HONDA REBEL 500 Simple Review Chill style

เมื่อนึกถึงรถทรงครุยเซอร์ ของทางค่ายปีก แล้วนั้น

มันมีให้เรานึกภาพออกอยู่เพียงไม่กี่รุ่น แต่หนึ่งในนั้นที่จะต้องเด้งเข้ามาในหัวลำดับต้นๆ

ก็คงไม่พ้นเจ้า REBEL เป็นแน่แท้ครับ

ซึ่งในปีนี้ ทาง HONDA เองก็ปลุกปล้ำตำนานที่ไม่เคยหลับไหล ด้วย REBEL รูปลักษณ์ใหม่มาให้คนไทยได้สัมผัสกันเป็นที่แรกๆ

โดยออกมาสองพิกัดคือ 300 และ 500 cc ในส่วนของบทความนี้ รถที่เราได้รับมาทดสอบเป็นตัว 500cc ครับ

จึงเป็นที่มาของ Simple Review ในบทความนี้ ฮ่าๆ อ่านไม่ผิดครับ นี่คือ Simple Review แล้วจะได้เรื่องมั้ย ติดตามในบทความนี้ได้เลย

…..

ก่อนจะเข้าสู่ตัวรถ REBEL 500 ที่เราได้มาทดสอบกันนั้น มาย้อนดูเรื่องราวของรุ่นแรกๆกันสักหน่อย

จริงๆแล้วก่อนหน้าที่จะใช้ชื่อว่า REBEL ชื่อดั้งเดิมของรุ่นนี้คือ CMX ชึ่งรุ่นแรกเริ่มจำหน่ายในปี 1985

พอมาถึงยุคนี้ถ้าบอกว่า CMX กลับกลายว่าหลายๆคนอาจจะนึกไม่ออก หรือแม้แต่บางคนอาจไม่รู้จัก

เจ้า CMX นับว่าเป็นการแหวกวงการในช่วงนั้นเลยครับ เพราะถือว่าเป็นรถทรงครุยเซอร์ขนาดย่อมรุ่นแรกที่มีวางจำหน่าย

และเป็นที่มาของคำว่า REBEL หรือ กบฏ นั่นเอง เนื่องจากในช่วงเวลานั้นใครจะไปคิดว่าทางฮอนด้า จะกล้าทำรถครุยเซอร์แบบนี้ออกมา

ซึ่งจุดประสงค์ที่แท้จริงนั้น มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้คนควบคุมง่าย ขับได้สบายๆทั้งผู้ชายและผู้หญิง

โดยการลดสเกลและมิติของรถลงมาเล็กน้อย รุ่นแรกที่ออกมามีพิกัดความจุกระบอกสูบอยู่ที่ 250  cc

พอออกมาทรงแบบนี้ ก็มีคนขับขี่รถแนวนี้มากขึ้น

…..

ต่อมาในปี 1986 ก็มีการขยับขยาย CC ขึ้นมาเป็น 450 โดยยังคงความเป็นคัสตอมครุยเซอร์ไว้

และตัว 250 CC ก็มีการปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย และต้องบอกว่าเป็นเล็กน้อยที่ยาวนานเอาเรื่องเลยแหล่ะ

หลังจากช่วงเวลานั้น ทาง HONDA ก็จัดจำหน่าย REBEL มาต่อเนื่องโดยคงพิกัดคู่กันระหว่าง 250 และ 450 CC

และมีการแก้ไขปรับปรุงในแต่ละปีมาอย่างต่อเนื่อง

เอาง่ายๆว่าออกมาโดยยังคงโมเดลดั้งเดิมไว้

จนถ้าไม่สังเกตุก็แทบจะไม่ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงอะไรเลยยกเว้นคนที่เล่นรถรุ่นนี้แต่เดิมอยู่แล้ว

ถ้านับปีกันจริงๆแล้วก็จะไล่เรียงลำดับคร่าวๆตามนี้ครับ ที่ต้องใช้คำว่าคร่าวๆ เพราะเจ้า Rebel เนี่ย มีออกมาต่อเนื่อง และเยอะมากกกกกก

มากจนดูแล้วตาถึงขั้นลายกันได้เลย แต่นั่นก็ช่วยยืนยันความเก๊าของเจ้า Rebel ได้เป็นอย่างดีฮะ

1985

1986

1987

จากปี 1987 นั้นก็ห่างร้างวงการไปสามปี จนคนนึกว่ามันจะกลายเป็นตำนานไปแล้วจริงๆ

จึงมีออกมาวางจำหน่ายอีกครั้ง หลายๆคนก็โล่งใจที่รถของตัวเองจะไม่ใช่ตำนาน หรือหาอะไหล่ยากเกินไป

2000
ในช่วงปีนี้ ทาง Rebel มีการพัฒนาเรื่องไฟหน้าให้สว่างขึ้น

เพราะก่อนหน้าโดนผู้ที่ซื้อไปใช้งานบ่นๆเรื่อง ไฟที่ค่อนข้างสว่างน้อยกว่าชาวบ้านเค้า ในรถรุ่นราวคราวเดียวกัน

และมีการปรับโครงสร้างของตัวรถเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับกำลังของเครื่องยนต์ที่ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง

2001

2002

ในช่วงปีสองพันต้นๆนั้นยังไม่ค่อยเห็นความต่างมากนักยอดขายในระยะนั้นก็ยังเรื่อยๆ เนืองๆ ต่อเนื่อง

แต่พอเข้าสู่ช่วงกลางเป็นต้นมา เจ้า REBEL ก็ถูกแต่งองค์ทรงเครื่องเพิ่มลวดลาย และสีสัน

แต่ก็ยังคงรูปแบบ แบบเดิมๆไว้ ซึ่งช่วงนั้นหลายๆคน ก็เฝ้ารอ และเฝ้าลุ้นกันเสมอ ว่าในปีนั้นๆ จะมีการเปลี่ยนโฉมหรือไม่

และคำตอบที่ได้ ก็คือ ยัง ครับ

2007

2008

สังเกตุมั้ยครับว่า ในช่วงเวลาคร่าวๆที่ลงภาพมาให้ชม ยังแทบหาความต่างลำบาก ถึงลำบากมาก

แต่จริงๆภายใต้รูปร่างรูปทรงแบบเดิมนี้ ก็มีสิ่งที่เพิ่มมาให้ใช้งานมากขึ้นเรื่อยๆ

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอัตราทดต่างๆ การปรับกล่องควบคุม บลาๆ

แต่สิ่งนึงที่ไม่เคยเปลี่ยน คือความเป็น cruiser bobber ที่ออกแบบมาให้ขับขี่ง่ายๆ ในมาตรฐานแบบ HONDA

และได้รับการตอบรับอย่างดีมาโดยตลอด

คราวนี้มาดูเจ้า Rebel 500 2017 กันบ้าง

อย่างที่ทราบกันครับ ประเทศไทยของเรา เป็นประเทศแรกที่ได้เปิดตัวรุ่นนี้ และเป็นที่ฮือฮาอย่างมาก ทั้งในและนอกประเทศ

ในขณะที่เมืองนอกนั้นเริ่มวางจำหน่ายกันช่วงเมษายน เราโชคดีมากกกกที่ได้ยลโฉมมันก่อนใครๆ

ความใหม่แบบทุกกระเบียด ถูกจับยัดลงมา โดยที่ยังไม่ทิ้ง concept -ของรถแบบ custom cruiser bobber

ควบคู่กับวลี “Express Yourself” เป็นตัวเอง…ให้ที่สุด

แล้วความสุดของมันจะสุดในด้านไหนบ้างจากการทดสอบขับขี่ เรามาทำความรู้จักกับมันเพิ่มไปพร้อมๆกันเลยดีกว่า
…..

เส้นทางที่ใช้ทดสอบเราเลือกใช้เส้นทาง เขาดีสลักสุพรรณบุรี เลาะไปจนถึงแพปู่ย่าตายายกาญจนบุรี

เพราะมีเส้นทางที่ต้องการให้ทดสอบค่อนข้างครบถ้วน

เรื่องเส้นทางในบทความนี้คงไม่มีอะไรมานำเสนอนะครับ อย่างที่บอก simple review ฮ่าๆ เน้นๆไปที่ตัวรถเลยละกัน

เบื้องต้นต้องแจ้งให้ทราบก่อนเลยว่า รถแบบนี้ ทรงแบบนี้ คนเราส่วนใหญ่ หรือแม้กระทั่งตัวผมเอง

มักมีภาพมโนในหัวไว้ว่า มันต้องควบคุมยากแน่ๆ  แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันกลับทำได้ดีกว่าที่เราคิดไว้มากมายครับ

จะอะไรยังไงบ้าง เดี๋ยวยกมาเท่าที่รับรู้ได้ละกันครับ
…..

คนตัวเล็กๆเคยหงุดหงิดเรื่องความสูงของตัวเองมั้ย?

ยิ่งความสูง 158 เซ็นติเมตรจากระดับน้ำทะเลอย่างผมด้วยแล้ว

ต้องบอกว่าพอเป็นเจ้า Rebel ปลื้มปริ่มมาก นานๆจะมีรถสักรุ่น ที่มีขนาด CC สูงๆ

มาให้ขึ้นคร่อมแล้วเท้าเหยียบพื้นได้เต็มๆทั้งสองข้าง
…..

น้ำหนักของรถรวมของเหลว ตามที่ทาง HONDA แจ้งมาจะสิริรวมอยู่ที่ราวๆ 185กิโลกรัม

ดีงามพระรามเดินดงมากครับ ด้วยน้ำหนักประมาณนี้ ทำให้เราประคองรถได้ง่ายขึ้นไปอีก

เมื่อเทียบกับซีรี่ย์ 500 ตัวอื่นๆของทางค่ายเอง

แต่ถึงกระนั้นก็อย่าลืมสูตรคำนวนน้ำหนักที่เหมาะสมด้วยนะครับ

เอาน้ำหนักตัวของเรา คูณ ด้วย 3 จะได้น้ำหนักที่ไม่มากเกินความเหมาะสมของเรา

ถึงแม้ว่าจะมีน้ำหนักขึ้นชกน้อยกว่าตัวอื่นๆ แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาเวลาที่เราขับขี่ด้วยความเร็วที่สูงขึ้นครับ

รถยังคงความเสถียรได้อยย่างดี อาจมีเรื่องความสั่นสะท้านบ้างในรอบปลายๆ

แต่รอบการใช้งานย่านปกติช่วงจนถึง140ยังนิ่งๆอยู่

และปลายที่ว่าเนี่ย ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ใช้หรอกครับ ถ้าใจรักขับรถแนวๆนี้
…..

ระยะฐานล้อที่ยาวเพียงแค่ 1,491มิลลิเมตร

ทำให้การขับขี่ซอกแซกมุดไปตามถนนเส้นที่การจราจรอุ่นหนาฝาคั่งได้อย่างไม่ยากเย็น

และไม่ต้องกังวลเรื่องการเสียอาการเวลาที่เราจอด เพราะปกติผมจอดรถนี่เขย่งสุดเท้า หรือเรียกง่ายๆว่าสุดทรีน

อุปสรรคนี้หมดไปทันทีเมื่อมาเป็นเจ้า Rebel มันเกิดมาเพื่อฮอบบิตอย่างเราโดยแท้ โอ้ววว

ส่วนการเดินทางไกลก็ไปได้แบบชิลๆครับ
…..

แฮนด์บาร์ และการออกแบบท่านั่ง ออกแบบมาได้อย่างเหมาะสม ทำให้แม้ว่าแขนผมจะสั้นๆก็ยังเหลือระยะผ่อนคลาย ให้ควบคุมรถได้ง่าย

ความสูงเบาะ 690 มม. ความเพียวของทรงเบาะนั่ง บวกกับศูนย์ถ่วงของรถที่ต่ำ

มันยิ่งตอกย้ำความเป็นมิตรสำหรับผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะมือใหม่หรือมือเก๊าได้อย่างดี
…..

เบาะท้าย อันนี้ต้องบอกตรงๆว่ามันซ้อนได้แต่ก็ไม่ได้สบายนักครับ

ถ้าออกทริป หรือเดินทางไกลๆ คนซ้อนเมื่อยแน่นอน อาจหาอุปกรณ์เสริมมาพักพิงกันอีกที ติดปิ๊บ เสริมบาร์ท้าย ก็ว่ากันไป

แต่มีไว้ยังไงมันก็ดีกว่าไม่มีแหล่ะน่า แต่ถ้าใครใคร่จะถอด อันนี้แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลครับ มันมีความ Custom อยู่แล้ว

ส่วนของไฟเลี้ยว และไฟเบรคด้านหลัง ก็ตามที่เห็น บ้างก็ชอบบ้างก็เฉยๆ มันก็มีหลายแง่มุมแล้วแต่
…..

ถังน้ำมัน อันนี้หลายๆเสียงถกเถียงกันว่ามันน้อยไปมั้ยเพราะให้มาแค่ 11.2ลิตร

แต่เอาเข้าจริงๆ มันก็เพียงพอต่อการเดินทางในแต่ละครั้ง พอดีกับการต้องพักร่างกายของเราด้วย

ยืนระยะได้ถึง 200 กิโลค่อยเหล่หาปั๊มก็ยังไหว เพราะบล็อคเครื่อง 500 ก็ขึ้นชื่อเรื่องความประหยัดมาโดยตลอดอยู่แล้ว
…..

มาตรวัด เรือนไมล์ ทำออกมาเรียบง่ายแต่การใช้งานก็เกือบจะครบครับ

ขาดก็แต่วัดรอบกับไฟบอกเกียร์ที่ไม่มีมาให้ แต่ก็ตามสไตล์รถแนวๆนี้ ทำออกมาแบบเรียบง่ายอย่างที่แจ้ง

แต่เรื่องวัดรอบนั้น เราขับไปสักระยะก็พอที่จะจับจังหวะรอบของรถได้เองครับ มันจะกลายเป็นสวนนึงของความรู้สึกเราเอง

แต่เกียร์นี่บางทีขับเพลินๆก็มีแอบงัดเกียร์เจ็ดบ้างเป็นบางครั้ง
…..

นอกจากความเรียบง่ายของเรือนไมล์ ก็ยังมีความเรียบง่ายคลาสสิคสไตล์ตรงสวิทกุญแจ และที่ล็อคคอด้วย
…..

ขุมพลัง พูดกันง่ายๆว่ามันยกเครื่องใน series 500 มานั่นแหล่ะครับ

471CC หัวฉีด PGM-FI แต่ๆๆ มันก็มีการปรับเปลี่ยนนะ

ตอนไปทดสอบพบว่า รอบต้นกับกลางมาค่อนข้างจะจี๊ดจ๊าดกว่าตัวอื่นๆ

ทีแรกก็นึกว่าคิดไปเองหรือเปล่าแต่ก็มาทราบที่หลังว่า รุ่นนี้มีการปรับเปลี่ยนกราฟในmapของกล่องไฟ

ปรับจูนเพื่อให้เข้ากับบุคลิคของรถแนวนี้มากขึ้น ซึ่งจากตางรางที่เคยเห็นผ่านตาจะเห็นว่า แรงม้าที่ได้มาจะน้อยกว่า CBR500 กระจึ๊งนึง

แต่เจ้า Rebel ก็เรียกกำลังได้ไวขึ้นในรอบที่ต่ำลง แรงบิดก็สูงขึ้นจาก 43 นิวตั้นเมตรขึ้นมาอีกนิดดด

และเช่นกันว่ามันก็มาด้วยรอบที่ต่ำลงเช่นกัน ทำให้การใช้งานทั่วไปมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
…..

โช็คด้านหน้าดูคุ้นตา เพราะยกมาจาก CBR 500 R นั่นเองครับ แต่เพิ่มช่วงยุบให้มากขึ้นอีกเป็น 121 มม.

มีการปรับองศา ให้เหมาะกับมิติของตัวรถ และหลอกเราได้อย่างแยบยล

เพราะเหมือนมันจะควบคุมยาก แต่มันไม่ใช่แบบที่คิด

ไฟหน้าตากลม สว่างสไวไว้ใจได้
…..

ส่วนโช็คหลังคู่ อันนี้หลายๆท่านอาจดูขัดหูขัดตา แต่ผมว่ามันก็สวยลงตัวดีนะ

การปรับมาก็เป็นค่ากลางๆ ช่วงยุบอยู่ที่ 91 มม. การที่เป็นโช็คหลังคู่ข้อดีหลักๆของมันคือเรื่องการใช้งาานนั่นแหล่ะครับ

ทำให้รถที่ดูแล้วไม่น่าแม่นยำ ไม่น่าจะหนึบ กลายเป็นยึดเกาะได้ดีไปซะอย่างงั้น

ท่อก็ให้เสียงที่แน่นๆเป็นลูกๆแบบหวานๆตามแนว
…..

สรุปแบบรวมๆ

ลืมทุกอย่างที่เคยคิดไว้ข้างหลัง แล้วควบคุมเจ้า Rebel ที่อยู่ตรงหน้า

นับว่าเป็นรุ่นแรกๆของยุคโลกใหม่ การเปลี่ยนไปแบบไม่เหลือเค้าเดิม

สอดใส่เครื่องระดับ 471cc แล้วความรูงระดับ 158Cmจากระดับน้ำทะเลอย่างผมเนี่ยเหยียบย่ำพื้นดินได้เต็มทรีน

คัสตอมบ๊อบเบิ้ลไทรแองเกิ้บไทรแองกรี้ คัสตอมซู่ซี่บ๊อบเบิ้ลซู่ซ่า รีเบลซ่ารีเบลซี่ ไม่รู้จะเชียร์แบบไหนดีละครับ ชอบ รัก ลุ่มหลง

กับลักษณะที่เห็นด้วยตา กับท่าทางการขับขี่ที่คิดว่ามันต้องกล้ำกลืนฝืนทนเวลาเข้าโค้งแน่นอน

แต่ผิดคาดเจ้านี่มันไม่ใช่แบบนั้น เอาว่าเข้าโค้งไฮสปีด หรือโค้งที่ต้องใช้ความเร็วระดับนึง จัดว่าแม่นยำรวดเร็ว กระชับ

ใช้เวลาจัดท่าทางก่อนเข้าโค้งน้อยกว่าหลายๆตัวในซีรียย์เดียวกันที่เคยลูบคลำ

คิดอีกแบบว่าจะไปงานเลี้ยงคุณต้องเสียเวลาแต่งตัวนานแค่ไหน เจ้านี้แต่งตัวให้คุณได้ไวกว่า

แต่ในความดีงามย่อมมีความลำบากเล็กๆที่แสวงร่างไว้

เมื่อย่านความเร็วต่ำ มันก็มีอาการดื้อโค้งนิดๆ คือเรียกอีกทางว่าอาจเป็นดาบสองคม ของทรงล้อลักษณะแบบนี้

เรื่องเครื่องยนต์ ต้นจัดจ้านกลางอร่อยปลายห้อยหน่อยแต่ไม่น่าเกลียด ก็เพราะความเป็นสไตล์ของรถทรงแบบนี้แหล่ะ แค่นี้ผมว่ามันก็พอดีแล้ว

เสียงท่อระรื่นหูแบบป๊อบร็อคนิดๆ มีความแหบและความแผด ลั่นเป็นลูกๆ อยู่ที่การสบัดข้อมือของเราเอง

สุดท้าย จริงๆ

คนตัวเล็กแบบผม เหยียบเต็มทรีนนี่แหล่ะ เอาไป ล้านคะแนนปลื้มปริ่มมว๊ากกกกก
…..

จนถึงบรรทัดนี้ คงระบุไม่ได้ว่าเหมาะ หรือ ไม่เหมาะกับใคร

ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวล้วนๆครับ พวกเครื่องยนต์ต่างๆ มันก็การันตีตัวเองให้ผู้ใช้งานได้ประจักษ์กันอยู่แล้ว

ถามว่าคนตัวใหญ่ๆล่ะ จะขับขี่แล้วเข้ากับรถมั้ย อันนี้ก็ต้องบอกว่า ได้อยู่แล้วครับ

รูปร่างใหญ่ยังไงก็ได้เปรียบ แต่อาจจะมีอาการเมื่อยๆบ้างถ้าต้องเดินทางไกลมากหน่อย

ส่วนคนตัวเล็กๆ ก็ได้รถที่ถือว่าเป้นคำตอบง่ายๆ ให้เราละครับ  สูงเท่านั้นเท่านี้ ขี่รถรุ่นนี้ได้แบบขาเหยียบเต็มเท้าแน่นอน

แต่เรื่องเข้าโค้ง นี่อยากให้ไปลองกันดูจริงๆ แล้วสิ่งที่คุณเห็น สิ่งที่คุณคิด มันจะพลิกแบบแปลกใจตัวเอง

ปล..ใครมี HONDA BIGWING ใกล้ๆบ้าน ลองไปขับทดสอบดูครับ ^^

อยากขับรถเป็นความทรงจำสีเข้มๆจนจบการเดินทาง หรืออยากเป็นแค่ความทรงจำจางๆที่รอเวลาเลือนหายไป

การคงอยู่ของตัวตนคนขับมอเตอร์ไซค์ มันจะไม่มีความหมายอะไรเลย

ถ้าตัวเราเองยังยับยั้งชั่งใจกับสิ่งที่เราควบคุมเอาไว้ไม่ได้

รถทุกคันทุกรุ่นไม่ว่าจะกี่ CC มันก็มีพละกำลังมากพอ ที่จะเปลี่ยนให้เราเป็นแค่ความทรงจำสีจางๆในสักวันนึง

เวลาใครถามมาเรื่องรถรุ่นนั้นรุ่นนี้แรงแค่ไหนไปได้ไวแค่ไหน พวกผมอาจจะไม่มีคำตอบเรื่องความแรงความเร็วหรือความไว

แต่มักจะมีคำตอบเรื่องความไกลให้มากกว่า

ไม่ใช่ว่าเราไม่ชอบรถแรงๆ แต่เราเลือกที่จะมีแรงเพื่อให้ได้ขับรถต่อไป

เก็บคันเร่งบางส่วนทดไว้ในใจ ในข้อมือ ของเราให้ดี ขับขี่ด้วยความปลอดภัย ขับขี่ด้วยสำนึกที่ดี

จงอยู่เป็นความทรงจำสีเข้มๆให้ได้จนจบเส้นทาง ดีกว่าเป็นความทรงจำสีจางๆที่อาจจะหยุดอยู่แค่ข้างทางเพียงเท่านั้น

เดินทางให้ไกลไม่ได้หมายความว่าเดินทางให้ไว

ไปให้ได้และกลับมาอย่างปลอดภัย ยังไงก็ดีกว่า

ยอมช้าลงบ้าง พักบ้าง สิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวเรา ยังคงรอคอยการกลับมาของเราเสมอ ไม่อย่างใดก็อย่างนึงแหล่ะครับ
…..

…..

…..

ขอบคุณทุกๆท่านที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้

ขอบคุณ HONDA BIGBIKE
http://www.facebook.com/HondaBigBikeTH/?fref=ts
http://www.aphonda.co.th/hondabigbike/
ที่ให้เจ้า Rebel 500 มาทดสอบในครั้งนี้

แล้วพบกันใหม่ในบทความต่อๆไปครับ