาที่กิจกรรมกันต่อ
อย่างที่บอก วันนี้ผมชิล ชิล สโลว์ไลฟ์
ทำอะไรน่ะหรอ…
ก็ส่องนกไปเรื่อยครับ
แก่งกระจานเป็นแหล่งดูนกที่ดีอีกที่หนึ่งในประเทศเราเลยหล่ะ
ส่องไปส่องมามันก็เพลินดีนะ รู้สึกว่าจิตใจมีสมาธิและสงบขึ้นอย่างประหลาด ![]()
![]()


ติดแต่ก็เพียงว่า
แก่งกระจานในวันนี้ อุณหภูมิแตกต่างจากเมื่อวานที่ฝนตกแล้ว
แสงอาทิตย์เริ่มแรง แผดเผาผมขึ้นเรื่อยๆ

ยิ่งใส่ชุดการ์ดยิ่งร้อนหนักเข้าไปใหญ่เลย![]()
![]()

ถ่ายรูปเล่นไปมา ผมเพิ่งรู้ว่าเจ้ากล้องคอมแพ็คของผมมันแต่งภาพสำเร็จรูปให้ก็ได้ด้วย 5555
ถึงแม้ว่ารูปที่ได้จากมันจะไม่ค่อยสวยสักเท่าไรก็เถอะ
เอาหล่ะ ได้เวลาบ๋ายบายแก่งกระจานกันแล้ว

ขากลับก็เดินทางมาเรื่อยๆ
ยามเย็นแวะทานข้าวก่อนเข้ากรุงแถวๆ คลองโคน
บรรยากาศใช้ได้เลยนะ

ทิ้งท้ายแล้ว
ผมอาจจะเขียนได้ไม่ละเอียดในฐานะรีวิวรถ
แต่อยากให้กระทู้เป็นแบบท่องเที่ยวรีวิวง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ในแง่เทคนิคผมอาจจะไม่ได้พูดหรือกล่าวถึงมากนัก ( บางทีผมเองก็ไม่รู้และไม่ได้เชี่ยวชาญด้วย )
เพียงแต่ได้มีโอกาสขี่และก็มาเล่ากันให้ได้สดับรับฟังกันจากมุมยูสเซ่อร์บ้านๆ คนนึงที่มีฝีมือการขับขี่ทั่วๆไปแบบเราๆ ท่านๆ นี่แหล่ะ ![]()
![]()
ยังงัยสำหรับรถคนนี้ขอสรุปเลยว่า
ดีขึ้นในเกือบๆ ทุกมิติ เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม ข้อดีข้อเสียสรุปให้ดังนี้ครับ
ข้อดี
– สวยแบบคนต้องเหลียว
– ชุดเกียร์แจ่มขึ้นมาก
– เบรคที่ดีแล้วดียิ่งขึ้นไปอีก
– คล่องเบา เข้าโค้งง่าย หน้าจิกขึ้น
– ขี่ง่าย นั่งสบาย ใช้งานในชีวิตประจำวันก็ได้ ออกทริปก็ดี
– ประหยัด ( 20-30 โลลิตร แล้วแต่ข้อมือ )
ข้อเสีย
– ท้ายยก เบาะแข็ง คนซ้อนอาจมีบ่นเล็กๆ ( แต่น้อยกว่าที่คาดไว้ )
– ช่วงล่าง แฮนด์ลิ่งดี แต่ถ้าขี่หนักขึ้นนิดหน่อย ก็เริ่มหวิวๆแล้ว เพราะเซ็ตมาแนวนุ่มนวลมากกว่า ถ้าไปลองขี่รถบางค่าย อาจจะพบว่ารถมันหนักจริง แต่ความรู้สึกก็จะรู้สึกว่า มันเสถียรกว่า ก็แล้วแต่คนชอบนะครับ เรื่องแบบนี้
– เครื่องยนต์อาจจะไม่แรงและเร้าสำหรับสายโหด
ข้อสังเกต
– ท่อดังขึ้น แผดขึ้น
ในท้ายนี้ ดูแล้วเหมือนจะอวย เหมือนจะม้า มีแต่ข้อดีๆ ทั้งนั้น คันนี้ต้องบอกว่ารถมันดีจริงๆครับ ดีจนผมคิดข้อเสียไม่ค่อยจะออกเลยหล่ะ
และผมยกให้เป็น Naked ที่ดีที่สุดของ Honda ใน Class ที่ไม่เกิน 650 ณ เวลานี้เลยหล่ะครับ แต่อย่างเพิ่งเชื่อผมนะ ลองไปหาขี่ดูครับผม ![]()
![]()
วันนี้ขอลาไปทำงานก่อนคร๊าบบบ

บทความโดย เตี้ย ล่ำ ดำ แก่

