Mini Review รถไม่คุ้มค่า แต่มันจะมาดึง Dark Side ในตัวคุณ… KTM Duke 390
แพงไป ….
ไม่สมราคา…
CC ละพัน…
ต้องใจรักจริง ถึงจะคบกันได้ ….
บลาๆๆๆๆ…… ว่ากันไป …..
มีคนพูดกันมากขึ้น ผมเองก็สงสัยใคร่รู้ ว่ามัน “จริงเหรอ?????”
เมื่ออยากรู้ ต้องลองครับ!!!
ป.ล. หามานานกว่าจะได้ขี่ สำหรับรุ่นนี้ พอดีมีผู้ใจดี ( เพื่อนกันไม่ใช่บริษัทหรือคนทำธุรกิจ ไม่ได้ตังค์ใดๆ นอกจากอยากขี่ ) ให้หยิบยืมมาขี่ 2 วัน ขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
ป.ล.2 ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่เขียนมานี่ ความเห็นผมล้วนๆ ครับ อาจจะมั่วๆ บ้าง ตามประสา ไม่ว่ากันนะครับ
ขี่อยู่คันเดียว อาจมโนไปได้
พอดีได้รับรถ Ninja650 มาอีกคัน กับ CB500 อีกคัน
นี่แหล่ะ ตัวชีวัด!!!!
เอาจริงๆ ตัว Duke 200 กับ Duke 390 ได้ขี่ค่อนข้างบ่อย
แต่จะพูดว่ารู้จักมัน ก็กระดาก มันต้องใช้ชีวิตอยู่กับมันสักหน่อย ถึงจะเขียนออกมาได้
เคยขี่จักรยานไปแถวๆ สุโขทัย
แวะร้านกาแฟนึง เจ้าของร้านแกมี Duke 200
ผมไปด้อมๆ มองๆ อยู่นาน
แกรำคาญหรือไร เลยบอกว่า อยากขี่ ลองได้นะ ผมเลยจัดซะเลย อิอิ นั่นเป็นครั้งแรกๆ ที่ผมได้สัมผัสรถตระกูล Duke อย่างจริงจัง
เอ้า กลับมาๆ โม้ซะเยอะ
ถ้าว่ากันด้วย
รูปลักษณ์
มันเป็นเรื่องปัจเจก บางคนว่า CB500 สวยกว่า บางคนว่า Duke สวยกว่า บางคนว่า Ninja สวย
ว่ากันไป ….
แต่ในสายตาผม KTM ออกแบบรถได้
“หล่อดุดัน เกเรได้ใจ” มาก!!!!
เจ้าคันนี้มันมาพร้อมเฟรมเหล็กแบบ Tabular Space Frame สีส้มจี๊ดดดด ( มันจึงไม่ใช่ Bigbike )
มาพร้อมล้อสีส้มจี๊ดๆ สีแสบสัน….
ประกอบกับช๊อคหน้าแบบ Up Side Down ยี่ห้อ WP อันเท่าบ้านเท่าเมือง แกนขนาด 43mm ( จะใหญ่ไปไหน )
เชื่อมติดอยู่กับเบรคแบบ Radial Mount สมัยใหม่แบบรถ Super Bike ใช้กัน
แถมด้วยสวิงอาร์มหลังอลูมิเนียมหน้าตาประหลาด แต่หล่อไม่เบา
ตบท้ายด้วยช่วงท้ายยกสูงแบบสั้นสุดๆ
โอยเหนื่อย คร่าวๆ แต่ละองค์ประกอบ ค่อนข้างจัดเต็มพอสมควรครับ
โดยสรุป
Duke 390 หล่อ เกเร โดดเด่น สาวเหลียว
Ninja 650 สวย ผมชอบ แต่เริ่มชินตา
CB 500 F เกิดมาเพื่อทำยอดขายและ Functional ในสายตาผม ไม่สวยเอาซะเลย
ยลภายด้านข้างมาคร่าวๆ แล้ว มาดูส่วนบนๆ กันมั่ง
เบาะและสรีระศาสตร์
เอ่อ จะสั้น และ ( ค่อนข้าง ) แข็ง
ผมสูง 178 จะต้องนั่งเยื้องไปด้านหลังจนติดเบาะหลังเลยทีเดียว
หน้าตาถังน้ำมันตอนแรกเหมือนจะเข้ารูป แต่นั่งแล้วก็ไม่ค่อยเปะเท่าไรแฮะ เอาน่ะ พอหนีบถังได้
ตำแหน่งแฮนด์ก็กำลังดี ไม่เอื้มมากไปน้อยไป ไม่สูงไปต่ำไป นั่งได้สบายตามสไตล์รถ Naked
ส่วนคนซ้อน สอบถามมาได้ความว่า เบาะแข็ง แต่ Position ในการนั่งจัดว่าใช้ได้เลย
ส่วนเบาะของม้าญี่ปุ่น มันช่างนุ่มนวล น่านั่งเสียนี่กระไร แถมถังยังใหญ่ หนีบง่าย
สรุป
Duke 390 แข็ง แคบ สั้น ต้องขี่ให้ชิน
Ninja 650 หนา นุ่ม นั่งสบาย ขี่สบาย
CB500F นั่งและขี่บาย
ช่วงหน้า กับกระจกหน้าตาประหลาดๆ ที่ใช้งานไม่ดี แต่ไม่แย่ เอ๊ะยังงัย
เหนือสิ่งอื่นใด ฝาถังน้ำมันเปิดแล้วไม่หลุดออกมาแบบ Honda เว้ยเฮ้ย ดีใจจริงๆ
เรือนไมล์
จะบอกเยอะไปไหน เอาเป็นว่ารถราคาหลักล้านบางคันอายได้เลย
แต่ที่ผมชอบที่สุดคือ Shift light ที่สามารถตั้งได้ว่า จะให้ไฟเตือนให้เราเปลียนเกียร์ที่รอบเท่าไร!!!!
นอกนั้น โดยทั่วๆไป ก็มีเหมือนๆ รถที่มีไมล์ Digital ทั่วไปมี ยกเว้นที่ เพิ่มขึ้นมา
– ความเร็วเลือกได้ ระหว่างกิโลเมตรกับไมล์ ( ประเทศเราใครจะเลือกไมล์หว่า )
– Average speed ( เหมือนไมล์จักรยานเลย )
– ขี่มาแล้วกี่นาที ( นี่ก็เหมือนจักรยาน )
– อัตราการกินน้ำมันพร้อมคำนวณให้ด้วยว่า 100km ใช้ไปกี่ลิตร
– มันบอกด้วยว่าเอาขาตั้งลง
– ไฟบอกเกียร์
– อีกกี่กิโล น้ำมันจะหมด
– อีกกี่กิโลถึงระยะ Service
– ปิดการทำงานของ ABS
มันบอกเยอะจริงๆ พับผ่าเถอะ
แต่เอาจริงๆ ถามว่าชอบแบบไหน
ผมชอบแบบนี้ครับ
ลูกผสม มีเข็มกวาดไปมา ดูง่าย เร้าใจ
สรุป
Duke 390 วัดรอบอ่านยากชะมัด แต่ติดใจ Shift light กะความเยอะ
Ninja 650 อันนี้ผมเอนเอียง ผมชอบไมล์เข็ม !!!! อิอิ
CB 500F Function ทั่วๆไป แต่ครบ แต่ก็งั้นๆ และไม่เร้า
ออกไปขี่กันดีกว่า….
แต๊ก แต๊ก แต๊ก แต๊ก ๆๆๆๆๆๆ
เสียงรอบเดินเบา จากเครื่องยนต์ 370cc สูบเดียว คล้ายๆ อีแต๋น รวมถึงการสั่นระรัว ที่รู้สึกได้ “กระด้างจริง อะไรจริง”
แต่พอเร่งรอบ บิดออกไป ให้ได้รอบซัก 3 พันกว่าขึ้นไป
โอ้ววววววววววววว ……
นุ่มนวล เรียบเนียน ใช้ได้เลย เปลี่ยนจากหน้ามือ เป็นหลัง Teen เลย ว่างั้น ( เหมือนจะเนียนกว่า Ninja 650 เสียด้วยซ้ำ )
เหนือสิ่งอื่นใด
ขี่มันส์สสสสสสสสส มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
อัตราเร่ง 1, 2 มันเหมือนอยากจะยกหน้าได้เรื่อยๆ
รอบที่จัด คลัทช์และเกียร์ที่สมูธ เหมือน Kawasaki Ninja650 ทำให้สับเกียร์และลื่นไหล รวดเร็ว
ในขณะที่ชุดเกียร์ Honda CB500F ก็ยังคงเป็น Honda ที่ขี่มากี่รุ่นๆ ระบบคลัทช์และเกียร์ก็….. ( แต่ความนุ่มนวลและระบบจ่ายน้ำมันชนะเลิศ )
ในด้านความมันส์
Duke 390 > Ninja 650 > CB500
คงต้องขอบคุณน้ำหนักที่เบา + Torque หนักๆ และรอบจัดๆ ของ KTM ที่ทำให้มันขี่ได้มันส์มาก
ส่วน Ninja 650 ด้วยความแรงที่เหนือสุด กระแทกคันเร่งทีก็สนุกอยู่แล้ว ติดที่ว่าน้ำหนักตัว 210 ของมัน ( มากกว่า Duke ถึง 60 กิโล ) ฉุดรั้งความมันส์ให้หดหายไปเยอะ
ส่วน CB500 เราจะหวังอะไรกับความมันส์จากรถ Honda….
ในการความแรง
Ninja650 >> Duke 390 = CB500
Ninja 650 ลอยตัว ไปกับความแรงที่มากกว่า 2 คันที่เหลือ
ส่วน Duke 390 กับ CB500F ดูจะสูสีกันมาก ในอารมณ์ที่ต่างกัน
ด้วยอัตราเร่ง 0-100 พอๆ กัน ( แถวๆ 5 วิ ) Top Speed ก็แถวๆ 170-175 ใกล้เคียงกัน
แต่ตามความรู้สึก CB500 น่าจะกินฝุ่น Duke อยู่นิดๆ ในตอนออกตัว แต่พอ 130 – 140 UP CB น่าจะขึ้นได้อยู่ แต่ก็น่าจะหนีไม่ออก
ความร้อน
CB500 << Ninja 650 = Duke 390
ขี่ในเมือง เจ้า Duke มันร้อนเอาเรื่องทีเดียว พอๆ กับ Ninja 650 เลย ในขณะที่ CB500 นี่สบายๆ มาก แทบไม่รู้สึกถึงความร้อนเลย
ความประหยัด
CB500 > Duke 390 > Ninja 650
ข้อนี้ผมจับคร่าวๆ นะครับ สำหรับผม CB เฉลี่ยๆ ก็ 25 โลลิตร Duke ก็ราวๆ นั้น แต่ติดว่าต้องเติมน้ำมัน Octane 95 ในขณะที่ CB เติม 91 ได้ ทำให้ค่าน้ำมัน Duke อาจจะต้องจ่ายมากกว่า
ส่วน Ninja ก็ 20 โลลิตร =___=’
ความนุ่มนวล
CB500 >> Ninja 650 > Duke 390
เครื่องยนต์ Honda รุ่นนี้มันโค ตะ ระ นุ่มนวล และ โค ตะ ระ สมูธ จริงๆ บางจังหวะมันสมูธกว่า 4 สูบเก่าๆ อีกเสียด้วยซ้ำ
ในขณะที่ Ninja 650 ก็รู้ๆ กันอยู่ แต่ก็ยังนุ่มกว่า Duke ( ยกเว้นว่า Duke เร่งเครื่องไปเกิน 3000 แล้วจะเริ่มสูสีกันแล้ว บางจังหวะเหมือน Duke จะดีกว่า แต่ผมมะโนไปเองหรือเปล่า 1 สูบมันจะนุ่มกว่า 2 สูบเชียวหรอ ให้ Ninja ชนะไปละกัน )
สรุป
ดีคนละแบบ เลือกในแบบที่คุณชอบ
Duke 390 ร้อน แรง มันส์ รอบจัด คลัทช์และเกียร์เยี่ยม ประหยัดพอได้
CB 500 F นุ่มนวล ส่งกำลังได้เรียบเนียน สมูธ ประหยัด
Ninja 650 Torque Torque และ Torque คลัทช์และเกียร์ก็เยี่ยม แต่ร้อนและไม่สมูธเท่าไร
ชุดหน้า
จัดเต็มด้วยช๊อคแบบ Up Side Down จาก WP แกน 43mm
ปั๊มเบรคแบบ 4 ลูกสูบ ( ในขณะที่คันอื่น แค่ 2 ลูกสูบ ) แถมยังเป็นแบบ Radial Mount แบบรถสมรรถนะสูงๆ ราคาเกิน 4.35 แสนขึ้นไป
จั่วยี่ห้อ Bybre ( ออกแบบโดย Brembo )
จานเบรคขนาด 300mm มาพร้อมกับเบรค ABS Bosch 9MP
แบบปิดได้ !!!!!
พอๆๆๆๆ นั่นมันแค่ Spec ไม่ได้บอกว่ามันจะดีหรือไม่ดี
ด้วยความที่น้ำหนักตัวเบาหวิว ( 150kg ) แต่เบรค Spec ดีเกินหน้าเกินตาคู่แข่ง มาพร้อมกับช๊อคหน้าที่ Set up ได้ลงตัว
พร้อมกับการส่ง Feeling ไปยังก้านเบรคแบบพอดีๆ ทำให้มันเหนือกว่า CB500 แบบไม่ต้องสงสัย หรือแม้แต่ 650 เองก็ด้วย ถึงจะเป็นจานคู่
แต่น้ำหนักตัวที่หนักอึ้งของมัน กับฟีลลิ่งที่ไม่ค่อยดีเท่าไร ผมว่า Duke ยังเหนือกว่า
และด้วยความที่มัน “ปิดได้” ทำให้มันทำอะไรได้อีกเยอะะะะะะะ ในเชิงสตั๊นท์
จุดนี้เอาคะแนนไปเลย
Duke 390 เยียม ฟีลลิ่งดี ABS ปิดได้ ช๊อคหน้าหล่อๆ ( และดีด้วย ) เอาอะไรอีก
CB 500F ไม่มีอะไรโดดเด่นใน Spec แต่กลับทำงานได้ดีเยี่ยม
Ninja 650 เบรคจานคู่ น่าผิดหวังนิดหน่อย แต่ยังดีอยู่
ชุดหลัง
ประกอบไปด้วยสวิงอาร์มอลูมิเนียมหล่อๆ ท่อออกใต้แบบเก๋ๆ ให้เสียงเร้าๆ แม้จะเดิมๆ มาพร้อมกับช๊อคหลังแข็งๆ ของ WP ที่ไม่ค่อยซับเท่าไร ต้องซ้อน 2 ถึงจะลงตัว
ถ้าใช้งานในชีวิตประจำวันจะ Stiff เกินไปหน่อย แต่ถ้าใครสายตื้ด ชอบช่วงล่างเฟิร์ม ๆ Stiff ดีๆ เกาะๆ หน่อย น่าจะชอบ
แต่ผมสายอ่อน ชอบช่วงล่าง กลางๆ นุ่มๆ กลางๆ แบบ CB500 และ Ninja 650 มากกว่า
แต่เอาน่ะ ให้อภัย ด้วยยางติดรถ Metzler Sportec M5 ที่หนึบไว้ใจได้ดีมากกว่า ยางติดรถของ CB500 และ Ninja 650
ส่วนเบรคหลังก็คล้ายๆ กันทั้ง 3 คัน
สรุป
Duke 390 ยอดเยี่ยมทุกส่วน ยกเว้นช๊อคหลังที่ไม่ค่อยซับ ถ้าได้ YSS สักต้นน่าจะ Work
Ninja 650 ผมว่าลงตัวดี
CB 500F ช๊อคหลังนุ่มสบาย ลงตัวมาก แต่สวิงอาร์และท่อ ดูโบราณ
ป.ล. รูปยืมมาครับ พอดีผมถ่ายไว้ไม่ดีเท่าไร
Feeling การขับขี่
ด้วยน้ำหนัก 150 kg( CB500F 192kg , Ninja 650 210kg )
มันเบาเหมือนขี่รถเล็ก ( รู้สึกเบากว่า PCX150 เสียอีก ) ทั้งมุด ทั้งเลี้ยว วงแคบ ไม่ต่างจากรถเล็ก
พูดง่ายๆ มันคือ KSR 400 นั่นเอง
มันโคตรรรรรรเหมาะสำหรับเป็นรถใช้ในเมือง
ในขณะที่นอกเมือง ด้วยเกียร์ 6 ทีทดมาเพื่อรอบต่ำ ทำให้เดินทางด้วยความเร็ว 120-130 สบายๆ ( แต่ลมตี ) โดย Top Speed อยู่ที่ 170 km/h
ในขณะที่ทางเถื่อน ไปได้พอควร เพราะเบาะที่เตี้ย น้ำหนักที่โคตะระเบา ใต้ท้องที่สูง 165mm ถ้าได้เปลี่ยน ช๊อคหลังให้นุ่มนวลกว่านี้ และ
ยาง Scorpian Trail สักชุด
รับรองว่า ลุยมัน ( Metzler Sportec M5 มันเหมาะกับลุยสนามมากกว่ามั๊ง ในเมืองก็น่าจะหมดเร็วไปหน่อยด้วยซ้ำ เพราะยางนิ่มเหมือนกัน )
หรือจะเอาไปมันส์ในสนามสตั๊นท์ ก็ยิ่งเหมาะ เพราะมันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ( มั๊ง ) ยกหน้าแค่กระแทกคันเร่ง
ยกท้าย ก็ง่ายดายเพราะท้ายเบา จะสไลด์ท้ายก็ทำได้ เพราะ ABS ปิดได้ เบิร์นยางก็ไม่ยากเพราะ Torque ต้นดี
ในสนาม ต้องเป็นสนามโกคาร์ทหล่ะ สั้นๆ หน่อย โค้งเป็นชุดๆ หน่อย
ส่วนนิยามของมันหรอ 2 ข้อละกัน
– One For All คันเดียว เปรี้ยวทุกงาน
– ปลุก Dark Side ในตัวคุณ เพราะมันขี่ได้มันส์สสสสสสสหยด เหลือเกิน ขี่แล้วจะเกรียนไม่รู้ตัว ในรถราคาไม่เกิน 400,000 ในท้องตลาดขณะนี้ คิดไม่ออกว่าจะมีคันไหนเหมาะไปกว่านี้อีกแล้ว ( จะมีก็น่าจะเป็น FZ09 ซึ่งแพงขึ้นไปอีก )
สรุป
Duke 390 KSR 400 , One For All , ปลุก Dark Side ในตัวคุณ , เร้า , คล่อง , มันส์
CB 500 F เนิบ นิ่ม พริ้ว ประหยัด
Ninja 650 ท่องเที่ยวสบาย Torque ต้น กลาง ดีมาก นิ่ง หนัก ในความเร็วสูง แถมเข้าโค้งเสถียรมากๆ
สรุปอีกที กล่องมีหลายด้าน จะมองด้านไหนหล่ะครับ ถ้ามองในด้านดีของมัน ก็ได้ 4 ดาวทุ๊ก คันเลย
แพงไป ….
ไม่สมราคา…
CC ละพัน…
ต้องใจรักจริง ถึงจะคบกันได้ ….
สรุปมันจริง ไหม ….
จริง !!!!!
ถ้าคุณซื้อรถเอาไว้ออกเดินทาง Touring อย่างเดียว
จริง !!!!
ถ้าคุณคิดถึงแต่เรื่องจำนวน CC อย่างเดียว ไม่มององค์ประกอบอื่นๆ ร่วมด้วยเลย
จริง!!!!
รถยุโรป ผลิต อินเดีย ราคานำเข้า คิดท่าไหน ก็ไม่คุ้มเท่ารถญี่ปุ่น ประกอบใน
แต่…………. มันจะ
ไม่จริง…. ถ้า
คุณต้องการรถที่ขี่สนุก เร้า มันส์ ภายใต้งบไม่เกิน 350,000 ใช้งานในเมือง ความเร็วไม่เกิน 140 km/h
ไม่จริง …. ถ้า
คุณอยากรถใช้งานในเมืองซักคันที่เล็ก เบา เท่าๆ รถเล็ก แต่อยากได้ความแรงระดับ Big bike ( ไม่จริงได้งัย ไม่มีคันไหนในท้องตลาดที่มีคุณสมบัตินี้ )
ไม่จริง …. ถ้า
คุณต้องการ One For All Motorcycle ต้องยอมจ่าย เพราะไม่มีค่ายไหนให้คุณได้
และ ไม่จริง ..
ถ้ารูปลักษณ์มันโดนใจคุณ และ คุณคิดว่า นางงามจักรวาลในสายตาคุณ ค่าตัวจะถูกกว่า ยายเพิ้งข้างถนนหรือเปล่า ???
ถึงแม้ว่า ยายเพิ้งข้างถนนจะนิสัยดีกว่า ก็เถอะ …..
ซึ่งสรุปง่ายๆ ถ้าคุณเลือกรถเหมาะกับงาน และ ใช้งานมันเต็มความสามารถและจริงจัง มันยังพอเรียกว่า “คุ้ม” ได้ครับ
ถ้าถอยคันนี้ ขี่ให้ผาดโผนไปเลย น่าจะคุ้มนะ 55555
ขอจบการ Review เพียงเท่านี้ ขอบคุณที่รับชมครับ
บทความโดย เตี้ย ล่ำ ดำ แก่