เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ชวนไปแกลมปิ้ง สัมผัสใกล้ชิดธรรมชาติ

เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ชวนไปแกลมปิ้ง สัมผัสใกล้ชิดธรรมชาติ

 

  • จากผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า การใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ สามารถลดระดับความเครียดลงได้ รวมถึงช่วยให้มีชีวิตที่ดีและมีสุขขึ้น กิจกรรมแกลมปิ้งหรือการตั้งแคมป์แบบหรูหรากำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นกิจกรรมที่ได้สัมผัสและใกล้ชิดกับธรรมชาติ
  • เชฟโรเลต ประเทศไทยชวนสื่อมวลชนร่วมสัมผัสประสบการณ์การทำกิจกรรมกลางแจ้งสุดชิลอย่างมีสไตล์ ในกิจกรรมแกลมปิ้ง (Glamping) ซึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดกาญจนบุรี
  • เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ เป็นรถอเนกประสงค์ขนาด 7 ที่นั่ง ที่มาพร้อมกับความสมบุกสมบันและความหรูหรา เหมาะสำหรับครอบครัวและการเดินทางท่องเที่ยวธรรมชาติ

 

 

กรุงเทพฯ ประเทศไทย – การใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ สามารถลดระดับความเครียดลงได้ และช่วยให้มีชีวิตที่ดีและมีสุขขึ้น แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการท่องเที่ยวแบบสมบุกสมบัน เพื่อใกล้ชิดกับธรรมชาติ บางคนชอบที่จะทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่างกิจกรรมแกลมปิ้ง ซึ่งเป็นการนำคำว่า glamorous กับ camping มาผสมกัน หมายถึง การออกเดินทางไปตั้งแคมป์แบบหรูหรา และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เพื่อหลีกหนีความวุ่นวายในเมือง ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ เข้าพักในสถานที่สวยๆเหมาะแก่การถ่ายรูปลงอินสตาแกรม รับประทานอาหารค่ำแบบ farm-to-table (การนำวัตถุดิบที่สดใหม่จากไร่และฟาร์ม มาปรุงอาหาร) และเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ

สัปดาห์นี้ เชฟโรเลต ประเทศไทย ชวนสื่อมวลชนสายรถยนต์ร่วมทดสอบขับรถอเนกประสงค์ เทรลเบลเซอร์ เดินทางไปยังโฮมพุเตย ริเวอร์แคว ฮอทสปริง แอนด์ เนเจอร์ รีสอร์ท จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อร่วมสัมผัสประสบการณ์การแกลมปิ้ง ภายใต้แนวคิด “The Ultimate Life” พร้อมร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อปการขับขี่แบบออฟโรดและการลากจูง รวมถึงเวิร์คช็อปการทำอาหารกลางแจ้งในเมนูสุดพิเศษกับเชฟเป่า สุธากร สุวรรณโชติ จากรายการมาสเตอร์เชฟไทยแลนด์ (Masterchef Thailand) ซีซั่นที่ 1

นางสาวอุณา ตัน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและประสบการณ์ลูกค้า บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ลูกค้ารถอเนกประสงค์ให้ความสำคัญกับสไตล์ ความสะดวกสบาย และสมรรถนะของรถ และต้องการขับรถเดินทางไปทำกิจกรรมกลางแจ้งสุดพิเศษต่างๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์สำหรับเจ้าของรถอเนกประสงค์ ระดับพรีเมี่ยม ภายในห้องโดยสารที่ได้รับการตกแต่งอย่างประณีต ขนาดพื้นที่ของรถอเนกประสงค์ ความสามารถในการลากจูงและการขับขี่แบบออฟโรด รวมถึงอุปกรณ์บรรทุกสัมภาระธูเล่ที่สามารถติดตั้งบนรถอเนกประสงค์ เทรลเบลเซอร์ได้ ทำให้รถรุ่นนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการแกลมปิ้ง เทรลเบลเซอร์เป็นรถอเนกประสงค์ ระดับพรีเมี่ยม ขนาด 7 ที่นั่ง ที่สามารถปรับเปลี่ยนที่นั่งได้ เพื่อตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย เหมาะสำหรับใช้งานในทุกวัน และพาคุณไปในทุกที่”

สถานที่สำหรับแกลมปิ้งในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomer) ที่กำลังทำตามลิสต์ “รายการสิ่งที่อยากทำสักครั้งในชีวิต” (Bucket lists) และกลุ่มมิลเลนเนียล (Millennial) ที่ให้ความสำคัญกับการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุด เนื่องด้วยกิจกรรมแกลมปิ้งนับเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพ ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เทรนด์กิจกรรมแกลมปิ้งทั่วโลกจึงกลายเป็นเหตุผลหลักในการเดินทางท่องเที่ยว ที่ไม่ใช่เพียงแค่สถานที่พักแต่เพียงอย่างเดียว

นางสาวเลนนี่ โลห์ บรรณาธิการท่องเที่ยวเว็บไซต์ TravelWireAsia.com กล่าวว่า “กิจกรรมแกลมปิ้งกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะให้ความสงบ ปราศจากความเร่งรีบและวุ่นวาย และเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการที่พักที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ เช่น เต้นท์สไตล์ซาฟารี บ้านบนต้นไม้ในป่าดงดิบ วิลล่าริมน้ำ รวมถึงเต้นท์ที่แปลกแหวกแนวอย่างเต้นท์อินเดียนแดง ประสบการณ์การทำกิจกรรมกลางแจ้งที่มีความสะดวกสบายและหรูหรา นับเป็นประสบการณ์สุดพิเศษ ที่แตกต่างจากการเข้าพักในโรงแรมทั่วไป”

รถอเนกประสงค์ เทรลเบลเซอร์จะพาคุณไปยังจุดหมายปลายทาง ซึ่งเป็นที่ตั้งแคมป์สำหรับแกลมปิ้งได้อย่างง่ายดาย ด้วยเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ 4 สูบ ดีเซล เทอร์โบ 2.5 ลิตร ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่มีพละกำลังและแรงบิดสูง รวมถึงประหยัดน้ำมันและลดค่า NVH (เสียงรบกวน การสั่นสะเทือน และความสะท้าน) เครื่องยนต์ดูราแมกซ์มีพละกำลัง 132 กิโลวัตต์ (180 แรงม้า) ที่ 3,600 รอบต่อนาที และแรงบิด 440 นิวตันเมตร (325 ฟุต-ปอนด์) ที่รอบต่ำ 2,000 รอบต่อนาที ทำให้เทรลเบลเซอร์มาพร้อมขุมพลังที่เต็มเปี่ยม

การไปเยือนสถานที่ต่างๆ ที่มีการเดินทางอย่างยากลำบากนั้น เป็นเรื่องง่ายสำหรับรถอเนกประสงค์ เทรลเบลเซอร์ ด้วยโครงสร้างตัวถังที่แข็งแกร่งและช่วงล่างที่มีประสิทธิภาพ เพื่อลดแรงสั่นสะเทือน เมื่อต้องขับขี่เข้าไปยังสถานที่ตั้งแคมป์หรือแกลมปิ้งที่ห่างไกล นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีต่างๆ เช่น ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า (Electric Power Steering) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ขณะออกตัวและทางโค้ง (Traction Control) ระบบป้องกันการไหลของรถ เมื่อขึ้นทางชัน (Hill Start Assist) และระบบควบคุมความเร็ว ขณะลงทางชัน (Hill Descent Control)

ภายในของรถอเนกประสงค์ เทรลเบลเซอร์ ก็เหมือนกับที่พักแบบแกลมปิ้ง ที่ได้รับการออกแบบให้มีความสะดวกสบาย กว้างขวาง และมีความสวยงาม จีเอ็มออกแบบแผงหน้าปัดรถยนต์และคอนโซลหน้าโดยยึดหลักการยศาสตร์ (Ergonomics) ให้ง่ายต่อการใช้งาน ตกแต่งภายในด้วยวัสดุแบบซอฟท์ทัชเพื่อเพิ่มความหรูหรา นอกจากนี้ รถยังมาพร้อมกับการออกแบบใหม่ที่ช่วยลดเสียงดังรบกวน ได้แก่ แผงประตู กระจกหน้าต่าง และซีลกระจกหน้าต่าง ที่ขจัดเสียงลมและเสียงรบกวน เพิ่มความประณีตให้แก่ตัวรถระหว่างการขับขี่

 

สิ่งของจำเป็นสำหรับการแกลมปิ้ง

 

การแกลมปิ้งไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่ยุ่งยากเหมือนกับการตั้งแคมป์ แต่ก็มีบางอย่างที่คุณควรนำไปด้วย เพื่อทำให้ทริปของคุณมีความสะดวกสบายและความสนุกมากยิ่งขึ้น

 

  • ชุดแต่งกายเพื่อการผจญภัย ซึ่งรวมถึงรองเท้าที่สวมใส่สบาย ไม่ว่าจะเดินทางเข้าป่าหรือแม้แต่การท่องเที่ยวในสถานที่ที่ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี ก็ควรเตรียมเสื้อผ้าที่แห้งง่ายและไม่อุ้มน้ำ ถุงเท้าใยสังเคราะห์หรือผ้าวูล เสื้อกันฝน แจ็คเก็ตที่มีน้ำหนักเบา ชุดว่ายน้ำ ผ้าพันคอ รองเท้าเดินป่า รองเท้าบู้ท รองเท้าแตะที่มีพื้นกันลื่น หรือรองเท้าสำหรับใช้ในแคมป์
  • หมวก สำหรับกันแดดในกรณีที่มีแสงแดดแรง
  • โลชั่นกันแดด สเปรย์หรือเจลล้างมือ และสเปรย์หรือโลชั่นกันแมลง
  • อุปกรณ์ของใช้ส่วนตัว รวมถึงยา กระดาษชำระ และผลิตภัณฑ์สำหรับผู้หญิง (ในกรณีที่จำเป็น)
  • ชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น (ในกรณีที่สถานที่แกลมปิ้งไม่มีให้)
  • ไฟฉายแบบพกพา หรือแอพพลิเคชั่นไฟฉายบนมือถือ
  • ไม้เท้าเพื่อการทรงตัว หากต้องเดินป่าหรือเดินบนเส้นทางที่ขรุขระ
  • ขนมขบเคี้ยว ในกรณีที่ต้องการขนมเพิ่มพลังงานระหว่างการเดินป่าหรือปั่นจักรยาน
  • ขวดน้ำดื่มแบบพกพา
  • กล้องถ่ายรูป (หรือกล้องบนโทรศัพท์มือถือ) แบตเตอรี่ และสายชาร์จ
  • อุปกรณ์การนำทาง สมุดโน้ต และปากกา
  • กระเป๋าสะพายหลังขนาดเล็กสำหรับใส่ของที่จำเป็น หรือกระเป๋ากันน้ำ ถ้าต้องทำกิจกรรมทางน้ำ
  • หนังสือ สถานที่แกลมปิ้งหลายแห่งมีอินเตอร์เน็ตไวไฟ แต่บรรยากาศแสนสงบในป่าก็เป็นข้ออ้างที่ดีในการตัดขาดจากโลกภายนอกชั่วคราว ได้อยู่กับตัวเองและสนุกไปกับการอ่านหนังสือเล่มโปรด
  • เครื่องดื่มที่ชื่นชอบไว้ดื่มสังสรรค์ในบรรยากาศรอบกองไฟ

 

 เคล็ดลับการขับขี่แบบออฟโรด

 

 เตรียมตัวสำหรับการขับเคลื่อนสี่ล้อ: โดยปกติทั่วไปแล้วรถอเนกประสงค์และรถกระบะมักจะใช้งานระบบขับเคลื่อนสองล้อเสียส่วนใหญ่ แต่สามารถขับเคลื่อนแบบสี่ล้อได้เมื่อต้องขับขี่แบบออฟโรด หรือเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทาย เช่น ฝนตกหนัก ถนนที่เต็มไปด้วยดินโคลนหรือพื้นผิวถนนที่ลื่น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ดังกล่าวการขับขี่โดยใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อจะมีประโยชน์เป็นอย่างมาก ระบบการขับเคลื่อนสี่ล้อของรถอเนกประสงค์เทรลเบลเซอร์ และรถกระบะโคโลราโดสามารถช่วยเพิ่มแรงฉุดลากได้ด้วยการถ่ายกำลังของเครื่องยนต์ไปยังล้อทั้งสี่ล้อ

  • ระบบขับเคลื่อนสองล้อด้วยความเร็วสูงหรือโหมดทูไฮ (2H – Two-Wheel Drive High) มักใช้สำหรับการขับขี่บนถนนทั่วไปและไฮเวย์
  • ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อด้วยความเร็วสูง หรือโหมดโฟร์ไฮ (4H – Four-Wheel Drive High) ใช้เมื่อต้องการเพิ่มแรงฉุดลาก
  • ตำแหน่งเกียร์ว่าง หรือโหมด N (Neutral) ใช้เมื่อต้องลากจูง
  • โหมดโฟร์โลว์ (4L- Four-Wheel Drive Low) ใช้เมื่อขับบนทรายหรือดินโคลน หรือเมื่อต้องขึ้น/ลงเนินลาดชัน

 

นั่งในตำแหน่งที่เหมาะสม: สิ่งแรกที่ผู้ขับขี่ควรทำคือ การปรับตำแหน่งเบาะที่นั่งให้เหมาะสมกับรูปร่างของตนเอง และคาดเข็มขัดนิรภัยเพราะจะช่วยให้ผู้ขับขี่รักษาตำแหน่งที่นั่งได้เมื่อต้องขับขึ้น/ลงเนินเขาที่สูงชัน

 

จับพวงมาลัยให้ถูกต้อง: วางมือของคุณบนพวงมาลัยที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา และ 9 นาฬิกา จับพวงมาลัยให้กระชับโดยให้นิ้วโป้งทั้งสองข้างชี้ขึ้น ไม่ควรสอดนิ้วโป้งเข้าไปในพวงมาลัยเมื่อต้องขับขี่แบบออฟโรด เพราะเมื่อรถยนต์ชนกับหินหรืออุปสรรคอื่นๆ พวงมาลัยจะหมุนอย่างรวดเร็วและอาจจะทำให้นิ้วโป้งหรือข้อมือของคุณได้รับบาดเจ็บ

 

เพิ่มแรงฉุดลาก เมื่อต้องขับขี่บนพื้นผิวถนนที่ไม่แน่น ลาดชัน หรือเปียกลื่น: อย่าเหยียบคันเร่งมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้รถเสียการทรงตัวบนถนนที่พื้นผิวไม่แน่น ทำให้ควบคุมรถได้ยาก

  • ใช้เกียร์ต่ำ และขับช้าๆ หากเป็นไปได้ ทั้งในขณะขึ้นและลงเขา
  • ชะลอความเร็วเมื่อใกล้ถึงยอดเขา
  • ห้ามลงเขาด้วยเกียร์ว่างในตำแหน่ง N (Neutral)
  • เมื่อต้องขับรถลงเขา บังคับพวงมาลัยให้ตรง และใช้เกียร์ต่ำ เพราะกำลังเครื่องจะส่งไปยังเบรก เพื่อชะลอความเร็วและช่วยให้สามารถควบคุมรถยนต์ได้

 

ออกตัวอีกครั้ง เมื่อเครื่องยนต์ดับ

  • เหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ เปลี่ยนเกียร์ให้อยู่ที่ตำแหน่ง P (Park) จากนั้นสตาร์ทเครื่องยนต์อีกครั้ง
  • หากรถดับเมื่อกำลังขับขึ้นเขา ให้เปลี่ยนเกียร์ไปที่ R (Reverse) ปล่อยเบรก และถอยตรงลงมา อย่าพยายามกลับรถ ถ้าเนินลาดชันมากจนทำให้เครื่องยนต์ดับได้ ก็สามารถทำให้รถคว่ำได้เช่นกัน
  • หากรถดับเมื่อกำลังขับลงเขา ให้เปลี่ยนมาใช้เกียร์ต่ำ ปล่อยเบรก และขับตรงลงเขา
  • หากไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์อีกครั้งได้ ให้ดึงเบรกมือ เปลี่ยนเป็นเกียร์ P (Park) และดับเครื่อง ลงจากรถและขอความช่วยเหลือ

 

ขับขี่ผ่านน้ำลึก

  • ถ้าน้ำไม่เชี่ยวและระดับน้ำไม่ลึก ให้ขับผ่านอย่างช้าๆ ถ้าขับขี่ด้วยความเร็วสูงเกินไป จะทำให้น้ำเข้าเครื่องยนต์ และสามารถทำให้เครื่องยนต์ดับได้
  • ก่อนที่จะขับลงไปในน้ำ ให้ปิดแอร์และเปิดกระจกทั้ง 4 บาน
  • ค่อยๆ ขับลงน้ำด้วยความเร็วไม่เกิน 3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเพิ่มความเร็วเป็น 6 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเมื่ออยู่ในน้ำ
  • เมื่อขับรถพ้นจากน้ำ ให้เหยียบเบรกหลายๆ ครั้ง เพื่อรีดน้ำออกจากผ้าเบรค

คลิกเพื่อชมภาพใหญ่