เจาะบูธ DUCATI Bangkok International MotorShow 2020

สำหรับใครที่บ้านไกลหรือยังไม่สะดวกมาเดินมอเตอร์โชว์2020 ครั้งนี้ ไม่ต้องเสียใจ ทีม Just Ride it จะรวบรวมทั้งบรรยากาศและโปรโมชั่นรถมอเตอร์ไซค์มาฝากคุณถึงบ้านแน่นอน

เชิญรับชมกันเลยจ้าาาา

สำหรับค่ายสีแดงแรงฤทธิ์จากอิตาลี จัดบูธแนวเรียบง่าย วางรถแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่งให้ยลโฉมกันชัดๆ
ดูคาติไทยแลนด์เปิดตัวบิ๊กไบค์พรีเมียมที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย  2 รุ่นใหม่  
New Panigale V4 2020 และ Scrambler 1100 Pro และ Diavel 1260 S สีใหม่ ในงานมอเตอร์โชว์ 2020

สำหรับโปรโมชั่นก็จัดไป
สำหรับผู้ที่จองรถดูคาติในงาน ทั้งการผ่อนดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 72 เดือน และฟรีดาวน์15% ที่งาน Motor Show 2020

Panigale V4 S 2020
ถูกพัฒนาให้เป็นรถที่ง่ายต่อการควบคุมและสามารถทำเวลาได้เร็วขึ้นทั้งในสนามแข่งและการใช้งานบนท้องถนน
เครื่องยนต์ Desmosedici Stradale วางทำมุม 90 องศา แบบเดียวกับ Ducati ในMotoGP
ความจุกระบอกสูบ 1,103 ซีซี โดยมีระบบ Desmodromic Timing, Counter-rotating Crankshaff
ที่หมุนตรงกันข้ามกับเครื่องยนต์ทั่วไป  

“Twin Pulse” fingle order การจุดระเบิด 2 ครั้งในการหมุน 90 องศา
214 แรงม้า ที่ 13,000 รอบต่อนาที แแรงบิดสูงสุดได้ที่ 124 นิวตันเมตร ที่ 10,000 รอบต่อนาที
มาพร้อมกับล้อ Marchesini ไล่เบาลงไปอีก

ยังไม่หมดเฟรมหน้าถูกปรับให้มีความแข็งแรงและมีการยืดหยุ่นที่ดี ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ต่างจาก Panigale V4 เวอร์ชั่นที่แล้ว
ที่เฟรมหน้าและระบบช่วงล่างที่มีจุดศูนย์ถ่วงสูงขึ้น
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดขององศาการเอียงรถในขณะเข้าโค้งเช่นเดียวกันกับ V4 R
ส่งผลให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าโค้งได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น

สำหรับ V4 ตัวมาตรฐานจะใช้ช็อคอับหน้า Showa ขนาด 43มิลลิเมตร และกันสะบัดจาก Sachs พร้อมทั้งช็อคอับหลัง Sachs

โดยทั้งด้านหน้าและด้านหลังสามารถปรับระดับแรงกดสปริง, ความแข็งและความหนืดได้เช่นเดียวกัน

และในเวอร์ชั่น S จะมีระบบช่วงล่างปรับอิเล็กทรอนิกส์ Ohlins NIX-30 สำหรับช็อคอับหน้า, กันสะบัดปรับไฟฟ้า Ohlins
และช็อคอับ Ohlins TTX 36 ปรับไฟฟ้าเช่นกัน

ทั้งหมดทำงานร่วมกับระบบ IMU ( Initial Measurement Unit ) 6 แกน ทำให้ Ducati Panigale V4 เวอร์ชั่นนี้
สามารถควบคุมได้ง่ายขึ้นและมีการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม โดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ใน Panigale V4 เวอร์ชั่นปี 2020
เป็นเทคโนโลยีล่าสุดที่มีอยู่ใน Panigale V4 R ซึ่งDucati ได้ทำการพัฒนาระบบอากาศพลศาสตร์บนตัวรถ
มีการคำนวณแรงกดอากาศในอุโมงค์ลมโดยใช้ระบบ preliminary CFD บนคอมพิวเตอร์ในการทดสอบและออกแบบ
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในการยึดเกาะถนนและเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่

โดยพัฒนา New Aerodynamic package ใหม่ดังนี้
-แฟริ่งด้านข้างที่กว้างขึ้นและชิลด์หน้าใหม่ที่กว้างและสูงขึ้น เพื่อลดแรงลมที่มาปะทะกับผู้ขับขี่
-ช่องอากาศที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มการไหลเวียนของอากาศผ่านระบบระบายความร้อนและออยล์คูลเลอร์
ถึง 6% หรือ 16% ตามความเร็วของรถ
-Aerofoils หรือ Winglets บริเวณด้านหน้า เมื่อทำงานร่วมกับอากาศพลศาสตร์ของชุดแฟริ่งจะมีแรงกดอากาศที่ล้อหน้าเพิ่มขึ้นถึง 30 กก.ที่ความเร็ว 270 กม./ชม.

ยังไม่สุด ถ้ายังไม่สะใจ ยังจัดท่อไอเสีย Akrapovic racing exhaust system
ทำให้น้ำหนักรถโดยรวมลดลงถึง 6 กิโลกรัม และแรงม้าเพิ่มขึ้น 6% เป็น 226 แรงม้า ซึ่งจะทำให้อัตราส่วน
แรงม้าต่อน้ำหนักรถอยู่ที่ 1.19 แรงม้าต่อ 1 กิโลกรัม

สำหรับราคา Panigale V4 เวอร์ชั่น Standard อยู่ที่ 999,000 บาท
Panigale V4 เวอร์ชั่น S อยู่ที่ 1,249,000 บาท
ส่วน Panigale V4R จัดเต็มขนาดนี้ เคาะราคามา 2,999,000 บาทเท่าน้านนนน
หรือถ้ากลัวแรงเกินขี่ไม่ไหวก็ยังมี Panigale V2 ที่ราคาย่อมเยาลงมาที่ 799,000 บาท

Ducati Scrambler 1100 Pro
ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1,079 ซีซี 86 แรงม้า
ระบบเซ็นเซอร์ใหม่ “lambda sensor” รวมถึง “Map sensors” ที่ใช้ใน Panigale V4
มีระบบเเทรคชั่นคอนโทรล ควบคุมการสไลด์ของตัวรถในขณะเจอสภาพถนนที่เปียกลื่น
หรือเมื่อกำลังเพลินอยู่ในโค้งแล้วเผลอใช้คันเร่งแรงเกินไป โดยเมื่อรถมีอาการล้อหลังเริ่มหมุนเร็วกว่าล้อหน้า
ตัวรถจะตัดกำลังของเครื่องยนต์ลงเพื่อรักษาอาการรถไม่ให้เสียอาการเนื่องจากล้อหลังสไลด์

หรือแม้กระทั่งการใช้เบรกอย่างเต็มน้ำหนักขณะรถเอียงอยู่ในโค้ง ระบบ Cornering ABS
ก็จะช่วยไม่ให้รถลื่นไถลจากการใช้เบรกในโค้ง ควบคุมด้วยระบบล่าสุด “IMU แบบ 6 แกน”

สามารถปรับเปลี่ยน Riding Modes ได้ 3 รูปแบบ ทั้ง Active, Journey และ City

สำหรับ Scrambler 1100 PRO มีดีไซน์สีทูโทน“Ocean Drive” ผนวกเข้ากับเฟรมสีดำและซับเฟรมหลังอลูมิเนียม
มาพร้อมกับท่อไอเสียทรงใหม่ดีไซน์ออกคู่ด้านข้าง และการ์ดบังโคลนหลังที่ยึดป้ายทะเบียนด้านล่าง
รวมถึงชุดโคมไฟหน้าแบบ “X-shape” อันเป็นเอกลักษณ์  

Scrambler 1100 Sport PROมีการออกแบบที่เพิ่มเติมในหลายจุด โดยสะท้อนบุคลิกที่ดูสปอร์ตและความเป็นอิสระบนท้องถนนอย่างชัดเจน
ด้วยสีดำด้านดุดัน และแฮนด์เดิลบาร์ทรงต่ำ รับกันกับกระจกส่องหลังสไตล์ “café racer”
มาพร้อมกับช่วงล่างที่ประสิทธิภาพยอดเยี่ยมจากช็อคอับระดับโลกอย่าง Öhlins ทั้งด้านหน้าและหลัง ตอกย้ำความเป็นรถสปอร์ตได้อย่างชัดเจน

Ducati Scrambler 1100 PRO อยู่ที่ 579,000 บาท

Ducati Scrambler 1100 Sport PRO อยู่ที่ 659,000 บาท

Ducati Diavel 1260 S
การผสมผสานระหว่างเอกลักษณ์ของรถ Diavel และเครื่องยนต์ Testastretta DVT 1260  
มีวาล์วเดสโมโดรมิกแบบแปรผัน ทำให้การตอบสนองของคันเร่งมีความนุ่มนวลสูงสุดในรอบต่ำ
และให้อารมณ์การขับขี่แบบสปอร์ตในรอบสูง
ราคา Diavel 1260 S สีแดงใหม่ อยู่ที่ 999,000 บาท

ส่วนทีมงานคุณภาพก็ยังมาโชว์โฉมเช่นเคย ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง

#Ducati
#MotorShow

#JustRideit