….ลองขี่ ลองคร่อม Scrambler Ducati….
หากคุณจะซื้อรถ 1 คัน…
คุณคาดหวังสิ่งใดจากรถคันนั้น…
บางคนชอบ …. รถสวย
บางคนชอบ … รถแรง
บางคนชอบ …. รถหรู
ซึ่งก็นานาจิตตังกันไป
แต่อย่างไรก็ก็ดี คุณสมบัติด้านบนข้างต้น เป็นคุณสมบัติของรถหรู แดนอิตาลี่ยี่ห้อหนึ่ง
ซึ่งถ้าใครเป็นคนชอบมอเตอร์ไซด์ มันคงเป็นยี่ห้อในดวงใจอันดับหนึ่งของใคร หลายคน
ยี่ห้อนั้นคือ Ducati นั่นเอง…
ทีนี้ เราจะมาพูดถึง “รถคันหนึ่ง” ซึ่งมันก็ถือกำเนิดจาก ยี่ห้อ Ducati เหมือนกัน
หากแต่….
คุณจะพบกับความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงในตัว ตนของของเจ้ารถคันนี้ เหมือนประหนึ่งไม่ได้ถือกำเนิดเกิดมาจาก Brand แม่เจ้านี้….
ถามว่า มันคือ “ความผิดพลาด” ใช่หรือไม่….
คำตอบคือ เปล่าเลย….
ในจุดประสงค์และความตั้งใจแห่ง ค่ายแดนมักกะโรนี นี้ ตั้งใจที่จะรังสรรค์ รถที่มีความ “แตกต่าง” ออกไปในตัวตนของแบรนด์นี้
โดยตั้งใจที่จะออกแบบรถที่มีพื้นฐานที่ “เรียบง่าย” “สวยงาม” “ร่วมสมัย”
พร้อมที่จะแต่งเติม รังสรรค์ ความเป็นตัวคุณเพิ่มเติมได้ไม่มีที่สิ้นสุด
อีกทั้งยังมาพร้อมกับสิ่งๆ หนึ่ง ที่พยายามบรรจงยัดลงในบอดี้ ที่เรียบง่าย คันนี้
หาใช่ความแรงไม่…
หาใช่ความ “คลาสสิคหรือวินเทจ“ แท้ๆ อย่างที่คนทั่วไปเข้าใจและคาดหวังไม่….
แต่หากสิ่งนั้น คือ “ความสนุก“….
สิ่งนี้เอง คือ เนื้อแท้ ล้วนๆ เป็นตัวตนแท้จริงของเจ้ารถแดนมักกะโรนีคันนี้
ซึ่งมีนามว่า Scrambler
ป.ล. ขอขอบคุณ
Ducati ทองหล่อ มา ณ ที่นี่ในการสนับสนุน รถทดสอบ และ นำเที่ยวครับ
ภาษาที่ผมใช้ด้านบน เหมือนภาษาที่ใช้ในงาน โฆษณา ใช่มั๊ย
ใช่ครับ
แต่ผมเองก็ยังยืนยัน ในปณิธาน ของกลุ่ม คือ “เราจะขอวิจารณ์แบบตรงไปตรงมา อะไรดีก็ว่าดี อะไรแย่ก็ว่าไปตามนั้น”
โดยอิงจากข้อมูลที่ได้สัมผัสรถมา
อ่ะ มาต่อกัน
เรียนตามตรงว่า วินาทีแรก ที่ผมได้ยลเจ้า Scrambler นี้
ผมคิดและเข้าใจ(ไปเอง) ว่า มันเป็นรถ Classic/Vintage…
เพียงแต่ ในใจ ผมรู้สึกว่า “ทำไมมัน classic ไม่สุดวะ” มันขาดๆ เกินๆ อะไรไปบางอย่าง….
แต่ว่า คำตอบของมันจะเป็นอย่างไร รอดูต่อไปครับ …
เนื่องจากเป็น ทริป สั้นๆ ขี่ไปทำ กิจกรรมอะไรสักอย่าง กับ Ducati ทองหล่อ ( ที่เป็นความลับ กะให้เป็น Surprise ว่างั้น … )
ทำให้มีเวลาจำกัดพอสมควร ที่จะสำรวจ รถกันโดยละเอียด
แต่อย่างที่ผมแจ้งข้างต้น ความรู้สึก สัมผัสแรกของผมคือ เจ้าคันนี้ มันจะคลาสสิค ก็คลาสสิคไม่สุด…
ดูดิ ไมล์ยังเป็นดิจิตอลเลย มันขัดๆ ยังงัยไม่รู้
ก่อนจะออกไปขี่จริง มาทำความรู้จักกับ Ducati Scrambler กันสักนิด
มันมี spec แบบนี้ และ แบ่งรุ่นตามนี้
ป.ล. โดยส่วนตัวผมชอบรุ่น ICon สีเหลือง นะครับ แล้วเพื่อนๆ ชอบรุ่นไหนกัน
อาชาของผม ค่ำคืนนี้คือ รุ่น ICon สีเหลือง ( สมใจละวา 555 ) ครับ
ป.ล. ต้องขออภัย ที่ภาพไม่ค่อยสวย เพราะผมขี่เอง ถ่ายเอง
ใช้กล้อง Compact ครอบจักรวาลตัวน้อย ภาพก็ตามมีตามเกิดแบบที่เห็นครับ
สัมผัสแรกกับเจ้า Scrambler นี้ ต้องบอกเลยว่า
รถเบามากๆๆๆๆ
ให้ความรู้สึกว่า เบากว่า CB500F ของผมเสียอีก
เริ่มออกเดินทางกันเลยกับทริปเล็กๆ ในค่ำคืนนี้
หรือแปลเป็นไทย คือ
( ผมแปลถูกป่าวหว่า )
เป็นทริปที่ทาง Ducati ทองหล่อ ตั้งใจจัดให้เพื่อผู้ใช้งาน Scrambler โดยเฉพาะ
ป.ล. ทริปนี้มีผู้ใช้กิตติมศักดิ์ หลายท่านเลยหล่ะ เช่น ท่านนี้
ผมให้ทายว่าท่านนี้คือใคร เดี๋ยวเฉลยตอนท้ายๆครับ อิอิ
ป.ล.2 แอบขอยืมภาพของทาง Ducati ทองหล่อนะครับ เพราะตอนขี่ผมถ่ายรูปไม่ได้เลย 555
เมื่อขี่ออกไปสักพัก
ผมต้องมานั่งพินิจ พิจารณา กับ เครื่องยนต์ของเจ้า Scrambler นี้
มันทั้ง นิ่มขึ้น นุ่มขึ้น ไม่ตะกุกตะกัก ต้องแต่รอบเดินเบา ยันรอบสูง แถมความร้อนยังไม่ร้อนมาก แค่รู้สึกอุ่นๆ บริเวณเท้าขวาหน่อยๆ
ผิดกับ Monster 795 ที่เคยขี่ชัดเจนมาก ทั้งๆที่ใช้เครื่องยนต์ Block เดียวกัน
สืบไปสืบมา ปรากฏว่า เครื่องยนต์ลูกนี้ มีการเปลี่ยนระบบ Camshaft และ ปรับระบบไอเสียใหม่
แรงม้าลดลงมาเหลือ 75 แรงม้า
ทำให้ได้เครื่องยนต์ที่ใช้งานได้ง่าย ส่งกำลังได้นุ่มนวลมากขึ้น…
ผมบอกได้เลยว่า เครื่องยนต์ลูกนี้ เป็นเครื่องยนต์ลูกที่ผมชอบมากที่สุดของ Ducati ตั้งแต่เคยขี่ Ducati มา ( ผมขี่มาแค่ 795,796, Hypermotard ครับ )
ป.ล. Taste ผมอาจจะไม่เหมือนคนอื่น ผมชอบเครื่องยนต์ที่นุ่มนวล สมูธ และใช้งานได้ง่าย มากกว่า เครื่องยนต์ที่แรงแต่ใช้งานค่อนข้างยาก
การขับขี่ในเมือง เป็นไปอย่างง่ายดาย
เพราะรถ คุมง่ายมากๆ อาจจะเพราะแฮนด์ที่ค่อนข้างสูง กว้าง บวกกับ น้ำหนักที่เบา และเครื่องยนต์ที่ค่อนข้าง เป็นมิตร
บอกได้เลยว่า เป็นรถที่เหมาะกับการใช้งานในเมืองเป็นที่สุด
จะมีจุดติ นิดนึงก็คือ จอดติดไฟแดง ร้อนเอาเรื่องเหมือนกัน ก็ใช้ดับเครื่องเอาครับ
ส่วนอีกเรื่องนึงคือ เนื่องจาก Torque รถที่ค่อนข้างหนัก และ สเตอร์ค่อนข้างใหญ่
บางครั้งเปิดคันเร่งแรงไปนิด ก็หงายเงิบ ได้เหมือนกัน สำหรับ มือเก่า คือ ความสนุก
อยากเนียนก็คุมคันเร่ง ( แบบสาย มิใช่ Ride By Wire แต่อย่างใด ) เนียนๆ ก็ไปได้เนียนๆ
สำหรับคนเริ่มขี่ใหม่เลย มันคือ
ความเหวอ
เช่นผม แอบเหวอเหมือนกัน ตอนเริ่มขี่ แต่ 2-3 นาทีก็ชินละ
พูดถึง เรื่องในโค้ง
มันให้ความรู้สึก เข้าโค้งได้เป็นธรรมชาติเอามากๆ
คุมง่าย ไม่ฝืน
โค้งเร็วๆ เกิน 120km/h ผมไม่รู้ เพราะไม่ได้ลอง แต่น้อยกว่านั้น เอาไป 4 กะโหลกเลย เพียงแต่ยางติดรถที่ให้มา
อาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อการนี้เสียทีเดียวนัก ( ไม่ใช่ยาง Super sport นิ ) แต่ไม่ขี้เหล่แน่นอน
ป.ล. ขออนุญาติ ผู้ขับขี่ในภาพด้วยครับ
ถามถึงระบบช่วงล่าง ( ขออนุญาติใช้รูปแทน เนื่องจาก ไล่ดูรูปแล้ว ไม่ได้ถ่ายรูปตัวรถด้านซ้ายมาเลย )
เห็นหน้าตาแล้ว มันโมเดิร์นไป ไม่คลาสสิค เลย
ถ้าจะให้คลาสสิค ช๊อคหน้า มันต้องไม่ใช่ Up side down
ช๊อคหลังมันต้อง เป็นช๊อคคู่
ดูสิ เบรคยังเป็น Radial Mount เลย ม่ายยยยยย มันไม่ใช่
นั่นคือในเชิงหน้าตา และเป็นสิ่งที่ Ducati ตั้งใจอยู่แล้ว ว่าจะไม่เหมือนรถ Scramble ทั่วๆ ไป
โดย Ducati จงใจจะใส่ความสมัยใหม่ มาในรูปกลิ่นอาย Scramble แบบเก่าๆ
พูดง่ายๆ คือ ร่วมสมัย แหล่ะ
ดังนั้น ลืม Scramble ในรูปแบที่คุณคิดไปซะ มันอาจไม่สุดในเชิงคลาสสิค วินเทจ
แต่พอขี่แล้ว ความดีของมันจึงก่อเกิด
โดยช่วงล่างหน้าและหลัง ให้ความรู้สึก Stiff นิดๆ แต่ก็ยังมีความนุ่มนวลแฝงอยู่ จงใจให้ความสบายและความเกาะถนนมารวมกันได้อย่างพอ ดีๆ
รูปแบบนี้อาจไม่โดนใจขาโหด แต่ คนที่ใช้รถในชีวิตประจำวันน่าจะชอบ
ประกบเข้ากับยาง Pirelli MT60 RS ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษของ Pirelli ซึ่ง design สำหรับ Scramble โดยเฉพาะ
ยางหน้าขนาด 110/80 ขนาด 18 นิ้ว ( ย้ำ 18 นิ้ว ) ใหญ่ขึ้นมานิดนึง เพื่อให้เข้า Concept Scrambler ที่ต้องปีนป่ายอุปสรรคไปได้
กับยางหลังขนาด 180/55 ขนาด 17 นิ้ว ใหญ่โตผิด Scrambler ทั่วๆ ไปอีกแล้ว
เท่าที่ลองจับความรู้สึกดู ยางก็หนึบใช้ได้ และ เสียงไม่ดังอย่างที่คิด แม้ลายยางจะออกไปทางกึ่ง Offroad ก็ตามที
คงต้องลองเอาไปใช้ในทาง offroad บาง คงจะพาผ่าน โคลนเลน ไปได้ดีกว่ายางถนนทั่วไป
ส่วนระบบเบรค จานเดี่ยวทั้งหน้า และ หลัง ทำหน้าที่ได้ดีทีเดียว แม้แรงเบรคจะไม่ได้สุดยอดแบบตระกูล Monster แต่พอเพียงแล้วหล่ะ
สรุป
ในส่วนนี้ผมไม่กังขาในเรื่อง Performance ของมันเลย ยกเว้นเรื่องหน้าตา ไม่เข้ากับชื่อ Scrambler ที่ยังขัดใจ แต่ผมเริ่มเข้าใจ จุดประสงค์แท้จริงของรถคันนี้ขึ้นเรื่อยๆ แล้วหล่ะ หลังจากได้เริ่มรู้จักมัน
ย้อนกลับเข้ามาทริปกันต่อ
เราแวะกิน ก๋วยเตี๋ยวไข่ย้อนยุคกันที่ CDC
บรรยากาศคลาสสิค ย้อนยุค กันเลยทีเดียว….
คลาสสิค ย้อนยุค มันต้องแบบนี้ๆๆๆๆๆ…..
จ่าย 500 กินไม่อั้น
ทาง Ducati ทองหล่อ เองไม่ได้หวังกำไรหรืออะไรครับ
จัดเพื่อคน Scrambler ล้วนๆ
ออกจาก CDC
รถเริ่มโล่ง คราวนี้ได้มีโอกาส ลองอัดความเร็วขึ้นไปอีก
ได้ทราบสมรรถนะ เพิ่มเติมอีกพอควร
แต่นั่นไม่สำคัญ กับ สถานที่ที่ทาง Ducati พาไป
แต่ไม่ได้แจ้งว่า ที่ไหน แจ้งเพียงแต่ว่า ให้ขี่ตามมา
สุดท้าย พามาที่สวนสยามครับ มืดตึ๊บเลยหล่ะ ยังงง ว่า พามาทำไม…
แต่….
ไม่คิดว่า จะลงทุนให้ขนาดนี้ กับ กลุ่มลูกค้าเพียง 20-30 ชีวิต เยี่ยมครับ
ป.ล. ผมยืมรูปของ Ducati ทองหล่อ อีกครั้ง กล้อง Compact ผมมันน้อยบานมั๊กๆ ครับ
แต่กล้อง Compact ครอบจักรวาล ของผม แม้ภาพจะกากๆ แต่มันก็มีดีเหมือนกัน ถ่ายได้ใกล้ๆ ยันไกลๆ เลยหล่ะ
จึงได้รูปภาพของ User ผุ้ใช้งาน Scrambler Classic กิตติมศักดิ์ท่านหนึ่งจากมุมแอบส่องไกลๆ จนได้
คนอะไร เท่ห์ทุกอนูรูขุมขนจริงๆ
ป.ล. ขออนุญาติ เจ้าของภาพด้วยนะครับ ^^
เป็นสถานที่ ที่ไม่คิดไม่ฝัน ว่าจะเอารถเข้ามาขี่ในนี้ได้
เปิดประสบการณ์ใหม่ดีครับ…
ก็คงต้องขอบคุณ Ducati ทองหล่อ ที่ทำสิ่งที่ไม่คิดไม่ฝันให้เป็นไปได้ ( อันนี้ก็ไม่ได้อวยนะครับ แต่คิดไม่ถึงจริงๆ )
กลับมาเรื่องรถกันบ้าง
พอได้สัมผัสกันมาสักพัก ผมก็ถึง “บางอ้อ” แล้วหล่ะ ในตัวตนของ Scrambler ว่าต้องการจะสื่ออะไร
มันไม่ใช่ภาพลักษณ์ที่หรูหรา สวยเฉียบ สมรรถนะยอด แบบทั่วไปที่รถ Ducati รุ่นอื่นๆ มีให้
มันไม่ใช่ภาพลักษณ์ Classic ที่ รถ Scrambler ในอดีต มี
แต่มันคือรถที่สร้างมา เพื่อ ตอบสนอง “ความสนุก”
สร้างขึ้นมาเพื่อ ตอบสนอง ความซุกซน ของคนชอบ Express yourselft ด้วยการสร้างรถที่ง่าย ในการต่อเติม ตกแต่ง ขยายความเป็นตัวคุณ
บนพื้นฐานแห่งกลิ่นอายย้อนยุคนิดๆ แต่สมรรถนะ แบบรถ Modern นั้นไม่ขาดตกบกพร่อง
นั่นคือ สิ่งที่ Ducati พยายามจะทำ ( ในความคิดผม )
มาพูดถึง ข้อดี ข้อเสีย ของตัวรถกันบ้าง
จับได้ไม่มากนัก เนื่องจากมีเวลากับมันน้อยเหลือเกิน แต่ก็ได้มาคร่าวๆ ราวๆ นี้นะครับ
ข้อดี
– ขี่สบาย คุมง่ายมากๆ มากจริงๆ ผิดกับรถ Ducati ทุกๆคันที่เคยขี่มา แทบจะเรียกได้ว่า ง่ายพอๆ กับค่ายปีกนกเลย
– เครื่องยนต์สมูธ และ Torque หนัก ขี่สนุก ( บางคัน Torque หนักกว่านี้ แต่ขี่ไม่สนุกเอาเสียเลย )
– รูปทรง ดูไปดูมา ผมว่า มันดูดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่เบื่อ
– สมรรถนะ ของช่วงล่าง เบรค
– น้ำหนักที่โคตรเบา
– ถ้าเอาไปลุยแบบขำๆ ผมว่า เวิร์คกว่ารถ Adventure คันใหญ่ๆ หนักๆ อีกนะ
– สมรรถนะ all round ครอบจักรวาล 1 คัน ทำได้หลายอย่าง ( อันนี้ผมคิดเองนะ )
– ฟรีค่าบำรุงรักษา 4 ปี หรือ 30,000กม ช่วยให้เบาใจเรื่องค่า Maintainance ไปได้พอสมควร ( แต่อย่าล้มนะ 5555 )
ข้อเสีย
– เรือนไมล์ ดูยาก
– ความร้อน แอบมีตอนจอด ตอนขี่แทบไม่รู้สึก
– เบาะนั่งสบายแต่สั้นไปนิด ซ้อนสองแนบชิดติดกันเลย เดินทางไกลอาจจะอึดอัดได้
– รูปทรง ถ้ามองว่า มันไม่คลาสสิค วินเทจ มันก็ใช่ตามนั้น
– ถ้าจังหวะอยากได้อารมณ์สปอร์ต หน่อย แฮนด์อาจจะสูงและกว้างไปนิดนึง
สรุป
มันคือ Naked All round ที่ขี่ง่าย เบา ทำได้ทุก Action ไม่ว่าจะทางเรียบ ทางเถื่อนหน่อยๆ เรียกว่าใช้แทนรถ Dual purpose ยังได้ ที่สำคัญ
มันขี่โคตรสนุก อย่าบอกใครเชียว…
ถ้ามองคู่เปรียบ พิกัด 650-700 ค่ายญี่ปุ่น ( Honda , Suzuki, Kawa, Yamaha ) เท่าที่ลองมา เจ้า Scrambler นั้นขี่ได้สนุกกินขาด ( ยกเว้น MT-07 ตัวเดียวที่ยังไม่เคยได้ขี่ )
แต่เรื่องราคา อาจจะโดดจากค่ายญี่ปุ่นขึ้นมาเล็กน้อย สำหรับตัว Icon แต่ส่วนต่างนั้นก็คุ้มค่าพอ เมื่อคิดว่าได้รถที่พิกัด cc สูงกว่าเล็กน้อย แต่น้ำหนักเบากว่าพอสมควร
อย่าเชื่อผม ต้องลองเองครับ
ส่วนผม ถ้ามีปัญญา เจ้า Scrambler คงจะเป็น Ducati คันแรก ในบ้านผม แน่นอน เพราะผมชอบรถ Do it all แบบนี้แหล่ะครับ ^^
วันนี้ ลาไปก่อนครับ พบกันใหม่ กระทู้หน้าครับ
ป.ล. ขอยืมภาพจาก lanessplitter.jalopnik.com มาใช้ครับ ภาพนี้เป็นแรงบันดาลใจส่วนตัวของผมเอง ที่ทำให้ชอบเจ้า Scrambler
บทความโดย เตี้ย ล่ำ ดำ แก่