เจาะบูธ..!! Ducati Motor Show 2023

ดูคาติ เขย่า Motor Show สนั่น ปล่อย 3 รุ่นหมัดเด็ด

ครั้งแรกกับ Ducati Diavel V4 ที่จัดเต็มด้านเทคโนโลยี มาพร้อมกับสุดยอดเครื่องยนต์ V4 Granturismo

Ducati Diavel V4 สปอร์ตครุยเซอร์ที่มีความหรูหรา มาพร้อมเครื่องยนต์ตัวใหม่
ระบบความปลอดภัยที่มีเพิ่มขึ้น มีไฟเลี้ยวแบบไดนามิกที่ติดตั้งอยู่ที่แฮนด์บาร์บริเวณด้านหน้าของปั๊มเบรกและปั๊มคลัตช์

ยางหลังขนาดใหญ่ของ Diavel V4 ใช้ยาง Pirelli Rosso III ขนาด 240/45 ที่เผยให้เห็นล้อ 5 ก้านอย่างชัดเจน
รวมถึงจุดเด่นใหม่ท่อไอเสีย 4 ท่อเล็กในปลายท่อใหญ่ใบเดียวกัน ทำให้มีเสียงที่ดุดันและแสดงถึงเอกลักษณ์ของเครื่องยนต์ V4 ได้เป็นอย่างดี
ในส่วนของที่พักเท้าคนซ้อนยังสามารถพับเก็บเข้าไปใต้ท้ายรถได้

เครื่องยนต์ที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ จากเครื่องยนต์ 2 สูบ เป็นเครื่องยนต์แบบ 4 สูบ
ที่ใช้ชื่อว่า V4 Granturismo ซึ่งเป็นเครื่องเดียวกันกับ Mulstistrada V4
แรงเร้าใจด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1,158 ซีซี. 168 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 126 นิวตันเมตร

เครื่องยนต์ V4 Granturismo มาพร้อมกับระบบปิดการทำงานของกระบอกสูบ
ซึ่งระบบจะตัดการทำงานของกระบอกสูบด้านหลัง 2 กระบอกตามความจำเป็น
เพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงและสามารถประหยัดน้ำมัน โดยระบบจะเริ่มทำงานแบบอัตโนมัติ
เมื่อขับขี่ถึง 4,000 รอบต่อนาที อย่างที่ผู้ขับขี่ไม่ทันได้รู้สึกตัว

นอกจากเพิ่มความแรงแล้ว Ducati Diavel V4 รุ่นล่าสุดนี้ ยังเพิ่มความทนทาน โดยมีระยะเซอร์วิสใหญ่ที่ 60,000 กิโลเมตร
ด้วยระบบปิดการทำงานของลูกสูบแบงก์หลังของเครื่องยนต์ เวลารถจอดเดินเบาหรือว่าขับขี่ที่รอบต่ำ

ขณะที่ช่วงล่างก็ได้รับการปรับปรุงใหม่ ช็อคอัพหน้าหัวกลับขนาด 50 มิลลิเมตร
มีระยะยุบตัวด้านหน้าอยู่ที่ 120 มิลลิเมตร และด้านหลัง 145 มิลลิเมตร
ซึ่งมากกว่า Diavel 1260 อยู่ที่ 15 มิลลิเมตร Diavel V4 มีความสูงของเบาะนั่งที่ 790 มิลลิเมตร
และยังได้ขยับแฮนด์บาร์มาใกล้กับผู้ขี่อีก 20 มิลลิเมตร เพื่อความสะดวกสบายยิ่งขึ้นในการขับขี่
ระบบเบรกจาก Brembo มีคาลิปเปอร์เบรกหน้าเป็น Brembo Stylema และดิสก์เบรกคู่ ขนาด 330 มิลลิเมตร
แบบเดียวกับที่ใช้ในรถซุปเปอร์สปอร์ต

ระบบอิเล็กทรอนิกส์นั้น ให้หน้าจอสี TFT ใหม่ ขนาด 5 นิ้ว เพื่อใช้งานฟังก์ชันพื้นฐานต่างๆ ได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ขณะที่ตัวรถยังมีระบบครูสคอนโทรล เพื่อให้ขับขี่ได้สบายเวลาเดินทางไกล ระบบช่วยออกตัว ระบบควิกชิฟเตอร์
ช่วยเพิ่มอรรถรสให้ขับซิ่งๆ ได้สนุกยิ่งขึ้น

Ducati Diavel V4 มีระบบการขับขี่ 4 โหมด ได้แก่ Sport, Touring, Urban และ Wet ที่เป็นโหมดใหม่
ระบบแทรคชั่นคอนโทรล ระบบเบรก ABS แบบใช้งานในทางโค้งได้ และระบบควบคุมการลอยตัวของล้อ
ความพิเศษที่มีให้เลือกนี้มาด้วยกันถึง 2 สี ได้แก่ สีคลาสสิคอย่างสีแดง Ducati Red และสีดำสุดเข้ม Thrilling Black
ราคาเริ่มต้นที่ 1,299,000 บาท

พร้อมเปิดให้สัมผัส Monster SP ที่สุดแห่งนวัตกรรมจากสนามแข่งในราคาสุดคุ้ม

อีกหนึ่ง DNA จากสนามแข่ง Monster SP ถูกปรับลดน้ำหนัก เพิ่มเทคโนโลยีการขับขี่เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่เข้าไปอีก
สำหรับ Ducati และรหัสห้อยท้าย SP นั้น จะหมายถึงรุ่นที่มีการปรับปรุงเรื่องประสิทธิภาพในการขับขี่ขั้นสูง
ปัจจุบันเราได้เห็นรหัส SP มาแล้วบนสองผลิตภัณฑ์อย่าง Panigale V4 SP และ Streetfighter V4 SP
นี่จะเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆ ปีที่รหัส SP ถูกนำมาใช้งานบนตัวรถสองลูกสูบและเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีที่ Monster ได้รับรหัส SP อีกด้วย

Monster SP ถูกพัฒนาโดยเน้นที่ประสิทธิภาพของช่วงล่าง การลดน้ำหนัก และการควบคุมเป็นหลัก ตัวรถจะยังคงใช้พื้นฐานเครื่องยนต์จาก Monster รุ่นมาตรฐานด้วยขุมกำลัง Testastretta 11° ขนาด 937 ซีซี. 111 แรงม้า
เป็นนวัตกรรมที่ถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของดูคาติโดยเฉพาะ  
มาพร้อมชุดท่อไอเสีย Termignoni แบบปลายคู่
ระบบกันสะเทือนทั้งหน้า-หลังเปลี่ยนมาใช้ของ OhIins เส้นผ่านศูนย์กลาง 43 มิลลิเมตร
ระบบกันสะเทือนถูกจูนให้เหมาะกับการใช้งาน ความสูงโดยรวมของตัวรถ 810 มิลลิเมตร

ระบบเบรกหน้า Monster SP ถูกอัพเกรดให้มีคาลิปเปอร์ Brembo Stylema รุ่นเดียวกับรุ่นพี่ อย่าง Panigale V4
จานเบรกหน้าคู่ขนาด 320 มิลลิเมตร
New Monster SP นั้นได้ทั้งชุดสีถังน้ำมันทูโทน สีดำ-แดง, ชุดเบาะนั่งสีแดง, ครอบเบาะท้ายสไตล์สปอร์ตตรงรุ่น, ชุดกันสะบัดติดรถ,
ครอบไฟหน้าสี SP การปรับเปลี่ยนระบบกันสะเทือนใหม่ ทำให้เกิดระยะห่างจากพื้นที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
ระบบไฟส่องสว่างแบบ LED รอบคัน, หน้าจอสี TFT ขนาด 4.3 นิ้ว, โหมดการขับขี่ 3 แบบ Sport/Road/Wet
ระบบตัวช่วยเหลือการขับขี่ และระบบความปลอดภัยต่างๆ ดูคาติ ก็ยังคงให้มาอย่างจัดเต็ม อาทิ Cornering ABS, Ducati Traction Control, Ducati Wheelie Control, Ducati Quick Shift up/down เหมือนรุ่นปกติ

น้ำหนักตัวของเจ้า Monster SP อยู่ที่  186 กิโลกรัม รวมของเหลว
ซึ่งหากเทียบกับ Monster 937 ตัวเก่าจะมีน้ำหนักลดลงไปจากเดิมถึง 2 กิโลกรัม
น้ำหนักที่ลดลงไปนั้น เกิดจาก ช็อคอัพหน้าหัวกลับขนาด 43 มิลลิเมตร “Ohlins NIX 30” ลดน้ำหนักตัว 0.6 กิโลกรัม,
“Brembo” รุ่นท็อป สปอร์ตสุดสายสตรีท “Stylema” ลดน้ำหนักตัว 0.4 กิโลกรัม
และ แบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน ลดน้ำหนักตัว 1.7 กิโลกรัม
สำหรับราคาของ Monster SP นี้อยู่ที่ 619,000 บาท เท่านั้น

ส่วนสาย Enduro Adventure งานนี้ต้องห้ามพลาดกับ “Desert X Black” สีใหม่ที่ดุดันสุดๆ

Ducati Desert X ซึ่งตั้งแต่เปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
ด้วยหน้าตาที่ดูพิเศษและโดดเด่นมากกว่าเดิม ขณะที่สมรรถนะและเทคโนโลยี
จัดเต็มมาให้แบบคุ้มค่าคุ้มราคาสุดๆ  โดยในงานนี้ ทุกคนจะได้พบกับ Ducati Desert X Black
ซึ่งเป็นสีพิเศษที่ได้แรงบันดาลใจมาจากต้นแบบรถ Motorsport Audi RS Q e-tron

กับสมรรถนะที่พร้อมท้าทายทุกเส้นทางหฤโหดในการแข่งขัน Dakar Rally ในราคาที่สุดคุ้มค่าเพียง 649,000 บาท

สำหรับลูกค้าที่สนใจ สั่งจอง 3 สุดยอดไฮไลท์ ของบูธ ดูคาติ สามารถติดต่อได้ที่โชว์รูมดูคาติทุกสาขา
หรือเข้าไปเยี่ยมชมคันจริงได้ที่บูธ Ducati หมายเลข A7 ในงาน Bangkok International  Motor Show 2023  ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี

บริษัท โมโตเร อิตาเลียโน จำกัด ผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายดูคาติอย่างเป็นทางการรายเดียวของประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 มีโชว์รูมและศูนย์บริการทั่วประเทศจำนวน 7 แห่ง ลูกค้าที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.ducati.com/th โชว์รูมและศูนย์บริการ Ducati Bangkok สาขาสุวรรณภูมิ และสาขาประดิษฐ์มนูธรรม เปิดให้บริการทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด ตั้งแต่ 8.30 – 17.30 น. หรือโทรนัดหมายได้ที่  

Ducati Bangkok (ดูคาติ สุวรรณภูมิ)             02-737-8787
Ducati Bangkok (ดูคาติ ประดิษฐ์มนูธรรม)         02-021-1888
Ducati Ratchapruek (ดูคาติ ราชพฤกษ์)            02-076-7888
Ducati Khonkaen (ดูคาติ ขอนแก่น )            043-046-8888
A.N.T. Motorsport (ดูคาติ พิษณุโลก)            061-864-9999
Sirichai Motorsales (ดูคาติ ลพบุรี)            036-740-421
Hatyai Automobile (ดูคาติ ภูเก็ต)            088-757-4129