IRON ONE 250 cc. จาก Stallions ม้าไทยพันธุ์ “หลังแข็ง”

IRON ONE 250 cc. จาก Stallions ม้าไทยพันธุ์ “หลังแข็ง”

สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกแล้วนะครับกับนายหัวฟูคนนี้ วันนี้ผมมีรถใหม่จากค่าย stallions มาแนะนำครับ https://www.facebook.com/pages/Power-Stallions-Thailand/
“หลังแข็ง” คำๆนี้สำหรับนักผจญภัยบนสองล้อติดเครื่องทั้งหลายจะนึกภาพตามเช่นไรกันครับ

รถอเมริกัน คันโต เครื่องใหญ่ เสียงดัง ขี่ยาก พยศ ?!?!?!? ฯลฯ

แน่นอนเหลือเกินครับ ผมเองก็วาดภาพรถหลังแข็งเอาไว้ว่า มันต้องเป็นความทรมานบันเทิงแน่ๆ

จนวันนี้ได้มีโอกาสลองสัมผัสด้วยตัวเองจริงๆ

 

     แรกพบสบตา
เอ้ะ ก็ดูคันไม่ใหญ่มากนี่นา เบาะสปริงดึ๋งๆดั๋งๆ น้ำหนักรถไม่มาก ลองคร่อม ลองไถไปไถมา ก็น่าจะพอไหวอยู่นา

วันแรกที่รับรถจาก พุทธมณฆลสายหนึ่ง แถวๆตลาดน้ำแห่งหนึ่ง ที่มีคอกม้ามาเฟียอยู่

นั่นก็คือเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ช่วงหัวค่ำ ผมมีนัดกับพี่ๆที่ร้านนมแถวๆ ศาลเจ้าพ่อเสือ ก็ปุเลงๆไปเลยครับ

ผ่านถนนบรมราชชนนี ปิ่นเกล้า พาต้า อรุณอัมรินทร์ สนามหลวง ราชดำเนิน กับการจราจร จราจลบนถนนกรุงเทพ

ในคืนวันศุกร์ แถมช่วงก่อนจะถึงที่หมายก็มีพื้นถนนเปียกๆ รอรับน้องผมอยู่

ก็เอาเรื่องครับ กับการเรียนรู้แรกของผม ด้านหลังหมวก และด้านหลังเสื้อมีรอยคราบน้ำ ไปเบาๆ

 

เครื่องยนต์ 250cc.บลอคนี้ให้ความรู้สึกถึง รถที่มีช่วงชักยาวกว่าหน้าตัดลูกสูบครับ

ผมรู้สึกว่ามันจะมีแรงดึงดีในช่วงรอบต่ำๆครับ ส่วนรอบกลางๆ นั้นยังพอใช้งานได้

ส่วนรอบสูงออกอาการเหี่ยวอยู่บ้าง อย่าไปใช้บ่อยๆเลยครับ นอกจากว่าพี่ๆท่านผู้อ่านอยากได้ ไวรเบรเตอร์ ไว้บริหารแก้มก้น 555+

ระบายความร้อนด้วยอากาศ หากแต่ ตอนที่ขี่ใช้งาน ทั้งในเมืองรถติดๆ จอดติดเครื่องรอไฟเขียว ผมไม่รู้สึกว่ามันร้อนขา หรือไข่เท่าใดนัก

ความเร็วสูงสุดที่ผมลองทำได้ ช่วงกลางดึกคืนวันเสาร์ รถราเบาบาง บนถนนเส้นหนึ่งที่มีทางตรงยาวประมาณ 10 กิโลเมตร

ผมลองสองแบบครับ รอบแรก จอดรถหยุดนิ่ง เข้าเกียร์ แล้วออกตัวแบบไล่รอบไปจนคิดว่ามันสูงสุดแล้วละ จึงเปลี่ยนเกียร์ รีดรอบไปแบบสุดๆ รันแรกนี้ได้ความเร็วตามหน้าไมล์ที่ 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

รอบสอง ผมวิ่งแบบสบายๆอยู่ที่เกียร์ 5 เกียร์สุดท้าย ความเร็วประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แล้วจึงเปิดคันเร่งสุด แล้วค้างไว้อย่างนั้นเลยครับ ความเร็วค่อยๆไต่ขึ้นไป แบบไม่กระโชกกระชากนัก ครั้งนี้เข็มไปหยุดที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนิดๆครับ

**ต้องขออภัยจริงๆที่มิได้ ทดสอบโดยการอ้างอิงกับค่า GPS หรือรถคันอื่นครับ**

       ขี่ยากมั้ยครับ??

คำถามนี้ผมก็ตั้งไว้ในใจเหมือนกัน จนเมื่อได้ลองไประยะหนึ่ง ก็ตอบได้ครับ

มันก็ไม่ได้ยากจนเกินไป เพราะน้ำหนักตัวไม่ได้มาก และการวางเบาะแบบ Low Ride นั่นทำให้เรารู้สึกว่า “เอาอยู่น่า”

แต่มีที่ต้องระวังอยุ่บ้างก็ตรงน้ำหนักช่วงด้านหน้าครับ ถ้ายังไม่ชินอาจจะมีเหวอๆ บ้างตอนเลี้ยวความเร็วต่ำๆครับ

ฟิลลิ่งการเข้าโค้ง ไม่ยากอย่างที่คิดครับ ใช้การเคาเตอร์ช่วยให้เข้าโค้งความเร็วต่ำง่ายขึ้น. ส่วนถ้าเป็นการเข้าโค้งความเร็วปกติ ก็เอียงตัวดึงน้ำหนักเข้าไปในโค้งได้เลยครับ

ทางตรงหากพื้นผิวถนนเรียบ ก็จะให้ความรู้สึกหนักแน่น ผมลองปล่อยมือสองข้างที่ช่วงความเร็วหกสิบ รถก็ยังวิ่งตรงไปได้ปกติครับ

หากเพิ่มความเร็วขึ้นไปถึง 90-100 จะเจออาการสั่นๆสะท้านที่เบาะและที่แฮนด์ครับ

ส่วนช่วงความเร็วที่เริ่มสูงขึ้นมา คุณต้องมั่นใจนะครับ ว่าถนนที่กำลังวิ่งคุณคุ้นเคยดี มีหลุม มีเนิน มีฝาท่อตรงไหนบ้าง
เพราะถ้าวิ่งมาเร็วๆ แล้วตกหลุมนี่บอกได้สั้นๆเลยแค่ว่า “จุกฮะ”

 

รายละเอียดบนตัวรถกันบ้างครับ

ฝาถังน้ำมันแบบบิดปุ้บ เปิดปั้บ อ่ะเข้าใจว่าอยากคลาสสิค แต่แบบว่า บางทีผมก็รู้สึกว่าอยากให้ เสียบกุญแจก่อนเปิดสักนิดมั้ยครับ อันนี้เป็นเรื่องของรสนิยมล้วนๆ คนชอบว่าดีก็น่าจะมี

ถังน้ำมันมีความจุ 8.7 ลิตร

 

เรือนไมล์ คลาสสิค ขนาดกะทัดรัด บอกความเร็วเป็นกิโลเมตร และเป็น ไมล์ ต่อชั่วโมง
มีทริปรวม ไฟบอกเกียร์ ไฟเตือนไฟเลี้ยว ไฟเตือนไฟสูง

กับเรือนไมล์ชุดนี้ เข็มไมล์จะกวาดค่อนข้างช้า ซึ่งผมคิดว่า เพราะการเอาสายไมล์ไปวัดที่ดุมล้อหน้า ซึ่งวงล้อมีขนาดถึง 21 นิ้ว นี่แหละครับ

 

ประกับซ้าย มีสวิชดิฟไฟ pass  ไฟต่ำ สูง ไฟเลี้ยว แตร ด้านขวาสุดเป็นโชคไว้ช่วยติดเครื่องกรณีเครื่องเย็น

ประกับขวา มีปั๊มเบรคลูกเบ้อเร่อ สวิชออฟ รัน  ตรงกลางคือปุ่มเปิดไฟฉุกเฉิน ด้านล่างสุดคือ ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (ต้องกำคลัชก่อนนะครับ)

 

กรองเปลือย และคาร์บูเรเตอร์ หลายๆท่านถามว่าเวลาขี่ เวลาเข็น ชนต้นขามั้ย? ไม่ชนครับ ผมหล่อ เอ้ยย ไม่ใช่ คือทางคนคิดและออกแบบเค้าคงขบปัญหานี้มาแล้ว ว่ามันต้องไม่ชน และไม่ควรชน

แต่ที่ผมกังวลคือหากขี่ไปเจอฝนหนักๆ หรือ มีความจำเป็นต้องจอดตากฝน จะมีปัญหาหรือไม่

ตลอดสองวันที่รถคันนี้อยู่กับผม มีแต่เจอฝนหยอมแหยม ก็เลยไม่ได้ทดสอบจุดนี้ให้ ต้องขอโทษด้วยครับ

(ฝากถึงสตาเลี่ยนส์ ถ้าให้ดีทำกล่องกรองอากาศให้มิดชิดกว่านี้ เป็นตัวเลือก ออฟชั่นแต่ง น่าจะดีครับ คงอุ่นใจขึ้นมากโข)

 

ท่อไอเสียทรงสวย เสียงพอได้
ทรงท่อไอเสีย ผมให้ผ่านเลยครับ ในความเห็นส่วนตัวนี่คืองามมากก

ส่วนสุ้มเสียงที่ส่งออกมา ก็ถือว่าใช้ได้ครับ ไม่ได้เงียบ หรือดังจนเกินไป

คือถ้าวิ่งคลอคันเร่งรักษารอบต่ำๆไป มันก็ถือว่าไม่เสียงดังละ

แต่ถ้าเดินคันเร่ง เพิ่มรอบ มันก็คำรามออกมาใช้ได้อยู่เหมือนกัน

 


ขนาดยางหน้า หลังครับ

 

จานเบรคหน้า ควงคู่มากับปั๊มเบรคสองพอร์ต และสายถักหุ้มพลาสติคใส

เบรคหน้าชุดนี้ผมค่อนข้างชอบนะ ความรู้สึกคือมันเอาอยู่ละ ทำงานร่วมกับชอคอัพหน้า เทเลสโคปิก ได้อย่างดี

ความรู้สึกตอนเหนี่ยวคันเบรคหน้า มีทั้งลองกดหนักๆ ค่อยๆแตะ ผลคืออยู่ครับ มันหน่วงความเร็วลงมาได้ดีเลย

 

ชุดเบรคหลัง มากับปั๊มสองพอร์ต กับสายถักเหมือนกัน

แต่ปัญหามาอยู่อิตรงเบรคหลังนี่ละครับ มันออกจะทื่อๆหน่อย ผู้ที่ได้ทดลองขี่บอกเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า

เบรคหลังไม่ค่อยอยู่ ระยะฟรีเบรคประมาณหนึ่งนิ้ว เหยียบไปแล้วยังนิ่ง ไม่รู้สึกว่ารถถูกหน่วงความเร็วลงเท่าไหร่

แต่หากตื้บเพิ่มน้ำหนักลงไป ล้อหลังจะเริ่มล๊อคละครับ

อันนี้อาจจะเป็นปัญหาเฉพาะคันหรือไม่ ขอโปรดผู้จำหน่าย ผู้ประกอบ ลองทดสอบและแก้ไขดูครับ อาจจะเป็นที่การปรับระยะฟรี น่าจะแก้ไขได้ไม่ยาก

 


โคมไฟหน้า รวมชุดไฟหรี่ ไฟสูงต่ำ และแน่นอน โครเมี่ยมสวยงามเช่นกัน การส่องแสง ถือว่าโอเคครับ ไม่สว่างแยงตา และไม่หน้ามืดแน่ๆ

 

สปริงเบาะ ถัดลงมาด้านล่างคือสวิชกุญแจ และล่างสุดคือกล่องแบตเตอรี่ ชุบโครเมี่ยมมาดูเข้าทีดีครับ

ด้านท้ายมองดูเพรียวๆ กระจกมองข้าง และแฮนด์ อันนี้ช่างพอดีเป๊ะ กับกระจกข้างรถเก๋งทั่วไปครับ จะมุดเข้าช่องโปรดใช้ความระมัดระวังครับ

 





   บทสรุป
ถึงเป็นช่วงเวลาสั้นๆที่ทำให้ได้รู้จักรถเพิ่มขึ้นอีกประเภท จากที่ตอนเด็กๆ เคยเห็นแต่ในนิตยสาร

รถคันนี้น่าจะเหมาะกับ จิ๊กโก๋ เท่ห์ๆเซอร์ๆ หรือใครสักคนที่ไม่ชอบความเรียบง่ายนัก

ตลอดระยะเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน ขี่ออกไปไหนๆ ก็จะมีคำถาม และสายตาเชิงคำถามว่า รถอะไร ราคาเท่าไหร่ แพงมั้ย แรงมั้ย ขี่ยากมั้ย หนักมั้ย ร้อนมั้ย แต่งมาใช่มั้ย

ซึ่งในประเทศเรานี้ นับได้ว่า สตาเลี่ยนเป็นเจ้าแรกจริงๆครับ ที่ทำรถเดิมๆ ออกมาได้เหมือนรถ คัสตอม ขนาดนี้

หลายๆชิ้นส่วนอาจจะต้องเกลาเพิ่มบ้าง แต่นี่คือรถประเภทที่คนขี่หรือผู้ใช้งาน ต้องการความแปลก แหวกแนว ซึ่งไปเดินดูในบูทที่งานมอเตอร์โชว์แล้ว

บอกได้เลยว่าแต่ละคันที่สำนักแต่งเอาไปเกลาเพิ่ม ไม่ธรรมดาทีเดียวครับ

 

 

Big Thx.

Power Stallions Thailand เอื้อเฟื้อรถทดสอบ

Joe Scanner กับหลายภาพสวยๆยามค่ำคืน

ทีมงานทุกๆท่านที่ร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมหัวความคิด ด้วยกันจนเกิดเป็นรีวิวในแต่ละครั้ง

คุณแฟนที่รัก ที่เข้าใจให้ผมไปร่อนคนเดียวในช่วงสองสามวันมานี้ เพราะรถมันนั่งได้คนเดียว 555+

คราวหน้าจะมีรถอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ น่าสนใจมาให้อ่านกันอีก โปรดติดตามครับ

เช่นเดิมนะครับ ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน

รีวิวนี้โปรดใช้วิจารณญาณส่วนตัวในการพิจารณารับข้อมูลเบื้องต้นซึ่งเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้รีวิว ทางทีมงาน
มิได้มีส่วนได้ ส่วนเสีย กับยอดขายของรถค่ายใดๆ ที่นำมารีวิวทั้งสิ้น  ดีเราบอกดี ไม่ดีเราก็บอกไม่ดี นะจ๊ะ