….เปิดตำนานบังลมสปอร์ต จาก Spark 135 ถึง Exciter 150 …

….เปิดตำนานบังลมสปอร์ต จาก Spark 135 ถึง Exciter 150 …

กระทู้นี้ ขอเป็นกระทู้สั้นๆ  เนื่องจากผมได้ Yamaha Exciter 150

จาก Yamaha มาทดสอบ อมยิ้ม01อมยิ้ม01

ครั้นจะเอา Review มาให้เชยชม ก็จะเป็นการเอามะพร้าวห้าวมาขายสวน ( เพราะ Review ของเจ้า Exciter มีมากมายเหลือเกิน )

ผมก็จะขอเขียนบทความนี้ ใน ฐานะ  แฟนคลับของ Spark 135  ที่ได้มีโอกาสมาขี่ ทายาทคันใหม่ล่าสุดของ Yamaha

Exciter 150

และด้วยความที่ผมเป็นแฟนรถบังลมมาตลอด

โดยเฉพาะ บังลมสปอร์ต จากค่ายส้อมเสียง

ผมจึงอยากจะขอเวิ่นเว้อประวัติของ เจ้ารถรุ่นนี้ กันสักเล็กๆ น้อยๆ

คงไม่รำคาญกันนะครับ ^^ …

นับตั้งแต่การพยายามออกแบบ   รถแม่บ้านที่พิเศษ

กว่ารถแม่บ้านรุ่นอื่นๆ  เมื่อ 12-13 กว่าปีที่แล้ว

วิศวกรชาวญี่ปุ่นของ Yamaha  พยายามที่จะเฟ้นหา Design ของรถบนพื้นฐาน

Performal    ( Performance + Formal )

หรือแปลเป็นไทย

ก็คือ  สมรรถนะที่แฝงอยู่ในความธรรมดา ๆ ของรถแม่บ้านบังลมนี่แหล่ะ

ขี่ได้ทุกๆ วัน  แต่เมื่อใดที่ต้องการสมรรถนะจากมันขึ้นมา  มันให้ได้..ประหลาดใจประหลาดใจ

มันเป็นความยากในเชิงวิศวกรรม

ที่จะ Design รถที่มีทั้งความธรรมดาของรถบังลม และ สมรรถนะให้ไปด้วยกัน

โจทย์แรกคือ ตัวเฟรม ที่ยังต้องเป็นรถแม่บ้าน  มีพื้นที่ใช้สอย

และยังต้องมีพื้นที่เหลือพอที่จะใส่ เครื่องยนต์ตัวใหม่

ซึ่งแน่นอน ใหญ่กว่าปกติ เพราะเป็นครั้งแรก ที่ค่ายส้อมเสียงตัดสินใจใส่หม้อน้ำให้กับรถแม่บ้าน

พร้อมกับเครื่องยนต์แบบเอียงทำมุม 44 องศา และ design ถังน้ำมันให้เลื่อนเข้ามาใกล้ใต้เบาะคนขับ ( แทนที่จะไว้ใต้เบาะคนซ้อน เหมือนรถแม่บ้านทั่วๆไป )

ทั้งนี้ก็เพื่อหวังผลในเรื่องการวางมวลรวมทั้งหมดของรถให้ใกล้ศูนย์กลางมากที่ สุด  ซึ่งจะส่งผลในเรื่อง Handling การควบคุมรถ

มากไปกว่านั้น ช๊อคหลังถูกตัดสินใจแหวกแนวแม่บ้าน โดยการใส่ช๊อคเดี่ยวมาให้  เพื่อให้สมรรถนะใกล้เคียงรถสปอร์ตมากขึ้น
( ถ้าผมจำไม่ผิด เจ้า SP135 อาจจะเป็นแม่บ้านบังลมคันที่ 2 ต่อจาก Honda Smile ที่เลือกใช้ช๊อคเดี่ยว )

แต่แน่นอน ทั้งหมดทั้งมวลล้วนทำลายพื้นที่ใช้สอยใต้เบาะ ( U-Box )  และคอนโซลกลางก็สูงขึ้น ( คุณผู้หญิงใส่กระโปรงอาจจะลำบากในการขึ้นรถมากขึ้น )

ทำงัยได้ ได้อย่างก็เสียอย่าง ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้

นอกจากนั้น  เฟรมนอกจากจะต้องเบาแล้ว ( หนักไปแม่บ้านคงไม่ขี่ )  และยังต้องแข็งแรงพอจะรองรับความแรงของเครื่องยนต์ใหม่ด้วย

ยากขึ้นไปอีก  มันยังต้องให้ แฮนด์ลิ่ง ในแบบที่เรียกว่า   ยามาฮ่าแฮนด์ลิ่ง

ที่ขี่แล้ว ต้องให้ความรู้สึกได้ ว่า นี่แหล่ะ รถของ Yamaha ประหลาดใจประหลาดใจ

โอ้ยย ข้อจำกัดมากมายขนาดนี้  แค่คิดก็ยากแล้ว

อีกความยากและหิน

กับเครื่องยนต์ของเจ้า SP135 ที่มาพร้อมกับโจทย์

ใช้งานได้ง่าย แรงบิดดี ในรอบต่ำและกลาง  แต่ต้องพร้อมให้ สมรรถนะเมื่อยามต้องการใช้รอบสูง!!!!

ไอ้ย่ะ !!!ประหลาดใจประหลาดใจ

โจทย์โหดมาก

ดั่งที่เราก็รู้ๆ กันอยู่  ว่าเครื่องยนต์แม่บ้านบังลม cc น้อยๆ นี้

ถ้าจะเอากำลัง/แรงบิดรอบ ต้น  ปลายก็เหี่ยว!!

ถ้าเครื่องยนต์ไหน ทำมาเพื่อรอบสูง   ต้นก็ห่วย แรงบิดก็น้อย !!!

นี่จะเอาทั้ง ต้น กลาง ปลาย ทำงัยหล่ะ

ในเมื่อเป็นโจทย์หิน  สิ่งที่วิศวกร เปลืองเวลามากที่สุดกับเจ้าเครื่องยนต์ตัวนี้คือ   การคำนวณหา

ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก

ที่ลงตัว  ลองกันหลายสูตร ทดสอบกันหลาย ตลบกว่าจะได้

ในที่สุด  หวยก็ออกที่

54.0 x 58.7

กับปริมาตร 134cc

ตามด้วยวาล์วดุกดิ๊ก 4 ตัว

นับเป็นเครื่องยนต์ที่มี Spec ครึ่งๆ กลางๆ ประหลาดๆ

ชักยาว ( ให้แรงบิดดีในรอบต่ำ ) แต่วาล์ว ดัน 4 ตัว   ( ช่วยเสริมสมรรถนะรอบสูง )   ความคุมด้วยแคมเดี่ยว SOHC  ( เพื่อให้หัวลูกสูบเล็ก )

ปริมาตรกระบอกสูบก็ประหลาด 134cc ไม่เคยมีมาก่อน

เสริมทัพด้วยกระบอกสูบไดอะซิล แล้วก็ ลูกสูบฟอร์จ  แถมท้ายด้วยหม้อน้ำ

ตามมาด้วยเกียร์วน 4 เกียร์  ไม่ทิ้งความเป็นแม่บ้าน หัวเราะหัวเราะ

สุดท้าย  จึงได้เครื่องยนต์ที่

ย่านกำลังกว้าง ตั้งแต่รอบต่ำยัน สูง  ใช้งานง่าย และ ใช้ได้เมื่อยามอยากแรง   เงียบ  ทน เชื่อขนมกินได้ !!!!

ถ้าถามคนอื่น จะยังงัย กับเครื่องยนต์ตัวนี้ผมไม่รู้

แต่ผมรู้ว่า ผมโคตรชอบเครื่องยนต์ตัวนี้ เลย !!!!จุ๊บๆจุ๊บๆ

ป.ล. 1  ใครที่เป็นแฟนรถแม่บ้านบังลม คงจะทราบว่า รถแม่บ้านส่วนใหญ่เลือกใช้งาน เครื่องยนต์หม้อลม วางนอน 125cc ชักยาว 2 วาล์ว นะครับ

เนื่องจากเครื่องยนต์แบบนี้ ทั้งราคาถูก ให้สมรรถนะในรอบต่ำได้ดี แถมประหยัดพื้นที่ได้มากด้วย )

หลังจาก Yamaha ปล่อยเจ้า Spark 135 ขายในปี 2005

และผมก็ได้โคจรมาพบกับ เจ้า Spark 135 Limited Edition รุ่นปี 2006

ที่สุดท้าย เราก็มาเป็นคู่หูตุนาหงันกันและกัน  เพราะผมชอบเครื่องยนต์ที่มีย่านกำลังที่ กว้างและเงียบ

และ handling ที่ขี่แล้วแตกต่าง ไม่เหมือนรถแม่บ้านทั่วไปของมัน

ออกทริปและกันจนรู้จักนิสัยใจคอกันดี

และทริปใหญ่ที่สุดของเจ้า Spark135 ของผม ( นามว่า เจ้าน้ำเงิน )  คือวิ่งร่วมทริปไปกับรถก๊วนรถใหญ่ สู่ยอดเขาหิมะในเขตปกครองตนเองชนชาติทิเบต ตี๋ชิ่ง

ป.ล. ผมชักไม่แน่ใจว่า สำหรับรีวิว Exciter จะเรียกรีวิวได้ไหม เพราะผมนี่ ติ่ง Yamaha ที่โคตรลำเอียงเลยครับ หัวเราะหัวเราะหัวเราะ

ผ่านไป 10 ปี

จากปี 2005 สู่ 2015

ทายาทบังลมสปอร์ตตัวถังมา ก็ถือกำเนิดขึ้น

และเปลี่ยนชื่อเป็น Exciter 150  แทนชื่อเดิม

เป็นอันปิดตำนาน Spark 135 ตลอดกาล ( หรือเปล่า )

อัน ที่จริง ยังมีอีกรุ่นหนึ่ง  เป็น Version Sport จ๋าขึ้นมาหน่อยในตระกูล 135

นามว่า X1R  จุ๊บๆจุ๊บๆจุ๊บๆ

รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ผมชอบที่สุด ชอบมากกว่า Spark135 อีก เพราะว่า เบรคดีกว่า ( ดิสค์เบรคหน้าหลัง หน้าแบบ 2 ลูกสูบ )

ยางใหญ่กว่าเข้าโค้งมันส์กว่า ( หน้า 70/90 หลัง 80/90 )

ระบบเกียร์แบบรถผู้ชายใช้สนุกกว่า

และรูปแบบ Hand ที่สปอร์ตจ๋ามากกว่า เลยเข้าโค้งได้สนุกกว่า

ตอนนั้นผมมีทั้ง Spark135 และ X1R   สุดท้ายต้องเลือก 1 คันเพราะมันใกล้เคียงกัน  ก็ต้องเลือก Spark135 ไว้เพราะว่าผูกพันธ์มากกว่า ทั้งที่ใจจริงอยากจะเลือก X1R ร้องไห้ร้องไห้

ป.ล. เอาจริงๆ แล้ว Exciter 150 ผมคิดว่าน่าจะต่อยอดมาจาก X1R มากกว่า เพราะมีอะไรคล้ายกันมากกว่า ยกเว้นเรื่องตำแหน่ง ไฟหน้าอย่างเดียว

ในปี 2008  Yamaha ได้ปล่อย Spark 135 i ซึงเป็นรถครอบครัวหัวฉีดคันที่ 2 ของประเทศไทย ต่อจาก

Honda Wave 125i

ซึ่งช่วยเพิ่มความประหยัดน้ำมันมากขึ้น  จ่ายน้ำมันได้สมบูรณ์มากขึ้น

โดยรวมนับว่าดีขึ้น สมบูรณ์ขึ้นมากกว่า ตัวคาร์บูเรเตอร์ในยุคแรกครับ

ป.ล. รุ่นหัวฉีดนี้ขายในประเทศไทยเท่านั้น

และได้รับการปรับนู่นนิด นี่หน่อย มาเรื่อยๆ นับจากปี 2008 จนกระทั่งรุ่นสุดท้ายในปี 2014

ป.ล. 2  ขออนุญาติเจ้าของรถด้วยครับ  เห็นว่าน่ารักดี  จุ๊บๆจุ๊บๆ

จริงๆ ตระกูล 135 มีการปรับปรุงขนานใหญ่กันในปี 2011

แต่ Model นี้ไม่ได้ขายในบ้านเรา ( เดาว่าน่าจะเพราะยังเป็นคาร์บูเรเตอร์อยู่  )

หลักๆ เลยก็คือ

เปลี่ยนระบบเกียร์เป็นแบบ 5 Speed , เพิ่มขนาดคาร์บูเรเตอร์,ขยายขนาดของยาง, เบรครวมถึงเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอก

ตอนนั้นผมอิจฉาประเทศเพื่อนบ้านเรามาก เพราะตัวนี้สวยเอามากๆ เลย หัวใจหัวใจหัวใจ

เอาล่ะ เล่าอดีตมาก็มาก  มาสู่ปัจจุบันกันดีกว่า

ทริปนี้เราเลือก เดินทางไปสวนผึ้งครับ

เพราะแถวๆนั้นพอจะมีภูเขาให้เราได้ทดสอบ Handling รถกันในทางโค้ง

หลังจากผ่านการทดสอบในเมืองมาแล้ว

ว่า ด้วยเรื่องของเครื่องยนต์  ถูกเพิ่มขนาดเป็น 150cc

ด้วยแนวคิดที่ต้องการให้รู้สึกได้ถึงพลังแบบชัดเจนกว่าที่เคยได้รับจากรุ่น 135

รวมถึง ปรับปรุงในหลายๆ จุดเพิ่มเติม

ความรู้สึกหลังจากเริ่มสัมผัสรถรุ่นนี้ คือ

Torque ในรอบต่ำเพิ่มขึ้นชัดเจน  รู้สึกได้ตั้งแต่ 2,000รอบ เลย   บิดติดมือมากขึ้น

อัตราทดเกียร์ชิดกันมากขึ้น  จากเดิม 4 เกียร์ เป็น 5 เกียร์  เร่งสนุกขึ้นพอควรเยี่ยมเยี่ยมเยี่ยม

มา ดู Spec คร่าวๆ กันหน่อย

ขอเทียบกับรถ 150-200cc ที่ผมเคยขับขี่มา ( และราคาใกล้เคียงกัน )

เท่าที่ลองขับขี่มา Exciter เป็นรถที่ให้ความรู้สึกถึงแรงบิดได้มากที่สุดใน 5 คันนี้ ( อาจจะค้าน Spec )  ตั้งแต่ต้น กลาง ยันปลายเลยครับ

แถมเครื่องยนต์ยังใช้งานได้ง่ายที่สุด และ สมูธตั้งแต่ต้นยันปลายเลยครับ  แต่เพดานรอบก็ยังห่างไกลกับพวกลูกโต ชักสั้น 4 วาล์วอยู่ครับ

ส่วน Lifan KPR 150 ตามสเป็คนั้นดูดี แต่พอขี่จริงๆ แล้วรู้สึกว่า ตัวเลขแรงบิดไม่น่าจะสูงไปกว่า Exciter ได้เลย ( เอาจริงๆ ตอนขี่กับ SP135 เจ้า 135 ยังดึงกว่าอีก )

ส่วนรอบจี๋ดๆ ต้องยกให้ CBR150 และ Raider 150 เขาละครับ

ป.ล. ที่ Highlight ไว้ให้คือค่าที่ดีที่สุดในแต่ละ Topic

ออก เดินทางกันก่อนดีกว่า

การทดสอบในครั้งนี้ ทุกตัวเลขอ้างอิงจาก Condition ดังนี้นะครับ

คนขี่หนัก 78 กิโลกรัม  คนซ้อนหนัก 46 กิโลกรัม กระเป๋า +

สัมภาระประมาณ 15 กิโลกรัม( เต้นท์ ที่รองนอน ผ้าห่ม 2 ผืน หมอน 2 ใบ เสื้อผ้า 4 ชุด  Notebook ขนาด 10 นิ้ว  กล้อง พร้อมเลนส์ 3 ตัว  อัดๆ อยู่ในกระเป๋านั่นแหละ )

รวมน้ำหนักทั้งหมดประมาณ 140 กิโลกรัม

ลำบากพอสมควรกับเจ้า Exciter เพราะว่า แผงคอนโซลตรงกลางของมันสูงเหลือเกิน  ไม่เหมือน Spark 135 ที่ไม่สูง วางกระเป๋าได้สบายๆ ร้องไห้ร้องไห้

ป.ล. ทุกๆ การทดสอบของผม จะอ้างอิงจาก  การขี่รถเที่ยว  แล้วมาเล่าสู่กันฟังนะครับ ไม่ได้เป็นสายเก่ง ยกหน้ายกหลัง เข่าเช็ดพื้น มีรูปเท่ห์ๆ สวยๆ ( เอาจริงๆ ทำไม่เป็น )

ถือว่า เป็นการเล่าสู่กับฟังจาก User บ้านๆ พื้นๆ ธรรมดาๆ นะครับ  บางทีฟังจากโปร เราก็ทำแบบโปรไม่ได้อยู่ดี จริงมะ  แฮ่ๆ หัวเราะหัวเราะ

ปลาย ทางคือ สวนผึ้ง

วิ่งอ้อมไปเข้าทางบ้านคา  ไปหาทางโค้งกันหน่อยครับ

สลับ ไปขี่ Spark 135 เป็นระยะๆ เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นกันจะๆไปเลย

เสียดาย ไม่มี รุ่นหัวฉีด และ X1R มาด้วย

เนื่องจากหลายๆ คนว่างไม่ตรงกัน

ผ่าน ในเมือง ทางโค้ง ทางตรง ช้า เร็ว หมดปลอก

มาได้เกือบๆ 300 กิโลเมตรโดยรวม

ผมพอจะพูดได้ว่า  เริ่มรู้จักมันบ้างแล้วครับ

เหลากันเลยดีกว่า เพื่อไม่เสียเวลา  หัวเราะหัวเราะ

เครื่องยนต์

สรุปง่ายๆ เลย  ทั้งแรงขึ้น และ ประหยัดขึ้น( จากตัวคาร์บูของผม )

อัตราเร่งที่ต่อเนื่องจาก Torque ที่เพิ่มขึ้นมา และ เกียร์ 5 Speedแบบ Sport ทำให้ขับขี่ได้สนุกขึ้นแบบมีนัยยะ

ลองอัดเต็มๆ  ซ้อนสองผมทำความเร็วได้ประมาณ 119 กม/ชม  ตามไมล์ ( ที่รอบเกิน 8,500 มานิดหน่อย ถ้าจำไม่ผิด ) แบบไม่ หมอบ ไม่วิ่งตามรถยนต์ ทางราบ

วัด GPS ได้ประมาณ 110 ครับ  ไม่ได้รอไหล ( ไม่ค่อยมีทางยาวๆ รถน้อยๆ ให้ลองเลย )

ถ้ามีทางยาวๆ ผมว่าน่าจะได้ซัก 122-125

ถ้าขี่คนเดียว ตามถนนหลายๆ เลน ได้ลมส่งจากรถยนต์ และ หมอบร่วมด้วย มี 130 ตามไมล์แน่นอนครับ

ความเร็วเดินทางเอาแบบกำลังดีก็ 110-115 ครับ  นับว่าเป็นรถที่ทำความเร็วได้ ดีเลยทีเดียว

ส่วนอัตราสิ้นเปลือง ตามภาพด้านล่าง เติมน้ำมันไปทั้งหมด 4 ถัง แต่ลืมวัดไปถังนึง  และถังสุดท้ายกะๆ เอา

วิ่งจาก บ้านโป่ง เข้า กทม รถเยอะแต่ไหลไปเรื่อยๆ  110 กม  น้ำมันลดไปแค่ ประมาณ 2 ใน 5 ของเกจวัด อัตราสิ้นเปลืองน่าจะอยู่ราวๆ 55-60 กม/ลิตรนี่แหล่ะ ประหลาดใจประหลาดใจ

แต่ไม่ได้เติมคืนเข้าไป เพราะว่า เอารถไปคืน Yamaha แล้วครับ เลยกะๆ เอานะ ( คงไม่ว่ากันนะครับ )

อัน นี้เอาใจไปเลย  9 เต็ม 10  จุ๊บๆจุ๊บๆจุ๊บๆ

การควบคุม

ช่วงล่างด้านหลังเซทมาพอดีๆ  บวกกับยางที่ใหญ่ ให้ความมั่นคงในโค้งและเทได้ลึกกว่ารุ่นเดิมแบบเห็นได้ชัดเจน

ส่วนด้านหน้า ยางที่ให้มาอาจจะเล็กไปสักนิด ( 70/90 – 17 ) สำหรับการขับขี่แบบสปอร์ต แต่ก็ได้ในเรื่องการควบคุมในเมืองแทน ( ยางใหญ่เลี้ยวยากนะเออ หนักนิดๆ )

ช่วงล่างด้านหน้าระยะยุบให้มาน้อยไปหน่อย หากเจอหลุมเหรือเบรคหนักๆ มีอาการกระแทกอยู่เรื่อยๆ

สอบถามกับทาง Yamaha ได้ความว่า อาจจะเกิดจากกระบวนการผลิตซึ่งใช้ Timer ในการเติมน้ำมันลงกระบอกช๊อค ยังคาลิเบทไม่เป๊ะเท่าที่ควร

ทำให้รถบางคันอาจจะมีปริมาณน้ำมันช๊อค หน้าไม่ตรงตาม spec สามารถเข้ารับการแก้ไขได้ที่ศูนย์ Yamaha

ในเรื่องของเบรค  ที่ให้มา มีการเพิ่มขนาดของจานเบรคขึ้นจากตัว Spark 135  คาลิเปอร์และผ้าเบรคเดียวกัน แต่กลับเบรคได้ทื่อกว่า อันนี้สอบถามทาง Yamaha ไปแล้ว รอคำตอบอีกทีครับ  เพราะมันค้านสายตาเอามากๆ  จะบอกว่าระบบเบรคกำลังใหม่อยู่ ( รถเพิ่งวิ่งได้พันกิโล )  เจ้า SP135 ผมก็เพิ่งเปลี่ยนชุดเบรคมาทั้งชุดได้พันกว่าโลพอดี ก็เสมอกันละ

ช่วงล่างหลัง เอาคะแนนไปเลย 9 เต็ม 10

ด้านหน้าให้ 7 เต็ม 10 พอ

เบรค ให้ 7 เต็ม 10

อุปกรณ์,เรือนไมล์

ยอมรับว่า ทำออกมาได้ดี ขาดไปเรื่องเดียวคือ  เรือนไมล์ไม่มีนาฬิกา แค่นั้น

และที่ผมชอบเอามากๆ อีกอย่างนึง คือ  กระจกมองหลัง   ชัดเจน แจ่มแจ้ง

เอาไปเลย 8 เต็ม 10  ยิ้มยิ้ม

มืดค่ำ เย็นย่ำ แล้วขี่รถชิลๆ หาไรกินดีกว่า

รูปทรง,ความสวยงาม

สำหรับรูปทรงของเจ้า Exciter สวยหรือไม่สวย  มันเป็นเรื่องของปัจเจกครับ

แต่สำหรับผม ที่เป็นติ่ง Yamaha

เจ้า Exciter ยังคงออกแบบได้เฉียบคม มีวิญญาณของ Yamaha อยู่เต็มเปี่ยม

ไม่หลงก็บ้าแล้ว 555

ผมให้คะแนน 9 เต็ม 10 เลย

ว่าแต่ไฟหน้าก็ยังไม่ค่อยสว่างเท่าไรเหมือนเดิมนะ หัวเราะหัวเราะ

วันต่อมา ฝนเทลงมาตลอดวัน

มาสำรวจตัวรถกันหน่อยดีกว่า

ว่ากันด้วยเรื่อง

เบาะนั่ง

ยอมรับว่า แว๊บแรก เห็นแล้วปวดตับ  มันทั้งแคบ และ แข็ง กว่า Spark 135 มากๆ

แต่สำหรับผู้ขับขี่  พอเอาเข้าจริงๆ  มันเข้ารูป กระชับ สบาย ไม่ลื่น จุ๊บๆจุ๊บๆ

เรียกได้ว่า  ชอบเลย   เดี๋ยวผมต้องเอา Spark 135 ไปปาดเบาะให้ ได้รูปแบบ Exciter บ้างแล้ว

แต่คนซ้อนไม่ผิดไปจากที่คาด ว่ามันน่าจะแย่  และมันก็แย่จริงๆ แย่แย่

คนซ้อนบ่นอุบ  มันทั้งแคบ ทั้งแข็ง และสั้น

แต่ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากความตั้งใจของ Yamaha เองที่ตั้งใจออกแบบให้เบาะมีความสปอร์ตแบบค่อนข้างเต็มตัว

เท่านั้นยังไม่พอ  พักเท้ายังไม่มียางหุ้มอีก ทั้งลื่นและเล็กเกินไป  คนซ้อนกล่าวไว้ว่า

นึกว่าวางเท้าบนตะเกียบ

อีกเรื่องนึงคือ เรื่องการบังลม  เนื่องจาก Exciter ออกแบบให้ตัวรถค่อนข้างเล็ก กระชับ ดูเหมือนว่า การบังลมเวลาวิ่งทางไกล

จะยังสู้เจ้า Spark 135 ของผมไม่ได้นะ

ให้เวลารถ แล้ว ไม่ลืมให้เวลาคน

กางเต้นท์ นอนฟังเสียงฝน ได้กลิ่นไอดิน

นี่แหล่ะครับ ที่ถวิลหา

ป.ล. ขอบคุณไร่ขวัญแก้ว สำหรับที่พักแบบส่วนตัวสุดๆ ด้วยครับ แถมยังเลี้ยงข้าวต้มอีก จุ๊บๆจุ๊บๆ