ควบสปอร์ตทัวริ่งในคราบ Adventure…. Kawasaki Versys 1000

ควบสปอร์ตทัวริ่งในคราบ Adventure…. Kawasaki Versys 1000

สวัสดีครับ

จากคราวที่แล้วที่ได้ขี่ Suzuki V-Strom 1000  ในขาไป สามพันโบก ยิ้มยิ้ม

http://pantip.com/topic/34241067

ขากลับได้เปลี่ยนมาขี่ Kawasaki Versys 1000

เพื่อสัมผัสฟิลลิ่งที่แตกต่างและ ป้องกัน Bias ที่คิดไปเองกับรถ 1 คัน

เอาหล่ะ ไม่พูดพร่ำทำเพลงละครับ ออกเดินทางกันเลยดีกว่า

ก่อนอื่น ต้องขอขอบคุณ Real Motor Sport  สำหรับรถทดสอบด้วยครับ

และ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

สำหรับการดำเนินการจัดหารถมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

ป.ล. กระทู้นี้อาจจะรูปน้อยเพราะขากลับขี่กันอุตสาหกรรมมาก  อุบล – กทม ใน 1 วัน ทำให้ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเลย

หวังว่าเพื่อนๆ คงไม่ว่ากันนะครับ ร้องไห้ร้องไห้

ป.ล.2 ภาพถ่ายหาความสวยไม่ได้เลย ขอยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว

ก่อนจะขี่มาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่ายิ้มยิ้ม

เจ้า Versys 1000 นั้นถือกำเนิดขึ้นมาหลังจาก Versys 650  5 ปี

โดยเจ้า Versys 1000 โฉมแรกนั้น ออกขายในปี 2012

ด้วยหน้าตาที่ ไม่รักก็เกลียดเลย ( หรือเปล่า )  เห็นฝรั่งเค้าว่างั้น

บ้างก็ว่าดูดุดัน

บ้างก็ว่า ประหลาด ตลก

และด้วยรถตระกูล Versys 650 ออกเป็นรถแนว Adventure Sport  , Dual Purpose

ทำให้เราเข้าใจว่าเจ้า Versys 1000 มันจะเป็นแบบนั้นไปด้วย

แต่เอาจริงๆ  ด้วยรูปทรงที่ใหญ่โตมโหฬาร ซ้ำยังพกเครื่องยนต์ 4 สูบเรียงมาอีก

ดูแล้ว มันออกจะเป็นระ Sport Tourer ซะมากกว่า… ยิ้มยิ้ม

หลังจากนั้น 3 ปี

เจ้า Versys 1000 ก็ถูกปรับปรุงใหม่ ( ถือว่าเร็วมาก )  ให้เข้าทาง Sport Tourer มากขึ้น  ตรงประเด็นมากขึ้น

แถมมีการปรับปรุงครั้งใหญ่กับระบบ กระเป๋า เข้ารูป ใช้งานสะดวกขึ้น แนบชิดกับตัวรถมากขึ้น

แต่ก็อย่างว่า รูปร่างหน้าตา มันนานาจิตตัง

บางคนก็ว่าเก่าสวย บางคนก็ว่าใหม่สวย ก็ว่ากันไป

ทริปนี้ต้องบอกว่า  ขับขี่กันค่อนข้างอุตหาหกรรม     อุบลราชธานี – กทม  ใน 1 วัน

รูปอะไรไม่ค่อยได้ถ่าย ไม่ค่อยจะมีเลย

ขอเอาตัวหนังสือล้วนๆ มาเล่าสู่กันฟังละกันนะครับ  ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้

===========================

สัมผัสแรก

ตอนแรกก็หวั่นๆ กับรถที่ดูใหญ่โต กว่าเจ้า V-Strom 1000 ที่ขี่ขามาพอสมควร

แถมยังหนักกว่า ด้วยน้ำหนักตัวเกือบๆ 250 กิโลกรัม  แต่พอลองคล่อมแล้ว ความสูงถึงพื้นมันเตี้ยกว่า V-Strom นิดหน่อย

แถมความรู้สึกว่าหนัก มันกลับน้อยกว่า V-Strom   ไม่รู้ว่า Kawasaki ซ่อนน้ำหนักเอาไว้ตรงไหน   ซึ่งพักหลังๆ มานี่ รถของ Kawasaki หนักๆ ทั้งนั้น แต่เวลาขี่กลับไม่หนักเลย

แต่เวลาเข็นยังหนักอยู่นะ หัวเราะหัวเราะหัวเราะ

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อขี่ในเมือง มันความรู้สึกว่า “มั่นใจ” กว่าเจ้า V-Strom เพราะมันเตี้ยและรู้สึกเบากว่านิดหน่อย

เบาะของเจ้า Versys นี่มันทั้งใหญ่ หนา และเบาะคนซ้อนก็หนาและสูงขึ้นไป

อีกทั้งยังนุ๊ม นุ่ม  ยิ้มยิ้ม

แต่….

เบาะนุ่มๆ  ที่ผ่านประสบการณ์มา มันสบายมากในช่วงแรกๆ  พอยิ่งนั่งนานๆ  มันจะเริ่มปวดก้น

แต่โดยรวมมันก็สบายเอามากๆ แล้วหล่ะครับ

แถมสเต็ปเบาะคนซ้อน มันกลับสูงไปหน่อย  คนซ้อนจะนั่งสูงไปหน่อย  เวลาขี่เร็วๆ  คนซ้อนจะเสียวเป็นพิเศษ มากกว่ารถที่เบาะคนขี่คนซ้อนอยู่ในระดับใกล้ๆกัน  ( อันนี้คนซ้อนเค้าว่างั้น )

ป.ล. นี้อาจจะเป็นรีวิวที่รถเละที่สุด ภาพไม่สวยที่สดุ ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

สำรวจเรือนไมล์ สภาพเละๆ  หลังจากวิ่งจาก กทม มาได้ 1,000 กว่าโล

เอาคร่าวๆ มีทุกๆ อย่างครบครัน เพิ่มเติมขึ้นมาจากรถทั่วๆ ไป ก็เป็น

หน้าจอแสดง ระดับของ Traction control ซึ่งมี 3 ระดับ ยิ้มยิ้ม

และ

Power Mode แบบ 100% และ 75% พร้อมทั้งลดระดับความคมในการตอบสนองคันเร่งลงเล็กน้อย

เครื่องยนต์

กับเจ้าเครื่องยนต์ 4 สูบ 16 วาล์ว จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีด ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาด 1,043cc

มาพร้อมกับเกียร์ 6 Speed ตบท้ายด้วย   “Slipper Clutch” ประหลาดใจประหลาดใจ

สัมผัสแรกที่สตาร์ทเครื่อง ยนต์ขึ้นมา  สิ่งที่ต้องตกใจคือ    “ความเงียบ”

ทั้งท่อ ทั้งเครื่อง เงียบมว๊ากกกกก   ก็ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะขนาดเจ้า ZX10R เอง ยังเป็นรถ Super Bike Class 1000 ที่เงียบที่สุดในมวลหมู่ Super Bike เลย

นับประสาอะไรกับเจ้า Versys ที่จะ Super Quiet บ้างไม่ได้

ตบเกียร์ พร้อมด้วยความคาดหวังว่ามันจะดัง  “ปั๊กกกก”  ดังๆ ซักครั้ง  มันก็ดังนะ แต่มันเบาเสียเหลือเกิน

ฟีลลิ่งคลัทช์และเกียร์  เข้าง่าย และ เบาแรงเอามว๊ากๆ   ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผมประทับใจรถ Kawasaki มาเสมอ ในเรื่องคลัทช์และ เกียร์ ( ในแง่การเข้าง่าย ลื่นไหล เบาแรง )

บิดคันเร่งเคลื่อนตัวออกไป  ตัวรถเคลื่อนตัวออกโดยง่าย  สมูธ นุ่มนวล เงียบ จุ๊บๆจุ๊บๆจุ๊บๆ

ระบบจ่ายน้ำมันทำงานได้ไม่ขาดตก บกพร่อง  ไม่มีจังหวะกระชากยามเปิด/ปิดคันเร่งให้ต้องรำคาญใจแต่อย่างใด

ยามกระแทกคันเร่งเข้าไป ระบบจ่ายน้ำมันตอบสนองได้ “คม” “ติดมือ” พอสมควร เยี่ยมเยี่ยม

ในแง่การตอบสนองของแรงบิด

เจ้าเครื่องยนต์ 1043cc บล๊อคนี้  จุดเด่นของเราคือ  “แรงบิด” ที่มาตั้งแต่  “รอบต่ำ” ไล่ไปยันกลางและสูง

ผิดกับ 4 สูบ ( เรียง )  โดยทั่วไป ที่ต้องไล่ไปรอบสูงๆ หน่อย แรงบิดจะมาเต็ม  ( อาทิ เช่น Yamaha FZ1 )

แน่นอน สิ่งที่ได้มา  คือ สิ่งที่ต้องแลกไป

Top end ของเจ้าเครื่องบล๊อคนี้ มันมิได้ จี๊ดจ๊าดด ดุดัน เหมือนกับ 4 สูบเรียง 1000cc รุ่นอื่นๆ ที่เคยได้สัมผัส

ผมเองก็รู้สึกได้ ว่า แรงบิดมันเริ่มเหี่ยวลง หลังจาก 8,000 รอบขึ้นไป

นับเป็นเครื่องยนต์ Class พัน ที่ใช้งานได้ง่ายเอามากๆ เครื่องนึงเลยทีเดียว

ถ้าจะให้เทียบกับ Yamaha MT-09 ที่เคยขี่   ( คงพอจะเทียบเปรียบกับ FJ – 09 ได้หน่อยๆ หรือเปล่าครับ แฮ่ๆ )

เจ้าตัวนั้นเหมือนจะให้ Torque ที่หนักจนคุมยากนิดนึง  แถมอัตราเร่งยังพลั่งพรูแบบโหดๆ ( น่าจะเพราะน้ำหนักตัวที่โคตะระเบาด้วย )

ซึ่งถ้า Versys เป็นสีขาว  เจ้า MT-09 คงเป็นดำเลยหล่ะ

อย่างไรก็ดี ผมชอบเครื่องยนต์ที่มี Character แบบ Versys มากกว่า  เพราะมันคุมง่าย ใช้ง่าย  อยากจะทำอะไร ทำได้ง่ายกว่ากันเยอะเลย  เยี่ยมเยี่ยม

ป.ล. ขอยืม Dyno Graph จาก Motorcycle.com นะครับ

 

กับม้า 118 ตัว ( ตาม Spec )

แม้จะไม่จี๊ดจ๊าดเท่า 4 สูบเรียงตัวไหนๆ

แต่ถ้าเทียบกับ V-Strom 1000 แล้ว  นับว่า จี๊ดกว่าพอสมควร

ที่ความเร็วเดินทาง 120-150 นั้น  เป็นไปด้วยความ เรียบ เงียบ นุ่ม ประหนึ่งอยู่บนพรม

รถสามารถไต่ความเร็วขึ้นไปในย่าน 200+ ได้อย่างสบายๆ

ผมเองไม่ได้ลองไปมากกว่านั้น เพราะใจไม่ถึงร้องไห้ร้องไห้

นอกจากแรง และ นุ่มนวลแล้ว ความประหยัดยังดีอีกตะหาก  เมื่อเทียบกับ 2 สูบ V-Twin ของเจ้า V-Strom

กับความประหยัดเฉลี่ย 16 – 19 โลลิตร  ขี่เลี้ยงดีๆ  น้ำมันถัง 21 ลิตร อาจจะไปไปได้เกือบๆ  400 โลทีเดียว

พาเที่ยวเล็กน้อย

พาชมบรรยากาศยามเย็น  “ผาแต้ม” ยิ้มยิ้ม

ยาม เช้าที่ตัวเมือง อุบลราชธานี…

บรรยากาศเย็นสบาย

พาเจ้าชาเย็นสีส้ม มาขี่ร่อนยามเช้า

ณ ทุ่งศรีเมืองเสียหน่อย….

สถาปัตยกรรมนี้คือเทียน หรือว่าอะไร ผมไม่แน่ใจนัก

ย้อน กลับมาที่รถกันต่อ

ส่วนหน้าของรถคือส่วนที่น่าจะดู Sport ที่สุดแล้ว

บังลมคันนี้เป็นของแต่ง แต่รูปทรงก็คล้ายๆ ของเดิม

การปกป้องลมต้องบอกว่า อยู่ในเกณฑ์เยี่ยม  ซึ่งเรื่องนี้ โดยส่วนตัวคิดว่า รถ Kawasaki ทำได้ดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

ะบบเบรค

ด้านหน้ามาพร้อมจานคู่แบบหยักขนาด 310mm ปั๊มเบรคจาก Tokico  แบบ 4 ลูกสูบ  แต่แอบเสียดายที่ไม่ได้เป็นแบบ Radial Mount

ส่วนด้านหลังเป็นจานเบรคขนาด 250mm พร้อมปั๊มเบรคลูกสูบเดี่ยว  ทั้งหมดทั้งมวลมาพร้อม ABS ที่ปิดไม่ได้ ( แอบเสียดายอีกเหมือนกัน )

การบังคับควบคุม

อย่างที่บอกว่า สัมผัสแรกของเจ้า Versys 1000 นั้นขี่ง่ายเอามาก ๆ ทั้งๆ ที่รถออกจะคันยักษ์ ใหญ่โต

เริ่มขี่ออกไปได้สักระยะ ก็พอจะบอกอะไรๆ ได้มากขึ้นไปอีก

เริ่มแรกมาที่ Feeling ของช่วงล่างกันก่อน  ความรู้สึกที่ช่วงล่างชุดนี้ให้ถือว่า ทำได้ดีในย่านความเร็วไม่เกิน 140  แต่ถ้าเกินนั้นไป มันให้ความรู้สึกว่า  “ย้วย” ( กรณีมีคนซ้อนและกล่องหลังอีก 1 กล่อง )  เล็กน้อย โดยเฉพาะด้านหลัง  แม้จะพยายามปรับจูนโดยการปรับ Preload/ Rebound แล้วก็ยังไม่ช่วยอะไรนัก อาจจะเป็นเพราะรถคันนี้เซ็ทช่วงล่างมา ให้เน้นความนุ่มสบายก็เป็นได้

ส่วนด้านหน้า ถือว่า ทำได้ดี ผมยังไม่เจออาการอะไรมากนัก

มาถึงระบบเบรค ถึงแม้ว่าจะได้ได้ดี ( อีกเช่นกัน ) เมื่อเทียบกับ Class 650  แต่เมื่อเทียบกับรถ Adventure Class 1000 ด้วยกันบางคันยังถือว่า ไม่โดดเด่นนักสำหรับเบรคหน้า

แต่ถามว่าเพียงพอไหม ต้องตอบว่า “เกินพอ”   สิ่งที่ขาดไปคงเป็นแค่ “เบรมโบ้ ฟีลลิ่ง” อะไรแบบนั้นล่ะมั๊งครับ 5555

ว่ากันเรื่องยาง    ชุดที่ใส่มากับรถนี้อาจจะมีอายุการใช้งานมาระดับนึงหรืออย่างไร ก็ไม่ทราบได้  ความรู้สึกถึง กริ๊ป  ของยางค่อนข้างน้อยไปหน่อย  ให้ความรู้สึกขาดความมั่นใจเล็กๆ เวลาทางเปียกๆ  แต่เวลาทางแห้งก็ไม่รู้สึกเป็นปัญหาแต่อย่างใด

ความคล่องตัวในการพลิกซ้าย พลิกขวา การเบรค การเข้าโค้ง ถือว่า รับกันดี ไม่มีปัญหา สอบผ่านได้ฉลุย  ส่วนทางตรงอ่ะหรอ มิต้องถาม

นิ่ง แน่น ตามสไตล์รถตัวพันคันใหญ่ยักษ์

โดยสรุปละกันนะครับ ในเรื่องการควบคุมนี้ เว๊ากันซื่อๆ ว่า “ดี” เพียงแต่ว่าอาจจะไม่ “โดดเด่น” เท่านั้นเอง  ยิ้มยิ้ม

ป.ล. คำวิจารณ์นี้บรรทัดฐานคือรถ Class 1000 รุ่นอื่นๆ ซัก 2-3 คันที่พอจะได้ผ่านมือมาบ้างครับ  ถูกผิดอะไรช่วยกันเสริมได้นะครับ  นี้เป็นเพียงความคิดเห็นคนๆ เดียว ผิดถูกประการใดโปรดอภัยด้วย

บทสรุป

ขอรวบรัดตัดจบเลยละกันนะครับ ยิ้มยิ้ม

สำหรับเจ้า Versys 1000  ,   เป็นรถที่ดี เรียบง่าย ใช้งานง่าย รวมถึงความสะดวกสบายในการเดินทางที่เตรียมมาให้ผู้ใช้ได้ครบๆ ( แน่นอน มันคือ Sport Tourer )

ใครมาสายนี้ ลองขี่แล้วน่าจะโดนใจไม่น้อย

แต่สำหรับพวกสายโหด อาจจะไม่โดนใจเท่าไรนัก ในอาการของช่วงล่างและตัวรถบางจังหวะ  ( ย้ำ บางจังหวะ ) ก็คือสามารถขี่แบบ Sport ได้ระดับหนึ่งแต่หนักไปก็ขี่รถ Sport จะดีกว่า

ถ้าให้สรุปเป็นข้อดีและข้อเสีย ก็จะได้ดังนี้

ข้อดี ยิ้มยิ้ม

+ เครื่องยนต์ , ย่านกำลังกว้าง , ใช้งานง่าย, ถือว่าประหยัดน้ำมัน

+ การควบคุมเป็นธรรมชาติ

+ ความสะดวก สบาย , ชุดกระเป๋าติดรถ

+ อากาศพลศาสตร์

+ Traction control , Power Mode

+ เบรคดี

ข้อเสีย เศร้าเศร้า

+ การตอบสนองของช่วงล่างถ้าขี่เร็วๆ

+ อยากให้ยางติดรถหนึบกว่านี้

+ เบรคอยากให้ดีกว่านี้

ขอจบการเขียนเพียงเท่านี้ หวังว่า บทความนี้จะมีประโยชน์แก่เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ บ้าง ไม่มากก็น้อยนะครับ

ยังคงยืนยันว่า เขียนจากความรู้สึกจริงๆ ไม่ได้รับอามิสสินจ้างใดๆ  ดีก็ชม ไม่ดีก็เล่าสู่กันฟังตามจริงครับ

วันนี้ขอลาไปก่อน

ขอบคุณครับ ยิ้มยิ้ม

บทความโดย เตี้ย ล่ำ ดำ แก่