Honda All New Forza ความไม่ธรรมดาที่น่าจดจำบนเขายายเที่ยง

บรรยากาศเช้า ๆ มีเมฆครึ้มนิด ๆ แดดที่ไม่ร้อนจนเกินไปบนเขายายเที่ยง
ตกบ่ายมีฝนและหมอกจาง ๆ ชวนให้นึกถึงภูทับเบิก



บิ๊กสกุ๊ตเตอร์หน้าตาหรูหราที่ขับสนุก ใช้งานได้หลากหลาย และทุกอย่างดีขึ้นกว่าโฉมเดิม

คำจำกัดความสั้น ๆ ที่ผมมอบให้รถคันนี้

จะว่าไป ผมไม่ได้ขี่รถที่มีบุคลิกสบาย ๆ ชิล ๆ อย่างนี้มานานมากแล้ว

ทำไมผมถึงชอบรถคันนี้ ตามไปอ่านกันได้เลยครับ

ท้าวความกันก่อน

Forza โฉมแรก เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อปี 2013 และก็ถูกลากขายยาวนานกว่า 5 ปีเต็ม แต่ละปีก็มีเปลี่ยนสีตามปีที่ผลิตออกมา นับว่าเป็นบิ๊กสกุ๊ตเตอร์ที่มียอดขายมากที่สุดในเมืองไทย ด้วยราคาที่ไม่แพง และแทบไม่มีคู่แข่งที่ดีพอจะมีแย่งชิงบัลลัลงค์ในตลาด ณ ขณะนั้น

เวลาผ่านไปจนช่วงกลางปี 2017 Yamaha ก็กลายมาเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาดรถคลาสนี้ ด้วยการส่ง Xmax 300 ลงตลาดในกลางปี 2017 ด้วยออฟชั่นที่จัดเต็ม กำลังเครื่องยนต์ที่มากกว่า และราคาแพงกว่า Forza เพียงแค่ 10,000 ทำให้ยอดขาย Forza ตกลงฮวบฮาบ และก็เป็นจุดสำคัญที่ทำให้ Honda ต้องตัดสินใจพัฒนา Forza ขึ้นมาใหม่ โดยออกแบบดีไซค์และคุณภาพการขับขี่ใหม่ทั้งหมด เพื่อที่จะต่อกรกับคู่แข่งที่กำลังมาแรงอย่าง Xmax


กระทั่งมาปีนี้ Forza 300 รุ่นปี 2018 เผยโฉมรูปลักษณ์ใหม่ที่คมและดูสปอร์ตกว่าที่เคยเป็นมาก่อน ระยะฐานล้อและความยาวของมันลดลง แต่มีความสูงที่นั่งสูงขึ้นสำหรับการมองเห็นที่ดีขึ้น แม้จะมีล้อหลังขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ขึ้น แต่ก็เบาลงกว่าเดิมถึง  12 กก. ด้วยแชสซีใหม่และเฟรมที่ออกแบบใหม่ที่ช่วยลดน้ำหนัก ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราเร่งและประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงที่ดีขึ้น


ออฟชั่นหลัก ๆ ที่เพิ่มมขึ้นมาของ Forza 2018 มีดังนี้
-กระจกบังลมไฟฟ้าปรับได้จากมือจับด้านซ้าย
-หน้าปัทข้อมูลอนาล็อกและดิจิตอล
-ไฟ LED เต็มรูปแบบ
-กุญแจ Keyless
-แชสซีใหม่
-ยางขนาดใหญ่ขึ้น

ผมใช้เวลากับรถคันนี้ 1 วันเต็ม โดยขับขี่เข้าเมือง ออกเดินทางไกล เจอแดดเจอฝน เจอหมอกบาง ๆ ตามทางบ้าง ขอเขียนเรื่องความรู้สึกที่ได้กับรถคันนี้มาก็แล้วกันนะครับ


เริ่มมาที่ฟิลลิ่งการขับขี่ครั้งแรกก็แล้วกัน
ความรู้สึกแรกที่ได้เห็นรถคันนี้ อืมมม…มันดูสวยกว่าในรูปเยอะมาก แต่ก็มีขนาดที่เล็กลงกว่าโฉมเดิม นั่นเป็นเพราะ Honda ตั้งใจทำรถคันนี้ออกมาให้มีขนาดเล็กลง ความยาวของรถที่สั้นลงเหลือเพียง 2,140mm. ความกว้างก็ลดลงเหลือ 580mm. ความสูงที่นั่งได้รับการยกขึ้น 62 mm. ถึง 780mm.  ตำแหน่งแฮนด์ก็ถูกปรับเหลือ 860mm. ทำให้รถคันนี้สามารถมุดแทรกผ่านถนนที่มีการจราจรหนาแน่นได้ง่าย

ส่วนฟิลลิ่งการขับขี่ครั้งแรก รู้สึกว่าควบคุมได้ง่าย ตอบสนองฉับไว และออฟชั่นที่ให้มาก็ดูดี ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนชอบบิ๊กสกุ๊ตเตอร์หน้าใหม่ และคนที่ชอบเดินทางด้วยรถประเภทนี้

เครื่องยนต์


ยังคงเป็นเครื่องบล๊อกเดิม สเปกเดิมทุกกระเบียดนิ้ว สูบเดียวขนาด 279cc. SOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ 24.8 แรงม้าเท่าเดิม มีการปรับจูนเรื่องอัตราเร่งที่เพิ่มขึ้นเป็น 27.2 nm. ที่ 5,750 rpm และปรับการบริโภคเชื้อเพลิงใหม่นิดหน่อย นิสัยของเครื่องก็ยังคงแบบเดิม ๆ มันแรงขึ้นกว่าตัวเก่า ส่วนหนึ่งเพราะน้ำหนักรถที่เบาลงด้วย เครื่องบล็อกนี้มีกำลังเหลือเฟือครับ แต่คุณอย่าไปคาดหวังว่ารถคันนี้จะมีเรี่ยวแรงแซงปิ๊ดเดียวจบ คุณต้องเค้นคันเร่งนิดนึงเพื่อเรียกกำลังของเครื่องเวลาเร่งแซงรถพ่วง

ช่วงล่างระบบกันสะเทือน


โช๊คหน้าแบบ เทเลสโคปิก โช๊คหลังแบบสปริงคู่
คราวนี้ฮอนด้าเซ็ทช่วงล่างใหม่ให้แข็งขึ้นกว่าตัวเก่า  ทำให้ขับขี่ด้วยความเร็วสูงมั่นใจมากจนต้องขอบอกว่า ดีขึ้นกว่าตัวเก่าเยอะ ผมสามารถขับรถคันนี้ขึ้นเขาลงเขา เทโค้งได้อย่างมั่นใจมากขึ้นจริง ๆ ยาง Pirelli ที่ติดมากับรถ ให้ความหนึบ เกาะถนนยอดเยี่ยม แถมช่วงล่างยังมีความนุ่มสบายเวลารุดหลุดฝาท่อในเมือง แม้จะมีอาการตึงตังเล็กน้อย แต่ก็ไม่ทำให้รู้สึกรำคาญเหมือนการเซ็ทโช็คของอีกค่าย

เบรค 


ใช้งานทั่วไปมันก็เพียงพอ แต่ถ้าคุณหวดหนัก ซัดมาด้วยความเร็วสูงและต้องการลดความเร็วให้ต่ำที่สุดลงมาในทันที เบรคจะมีอาการทื่อเล็กน้อย เรื่องนี้ผมไม่แน่ใจว่าเป็นที่ผ้าเบรครถที่ยังใหม่อยู่รึเปล่า แต่โดยรวมเซ็ทมาดีแล้ว น้ำหนักและระยะฟรีก้านเบรคหน้าหลังให้ความรู้สึกกำลังดี  บีบมากก็ยิ่งเบรคได้มากตามไปด้วย ไม่ใช่แค่กำไประยะหนึ่งแล้วจึงจะถึงจังหวะจับเบรค

Traction Control  ผมลองบนถนนเปียกบนเขาโดยให้ล้อหลังฟรีนิดเดียว พบว่า มันทำงานได้เร็วมากเพียงเสี้ยววินาที โดยระบบนี้จะสั่งตัดการทำงานเครื่องยนต์ลดทันที่เมื่อพบว่าล้อหน้ากับล้อหลังหมุนไม่สัมพันธ์กัน นับว่าทำงานได้ไว ฉลาด ไวกว่า TCS ของ Xmax ของผมนิดนึงซะอีก

ABS ทำงานไวเช่นกัน เวลา ABS ทำงานอาการสู้นิ้วมือจะเริ่มปรากฏเมื่อกดเบรคลงกะทันหัน มันก็ช่วยให้เกิดความอุ่นใจเวลาใช้งานได้ดีครับ

ยางติดรถก็ให้มาแบบไม่กั๊ก เหมือนที่เขียนโพสข้างบน คือมันหนึบ ขนาดใหญ่กว่าเดิม เกาะถนนได้ดีแม้เวลาใช้งานถนนเปียก ผมมองว่าเป็นข้อดีของฮอนด้าที่ให้ยางมาแบบนี้ ไม่เหมือนบางยี่ห้อที่ให้ยางกะโหลกกะลาอะไรมาก็ไม่รู้ เสียตังค์และเสียเวลาเปลี่ยน

ปุ่มกดบังคับควบคุม


ผมชอบมากครับ ประกับด้านซ้ายปุ่มกดดูเยอะ ดูไฮโซดี เหมือนรถแบรนด์ยุโรป ปุ่มกดตามที่เห็นในรูป ปุ่มเลื่อนชิลล์หน้าก็อยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานง่าย ปุ่มกดแตรบางคนอาจบอกว่ามันใช้งานลำบากเพราะย้ายตำแหน่งมาอยู่สูงขึ้น แต่เอาจริง ๆ ผมคิดว่าการวางปุ่มแตรและไฟเลี้ยวแบบนี้แหละดีแล้ว ใช้งานแรก ๆ อาจจะงง ๆ กดผิดถูก แต่นาน ๆ ก็เริ่มคุ้นชินกับมัน และใช้งานได้ง่าย

จะติแค่ปุ่ม TCS ที่เอาไปไว้ปุ่มด้านหลังแบบเดียวกับปุ่ม Pass ของรถรุ่นอื่น จะกดไฟขอทางทีไร กดผิดอยู่เป็นประจำ

แผงหนัาปัท


แผงหน้าปัทนั้น ออกแบบตัวเลขให้มีความเป็นวินเทจนิด ๆ แต่มาพร้อมการบอกรายละเอียดการขับขี่ครบครัน แต่ตัวเลขในแผงดิจิตอลนั้น ผมมองว่าตัวเล็กไปนิด ต้องเพ่งเล็งนานกว่าจะรู้ ต้องละสายตาจากถนนไปสักครู่ ซึ่งมันเสี่ยงอันตรายเกินไป


ระบบกุญแจ Keyless ยกเอามาจาก PCX มาไว้ให้เรียบร้อย ใช้งานง่าย มีไฟส่องสว่าง ไม่งุนงงแบบระบบกุญแจของอีกค่าย เพียงแค่พกกุญแจไว้กับตัว เดินไปหารถ และบิดสวิตซ์เพื่อเปิดเบาะ เปิดฝาปิดช่องเติมน้ำมัน และ On รถพร้อมสตาร์ทได้ทันที

เบาะนั่ง


เบาะนั่ง ถูกปรับยกสูงขึ้นจากโฉมเดิม เป็น 780mm. รูปทรงของเบาะคนขี่ไม่อ้าถ่างขาจนเกินไป คนที่ตัวสูง 170 ขึ้นไปสามารถวางขาลงได้ทั้ง 2 เท้า ใครที่เตี้ยกว่านั้นก็อาจจะมีบัลเล่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ถ่างขาบัลเล่ข้างเดียวจนน่าเกลียดแบบ Xmax ผม ส่วนคนซ้อน เบาะมีความกว้างลงลดนิดเดียว จำไม่ได้ว่าลดลงไปเท่าไหร่ แต่ยังถือว่าคนซ้อนนั่งวบายก้นเหมือนเดิมครับ


ใต้ะเบาะนั้นสามารถวางหมวกกันน๊อกเต็มใบได้ 2 ใบ ความจุพอ ๆ กับโฉมเดิม แต่ผมไม่ได้ถ่ายรูปมาเนื่องจากว่าฝนตก จอดรถกลางฝนไม่มีที่หลบ ไม่สามารถเปิดเบาะถ่ายรูป ณ ขณะนั้นได้ครับ ขออนุญาตในรูปใต้เบาะของเว็บ Honda มาก็แล้วกัน

ท่านั่งการขับขี่


ยืมรูปทีมงาน ไม่ได้ถ่ายรูปตัวเองตอนขี่ -*-
แต่ท่านั่งของ Forza 2018 นั้น ต่างกับโฉมเดิมครับ คือด้วยความที่ระยะแฮนด์สั้นลง เบาะสูงขึ้น ทำให้มันมีท่านั่งที่มีความเป็นสปอร์ตมากขึ้น ท่านั่งอาจจะไม่ได้สบายมากเหมือนตัวเก่า แต่เป็นท่านั่งที่ออกแบบมาพอดี ๆ เป็นธรรมชาติมากกับ อยู่ระหว่างกลางกับการใช้งานทั่วไปและการขับขี่ซิ่ง ๆ

สรุปภาพรวม


บิ๊กสกุ๊ตเตอร์หน้าตาหรูหราที่ขับสนุก ใช้งานได้หลากหลาย และทุกอย่างดีขึ้นกว่าโฉมเดิม

อย่างที่จั่วหัวกระทู้ไว้
ตลอดเวลาที่ใช้มัน 1 วันเต็มกับรถคันนี้ ผมขับพามันไปเทโค้ง เจอฝน เจอแดด รถติด ซัดด้วยความเร็วสูงแบบหมดปลอก ใช้มันเหมือนรถใช้งานทั่วไป

มันเป็นรถที่เซ็ทอะไรหลาย ๆ อย่างที่ผมชอบ และอยากให้มันเป็นแบบนี้มาตลอด

และเมื่อมองมาที่วัสดุอุปกรณ์ ลูกเล่นต่าง ๆ มาในราคาค่าตัว 169,000 บาท  คงต้องบอกว่า คุ้มจนไม่รู้จะพูดว่ายังไง เพราะเมื่อต้นปีจำได้ว่า ตอนที่ฮอนด้าเผยโฉมรถรุ่นนี้ครั้งแรก พร้อมกับกางสเปกให้ดูก่อนเปิดราคาอย่างเป็นทางการ ในใจผมตั้งราคาไว้ราว ๆ 170,000-175,000 บาทเลยด้วยซ้ำ แต่ไหงเปิดราคามาต่ำกว่าแสนเจ็ด แพงกว่าคู่แข่งอยู่แค่พันเดียว ใครอยากได้เป็นเจ้าของ บอกเลยว่ามันคุ้มมากพอที่ทำให้ตัดสินใจไม่ยาก
แถมตัวรถมาในแนวเพียวบาง ไม่อ้วนเทอะทะแบบโฉมแรก มาพร้อมกับน้ำหนักเบาลง ฐานล้อสั้นลง และขนาดที่เล็กลง ทำให้มันเป็นรถที่ควบคุมได้ง่ายมาก ขับขี่ทางไกลก็ไม่รู้สึกเบาเหวงเกินไป ขับขี่ในเมือง การจราจรติดขัดก็มุดรถติดไม่ยาก

ระบบช่วงล่าง กันสะเทือนเซ็ทมาได้ดีขึ้นมาก ๆ ไม่ย้วยเหมือนโฉมเดิม ให้ความมั่นใจเวลาชับขี่ด้วยความเร็วสูง แถมยังให้ความนุ่มสบายในการขับขี่ใช้งานในชีวิตประจำวันในเมือง
ระบบช่วยเหลือการขับขี่เช่น Traction Control และ ABS ทำงานได้ฉลาด ฉับไว


นี่คือบิ๊กสกู๊ตเตอร์สำหรับคนชอบขี่รถ หรือจำเป็นต้องหามอไซค์สักคันมาคั่นกลางระหว่างพิกัด 110-500 cc.+ มาใช้งาน มอไซค์คันนี้อยู่จุดที่ตัดกันพอดีระหว่างรถใช้งานประจำวันกับรถขี่เดินทาง คุณสามารถขี่มันไปเที่ยวไกล ๆ โดยใช้ความเร็วเดินทาง 120-140 km/h ได้สบาย ๆ หรือจะขี่ไปเล่นโค้งบนเขา หรือขี่เข้าเมืองไปทำงาน ขี่ไปจ่ายกับข้าวปากซอยบ้าง  Honda Forza 2018 คือจบแน่นอนครับ ไม่ต้องไปแต่งทำอะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว เกือบทุกสิ่งทุกอย่างทำมาพอดีลงตัว

จะว่าไป ผมไม่ได้ขี่รถที่มีบุคลิกสบาย ๆ แบบนี้มานานมากแล้ว มันสบายมากจนไม่มีอาการปวดเมื่อยอะไรเลยเมื่อกลับมาถึงบ้าน
ต้องขอบคุณฮฮนด้า ที่นำรถ Forza เก่าของตัวเองมาวิเคราะห์ แก้ปัญหา ออกแบบใหม่หมด จนได้รถที่มีบุคลิกสบาย ๆ และใช้งานได้หลากหลายแบบนี้

ใครที่กำลังชั่งใจกับโฉมเดิมโล๊ะสต๊อกที่ราคาถูกกว่า เลิกสนใจมันเถอะครับ เพราะโฉมนี้มันดีกว่าเดิมเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่งของเครื่องยนต์  ระบบกันสะเทือน  เบรค ลูกเล่นเรือนไมล์ อุปกรณ์ออฟชั่นที่ติดมากับรถ พูดง่าย ๆ ก็คือดีกว่าโฉมเดิมเกือบจะทั้งหมดทั้งมวล

 


สรุปข้อเสีย และอยากให้แก้ในโฉมถัด ๆ ไป

ข้อเสีย และคิดว่ามีเพียงข้อเดียวคือเครื่องยนต์ โอเค คุณอาจจะบอกว่ามันเป็นเครื่องบล็อกเดิมที่ปรับจูนมาให้แรงขึ้นอีกนิดนึง กำลังเหลือเฟือแล้ว แถมน้ำหนักรถก็เบาลงกว่าเดิม จะเอาอะไรนักหนา แต่เชื่อเถอะครับ ทั้งผมและหลายต่อหลายคนคาดหวังว่ามันน่าจะทำได้ดีกว่านี้อีกสักหน่อย เอาให้ความจุกระบอกสูบสูสีใกล้เคียงกับอีกค่ายบ้างก็ได้ นี่อะไรห่างกันตั้ง 10 กว่าซีซี แถมอัตราเร่ง และความเร็วสูงสุดยังเป็นรองอีกค่ายชัดเจน

ข้อติเรื่องสุดท้าย ไม่เกี่ยวกับตัวรถ แต่เป็นเรื่องศูนย์บริการ เราทุกคนต่างทราบดีว่า ศูนย์รถเล็กของฮอนด้านั่น จำหน่ายรถในราคาไม่เหมือนกันสักร้าน  บางร้านขายเท่าราคากลาง บางร้านแพงกว่าราคากลางนิดหน่อย บางร้านแพงกะขูดเลือดคนซื้อ และฮอนด้าก็ยังไม่มีนโยบายจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจังเสียที (ไม่รู้ต้องรออีกนานแค่ไหน)
แถมช่างประจำศูนย์นั่น ผมสารภาพตามตรงว่า เวลารถมีปัญหา ผมก็ไม่ค่อยอยากจะหวังพึ่งพาช่างศูนย์มากนักหรอก นอกจากจะมาเบิกอะไหล่ เพราะรู้ ๆ กันอยู่ว่า ช่างแต่ละศูนย์คุณภาพงานไม่เหมือนกัน บางศูนย์ก็ดี๊ดี รถมีปัญหาก็วิเคราะห์สาเหตุ ซ่อม เปลี่ยนอะไหล่ แก้ปัญหาจบ แต่บางศูนย์ เหมือนเอาใครก็ไม่รู้ที่ซ่อมรถแบบงู ๆ ปลา ๆ มาอยู่ประจำ แต่วิเคราะห์ปัญหาไม่เฉียบ เอ่ะอ่ะก็โทษลูกค้า โทษแก๊สโซฮอล์ โทษนั่นโทษนี่ไว้ก่อน
พูดง่าย ๆ คือฮอนด้ายังไม่สามารถจัดการเรื่องช่างศูนย์ได้ไม่ดีพอนั่นแหละครับ

คู่แข่งในพิกัดเดียวกันละ


Yamaha X-max 300 คู่แข่งตัวเอ้ โดดเด่นเรื่องกำลังเครื่องยนต์ อัตราเร่ง เบรค ภาพรวมของรถเอาใจคนชอบการขับขี่แบบสปอร์ตหน่อย ๆ  รูปร่างหน้าตาหล่อ แต่การขับขี่ใช้งานในเมืองรถติดนั้นไม่ค่อยคล่องตัว จะมุดจะแทรกต้องมาระแวงว่าฝาข้างซ้าย-ขวาเยื้อง ๆ โลโก้ X-max จะขรูดรถคันอื่นมั้ย แถมช่วงล่างที่เซ็ทมาเน้นเอาใจคนขี่รถเร็วแบบสปอร์ต พอเอามาขี่ในเมือง มันเลยทำให้แข็งกระด้างไส้แทบไหลออกเวลารูดหลุดบ่อหรือฝาท่อ


SYM Joymax 300i แบรนด์จากไต้หวัน ชื่อเสียงเรียงนามในบ้านเกิดไม่แพ้แบรนด์ยุ่น พออยู่เมืองไทยกลับมีคนรู้จักแบรนด์นี้น้อยเหลือเกิน ผมเคยไปลองขี่มาครั้งนึงก็ยอมรับว่ารู้สึกชอบ จุดเด่นอยู่ที่เรื่องความอินดี้ไม่ซ้ำใครบนถนน  พละกำลังเครื่องยนต์เหลือเฟือ ช่วงล่างหนึบและนุ่มนวลลงตัวมาก ๆ งานประกอบและคุณภาพวัสดุดีกว่าแบรนด์ยุ่นบางแบรนด์ซะอีก แต่อาจปวดกบาลกับอะไหล่และศูนย์บริการที่น้อยและอินดี้เหมือนรถ แก้ปัญหาจบบ้างไม่จบบ้าง ลุ้น ๆ กันไป

ถ้าชอบรถทรงบิ๊กสกุ๊ตเตอร์อยู่แล้ว แต่รู้ตัวว่าเป็นคนข้อมือหนัก และ 300cc.ยังไม่สาแก่ใจพอ SYM Maxsym 400i ตอบโจทย์คุณแน่นอน ความสะดวกสบายมีพอ ๆ กับตัว 300 แต่ได้กำลังเพิ่มขึ้น รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาขึ้น ในราคาที่บวกขึ้นมาอีกนิดหน่อย ครั้นจะแนะนำให้จบที่ Yamaha Tmax ไปเลยก็เกรงว่า  ค่าตัวและค่าดูแลจะโหดร้ายเกินไป

ก่อนจบรีวิวนี้ ผมกำลังจะเขียนกระทู้เปรียบเทียบระหว่าง Yamaha Xmax ของผมกับ Forza 2018 อดใจรอนิดนึงนะครับ

สุดท้าย ขอบขอบคุณ AP Honda ที่ให้รถมาทดลองขี่ในครั้งนี้

และขอบคุณ Just Ride it https://www.facebook.com/justrideitteam/ ที่เอารถมาให้ผมขี่ถึงบ้านครับ

ขอบคุณที่อ่านจนจบ และสวัสดีครับ