เรื่องเล่าจากหุบเขาวง..ที่ว่ากันว่าเป็นปางอุ๋งสุพรรณบุรี ว่าด้วยสิ่งที่ควรรู้และเตรียมตัวก่อนไปที่นี่
คำเตือน!!! ก่อนรับชมกระทู้นี้ โปรดตรวจสอบว่าอุปกรณ์ของท่านได้เชื่อมต่อ WiFi แล้ว
สวัสดีครับ
ตามที่เวป http://www.suphan.biz/phunamron01.htmได้นำเรื่องราวมาบอกต่อ
พวกเรา มอเตอร์ไซค์พันทิป https://www.facebook.com/motorcycpantip/ และ Just-Ride-It https://www.just-ride-it.com/สนใจเรื่องราวตามนั้นมาก จึงได้มาเกริ่นกับเพื่อนๆ เพื่อนๆก็ให้ความสนใจกันในระดับหนึ่ง
ผ่านไปอีกวัน สมาชิกในห้องบลูก็นำเรื่องราวมาเล่าอีก http://pantip.com/topic/34668872 กระแสตอบรับล้นทะลัก ….ทีนี้อยู่ไม่ได้แล้ววววว กุญแจมอเตอร์ไซค์ในมือสั่นไปหมด
เมื่อวาน(14 ม.ค. 2559) เราจึงออกเดินทางเพื่อค้นหาว่า ดินแดนที่เล่าขานกันนั้น แท้จริงแล้วงดงามเพียงไร…
ออกจากบางบัวทองเมื่อสายๆ ทำธุระกันสักพักใหญ่..ว่าแล้วก็วาร์ปมาแวะเที่ยวหอชมวิวของเมืองสุพรรณจ้า
เข้าไปในลิฟต์เพื่อขึ้นไปชั้น 4
ณ จุดนี้ ความสูงประมาณตึก 25 ชั้น ชมวิวได้รอบเมืองสุพรรณบุรี
เชื่อว่าหลายคนมาถึงต้องควักเหรียญสิบหยอดเจ้านี่ อิอิ
ก่อนหยอด แนะนำให้ดูที่เขาบอกไว้คร่าวๆก่อนนะครับ ว่าอะไรอยู่ทางไหน เพราะ 3 นาทีถ้างมเองนี่แปบเดียวหมดเวลาแล้วล่ะ
โดนกันไปคนละสิบบาท…เรียบร้อยโรงเรียนบรรหาร-แจ่มใส
เห็นอะไรในภาพนี้บ้างครับ
พื้นที่บนชั้นสี่กว้างขวางประมาณนึง
ตรงกลางมีภาพวาดเหตุการณ์สำคัญของประวัติศาสตร์ชาติไทยให้ชม
หลังจากลงบันไดสู่ชั้นสาม ที่เป็นร้านขายของที่ระลึก.. ยาจกอย่างเราก็จ้ำอ้าวไปหน้าลิฟต์เพื่อลงไปชั้นสองอย่างไว
ตอนนั้นประมาณเที่ยง…พยาธิในท้องเริ่มปั่นป่วน ชั้นสองมีอาหาร ขนม เครื่องดื่ม เพื่อระงับเหตุ ราคาก็บวกจากข้างนอกบ้างนิดหน่อย
แว้บ!!!
หลังจากระงับเหตุประท้วงในกระเพาะแล้ว เรามุ่งหน้าผ่านอำเภอดอนเจดีย์ด้วยทางหลวงหมายเลข322 เจอทางหลวงหมายเลข 3264 ก็เลี้ยวซ้ายไปทางสระกระโจมตรงไปเรื่อยๆ เมื่อถึงแยกที่ตัดกับทางหลวงหมายเลข 333 เราเลี้ยวขวามาอีกประมาณ 30 กิโลเมตร และเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 3086 ตามป้ายนี้เลยจ้า
ตรงมาอีกประมาณสิบกิโลเมตร จะถึงบ้านพุน้ำร้อน ให้เลี้ยวขวาตรงป้ายนี้นะจ๊ะ
หรือถ้าเลยป้ายนี้ไปประมาณ 50 เมตร ให้เลี้ยวเข้าไปในโรงเรียนบ้านพุน้ำร้อน ออกประตูหลังโรงเรียน จะทะลุซอยตามป้ายแรกเหมือนกัน
(แต่ถ้าเงอะๆงะๆแถวนั้น ชาวบ้านเห็นก็จะบอกทางให้ แล้วก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า…มาจากในเนตใช่ไหม อิอิ)
ผ่านทางคอนกรีตเข้ามาสักสองกิโลเมตรช่วงนี้วิ่งผ่านชุมชน ขอความกรุณางดใช้ความเร็วนะครับ…หลังจากนี้..ลูกรังล้วนๆไปอีกกว่าสิบกิโลเมตรจ้า
ถ้ามีป้ายบอกเรื่อยๆแหละ วิ่งช้าหน่อย ดูป้ายไปก็จะไม่หลง
วาาาาาาาาาาาาาร์ป ถึงแล้วจ้า!!
ไม่พูดพร่ำทำดนตรีกวีศิลป์ ไปดูมุมต่างๆกัน
ภาพจากแสงตอนบ่ายๆจาก SS Tab S2 บ้าง จาก CANON 700D บ้าง และเพื่อความสมจริง จึงไม่มีการแต่งภาพใดๆทั้งสิ้น
อยากลุยหน่อยก็มุดทางขวาของอ่างเข้าดงนี้
มุมชิลๆบนแพเล็ก (ตอนนี้มีแพเล็กทั้งหมด 5 แพ)
แพใหญ่นอนได้ประมาณสิบคน มีแพเดียว (แพใหญ่อีกแพเป็นครัว)
นักท่องเที่ยวข้ามไปแพใหญ่ได้โดยขึ้นทุ่นแล้ว…ดึงเชือกไป
อย่างที่ทราบกัน…ขณะนี้ที่นี่ไม่มีไฟฟ้า มีตะเกียงน้ำมันก๊าดเพียง 7 ดวงเท่านั้น (ถ้าจำไม่ผิด)
และเช่นกัน ไม่มีคลื่นมือถือของทุกค่าย จะมีก็แต่คลื่นเบาๆบนผิวน้ำยามเมื่อลมพัดเท่านั้น…และน้ำในอ่างเก็บน้ำหุบเขาวง ไม่เหมาะแก่การลงเล่นน้ำนะจ๊ะ เล่นแล้วจะคันจ้า ถ้ามาแพ้กลางป่ากลางดงแบบนี้ กว่าจะออกไปโรงพยาบาลได้นี่ทรมาณนะ…อย่าฝ่าฝืนลงเล่นน้ำล่ะพวกเธอว์
อาคารเอนกประสงค์ และสนามหญ้าสำหรับกางเตนท์ ข้างหลังไกลๆจะเห็นห้องน้ำพร้อมใช้งานสองห้อง และห้องน้ำที่กำลังสร้างอีกสี่ห้อง(จะเสร็จทันใช้ในวันเสาร์ที่ 16 มกราคม 2559 นี้)
รายละเอียดค่าใช้จ่าย
แผนที่คร่าวๆ
กะด้วยสายตา ลานกางเตนท์ที่เดียวของที่นี่ ผมว่าสักยี่สิบเตนท์พร้อมนั่งเล่นหน้าเตนท์ ปิ้งย่าง ชาบู สุกี้ ชาเขียว…ก็เต็มพื้นที่แล้ว โอเคนะ ปัจจุบันนี้…จำกัดแค่ประมาณยี่สิบเตนท์เท่านั้นจ้า
มุมชิลของที่นี่ คือระเบียงไม้ยาวประมาณยี่สิบเมตร พร้อมเก้าอี้ยาวมีม้าพิง ระเบียงนี้หันไปทางทิศตะวันตกจ้า
เลี้ยวมาดูในแพเล็กกันหน่อย
มีชานเรือนสำหรับนั่งเล่น พร้อมทำเก้าอี้ยาวให้พิงไว้ข้างชานทั้งสองด้าน
มองออกข้างชานไป
มองไปในเรือน มีฟูกพร้อมหมอนให้ (เห็นว่ามีมุ้งให้ด้วย) กะด้วยสายตา ในห้องนี้สามคนก็แน่นแล้วล่ะ
ไปสำรวจสันอ่างอีกด้านกันบ้าง จะมีถนนลาดยางเลียบสันอ่าง ยาวประมาณสักสี่ร้อยเมตรเห็นจะได้ รถวิ่งสวนได้สองคันสบาย ดังนั้น ถ้าเลนหนึ่งจอดรถชิดดีๆ อีกเลนก็กางเตนท์ได้ (เจ้าหน้าที่ของชุมชนที่ดูแลก็แจ้งว่าถ้าลานกางเตนท์ที่เป็นสนามหญ้าเต็มก็มากางเตนท์ตรงนี้ได้) กะคร่าวๆได้อีกสักสี่สิบหลัง…เกินกว่านี้แน่นเกิ๊นนนนน
มาสรุปท้ายเรื่อง…กับประเด็นที่ได้สนทนาแลกเปลี่ยนกับเจ้าหน้าที่ของชุมชนหมู่บ้านพุน้ำร้อน ที่รวมตัวกันตั้งกลุ่มมาพัฒนาพื้นที่อ่างเก็บน้ำหุบเขาวงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ผมสัมผัสได้ถึงความตั้งใจจริงที่จะให้จุดนี้เป็นแหล่งพักผ่อนสำหรับผู้ที่นิยมธรรมชาติ แต่ก็ต้องรับความลำบากบางประการได้บ้าง ไม่มีปลั้กไฟให้ชาร์จมือถือ ไม่มีคลื่นโทรศัพท์สำหรับติดต่อสื่อสารหรือสัญญานเชื่อมต่ออินเตอร์เนต
ด้วยสภาพที่กำลังพัฒนา พื้นที่บางแห่งยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ปรับพื้นที่ สิ่งอำนวยความสะดวกจำเป็นพื้นฐานเช่นห้องน้ำก็ยังมีจำกัด น้ำที่ใช้ก็ต้องสูบจากบ่อบาดาล (ขืนสูบจากในอ่างมาใช้ คงได้มีคนคันตายชักกันบ้างล่ะ) แสงสว่างรอบๆที่เตรียมไว้ก็จะมาจากตะเกียงน้ำมันก๊าดเพียงเจ็ดดวงเท่านั้น
อาหารการกิน…ถ้าสั่งจากครัวของที่นี่ หากล่าช้าก็คงต้องใจเย็นๆ เนื่องจากจำนวนพนักงาน(ซึ่งก็ชาวบ้านในชุมชนนั่นแหละ)ยังมีจำกัด จะให้ดีก็เตรียมมากินเองส่วนหนึ่งก็ดี สั่งชาวบ้านเพื่ออุดหนุนก็ควรจะเป็นอะไรที่รอได้โดยไม่โมโหหิวกระโดดกัดคอเพื่อนที่มาด้วยกันเสียก่อน
เครื่องดื่มก็จะมาซุ้มจำหน่ายเครื่องดื่ม…แต่ไม่ทันดูนะว่ามีของมึนเมาขายหรือเปล่า เอาเป็นว่าที่นี่ไม่ใช่อุทยานแห่งชาติ และไม่ได้เป็นพื้นที่ๆราชการมาบริการจัดการ จะเฮฮาปาร์ตี้กัน ก็ขอจำกัดเสียงดังไม่ควรเกินสามทุ่ม หลังจากนั้นก็คุยกันธรรมดายาวๆไปจนเช้าเลยก็ไม่ว่าอะไร แต่ให้คนที่เขาตั้งใจมาพักผ่อนอย่างสงบได้มีพื้นที่บ้าง (ที่เที่ยวกางเตนท์ทั้งดังๆและไม่ดังๆหลายแห่ง บางทีเจอพวกเปลี่ยนที่กินที่ฟังเพลงและส่งเสียงดังสร้างความรำคาญให้นักท่องเที่ยวอื่นๆเขาสรรเสริญบรรพบุรุษ ขอเถอะมีจิตสำนักสาธารณะบ้าง)
เหลาไปจะหาว่า…เฮ้ย คิดมาก คิดไปเองป่าววววว เอาเป็นว่า เพื่อไม่ให้คิดไปเอง จึงได้ปรึกษาถึงข้อดีข้อเสียต่างๆ และขอนำเสนอคลิปวีดีโอต่อไปนี้เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน และจะได้เตรียมตัวมาเที่ยวได้อย่างสนุกและได้รับความสุขจากการเสพธรรมชาติกลับไป..
ด้นกันสดๆ สคริปต์อะไรไม่มีทั้งสิ้น เสื้อผ้าหน้าผมคนคุยก็ไม่ได้เตรียมอะไรมา (ถ้าล่วงรู้ว่าจะต้องมานั่งคุยออกคลิป จะได้ลากพวกที่บุคลิกดีมาออกสื่อแทนผมหน่อย) เมื่อจำเป็นเสียอย่างนี้ ก็รบกวนช่วยทนๆดูไอ่อ้วนดำหัวเถิกนั่งพุงย้อยเหลายาวๆหลายนาทีไปกันนิดนึงนะท่านสมาชิกที่เคารพ
ปิดท้าย การจัดทำคลิปวีดีโอด้านบน หาได้มีเจตนาจะให้ร้ายผู้ใด เพียงต้องการนำเสนอข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน เพื่อประโยชน์สาธารณะในการท่องเที่ยว ทั้งด้วยความเคารพต่อความคาดหวังของนักท่องเที่ยวเอง และด้วยความนับถือต่อเจ้าหน้าที่ดูแลพื้นที่ ที่ล้วนเป็นชาวบ้านในชุมชนพื้นที่ ที่มีเจตนาจะสร้างแหล่งท่องเที่ยวเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของชุมชน และสำคัญที่สุดเป็นการพัฒนาจากชาวบ้านที่หวังจากให้พื้นที่นี้เป็นพื้นที่พักผ่อนเชิงนิเวศน์โดยรบกวนธรรมชาติให้น้อยที่สุด
ขอบคุณที่ติดตามรับชมครับ
บทความโดย สมัญตาชีวบุตร_omega_13