….ขับมอไซค์ลุยเทือกเขาหิมาลัย ที่อินเดีย Himalayan Odyssey 2016….
ฝันไว้ว่า ครั้งหนึ่งในชีวิต
จะได้ขับมอไซค์ไปบนเทือกเขาหิมาลัย
ไปบน ถนนที่สูงที่สุดในโลก
แต่แล้ว ความฝันอยู่ๆมันก็ลอยมาให้เราคว้า
นั่นคือ “โอกาส”
จขกท. ก็เหมือนคนทั่วไป ที่เห็นภาพสวยๆของเทือกเขาหิมาลัย
แล้วเกิดพลังอยากเดินทางไปเห็นด้วยตาของตัวเอง
ได้พากล้องถ่ายรูปออกเดินทางไปด้วยกัน
ได้พาผู้ชายคนนึงไปส่ง……
ในดินแดนที่เรียกว่าสรวงสวรรค์
และไปด้วยรถ 2 ล้อ ที่ขับด้วยพลังจากตัวเองในตอนที่ยังมีเรี่ยวแรง
…………………………………..
แนะนำตัวก่อน จขกท. ชื่อ นก ค่ะ
เป็นผู้หญิงธรรมดา ที่ชอบถ่ายรูป เดินทางด้วยรถมอเตอร์ไซค์กับกล้องคนเดียว
ไปทั่วประเทศไทย
แต่ทริปนี้เป็นทริปขับมอไซค์ต่างประเทศครั้งแรกในชีวิต
เกิดจากมีการรับสมัครจาก Royalenfield มีโควต้าคนไทย 6 คน
ให้ไปร่วมทริป Himalayan odyssey 2016 กับคนอินเดียและต่างชาติ
และนกก็ได้เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ได้ไป
ดีใจมากๆ
ถึงเป็นผู้หญิงคนเดียว แต่ก็อุ่นใจเพราะมีเพื่อนคนไทยไปด้วย
แต่พอถึงวันออกทริป มีเซอร์ไพรส์สสสสสส
ผู้หญิงแยกขับคนละทางกับผู้ชาย
ไม่ได้ไปกับเพื่อนคนไทย
ไม่มีเพื่อน
ต้องไปขับรถกับคนแปลกหน้า คนต่างชาติที่ไม่รู้จัก
จะเอาตัวรอดไหม
แต่โอกาสเจ๋งๆแบบนี้ จะยอมแพ้ได้ไง
ก็ต้องไปสิ
สู้สุดตัวววววววว
…………………………………………..
เดินทาง 15-25 กค.59
บินจากไทยสุวรรณภูมิ-ลง New delhi ประเทศอินเดีย-ต่อเครื่องไป Leh Ladakh
เริ่มขับรถจาก Leh-Tsokar-Jispa-Manali-Gushaini-Chandigarh
บินกลับจาก Chandigarh-Chennai-Thailand กลับบ้านเรา
พึ่งผ่านมาแค่ 1 เดือนเอง
เป็นทริปที่ทำให้ตื่นเต้น มีเซอร์ไพรสทุกวัน ลุ้นทุกวัน
แม้แต่ตอนนี้ กำลังเขียนกระทู้ หัวใจมันเต้นแรง
อุปกรณ์ถ่ายภาพ
canon 6D sigma10-20, canon 50 f1.8, canon85f1.8
กล้องติดหมวก Sjcam m10mini wifi
iphone 6s
…………………………………………….
ภาพถ่ายพร้อมแล้ว……เดินทางง
ถึงสุวรรณภูมิแต่เช้า
สัมภาระเอาไปแค่ 15 kg. หมวกกันน็อค รองเท้า เสื้อการ์ดครบชุด เสื้อฟรีซกันหนาว
กล้องติดตัวไป
ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างใน 10 วันหลังจากนี้
ขอให้เจอแต่สิ่งดีๆ
ถึงประเทศอินเดียแล้ว
ที่ New Delhi
มีแต่คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก
เช้าวันใหม่บินไป Leh ladakh
ทุกคนบนเครื่องแห่กันไปที่หน้าต่าง
เพื่อมองสิ่งนี้
…………..หิมาลัย…………………..
ตื่นเต้นทะลุกระจก ทุกคนเอาหน้าแนบหน้าต่างเครื่องบินจนไม่มีที่เหลือ
ส่วนเราก็ เดินไปเข้าห้องน้ำพอดี มีลุงใจดีนั่งชั้นbusiness เรียกให้มาถ่ายรูปตรงที่เขานั่ง
เครื่องลงแล้ว
นี่คือเมืองภูเขาของแท้
พร้อมกับเลือดออกจากจมูก เพราะความสูงและความดันที่ไม่ปกติ
นึกในใจ จะรอดไหม ได้โปรดอย่าป่วยย
เก็บของเข้าโรงแรม
รีบวิ่งออกมาสำรวจเมือง Leh
นี่คือตลาดใจกลางเมือง ค่าครองชีพต่ำ ของราคาถูกเพียบ
เดินทุกซอกทุกมุมที่ขาจะไปถึงได้
เมืองนี้มีแต่ภูเขาสีน้ำตาล รอบเมืองงง
ไม่รู้คือที่ใด เดินไปจนสุดถนน
สวัสดี…………คนหน้าแปลก
จนเวลาค่ำแล้ว
กลับมาที่พัก
ท้องฟ้าที่นี่ยังสว่าง
เวลาช้ากว่าไทย 1.30ชม.
เรามาตรงช่วงพระจันทร์เต็มดวง อดถ่ายทางช้างเผือก
วิวจากห้องนอน มองจนเพ้อไปเลย
ความหนาวจากหิมาลัย ก็ไหลเข้ามาในห้อง
มืดแล้ว ออกไปเดินถ่ายรูป หาชาร้อนๆดื่ม พรุ่งนี้คือวันออกทริปแล้ว
เจอเจ้าลา2แม่ลูกที่ตลาด
เป็นเรื่องปกติที่เห็น วัว ม้า ลา เดินเล่นบนนถนน
เราต้องเกรงใจสัตว์พวกนี้
ตื่นแต่เช้า เห็นวิวนี้จากที่นอน
นอนต่อ………..
พึ่งได้เห็นรถตัวเป็นๆ ในเช้าวันนั้น เลือกคันสีขาว มี่แค่ดำกะขาว
ไม่มีเวลาให้ลองซ้อมขับก่อนเลย
ได้ปุ๊บ ออกทริปปั๊บ
ขาตั้งกล้องเอาแบบเบาๆราคาถูกพร้อมพังแล้วทิ้ง ไม่เป็นภาระ
เตรียมธงชาติไทยมาเพื่อการนี้
เผื่อได้เจอคนไทยด้วยกันมาทัก มันดีใจบอกไม่ถูก
บอกตรงๆว่ามาขับรถกับใครไม่รู้จัก ไม่สนิทใจ เท่าคนไทยด้วยกัน
ผู้หญิงต้องแยกขับคนละทางกับผู้ชาย พึ่งรู้ในเช้าวันนี้
แล้วไปเจอกันวันสุดท้าย
นี่เราต้องไปขับรถกับคนไม่รู้จัก ต่างชาติหมดเลย
วันแรกของทริป เราจะขับไปบนถนนที่สูงที่สุดในโลก
Khardungla
กับรถ RoyalEnfield ขนาด 400cc รุ่น Himalayan
ขึ้นเขาาแล้ววววว
รถน้ำมันก็จะหมด ไม่มีการพาไปเติมก่อน
หมดกลางทางจะทำไงดีล่ะเนี่ย
ลุ้นอีกแล้ว
นี่คือถนนที่เราขับขึ้นผ่านมา
ขึ้นเขาอย่างเดียวเลย
ท่องไว้ให้มองแต่ข้างหน้า อย่ามองด้านข้าง มันเป็นหน้าผา
อดใจถ่ายรูปไม่ไหววว
วิวอลังการณ์มากกก เห็นหิมะบนเขาแล้วว
ช่วงทางขึ้น มีนักท่องเที่ยวคนไทยเห็นเราแว้บๆ ถามว่าคนไทยรึเปล่า
เราก็ชี้ไปธงท้ายรถ น้องก็เฮกันใหญ่
เสียงเชียร์จากน้องๆนี่ ให้กำลังใจดีมาก
ประทับใจ
แค่มาวันแรกก็เหงาแล้ว ไม่มีเพื่อน
และคนไทยคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในทริปนี้
ถนนบนนี้น่ากลัวมาก ไม่มีอะไรกั้นขอบทาง พลาดไปก็หายไม่ต้องกลับบ้าน
ดังนั้น สติ สมาธิ สำคัญที่สุด
มัวกังวลกับน้ำมันรถที่จะหมด เลยไม่กล้าบิดรถมาก
กำลังขึ้นทางชันพอดี แรงส่งรถไม่พอ
และไม่ชินกับตัวรถด้วย รถสูงพอสมควร เพราะได้รถปุ๊บ ก็ออกทริปทันที
ล้มไป 2 แปะ กระโดดออกเกือบร่วงตกเขา
หัวใจนี่ตกไปที่ตาตุ่ม……
เพื่อนอินเดีย รีบดึงตัวออกมาจากหน้าผา ช่วยกันยกรถให้
ขอบคุณพวกเธอมาก
ก็พึ่งรู้ว่ารถคันนี้จอดเกียร์ N ไม่ได้ แบบรถบ้านเรา
ต้องลดไปเกียร์ 1 แล้วดับสวิชค่อยจอดรถได้
นี่ก็อีกสาเหตุที่ล้ม
ยกรถจะขับต่อ
เอ๊ะ………..ครัชมือหายไปไหน
มองพื้นเจอซากหลุดอยู่
หักไปครึ่งนึง
!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ทางทีมงานถามว่า คุณขับต่อไหวไหม
เราตอบไปว่า
……..ต่อสิ
ขับไปแบบหักๆงี้ล่ะ แค่ออกแรงบีบเยอะหน่อยเท่านั้น
ทางก็โหด ครัชก็หัก
กล้องก็อยากหยิบมาถ่าย
โถ……ชีวิตไบก้อน เอ๊ย ไบเก้อรรรร
อ้าวถึงแล้วหรอ…………….Khardungla
ถนนที่สูงที่สุดในโลก
ทำไมไม่ตื่นเต้นเลย มัวแต่ตื่นเต้นกับการบีบครัชให้รถเปลี่ยนเกียร์ได้โดยไม่ล้มมากกว่า555
ทำไมดูคนอื่นเขาตื่นเต้นกันจัง
ตื่นเต้นก็ได้ อ่ะ…………ตื่นเต้นนน
ลมพัดพริ้ว หนาวจับใจ
บนนี้มีหิมะน้ำแข็ง
ณ บนนี้ คือถนนที่เป็นจุดหมายของนักเดินทางมากมาย
ทั้งมอเตอร์ไซค์ จักรยาน นักเดินเท้า นักท่องเที่ยวทุกคนที่มา Leh
ทุกคนต้องได้มาที่นี่
เจอน้องคนไทยที่นี่พอดี น้องถ่ายรูปนี้ให้ ขอบคุณมากค่า
นี่แค่วันแรกของทริป ยังเจอทางโหดขนาดนี้ เหลืออีกตั้ง6วัน
แต่ก็มาถึงแล้ว ถนนที่สูงที่สุดในโลก
(ฝากบอกว่า เกลียดใคร บอกให้มันมาขับมอไซค์ที่อินเดีย ล้อเล่น..)
แล้วก็วกรถกลับทางเดิม
เห็นโค้งก็ตั้งสติดีๆ
เจอมุมนี้ ต้องหยุดจอดถ่ายทันที
มาเพื่อถ่ายภาพ ใครขับเร็ว เชิญป้ายหน้า…..น่าเสียดาย
เพราะตรงหน้าเรานี้คือ เทือกเขาหิมาลัย
หยุดมองดูสักพัก พักความกังวลออกไป
แค่ได้จอดรถสัก 3 นาที ตรงนี้มันมีค่ามาก
เพราะสไตล์การขับทริปนี้ ขับกันอย่างเดียว ไม่ค่อยจอดถ่ายรูปกัน
เราพยายามขับรถให้อยู่กลางๆของกลุ่ม ไม่รั้งท้าย จะได้มีเวลาจอดถ่ายรูป
ลงจากเขาแล้ว ทีมงานก็นำรถไปซ่อมครัชที่หักให้
เช้าวันใหม่ ออกเดินทาง
สิ่งแรกที่ขอทีมงาน คือ พาไปเติมน้ำมันหน่อยย
พร้อมเตรียมน้ำมันสำรองให้
เส้นทางเช้านี้ มุ่งหน้าจาก
leh-tsokar
วันนี้ถนนดีลาดยางเรียบบ
ความฟิน คือ ระหว่างทาง
ขับเลียบลำธารไปจนสุดเขา
วันนี้เป็นทริปขับข้ามเลียบเขา
ทางดีไม่โหดเหมือนเมื่อวาน
ชมวิวเขาอลังการณ์ตลอดทาง
อยากจะจอดถ่ายทุกที่ แต่ต้องทำเวลาไม่ให้ถึงที่พักมืด
เจอทุ่งหญ้าเขียวริมทาง
การขับรถ ตปท. มันสนุกตรงที่ เจออะไรแปลกตามันสวยงามไปหมด
จอดพักริมทาง สูดอากาศเต็มที่
หลังจากนี้ขับขึ้นเขาผ่านหลายลูก
จนมาเจอวิวสูงบนนี้ สวรรค์ของนักถ่ายภาพของช้านนนนนน
หยิบกล้อง dslr ออกมา กล้อง error !!!!
ตายๆๆ งานเข้าาาา จอดรถได้แค่แป๊บเดียวอีก หยิบ ไอโฟนกดไปก่อน
แต่วันที่ขับรถนี่ ความฟินไม่ค่อยมีนะ กดรัวๆๆ อย่างเดียว
เพราะ ความกลัว มาเหนือ ความฟิน….555+
ฟินที่สุด ก็ตอน กลับไทย แล้วเปิดภาพในคอม
ส่วนคนที่ฟินที่สุด คือ เพื่อนที่ fb ที่ติดตามทริปตอนถ่ายทอดสด
หยั่งกะมาแข่งโอลิมปิค
ที่นี่ไม่ใช่เส้นชัย
เส้นชัยของเราคือ บ้านของเรา
นี่แค่วันที่2ของทริป ร้องไห้อยากกลับบ้านแล้ว
บนนี้แดดแรง แต่ลมหนาว
เราขับขึ้นมากับเพื่อนสาวโคลัมเบีย กับอินโด 3 คัน
นี่คือถนนในฝัน ครึ่งนึงของทริปนี้เป็นทางลูกรัง ทางหิน
เจอทางลาดยางสวยๆ วิวเทพแบบนี้
ขับเพลินนลืมทุกอย่าง
กำลังเพลินอยู่ดีๆ
รถเซอร์วิสก็หักเลี้ยวเข้าไปในทางที่ไม่มีถนน
พาเราขับเข้าไปในทราย
แล้วเราก็ไม่เคยมีทักษะขับทางทรายเลย
ขับลื่นนนเป็นงูเลื้อย
จนได้ทักษะ ยืนขับ ทิ้งน้ำหนักตัวไว้ข้างหน้า ห้ามกดเบรค
ที่เจ๋งกว่านั้น คือ เจอพายุทะเลทรายเล้กๆ
เราขับพุ่งเข้าไป สุดยอดจิงๆ ประสบการณ์นี้
นี่มันทริปสำหรับสายโหด
อยุ่ไทยสายอ่อน ขับแต่ทางเรียบ
มาที่นี่ เลื่อนขั้นหลาย level 5555+
เจอขบวนม้าตัดหน้า
ถึงที่พักแล้ววววววววว
tsokar วันนี้เรามานอนเต็นท์กัน ถูกตัดขาดจากโลกinternet
ทั้งทริปใน 10วันนี้ ชอบที่นี่ที่สุด มีความสุขที่สุด
เพราะได้ถ่ายรุป ไม่ต้องสุงสิงกับใคร ได้อยู่กับธรรมชาติ
นั่งมุดหญ้ามุดดินอยู่ตรงนั้น อากาศหนาวต่ำกว่า20องศา
ลำธารเย็นเจี๊ยบบ
ดอกไม้ชวนฝัน
สุข กะ การมุดดินถ่ายรูป
พาชมแคมป์ต่างๆ เจอนักเดินทางหลายคน เช่าเต้นท์นอนที่นี่ บางคนแบกเต็นท์มากางเองง
อิจฉาครอบครัวนี้จัง
กลุ่มนี้แบกเต็นท์มากางเอง
แรงบัลดาลใจอยากแบกเป้อีกแล้ว
ความสวยของที่นี่ คือ ภูเขาสีน้ำตาลที่มีหิมะทรงโค้ง
พอได้แสงเงาจากแสงตอนบ่ายกระทบ
เหมือนภาพวาด งานศิลปะดีๆชิ้นหนึ่ง
กลางทะเลทราย แต่มีที่นี่มีสิงมีชีวิต
ถ่ายคู่กับรถคู่ใจหน่อย
รถมันลุยได้หมด แต่คนสิ จะไหวหรือเปล่า
อย่าไปคิดไรมาก
หยิบหมวกใส่…..ก้าวขา….ขึ้นรถ…..ออกเดินทาง
ความรู้สึกในวันนั้น
คิดถึงบ้าน คิดถึงคนไทย
ไม่มีเพื่อนคนไทยให้คุย ให้ระบาย
วัฒนธรรมที่ต่างกัน ยากที่จะเข้าใจ
รอฟ้ามืด แสงจากในเต็นท์ก็สว่าง ได้เวลานอน
อากาศลดเหลือ 10 องศา
คืนนี้ มีแสงจันทร์เป็นเพื่อนแล้ว
ไกด์ทริปอื่น นอนกันในรถ เพราะอุ่นกว่านอนเต็นท์
อุส่าห์เซ็ตรถจอดลานโล่งๆเพื่อถ่ายรถกับดาว
ทีมงานก็มาย้ายรถมาจอดกับคันอื่น
เศร้าแพร่บบ
คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง
นั่งมองแล้วคิดถึงคนบนฟ้า คุ้มครองนกด้วย
เช้าแล้วเดินทาง
จากที่คิดว่าขับรถเที่ยว กลายเป็นต้องรับผิดชอบให้จบทริป
หาความสุขจากสิ่งเล็กน้อย
ชานมที่นี่อร่อยมากกก หอมชา หอมเครื่องเทศ
ลุยต่อ ออกถนนทางเดิมที่มาเมื่อวาน
เจอพื้นทรายไม่กลัวอีกต่อไปปปปป 5555+
ล้มกันไป พลาดกันไป ช่วยกันไป
ส่วนเราชิงล้มมาก่อนนั้นแล้ว
ล้มก่อนได้เปรียบ อิอิ
ไปแล้วนะ ที่ๆชอบที่สุดทริปนี้ tsokar
คราวหน้ามาอีกไหม
ตอบ………..
เส้นทางอีกยาวไกล
ขับไงก็ได้ ให้รอดกลับบ้าน
แวะจอดถ่ายรูปกับกลุ่มสาวๆทั้งหมด
ส่วนใหญ่คนอินเดีย 14 คัน ขับกันเก่งมากๆ
วันนี้เราเดินทางต่อไปที่ Jispa
ทางโหดขึ้นทุกวัน ลุ้นทุกวัน
เจอทางหิน ลูกรัง ฝ่าน้ำตก
เขาบอกว่าติดธงนี่แล้วจะโชคดี เรานี่ติดตั้งแต่วันแรกเลย
ติดอยู่คนเดียวในทริป
สายอ่อน กลัวมาก
เน่าตั้งแต่หัวยันหาง หนูไปออกรบมาหรอคะ
เข้าสู่ pang
นี่ คืดสุดยอด ถนนในฝันของนักปั่นจักรยาน
ใครสายปั่น เชียร์ให้มา ถนนปราบเซียน
จอดเข็นกันเป็นแถวว
เริ่มเจอเขาสีเขียวแล้ว
เจอนักปั่นทัวร์ริ่งเยอะมาก อยากเห็นคนไทยที่นี่บ้าง
หลายมุมอยากจอดถ่าย ทำไม่ได้ ได้แต่บ่นคนเดียวในหมวก
ไม่งั้นหลุดกลุ่ม หลงทาง เก็บไว้ในความทรงจำพอ
เส้นทางวันนี้ แย่ขึ้นๆๆๆกว่าวันก่อน
นั่งขับไม่ได้ มันสะเทือนหนักมาก ตับไตไส้พุงหลุดกระจาย555+
ยืนขับอย่างเดียว
ช่วยควบคุมรถง่ายกว่า โอกาสล้มน้อยกว่า
พร้อมเจอกับสวรรค์ ก็ต้องพร้อมเจอนรกพร้อมกัน
เจอถนนแบบนี้ อย่าหยุด พุ่งใส่มันเลยย
เส้นทางนี้น่ากลัวมาก
เป็นหินลอย หินแหลมยาวหลายกิโล
ต้องจอดรถพักหายใจสักครู่
เพราะจะพลาดชนขอบทางไปทีนึง
หัวใจจะวาย
จอดพักทานข้าว สีหน้าทุกคนเหนื่อยล้ามากกับวันนี้
ห้องน้ำที่วิวสวยที่สุด
ได้ใช้บริการเรียบร้อยแล้ว 555
แล้วก็มาถึงที่พักที่ jispa แล้ววว
รอดตายไปอีก 1 วัน
ออกมาชมดาวชัดๆในคืนนี้
เช้าวันใหม่ สดใสยามเช้าาา
เพื่อนใหม่ฮะ น่าพาซ้อนท้ายกลับ
กระดาษโน็ตนี่สำคัญมาก
ไม่คุ้นกับชื่อเมือง ภาษา จดไว้ กันหลงทาง
ลุยต่อ อีกแค่ 3 วันเท่านั้นนน
ยาวไกลเหลือเกิน
วันนี้เราจะไป Manali ที่หลายคนชอบ
วันนี้ลุยทางหิน ทางฝุ่น
หมดแรงถ่ายรูป เก็บแรงขับรถแทน ขอให้รอดปลอดภัยไปวันๆนึงก็พอใจละ
พักทานข้าว สี่คือที่จอดรถร้านอาหาร วิวสวย
สั่งแต่ไข่เจียว ที่นี่เขากินไข่เจียวกะขนมปัง
ส่วนอาหารอินเดียที่ชอบที่สุด คือนี่
โรตีกรอบ กะแกงถั่ว
และอันนี้ อร่อยมากกก แกงถั่วทานกับหัวหอมแดงและแป้งปิ้ง เรียกชื่อไม่ถูก
เดินทางกันต่อ วันนี้ทริปลุยฝุ่นกันตลบ เจอแต่ทรายกับฝุ่นและหิน
วันนี้ทางโหดมากกก ขับเร็วไม่ได้
ทำให้หลุดจากกลุ่มหน้า และกลุ่มหลังก็ขับตามไม่ทัน
กลายเป็นขับรถอยู่คนเดียว คิดว่าตัวเองหลงทาง
เจอทางแยก2ทาง ไม่รู้เลี้ยวตรงไหน
รถเก๋งมาพอดี ขับตามมมม
ขอน้องไปด้วยคนนน ตามมมมๆๆ
เริ่มจะหลอน เพราะเส้นทางมันไม่น่าเป็นถนนไปเมืองไหนเลย
ถามคนเลี้ยงแพะแล้วกัน
คนนี้บอกว่า ถูกแล้ว ที่นี่ล่ะ คือ manali
พักชมแพะภูเขาสักครู่ น่ารักขนปุยทุกตัว
ส่วนตัวนี้มอมแมมคลุกฝุ่น
เจออีกแล้วทางโค้งโหดๆตรงหน้า
จอดถ่ายรูปดีกว่า
มาเพื่อถ่ายรุป รุปเพียบบ
ถนนแห่งสายหมอกจริงๆ
ดูคนอื่นขับไต่ลงไป จนหายไปกับหมอก
บางอย่างโผล่ทะลุหมอกออกมา
บีบแตรทุกครั้งที่เข้าโค้ง
แล้วก็ถึงที่พักแล้วววว มีnetใช้ ดีใจมากๆๆ
ขาดการติดต่อไป 2 วัน
ก่อนถึงที่พัก ขับผ่านหมู่บ้านที่เขาจัดงานพอดี
รถติดบนทางโค้ง
รถคันหน้าเบรคกระทันหัน ชนเขาไฟท้ายแตก รถล้มอีกครั้ง
คนในรถรีบออกมาช่วยยกรถขึ้นให้
ได้เพื่อนในทริปช่วยพูดให้
ผ่านไปด้วยดี
เช้าวันใหม่ออกเดินทาง ไป Gushaini เพื่อขึ้นไปพักรีสอรทบนน้ำตก
นอนฟังเสียงน้ำตกให้กลบความเหงา ความกลัว
แสงในห้องพักค่อยๆดับลงคืนนี้
เหลืออีก 1 วันจะได้กลับบ้าน
พยายามต่อสู้กับเส้นทางโหดแบบนี้ติดต่อกันทุกวัน
ยากนะ
ธรรมชาติทั้งสวยงาม และ โหดร้าย
แล้วเช้าวันใหม่ ก็ได้พบกับเจ้าก้อนหินก้อนนี้
ข้อความสั้นๆ ที่เปลี่ยนมุมมองชีวิตได้
ความสดใสก็กลับมา เดินถ่ายดอกไม้สบายใจเฉิบ
มาหลายวัน พึ่งเจอแมวอินเดีย น่าร้ากกกกก
นี่ตัวลูก ขนนุ่มมมนิ่ม
วันสุดท้ายของทริปแล้ว หมดไฟถ่ายรูปแล้วล่ะ
หมดจริงๆ
วันนี้ขับรถยาว 8 ชม. ฝ่าเข้าเมือง chandigarh
เจอฝนตกหนักตอนเช้า ทั้งถนนโคลน ลูกรัง และที่น่ากลัวที่สุด คือ
ขับรถเข้าเมืองอินเดีย
ลงเขา เจอรถบัสสวน กำลังพุ่งมาชน แต่อยู่ๆก็หักหลบออกให้
ใจหายวาบบบ
เจอวัว เดินกลางถนน
เจอ รถขับแซงทางโค้ง
บีบแตรกันหนวกหู วุ่นวาย
รวมความแย่สะสมทั้งหมดในวันนี้
เช้าวันนี้ฝนตก
กลับเจอสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ
เจอไอหมอกลอยบนแม่น้ำ
อยากจะจอดถ่ายรูป ลงไปเดินสะพานข้ามทะเลหมอกตรงนั้น แต่ทำไม่ได้
เก็บไว้ในความทรงจำต่อไป
ผ่านสะพานต่างๆในเมือง
มีหญิงอินเดียในกลุ่มคนนึง เขาเรียกเราให้ขับประกบกันไป 3 คัน เขาคงเห็นว่าเราอยากจอดถ่ายรูป
เธอน่ารักมาก เราอยากจอดถ่ายรุปตรงไหน เธอก็จอดด้วย
เพราะด้วยเส้นทางขับข้ามเขา รถเยอะ ขับแยกกลุ่มเล็กๆแบบนี้น่าจะดีกว่า
เราขับกันไป 3 คัน คอยจอดรอกันตลอด
ได้กล่าวขอบคุณเธอไป เธอตอบกลับมาว่า You’re my friend
จนถึงที่หมายที่ chandigarh
ทุกคนรวมตัวกันที่นี่ ต่างกอดกัน ดีใจกัน สู้กันจนจบทริป
สิ่งแรกที่นกทำคือ มองหาคนไทย รถคันไหนก็ได้ที่ติดธงชาติไทย
รีบไปที่ห้องเพื่ออาบน้ำอุ่น หนาวสั่นทั้งตัว
พร้อมเปิดเพลง circle of life ของ Elton john
ให้พลัง กำลังใจตัวเอง
ระยะทางทริปนี้ 953 km.
ใช้เวลาเดินทาง 6 วัน
ทางโหดร้ายจริงๆ
ส่วนรถ Himalayan คันนี้ มันประหยัดน้ำมันมาก เติมไปแค่3ถัง
ได้ทดสอบทุกสภาวะ มันลุยได้หมด ถึกดีจริงๆ
สิ่งต่อไปที่นกตามหาต่อ
คือ เพื่อนคนไทย
ที่ถูกแยกขับตั้งแต่วันแรก คิดถึงพวกเขามากกก
ทำไมไม่เกิดเป็นผู้ชายยยยยยย
เช้าวันใหม่ ถึงเวลา คืนกุญแจรถแล้ว
ขอบคุณที่ให้ประสบการณ์ดีๆ พร้อมบาดแผลทั้งกายและใจ
แล้วเราก็เก็บของเพื่อบินไปเมือง Chennai
เครื่องบินแวะจอดส่งผู้โดยสารที่ mumbai หรือ bombay ในอดีต
หลังคาสีฟ้าทั้งเมือง
ระหว่างนั่งแทกซี่ไปที่พัก
มองชีวิตคนอินเดียไปเรื่อย
ชีวิตที่น่าสงสาร
ที่หมายต่อไป ชมโรงงานผลิตรถ
เก็บของ ขึ้นเครื่องกลับบ้าน
ขอให้เขาจัดที่นั่งริมหน้าต่างให้
ลาก่อนนะ อินเดีย
พลังมันหมดแล้ว
หลับสักพัก
ตื่นมาเจอ แสงเช้ามืดที่เมืองไทย
ได้กลับบ้านปลอดภัยแล้ว
ที่ผ่านมามันคือบททดสอบที่หินมาก
ภาระกิจสำเร็จแล้ว
การได้กลับบ้าน คือ สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตตอนนี้
รีบกลับบ้านหาครอบครัว หาแม่ หาแมว
ขับรถมาแบบง่วงมาก จอดนอนริมถนน ขับไปจนกว่าจะถึงบ้าน
แม่รีบมากอดก่อนใคร
วันนั้นนอนหลับ มีเจ้าแมวสุดที่รักนอนตัวอุ่นอยู่ข้างๆ
เจ้าบุญรอดตัวซ้าย เป็นแมวถูกหมาไล่กัดมาจนมุมที่บ้าน
เจ้าขนุน ตัวขวา เป็นแมวเก็บมาจากวัด ตอนนี้พุงใหญ่มาก
เป็นคืนที่นอนหลับมีความสุขที่สุด
เวลาที่ขาดกำลังใจ คนในครอบครัว คนที่รักหวังดีกับคุณ และสัตว์เลี้ยง คือสิ่งเติมพลังใจที่ดีที่สุด
สุดท้ายแล้ว ก่อนจะจบบันทึกนี้
นกก็ได้พาผู้ชายคนนึงมาเที่ยวด้วยกัน
พาเขามาส่งดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ ที่หิมาลัย
ป๊าสอนให้อดทน ขยัน ตั้งใจทำงาน
ขอบคุณป๊าที่คุ้มครองให้นกขับรถปลอดภัยตลอดทริป
ขอบคุณ Royalenfield ให้โอกาสกับบททดสอบการเดินทางครั้งนี้
#HO2016
#RoyalEnfield
#Himalayanodyssey
#foofriday
บทความโดย คนหัวฟู
Link ต้นฉบับ http://pantip.com/topic/35503169